Mercedes-Benz-A-200-AMG-Dynamic

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัว “The new Mercedes-Benz A-Class” เจเนอเรชันที่ 4 รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับ Young Generation ที่จะเข้ามาเติมเต็ม Port Folio ของรถยนต์ในกลุ่ม Compact Car ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นำเสนอในรุ่น Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ต และโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วยดีไซน์ภายนอก และภายในที่ได้รับการออกแบบใหม่ มีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด พร้อมให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นจากเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 1.3 ลิตร ที่มีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำ และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ซึ่งถือเป็นคอมแพ็คคาร์ที่มีกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรถยนต์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน

พร้อมยกระดับความสะดวกสบายขณะขับขี่ด้วย “MBUX” หรือ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยูสเซอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Mercedes-Benz User Experience) ระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งใน The new A-Class เป็นรุ่นแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพ็คคาร์ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic นำเสนอในราคา 2,490,000 บาท

“เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำเสนอรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ครั้งแรกจากการเปิดตัว Mercedes-Benz A-Class ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อปี 2540 นับเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่รถยนต์ตระกูล A-Class ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในกลุ่ม Compact Car ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก”

Mercedes-Benz-A200-AMG-Dynamic

ดีไซน์ภายนอก ของ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic นั้น สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity โดยจะเน้นความเรียบง่าย และให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร้อนแรง และน่าดึงดูดใจ

ด้วยโครงสร้างภายนอกแบบ AMG ฝากระจังหน้าแบบ Diamond Radiator Grille ตัวรถมาพร้อมเส้นสายข้างตัวรถแบบ Catwalk นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance เพรียวบาง และกรอบเคลือบโครเมี่ยมที่ทำงานร่วมกับไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง

Mercedes-Benz-A200-AMG-Dynamic

ดีไซน์ภายใน ภายในห้องโดยสารสไตล์สปอร์ตแบบ AMG โดยมีพื้นที่ว่างช่วงไหล่ ข้อศอก และเหนือศีรษะมากกว่ารถยนต์ประเภทเดียวกัน รวมไปถึงการออกแบบห้องโดยสาร ตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย พร้อมห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร

พวงมาลัยของรถยนต์รุ่นนี้ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง nappa เพื่อเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO / DINAMICA microfibre ทั้งหมด โดยเบาะที่นั่งด้านคนขับ มาพร้อมหน่วยความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40

Mercedes-Benz-A200-AMG-Dynamic

รูปลักษณ์ของแผงหน้าปัดมีความล้ำสมัย มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้ว ต่อกัน 2 หน้าจอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ใช้ในรถยนต์ Compact Car

โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ส่วนช่องลมของครื่อง ปรับอากาศนั้นได้รับการออกแบบโดยใช้กังหัน (Turbine) เป็นต้นแบบ

นอกจากนั้น ส่วนล่างของคอนโซลกลาง ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายปีกที่ดูแบนราบ และไร้รอยต่อ โดยมีระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า อีกทั้งยังสามารถผสมสีสันต่างๆ เพิ่มเป็นสีพิเศษ ได้อีก 10 สี

Mercedes-Benz-A200-AMG-Dynamic

Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย! เช่น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) ที่ได้รับพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยสามารถลดความเสียหาย หรือป้องกันการชนกับรถคันหน้าที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า กำลังชะลอหรือแม้แต่รถที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้รถเฉี่ยวชนกับผู้ที่ข้ามถนนหรือผู้ใช้จักรยานได้เช่นกัน

อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของรถยนต์ Compact Car ของ Mercedes-Benz ที่มาพร้อมกับระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking package with reversing camera)

นอกจากนั้น ยังมีเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์ของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ คือบริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่จะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดอย่างระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience เป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์

Mercedes-Benz-A200-AMG-Dynamic

โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันโดดเด่นมากมาย ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ

  • Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน เซ็นเซอร์ ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
  • Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของ Mercedes me connect ได้
  • Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นฯให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ได้
  • Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
  • Remote Engine Start ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น
  • Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว

Mercedes-Benz-A200-AMG-Dynamic

สำหรับระบบ MBUX นั้น รองรับการสั่งการผ่านจุดสำคัญ 2 จุด คือ หน้าจอ Widescreen ระบบสัมผัส (หน้าจอส่วนอินโฟเทนเมนต์) และ Touchpad ที่อยู่ตรงคอนโซลกลาง ระบบนี้มีจุดเด่น อยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ที่สามารถจดจำความต้องการของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยระบบนี้ มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ

  • Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และแผนที่ที่แสดงผลแบบสามมิติ (3D) ด้วยกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR ในการนำทางโดยผู้ใช้สามารถหาจุดหมายที่ต้องการได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอ นอกจากนั้นยังสามารถรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
  • Personal profiles ที่จะจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ ทั้งลักษณะของการปรับเบาะ ที่นั่ง สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ โดยระบบนี้สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ได้ถึง 22 โปรไฟล์
  • Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (Natural Speech Recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”

Mercedes-Benz-A200-AMG-Dynamic

และยังเป็นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมรุ่นแรกในตลาด ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก เพียง 1,332 ซีซี แต่ให้แรงม้าสูงสุดถึง 163 แรงม้า ซึ่งถือเป็น Compact Car ที่มีแรงม้ามากที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 รอบ/นาที และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.2 ลิตร/100 กม. อีกด้วย

สำหรับใครที่อยากขายรถกับทาง Carro ก็สามารถขายด่วนๆ ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

New-Car-In-BIG-Motor-Sale-2019

งานมหกรรมยานยนต์ เพื่อขายแห่งชาติ (Bangkok International Grand Motor Sale) หรือ BIG Motor Sale 2019 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 25 สิงหาคม 2562 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดย ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ในแนวคิด “เปิดโลกยานยนต์สรรสร้าง”

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน BIG Motor Sale 2019 โดยในเดือนสิงหาคม บริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันหลายค่าย Carro ขอแนะนำให้ได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

1. Toyota Sienta

Toyota-Sienta-2019

Toyota Sienta (โตโยต้า เซียนต้า) เพิ่งไปตัวไปสดๆ ร้อนๆ ในเดือนนี้ ปรับปรุงใหม่ภายใต้แนวคิด “คลิก ให้ชีวิตสุดชิค” ให้มีความทันสมัย (Chic) และง่ายต่อการใช้งานแค่เพียงสัมผัส (Click) ดีไซน์ภายนอกปรับกระจังหน้า กันชนหน้าใหม่ มีไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED พร้อมสีใหม่ Citrus Mica Metallic

ส่วนภายใน เบาะหนังและวัสดุกึ่งสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายส้ม แผงข้างประตูดีไซน์ใหม่ ติดตั้งจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว ใหม่ พร้อมฟังก์ชัน T-Link พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา 4 จุดรอบคัน และกล้องบันทึกภาพ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ในราคา 765,000 – 875,000 บาท

2. Toyota Majesty

All-New-Toyota-Majesty

Toyota Majesty (โตโยต้า มาเจสตี้) รถตู้สุดหรูจากค่ายโตโยต้า ที่จะมาแทนรุ่น Ventury โดยเตรียมขายเป็นครั้งแรกในงาน BIG Motor Sale 2019 นี้ ใช้พื้นฐานเดียวกับ Hiace และ Commuter โฉมใหม่ อัดแน่นออพชั่นเต็มพิกัด

ขุมพลังเป็นแบบรหัส 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร VG Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในราคาเท่าไหร่ โปรดติดตาม …

3. Mitsubishi Pajero Sport

New-Mitsubishi-Pajero-Sport-2019

Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต) รถ SUV หรือที่เรียกกันว่ารถ PPV ยอดฮิตในบ้านเรา เปิดตัวไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกในโลกที่ไทย ปรับชุดไฟหน้า กระจังหน้า กันชนหน้า และไฟท้าย ใหม่ และปรับปรุงภายในใหม่ อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ระบบส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)

มาพร้อมเครื่องยนต์ MIVEC Turbo Diesel ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2WD GT, 2WD GT Premium และ 4WD GT Premium ในราคา 1,299,000 – 1,599,000 บาท

4. Suzuki Carry

All-New-Suzuki-Carry-2019

Suzuki Carry (ซูซูกิ แครี่) โฉมใหม่หมดจด ขวัญใจชาวฟู้ดทรัค ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดซะที หลังจากที่ขายรุ่นเดิมมาอย่างยาวนานถึงสิบปีกว่า ครั้งนี้ด้านหน้ารถออกแบบเป็นตัดหน้าตรง เหมือนรถตู้ กระบะหลังเปิดได้ 3 ด้าน และสามารถบรรทุกได้มากถึง 1 ตัน! พร้อมการออกแบบห้องโดยสารภายในใหม่ เน้นที่เก็บของเต็มพิกัด!

มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส K15B-C ขนาด 1.5 ลิตร 95 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด บนระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนราคาโปรดติดตามได้ในงาน BIG Motor Sale 2019 นี้!

5. Mercedes-Benz A-Class

Mercedes-Benz-A-Class-Sedan

Mercedes-Benz A-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาส) ใหม่! มาไทยแน่นอน พร้อมเปิดตัวในวันที่ 22 สิงหาคม นี้ ในชื่อ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic ซึ่งภายในมีฟังก์ชั่นเด่นๆ อย่าง หน้าจอคู่ Dual Screen Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว จำนวน 2 จอ, ระบบควบคุม Multimedia “MBUX”, หรือช่องแอร์เรืองแสง illuminated Air Vents แบบ Turbine เป็นต้น

ในเวอร์ชั่นอาจมาพร้อมขุมพลังขนาด 1.3 ลิตร Turbo 163 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ในราคาที่ยังไม่เป็นที่เปิดเผย

6. Audi TT

Audi-TT

Audi TT (ออดี้ ทีที) ยนตรกรรมสปอร์ตตระกูล TT ที่ได้รับความนิยมและตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องจากทั่วโลก เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ทาง Audi ได้เปิดตัว Audi TT สเปคไทย ทีเดียว 3 รุ่น คือ The New Audi TT Roadster, Audi TTS Coupé และ Audi TT Coupé ใหม่

มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร Turbo 230 แรงม้า และ 286 แรงม้า ในรุ่น TTS Coupé ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 สปีด และยังเพิ่มความมั่นใจด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ quattro เอกลักษณ์ของ Audi สามารถทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ในราคา 3,299,000 – 4,699,000  บาท

7. Peugeot 3008 & 5008

Peugeot-3008

Peugeot 3008 & 5008 (เปอโยต์ 3008 และ 5008) เป็นรถแบบ SUV 5 ที่นั่ง ขนาด Compact ส่วนรุ่น 5008 จะเป็นแบบ 7 ที่นั่ง ที่ออกแบบมาได้อย่างล้ำสมัย ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ มีอุปกรณ์เด่นๆ อาทิ เบาะหนังแท้, ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone, หน้าปัดแสดงผลแบบดิจิตอลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น

ส่วนเครื่องยนต์ของเวอร์ชั่นไทย คาดว่าแบบเดียวกับที่จำหน่ายที่มาเลเซีย แบบเบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร Twin Scroll Turbo High Pressure (THP) ให้กำลังสูงสุด 165-167 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Paddle Shifts ที่พวงมาลัย และโหมดการขับขี่ที่ปรับได้ 5 รูปแบบ

ซึ่งราคาของ 3008 เริ่มต้นที่ 1,549,000 ล้านบาท และรุ่น 7 ที่นั่งอย่าง 5008 เริ่มต้น 1,749,000 บาท พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม.

8. MG Extender

MG-Extender

MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) ครั้งแรกของ MG ที่เปิดตัวรถกระบะ เตรียมชิมลางสมรภูมิรถกระบะอันดุเดือดครั้งแรกในไทย ใน Concept “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” โดยมาพร้อมการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT Dynamic ตัวถังขนาดใหญ่ ระบบความปลอดภัยครบครัน และระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ครั้งแรกของโลกในรถกระบะ

มาพร้อมเครื่องยนต์ Diesel Commonrail Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ระบบช่วงล่างแบบ European Tuning Suspension พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครัน รวมทั้งยังเป็นรถกระบะที่มาพร้อมระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ มี 9 รุ่นย่อย ครอบคลุมทั้งแบบกระบะตอนครึ่ง (Giant Cab) และแบบ 4 ประตู (Double Cab) ในราคา 549,000 – 1,029,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถใหม่ในงาน BIG Motor Sale 2019 แต่ยังไม่รู้ว่าว่าจะขายรถคันเดิมที่ไหนดี ที่ได้ราคาที่ดีที่สุด … ให้ Carro เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ

10-Very-Old-Bangkok-Bus

รถเมล์ไทย แก่แต่เก๋า ที่คุณต้องทึ่ง ว่ายังมีวิ่งอยู่อีกหรือ!

รู้หรือไม่ รถเมล์ไทยเก่าที่สุดในตอนนี้ มีอายุการใช้งานมาแล้วกี่ปี?

ปัญหาของรถเมล์ไทยในปัจจุบัน ถ้าจะยกขึ้นมาพูดคุยกันแล้ว ก็คงยาวจนไม่รู้จักจบในหนึ่งชั่วโมง (เพราะมันมากจริงๆ) ตั้งแต่การบริการ ปัญหาการจราจร สภาพของตัวรถที่เก่ามาก การจัดการที่ล้าหลัง เดี๋ยวก็ขอปรับขึ้นราคา แล้วขู่จะประท้วงหยุดวิ่งบ้างล่ะ ฯลฯ

ในอดีต เมื่อ ขสมก. ปลดระวางรถเมล์ของตัวเองแล้ว มักจะบริจาคให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปใช้งานต่อ แต่รถเมล์อีกส่วนหนึ่ง ก็ขายให้กับกลุ่มรถร่วมบริการ เพื่อเอาไปปรับปรุงสภาพใหม่ แล้วกลับมาวิ่งรับ-ส่ง ผู้โดยสารอีกครั้ง (พอหลังจากปี 2546 ขสมก. จึงไม่สามารถทำแบบนี้ได้อีกต่อไป เนื่องจากทางขนส่งฯ ไม่รับจดทะเบียนรถปลดระวางให้เป็นรถเมล์โดยสารแล้ว) ซึ่งรถเมล์เหล่านี้ ยังมีวิ่งในกรุงเทพฯ มากพอสมควร …

ถ้าเบื่อรอรถเมล์แล้ว อยากซื้อรถใหม่ แต่มีงบไม่พอ หรือต้องการขายรถเก่าออกแบบไวที่สุด ได้เงินเร็วที่สุด เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ ก็ให้ CARRO เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ “ขายรถกับ CARRO Express ง่ายๆ ได้ราคาดี” หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “CARRO Thailand” ครับผม

MR.CARRO ขอรวบรวม 10 รถเมล์ไทยที่เก่าที่สุด (เท่าที่ยังมีเห็น และสังเกตได้จากรูปทรงตัวถังรถ) ซึ่งยังมีวิ่งรับใช้คนเดินทางในปัจจุบัน มียี่ห้อใดรุ่นไหนบ้าง เผื่อคุณสนใจจะไปยืนรอดูตัวเป็นๆ กันครับ.

Hino-BX320

ภาพจาก Dick van der Spek / Jack Klongtoey

1. Hino BX320 (ปี 2521 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Hino BX320 (ฮีโน่ บีเอ็กซ์ 320) รุ่นแรก ที่ทาง ขสมก. จัดหามาใช้ในปี 2521 จำนวน 1,000 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 1001 – 2000 จนกระทั่งปลดระวางไปในปี 2535 ซึ่งในตอนนี้ ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย แต่ก็ดัดแปลงหรือยกตัวถังใหม่ลงบนแชสซีส์เกือบหมด จนแทบหาเค้าเดิมไม่เจอแล้ว ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 113 เป็นต้น

Mercedes-Benz-O302

ภาพจาก Fukuda Tokuji

2. Mercedes-Benz O302 (ปี 2521 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Mercedes-Benz O302 (เมอร์เซเดส-เบนซ์ โอ302) รุ่นแรก ที่ทาง ขสมก. จัดหามาใช้ในปี 2521 จำนวน 500 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 3001 – 3800 และในปี 2524 ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 30101 – 30300 จำนวน 200 คัน จนกระทั่งปลดระวางไปในปี 2535 ซึ่งในตอนนี้ ทราบว่ายังมีเหลืออยู่ แต่ถูกแปลงหรือยกตัวถังใหม่ลงบนแชสซีส์เดิมหมด จนไม่สามารถค้นหาเคล้าเดิมได้แล้ว ว่าอยู่ในสายไหนกันแน่

Isuzu-TX

ภาพจาก Busphoto

3. Isuzu TX (ปี 2521 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Isuzu TX (อีซูซุ ทีเอ็กซ์) เป็นอีซูซุรุ่น 9 เมตร ที่ทาง ขสมก. จัดหามาใช้ในปี 2521 จำนวน 500 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 2001 – 2500 ปลดระวางไปในปี 2535

ในตอนนี้ ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการ กับรถเมล์ในต่างจังหวัด แต่ถือว่าหาได้ยากแล้ว เท่าที่เห็น มีเพียงสาย 356 ของ บริษัท สหายยนต์ จำกัด และสาย 370 ของบริษัท สหบางบัวทองขนส่ง จำกัด ที่ยังมีรุ่นนี้ใช้อยู่

Hino-BX340

ภาพจาก Dick van der Spek / Alexander Chan

4. Hino BX340 (ปี 2523 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Hino BX340 (ฮีโน่ บีเอ็กซ์ 340) เป็นฮีโน่รุ่น 10 เมตร ที่ทาง ขสมก. จัดหามาใช้ในปี 2523 – 2524 จำนวน 500 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 10101 – 10600 ปลดระวางไปในปี 2540

ในตอนนี้ ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย แต่ก็ดัดแปลงตัวถังกันจนจำไม่ได้ ถ้ายังไม่เห็นทรงหน้าต่างเดิม ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 74, 92, 122, 123, 146, 149 เป็นต้น

Isuzu-JCR600YNZZ

ภาพจาก John Veerkamp / Ian Fuller

5. Isuzu JCR600YNZZ (ปี 2523 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Isuzu JCR600YNZZ (อีซูซุ เจซีอาร์600) เป็นอีซูซุรุ่น 12 เมตร ที่ทาง ขสมก. จัดหามาใช้ในปี 2523 – 2524 จำนวน 500 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 20101 – 20600 ปลดระวางไปในปี 2540 เป็นรุ่นที่ตอนนี้ยังเห็นได้บ่อยอีกรุ่นหนึ่ง ที่เป็นรถร่วมบริการ แล้วก็บริจาคไปหน่วยงานตามต่างจังหวัดก็เยอะครับ

ในตอนนี้ ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย บางคันก็โละตัวถังเดิมทิ้ง ต่อตัวถังใหม่ครอบแซสซีส์เดิมไปแล้ว ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 8, 38, 48, 52, 110, 113, 115, 122, 126, 146, 149 และ 1141 เป็นต้น

Hino-BX321

ภาพจาก John Veerkamp / Nakhon Phathiwit

6. Hino BX321 (ปี 2531 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Hino BX321 (ฮีโน่ บีเอ็กซ์ 321) รุ่นแรก ที่ ขสมก. ใช้สี “ครีมแดง” และใช้ระบบการเก็บค่าโดยสารแบบหยอดเหรียญ แต่ก็ยกเลิกไป จัดหามาใช้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2531 จำนวน 250 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 4001 – 4250 จนกระทั่งปลดระวางไปในช่วงปี 2541 – 2543 โดยบริจาคและขายให้กับรถร่วมบริการเกือบหมด (ซึ่ง ขสมก. เอง มีเก็บรถรุ่นนี้ไว้ใช้งานต่ออีกหลายคัน แต่ปัจจุบันปลดระวางหมดแล้ว)

ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย แต่ก็ดัดแปลงตัวถังกันไป ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 17, 38, 46, 89, 98, 124 เป็นต้น

Isuzu-MT111L

ภาพจาก John Veerkamp / SpeedBusszz RallySalaya‎

7. Isuzu MT111L (ปี 2531 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Isuzu MT111L (อีซูซุ เอ็มที111แอล) รุ่นแรก ที่ ขสมก. ใช้สี “ครีมแดง” และใช้ระบบการเก็บค่าโดยสารแบบหยอดเหรียญ แต่ก็ยกเลิกไป จัดหามาใช้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2531 จำนวน 250 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 5001 – 5250 จนกระทั่งปลดระวางไปในช่วงปี 2541 – 2543 โดยบริจาคและขายให้กับรถร่วมบริการทั้งหมด

ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย แต่ก็ดัดแปลงตัวถังกันไป ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 14, 17, 43, 85, 99, 133 เป็นต้น

Daewoo-BS120DS

ภาพจาก John Veerkamp / mai_kawabus

8. Daewoo BF120DS (ปี 2531 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Daewoo BF120DS (แดวู บีเอฟ120ดีเอส) รุ่นแรก ที่ ขสมก. ใช้สี “ครีมแดง” และใช้ระบบการเก็บค่าโดยสารแบบหยอดเหรียญ แต่ก็ยกเลิกไป จัดหามาใช้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2531 จำนวน 400 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 70101 – 70500 ตัวถังแบบประตูหน้า-หลัง ปลดระวางไปในช่วงปี 2541 – 2543 โดยบริจาคและขายให้กับรถร่วมบริการทั้งหมด

ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย แต่ก็ดัดแปลงตัวถังกันไป ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 28, 64, 92, 99, 108, 149, 182 เป็นต้น

Mercedes-Benz-Padane

ภาพจาก John Veerkamp / mai_kawabus

9. Mercedes-Benz Padane (รถร่วมบริการ ปี 2532 – ปัจจุบัน / รถ ขสมก. ปี 2534 – มีนาคม 2561)

รถเมล์ Mercedes-Benz Padene (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปาดาเน่) หรือ Mercedes-Benz OF1617 ถ้าคนที่ขึ้นรถเมล์ย้อนไปสัก 20 กว่าปีที่แล้ว จะคุ้นเคยกันดี เพราะมีวิ่งเยอะมาก ทั้งในรูปแบบของรถเมล์ และรถทัวร์ รถเมล์รุ่นนี้ เริ่มต้นจากบริษัท เอส.เค.ทัวร์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (SK) นำมาใช้เป็นรถเมล์ จน ขสมก. เห็นว่ารุ่นนี้ใช้ดี จึงสั่งมาใช้บ้างจำนวน 800 คัน แต่ก็มีรายละเอียดต่างกันอยู่หลายจุด และเป็นรถเมล์รุ่นแรกๆ ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติด้วย แต่พอสภาพเก่าแล้ว ตัวรถโทรม ควันดำมากๆ จนเป็นที่มาของชื่อ “เบนซ์เน่า”

ปัจจุบัน ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย หลายบริษัท แต่ก็ดัดแปลงตัวถังกันเกือบหมด แปลงเป็นเกียร์ธรรมดาก็หลายคัน ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 7, 68, 84, 113, 507, 524, 542 และ 1013 เป็นต้น

Daewoo-BS120S

ภาพจาก John Veerkamp / YUN Free Photo

10. Daewoo BF120S (ปี 2534 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Daewoo BF120S (แดวู บีเอฟ120เอส) จัดหามาใช้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2534 ถึงมิถุนายน 2535 จำนวน 450 คัน ในรุ่นเลขข้างรถรหัส 70501 – 70900 ตัวถังแบบประตูกลาง เป็นรถรุ่นที่เสียบ่อยและควันดำมาก จึงปลดระวางอย่างเร็วในช่วงปี 2542 – 2545 และรุ่นที่ ขสมก. ซ่อมเอง (รถย้อมแมว) ปลดระวางช่วงปี 2551 โดยบริจาค หรือเอาไปทำปะการังเทียม และขายให้กับรถร่วมบริการทั้งหมด

ยังมีใช้อยู่กับรถร่วมบริการหลายสาย บางคันก็ดัดแปลงจนเละ บางคันก็ยังสภาพเดิมๆ ก็มี ยังมีวิ่งอยู่ในสาย 9, 17, 29, 30, 40, 43, 44, 110, 115, 122, 126, 182 เป็นต้น

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

New-Car-In-Big-Motor-Sale-2018

งานมหกรรมยานยนต์ เพื่อขายแห่งชาติ (Bangkok International Grand Motor Sale) หรือ BIG Motor Sale 2018 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 26 สิงหาคม 2561 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดย ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ในแนวคิด “เปิดโลกยานยนต์สรรสร้าง” (ปีนี้เสียค่าบัตรผ่านประตู 100 บาท เหมือนเดิมแล้วนะครับ)

BIG-Motor-Sale-2018-Event

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน BIG Motor Sale 2018 โดยในเดือนสิงหาคม บริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันหลายค่าย Carro ขอแนะนำให้ได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

Nissan Terra

Nissan-Terra-BIG-2018

Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) รถ SUV สุดหรูจากค่ายนิสสัน ที่ทำมาโชว์ครั้งแรกในงาน BIG Motor Sale หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.3V 2WD, 2.3VL 2WD และ 2.3VL 4WD

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลรหัส YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร Twin-Turbo Intercooler 190 แรงม้า ในราคา 1,316,000 – 1,427,000 บาท

Ford Everest

Ford-Everest-BIG-2018

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ใหม่ ปรับเปลี่ยนรายละเอียดเยอะพอสมควร เช่น พร้อมล้อแมกซ์อัลลอยแบบก้านคู่ (Split-Spoke) ขนาด 20 นิ้ว กระจังหน้าใหม่ และไฟหน้า HID เป็นต้น ซึ่งมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย พร้อมรุ่นย่อย Limited ใหม่ในครั้งนี้

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร Turbo 180 แรงม้า และ Bi-Turbo 213 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และสีใหม่ Diffused Silver Metallic ในราคา 1,299,000 – 1,799,000 บาท

Ford Ranger

Ford-Ranger

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ใหม่ หลังจากที่เปิดตัวทุกรุ่นย่อยไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นกระบะที่แรงที่สุดในไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Turbo 180 แรงม้า และ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) 213 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

ส่วนราคาก็เริ่มต้นตั้งแต่ 559,000 บาท ไปจนถึงรุ่น Raptor ที่ 1,699,000 บาท

Mazda CX-3

Mazda-CX-3-BIG-2018

Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection (มาสด้า ซีเอ็กซ์–3 ใหม่ 2018 คอลเลคชั่น) มาพร้อมแนวคิดที่แตกต่าง Drive Your Attitude นิยามใหม่ เลือกเป็น…ในแบบที่เป็นคุณ นอกจากนี้ ยังประกาศปรับราคารุ่น Top ลง แต่ใส่อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเข้าไปเพียบ

มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร 105 แรงม้า และสกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร 156 แรงม้า ในราคา 879,000 – 1,189,000 บาท

Toyota Vios GT Street

Toyota-Vios-GT-Street-BIG-2018

Toyota Vios GT Street (โตโยต้า วีออส จีที สตรีท) เป็นการกลับมาอีกครั้ง ของ Vios รุ่นพิเศษในชื่อ GT Street มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน จำนวนจำกัด 100 คัน

MG3

MG3-BIG-2018

MG3 (เอ็มจี3) มาพร้อมนิยามใหม่ “WE ARE FUN” : มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง พร้อมปรับโฉมด้วยการออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สีสันโดนใจ ชูจุดเด่นอย่าง ระบบอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย สั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีน หรือจะสั่งการผ่านมือถือก็ได้ พร้อมกับการอัพเดทฟังก์ชั่นใหม่บนแผนที่นำทาง พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์

และเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 1.5 ลิตร 112 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติใหม่ 5 สปีด ในราคา 519,000 – 629,000 บาท

Hyundai H-1 & Grand Starex

Hyundai-H-1-BIG-2018

Hyundai H-1 & Grand Starex (ฮุนได เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์) ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย การปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้ มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและออพชั่นที่ครบครัน หน้าตาใหม่หมด ด้านท้ายใหม่ ออพชั่นภายใน ปรับปรุงใหม่หลายจุด

โดยในรุ่น Grand Starex รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง ในขณะที่รุ่น H-1 สามารถรองรับได้ถึง 11 ที่นั่ง ยังใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร 175 แรงม้า เหมือนเดิม จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบ Sequential Shift ในราคา 1,329,000 – 2,399,000 บาท

Mitsubishi Xpander

Mitsubishi-Xpander-BIG-2018

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) รถ MPV 7 ที่นั่ง สไตล์ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่หมดจด เปิดตัวในระดับราคากลุ่ม B-Segment ที่ขายดีในอินโดนีเซีย สเปคและออพชั่นจัดเต็ม มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร MIVEC 105 แรงม้า

มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ GLS-LTD และ GT ในราคา 779,000 – 849,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถใหม่ในงาน BIG Motor Sale 2018 แต่ยังไม่รู้ว่าว่าจะขายรถคันเดิมที่ไหนดี ที่ได้ราคาที่ดีที่สุด … ให้ Carro เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ

mercedes-benz-top-5

ที่สุดของ Benz! สุดยอดรถ 5 รุ่น
ที่ดีที่สุดจาก Mercedes-Benz

“เมอร์เซเดส-เบนซ์” เป็นแบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายที่น่าประทับใจมาโดยตลอด ซึ่งครอบคลุมตลาดและช่องทางการตลาดเกือบทุกประเภทตั้งแต่รถ SUV ไปจนถึงรถสปอร์ต ตั้งแต่รถหรู ไปถึงรถปิคอัพรุ่นแรกที่เบนซ์เคยผลิตมาเลยทีเดียว

mercedes-benz Top 5

ซึ่งรุ่นที่ดีที่สุดของเบนซ์ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่า 6 รุ่น ซึ่งแต่ละคันก็เป็นตัวท็อปของรุ่น มีทั้งเวอร์ชั่น C-, E-, S-Class, SLC, SL Roadster ก็ยังมี และ AMG GT Roadster ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

mercedes-benz Top 4

ถึงแม้ว่าเบนซ์จะมีรถดีๆหลายรุ่นอยู่แล้ว  แต่เบนซ์ก็ไม่เคยหยุดพัฒนา เพราะเบนซ์เป็นบริษัทที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเบนซ์ชอบที่จะสร้างเซอร์ไพรส์โดยการผลิตอะไรใหม่ๆ ออกมาเสมอ

เช่น ในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเราอาจจะได้พบกับ Mercedes-AMG GT Roadster อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ เบนซ์รุ่น AMG GT Roadster จะมีแรงบิดถึง 547 แรงม้า หรือแรงบิด 501 ปอนด์-ฟุต (680 นิวตัน-เมตร) ที่ใช้เวลาเพียง 3.7 วินาทีถึง 62 ไมล์ต่อชั่วโมง (100 กม./ชม.) และมีความเร็วสูงสุด 196 ไมล์ต่อชั่วโมง ในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

mercedes-benz Top 3

mercedes-benz top 2อย่างไรก็ตาม AMG GT C Roadster อาจจะยังไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุดแม้ว่าจะอยู่ในรายชื่อ Top 5 เช่นเดียวกันกับรุ่นที่หรูหราอย่าง S-Class Cabriolet และรุ่น Mercedes-Maybach Vision 6mercedes-benz top 1

โดย YouTube ได้ปล่อยวิดีโอที่จัดทำขึ้นโดยผู้ผลิตรถยนต์ชาวเยอรมัน ที่กล่าวถึงรถคลาสสิกรุ่น 280 SE 3.5 Cabriolet โดยให้ข้อมูลว่า รุ่นนี้ตัวรถและแผงหน้ารถทำจากไม้วีเนียร์ กระจกใช้ระบบไฟฟ้า ซึ่งรุ่นนี้ได้สมญานามว่าเป็นรถหรูไร้กาลเวลาของเบนซ์ ตามข้อมูลของบริษัท

และสำหรับคำว่าอันดับหนึ่ง ก็ต้องถูกสงวนไว้ให้กับรถที่พิเศษและดีที่สุด ซึ่งก็ตกเป็นของ Mercedes-Benz ที่สามารถตอบสนองผู้ที่ต้องการขับขี่ “ยนตรกรรมที่ดีที่สุด” ได้เสมอ ซึ่งแฟนตัวจริงของ “Benz” จะรู้ดีว่าอะไรคือ “The Best” และหากคุณกำลังมองหารถ Benz มือสอง (คลิก) หรือต้องการขายรถ Benz คันเก่าแบบได้เงินสดที่รวดเร็วทันใจ (คลิก)

 

ที่มา : carscoops.com

รถใหม่หลายหลายรุ่น เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Expo 2017

2018-BMW-X3

งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” หรือ The 34th Thailand International Motor Expo 2017 ภายใต้แนวคิด “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง” หรือ “New Age Vehicles … A Distant Dream Come True” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมนำรถรุ่นใหม่ๆ ทั้งที่เปิดตัวก่อนงานเริ่ม และภายในงานของปีนี้ มีมาให้ชมกันมากมายหลายรุ่น

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Expo 2017 โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันหลายค่าย Carro ขอแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

Toyota C-HR

Toyota-C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) รถ Crossover ในรูปแบบ 4 ประตู ที่ปีนี้มาแรงจริงๆ โดยในงาน Motor Expo 2017 มีความเป็นไปได้ว่า Toyota จะนำรถมาโชว์ก่อนขายจริงในปีหน้านี้ คาดว่าราคาเริ่มต้นต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท

Volvo XC60

Volvo-XC60-2018

หลังจากที่ Volvo (วอลโว่) ประสบความสำเร็จกับการขาย Volvo XC90 ใหม่ ไปทั่วโลกนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงในไทยก็มียอดขายที่น่าพอใจ ในเดือนนี้ วอลโว่ เปิดตัว Volvo XC60 รุ่นใหม่ Crossover SUV ที่ดีไซน์และตกแต่งไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง XC90 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน T8 Twin Engine แบบ Plug-In Hybrid และเครื่องยนต์ดีเซล D4 ให้เลือก … ในราคา 3,090,000 – 3,590,000 บาท

Mazda CX-5

Mazda-CX-5-2018

Mazda (มาสด้า) เปิดตัว Crossover SUV รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “Mazda CX-5” ใหม่ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน มาพร้อมเครื่องยนต์ SkyActiv-G ขนาด 2.0 ลิตร 175 แรงม้า แบบใหม่ และเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D ขนาด 2.2 ลิตร 165 แรงม้า ในราคา 1,290,000 – 1,770,000 บาท

MG ZS

MG-ZS-2018

MG (เอ็มจี) ประเทศไทย เปิดตัว MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ต่อจากตลาดจีนและอังกฤษที่เปิดตัวไปก่อนหน้า โดยในตลาดจีน ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 120 แรงม้า ในราคา 679,000 – 789,000 บาท

BMW X3

BMW-X3-2018

BMW X3 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3) ใหม่ (G01) เปิดตัวในไทย 16 พฤศจิกายน นี้ ถือว่ารวดเร็วมาก เพราะ BMW X3 ใหม่ เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกที่งานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์ โชว์ 2017 ไปเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา มาพร้อมดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่หมด แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ BMW เช่นเคย ในราคา 3,699,000 บาท

Lexus NX

Lexus-NX

Lexus NX (เลกซัส เอ็นเอ็กซ์) รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มาภายใต้แนวคิด “The urbaNXplorer” ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองยุคใหม่ ที่มีวิถีชีวิตไม่ซ้ำใคร ถือเป็นรถ Lexus รุ่นที่ขายดีที่สุดของเลกซัสในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยยอดจำหน่ายรวมภายในประเทศกว่า 1,400 คัน พร้อมการันตีถึงความนิยมด้วยยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลก กว่า 400,000 คัน

มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร ในรุ่น NX300h เต็มสมรรถนะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยระบบ Lexus Hybrid Drive อัจฉริยะ และขุมพลังเครื่องยนต์ Turbo 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่น NX300 ให้สมรรถนะแรงเต็มพลังในทุกระดับความเร็ว

พร้อมเป็นเจ้าของ Lexus NX รุ่นปรับโฉมใหม่ ได้แล้ววันนี้

NX300
– รุ่น F Sport แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 4,450,000 บาท
– รุ่น Grand Luxury ราคา 3,440,000 บาท

NX300h
– รุ่น F Sport ราคา 4,050,000 บาท
– รุ่น Premium ราคา 3,550,000 บาท
– รุ่น Grand Luxury ราคา 3,140,000 บาท
– รุ่น Luxury ราคา 2,930,000 บาท

Lexus LS

Lexus-LS500

ถึงเวลาที่ Lexus จะเปิดตัวรถธงของค่ายอย่าง “Lexus LS” (เลกซัส แอลเอส) ใหม่ ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง “LF-FC” โดยมาพร้อมขุมพลังขนาด 3.5 ลิตร ในรูปแบบ V6 และ V6 ทวินเทอร์โบ พร้อมเครื่องยนต์ V6 ขุมพลังไฮบริด ที่คาดว่าราคาในบ้านเรา น่าจะอยู่ที่หลักสิบล้านบาทเลยทีเดียว … พบกันได้ในวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้ …

Mercedes-AMG GT

Mercedes-AMG-GT-R

แม้ว่าทาง Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) จะเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Mercedes-AMG GT ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้ แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ที่ออกมาบอกว่า จะเปิดตัวรุ่นไหนบ้าง … ในตระกูล Mercedes-AMG GT

Mercedes-Benz S-Class / Maybach S-Class

Mercedes-Benz-S-Class-Sedan

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ยังเตรียมเปิดตัวสุดยอดรถยนต์หรูแห่งยุค อย่าง รถยนต์ระดับเรือธง “The new S-Class” ที่สุดแห่งความสง่า มาพร้อมกับ ความหรูหรา ดีไซน์เหนือระดับ ความสะดวกสบายอันไร้ขีดจำกัด และระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย

Mercedes-Benz-Maybach-S-Class

และ “The Maybach S-Class” (มายบัค เอส-คลาส) สุดยอดแห่งยนตรกรรมที่รวบรวมความเป็นที่สุดของสมรรถนะเหนือชั้นกับประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน ไว้อย่างครบครัน เหมาะสำหรับท่านผู้นำ … พบกันได้ในวันที่ 27 พฤศจิกายน นี้ครับ

Mitsubishi Triton Athlete

Mitsubishi-Triton-Athlete

Mitsubishi (มิตซูบิชิ) เตรียมเปิดตัว Triton รุ่นพิเศษ “Triton Athlete” (ไทนทัน แอทลีท) สปอร์ต พันธุ์เข้ม เร้าใจทุกมุมมองด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคันจากโรงงาน ในงาน Motor Expo 2017

Subaru XV

Subaru-XV-2018

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) รถ Crossover ที่เคยสร้างกระแสความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสร้างยอดขายให้กับ Motorimage ผู้นำเข้ารถยนต์ซูบารุในบ้านเราได้มากพอสมควร ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมใหม่ตามญี่ปุ่น พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มล่าสุด “Subaru Global Platform” ร่วมกันกับ Impreza ใหม่ คาดว่ามาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT แบบ 7 สปีด เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2017 นี้

Toyota Hilux Revo (Minorchange)

Toyota-Hilux-Revo-2018

เป็นข่าวลือในวงในมานานหลายเดือนแล้วสำหรับ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) กับยอดขายที่ดูเหมือนโตโยต้าจะไม่เป็นปลื้มนัก ในที่สุด เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน โตโยต้า จึงเผยโฉมไมเนอร์เชนจ์ของ Hilux Revo ปรับหน้าตาดูดุดันขึ้น เพิ่มออพชั่น กระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น และเสนอรุ่นแกร่งๆ อย่าง “Rocco” (ร็อคโค่) สำหรับคนพันธุ์ลุย … ในราคาตั้งแต่ 523,000 – 1,154,500 บาท

Isuzu D-Max (Minorchange)

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

Isuzu (อีซูซุ) ฉลองครบรอบ 60 ปีในไทย พร้อมกับมีเซอร์ไพรส์ กับการเปิดตัว Isuzu D-Max Minorchange เล็กๆ ปรับเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ เพิ่มออพชั่นหลายอย่าง ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่วนราคาอย่างเป็นทางการ ต้องรอในงาน Motor Expo 2017 ครับ

KIA Stinger

KIA-Stinger

จากกระแสข่าวที่ว่า Kia Thailand วางแผนเปิดตัว Kia Stinger (เกีย สตริงเกอร์) รถ Mid-Size แบบ Liftback 5 ประตูสุดหรู ภายในปลายปีนี้ช่วงงาน Motor Expo 2017 นั้น จะเปิดตัวด้วยราคาหลักล้าน (เท่าไหร่) และมาพร้อมเครื่องยนต์แบบไหน (ในเวอร์ชั่นต่างประเทศ มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร Turbo, และ V6 ขนาด 3.3 ลิตร Turbo รวมไปถึงแบบดีเซลขนาด 2.2 ลิตร Turbo ที่ทุกแบบมาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด) ต้องติดตามกันเร็วๆ นี้ครับ

Audi A5 Sportback & Audi A4 Avant

Audi-Motor-Expo-2017

Audi (ออดี้) ในงาน Motor Expo ครั้งนี้ ส่งรุ่นใหม่มาโชว์ถึง 2 รุ่นทั้ง Audi A5 Sportback (ออดี้ เอ5 สปอร์ตแบ็ค) และ Audi A4 Avant Black Edition (ออดี้ เอ4 อาวอง แบล๊ค เอดิชั่น) โดยรถรุ่น Audi A5 Sportback เป็นรถยนต์นั่งแบบ 5 ประตู ตกแต่งแบบสปอร์ต ด้วยชุดแต่งภายนอกแบบ S line ในราคา 4,299,000 บาท และอีกรุ่นคือ Audi A4 Avant Black Edition รถแวนแบบสปอร์ตเหนือระดับ ในราคาเริ่มต้น 3,249,000 บาท

MINI John Cooper Works Countryman

MINI-JCW-Countryman

MINI (มินิ) ส่ง MINI John Cooper Works Countryman (มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน) ใหม่ มาโชว์ในฐานะรถยนต์เอนกประสงค์ Premium Compact มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และห้องโดยสารที่กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมความแรงของเครื่องยนต์ที่มีถึง 231 แรงม้า ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ และยังคงให้ความรู้สึกคลาสสิคของ “Go-Kart-Feeling” ซึ่งจะเปิดราคาในงาน Motor Expo 2017 นี้

Aston Martin DB11 V8

Aston-Martin-DB11-V8

Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) เตรียมเปิดตัว “Aston Martin DB11 V8” รถสปอร์ตหรูในรูปแบบ GT อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้

King-Rama-9-Royal-Car

ยุคเริ่มแรกของรถยนต์ในโลกและในประเทศไทยเมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีที่แล้ว มาพร้อมกับช่วงที่พระราชวงศ์ไทยได้ไปศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรป ซึ่งเวลานั้น มีบริษัทรถยนต์ในยุโรปและอเมริกาเหนือ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยพระราชวงศ์หลายพระองค์ ต่างก็สนพระทัยในรถยนต์ จวบจนรถยนต์คันแรก ได้ถูกนำเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 5 และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในรัชกาลต่อมา

King-Rama-9

ล่วงมาจนถึงยุคของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ครั้งยังทรงพระเยาว์ มีโอกาสได้ไปศึกษาต่อ ณ เมืองโลซาน สวิตเซอร์แลนด์ มีแรงบันดาลพระทัยมาจาก สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงนิยมท่องเที่ยวโดยรถยนต์ในภูมิประเทศแถบที่ประทับ และได้มีโอกาสเรียนรู้วิทยาการต่างๆ ของชาวตะวันตกมากมาย รวมไปถึงด้านรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงให้ความสนใจมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์

ตลอดรัชสมัยอันยาวนาน มีรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกหลายรุ่น ได้รับใช้พระเจ้าแผ่นดินของปวงชนชาวไทย.

Fiat-500-Topolino

Fiat Topolino

เมื่อทรงเจริญพระชันษา ได้ทรงขอพระราชทานอนุญาตจากสมเด็จพระราชชนนี เพื่อทรงซื้อ Fiat 500 “Topolino” (ชื่อ “Topolino” ในภาษาอิตาลี หมายถึง “Micky Mouse” หรือ หนูตัวเล็ก ในภาษาอังกฤษ) เพราะ “ดู ตลก และน่ารักดี” เป็นรถประเทศอิตาลี มีเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี 4 สูบ 13 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ทำความเร็วได้สูงสุด 85 กม./ชม.

โดยมี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีระพงศ์ภาณุเดช นักแข่งเจ้าดาราทอง ผู้มีชื่อเสียงทั่วยุโรปมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ถวายการฝึกหัดขับรถ

เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2491 เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อรถยนต์ตอนเดียวเล็กๆ คันหนึ่ง แล่นอย่างรวดเร็วตามถนนผ่านเมืองมอร์จ (Morges) มุ่งสู่ นครเจนีวา (Geneva) โดยผู้ขับมิได้คาดการณ์ว่า รถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้าจะหยุดอย่างกะทันหันเพื่อมิให้ชนผู้ขี่จักรยานสองคนบนถนน แม้ผู้ขับรถยนต์คันเล็กจะเหยียบห้ามล้อแล้ว รถยนต์คันเล็กก็ปะทะท้ายรถบรรทุกเข้าอย่างจัง ผู้ขับรถยนต์คันเล็กนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงได้รับบาดแผลฉกรรจ์ที่พระเนตรข้างขวา ผู้โดยเสด็จในรถพระที่นั่งคือ นายอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ได้รับบาดเจ็บกะโหลกศีรษะร้าว

หลังจากนั้น รถที่ทรงโปรดในเวลาต่อมา ก็จะเป็นรถยี่ห้อ Delahaye จัดว่าเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง ของประเทศฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Émile Delahaye ในปี 1894

Delahaye-GFA-135M-Convertible

Delahaye G.F.A. 135 M Convertible

Delahaye G.F.A. 135 M Convertible ปี 1952 ตัวถังผลิตโดย Henri Chapron ตัวรถผลิตโดย Société Des Automobiles Delahaye (G.F.A. ย่อมาจาก Groupe Français de l’Automobile)

ตัวถังแบบเปิดประทุน หมายเลขตัวถัง 801401 ส่วนเครื่องยนต์ (หมายเลขเครื่องยนต์ แอนน์ 6787) 6 สูบ 3 คาร์บูเรเตอร์ ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์ไฟฟ้า 4 สปีด มีตัวควบคุมการเดินหน้าถอยหลัง ใช้ยาง Firestone ขนาด 6.00 X 17

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงซื้อในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แล้วส่งมายังประเทศไทยในภายหลัง ป้ายทะเบียน ก.ท.ด. 0008

Delahaye-GFA-178

Delahaye G.F.A. 178

Delahaye G.F.A. 178 ปี 1952 (วันที่ซื้อ คือ : 18/4/95) ตัวถังผลิตโดย Henri Chapron ตัวรถผลิตโดย Société Des Automobiles Delahaye

ตัวถังแบบ Saloon หมายเลขตัวถัง 820029 ส่วนเครื่องยนต์ รหัส 2AL-183 6 สูบ 3 คาร์บูเรเตอร์ ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์ไฟฟ้า 4 สปีด มีตัวควบคุมการเดินหน้าถอยหลัง ใช้ยาง Dunlop ขนาด 6.00/6.50 X 18

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้ตั้งแต่ประทับอยู่ที่เมือง Lausanne ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ป้ายทะเบียน 1ด-0009 กรุงเทพมหานคร

Delahaye-GFA-178-Wagon

Delahaye G.F.A. 178

Delahaye G.F.A. 178 ปี 1952 (วันที่บนแผงหน้าปัด คือ : 25/2/96) ตัวถังผลิตโดย Henri Chapron ตัวรถผลิตโดย Société Des Automobiles Delahaye

ตัวถังแบบ Saloon (ต่อมาถูกดัดแปลงเป็นตัวถัง Station Wagon โดย บริษัท ไทยประดิษฐ์ จำกัด โดยมี Sunroof บนหลังคา) หมายเลขตัวถัง 820038 ส่วนเครื่องยนต์ (หมายเลขเครื่องยนต์ 820038) รหัส 1AL-183 6 สูบ คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์ 4 สปีด ใช้ยาง Dunlop ขนาด 6.00/6.50 X 18

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้ตั้งแต่ประทับอยู่ที่เมือง Lausanne ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ป้ายทะเบียน ก.ท.ด. 0009

Delahaye-180

Delahaye G.F.A. 180

Delahaye G.F.A. 180 ปี 1953 ตัวถังผลิตโดย Henri Chapron (หมายเลขตัวถัง 6961) ตัวรถผลิตโดย Société Des Automobiles Delahaye

ผลิตเมื่อปี 2496 ตัวถังแบบลีมูซีน (หมายเลขแชสซีส์ 825018) มีหน้าต่างกระจกกั้นพระที่นั่งตอนหน้า และตอนหลัง กระจกหน้าต่างแบบไฮดรอลิก และหน้าต่างรับแดด (ซันรูฟ) บนหลังคา จุดระเบิดด้วยคอยล์ ส่งกำลังผ่านเกียร์ 4 สปีด

ผู้ซื้อคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

Delahaye-VRLD

Delahaye VLR

Delahaye VLR (ย่อมาจาก Véhicule léger de Reconnaissance Delahaye) ปี 1953 รถผลิตโดย Société Des Automobiles Delahaye เมื่อปี 2496 (วันที่บนแผงหน้าปัด คือ : 24/9/96) ตัวถังแบบรถจี้ป (หมายเลขแชสซีส์ 836206)

พวงมาลัยซ้าย เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ (หมายเลขเครื่อง 57939) ใช้ระบบไฟฟ้า 24 โวลท์ และหล่อลื่นแบบอ่างแห้ง ส่งกำลังผ่านเกียร์ 4 สปีด พร้อมเกียร์ Low และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ใช้ยาง Goodyear ขนาด 7.00 X 16

ผู้ซื้อคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ปัจจุบันติดป้ายทะเบียน กงจักร 0002

Amilcar-CO

Amilcar CO

Amilcar CO (รถเปิดประทุน) ผลิตโดย Atelier et Générale Carrosserie, Paris. ตามแบบของ Farina (หมายเลขแชสซีส์ Dans La Series 11041)

ผลิตในปี 2470 นับเป็นหนึ่งในจำนวนรถอนุกรม C6 Cruiser ซึ่งเริ่มการผลิตเป็นครั้งแรกเมื่อ ปี 2469 และเป็นหนึ่งในจำนวนรถแข่งเพียงไม่กี่คัน ที่ได้รับการบรรจุเข้าสู่สายการผลิต ตัวถังเปลี่ยนเป็นแบบดังที่ปรากฎเมื่อปี 2490 ขับเคลื่อนด้วยกำลังของเครื่องยนต์ Simca-เดอโอ 4 สูบ 1100 ซีซี รุ่นปี 2489 (หมายเลขเครื่อง 90025) ส่งกำลังผ่านเกียร์ไฟฟ้า 4 สปีด ใช้ยาง Michelin ขนาด 4.75/500-19

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงซื้อรถคันนี้ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

Mercedes-Benz-300-SL-(W198)

Mercedes-Benz 300 SL (W198) “Gullwing Coupe”

Mercedes-Benz 300 SL (W198) “Gullwing Coupe” ปี 1955 ทะเบียน 1ด-0010 กรุงเทพมหานคร (ปัจจุบัน ทะเบียน 1ด-1110 กรุงเทพมหานคร) ราชยานยนต์หลวงคันนี้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรี น้อมเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในปี 2498 และเข้าประจำการเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2498

Mercedes-Benz 300 SL (W198) “Gullwing Coupe” ปัจจุบันมีเพียง 8 คันในประเทศไทย และคันนี้ถือว่ามีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย

Mercedes-Benz-190-SL

Mercedes-Benz 190 SL (W121)

Mercedes-Benz 190 SL (W121) สีน้ำเงิน ที่ในหลวงทรงขับเมื่อคราวเสด็จฯ เยือนยุโรปห้าประเทศ ในปี 2503 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้ เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป 5 ประเทศ ในปี 2503 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำกลับมาใช้ในประเทศไทย

Daimler-DE36

ส่วนรถยนต์พระที่นั่งหลักในงานราชพิธียุคนั้น จะเป็นรถจากประเทศอังกฤษ ได้แก่ Daimler DE36 ตัวถังโดย Hooper (Couchbuilder) แบบเดียวกับพระราชินีอังกฤษ และผู้นำของนานาประเทศเลือกใช้ นอกจาก Daimler แล้วยังมี Jaguar Mk VII M และ Armstrong Siddeley Sapphire เป็นรถยนต์พระที่นั่งรองด้วย

เมื่อเสด็จนิวัติพระนคร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จออกเยี่ยมพสกนิกรไปทั่วทุกภาค เมื่อเสด็จออกต่างจังหวัด จะทรงใช้รถ Mercedes-Benz 300 แบบเดียวกับที่รู้จักกันดีในชื่อ “เบนซ์ อาเดนนาวเออร์” (Benz Adenauer) ที่ทรงมีครบทุกรุ่น

ในระยะนี้ยังทรงเริ่มสนพระราชหฤทัยรถอเมริกัน ตามยุคสมัยเช่นเดียวกับพระองค์เจ้าพีระฯ ผู้เป็นองค์ที่ปรึกษา ทรงซื้อ Cadillac Fleetwood ปี 1955 ใช้เป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ ภายหลังจึงทรงเลือกใช้รถพระที่นั่งสำหรับเสด็จฯ เยี่ยมราษฎร ที่สามารถลุยเข้าพื้นที่ทุรกันดารได้มากขึ้นอย่าง Jeep และ Land Rover แทนรถยนต์พระที่นั่งแบบ 4 ประตู

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

  • ภาพจาก หนังสือ “เกิดวังปารุสก์” ของสำนักพิมพ์ ริเวอร์ บุ๊คส์
  • ข้อมูลจาก นพ.สมคนึง ตัณฑ์วรกุล และหนังสือ ราชยานยนต์โบราณแห่งสยาม

AMG-50th-Anniversary

เอเอ็มจี (AMG) ฉลองครบรอบ 50 ปี แห่งความสำเร็จ ในปี 2017

Mercedes-AMG-GT-Roadster

ถ้าพูดถึงสำนักแต่ง และชุดแต่งที่คนใช้รถ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รู้จักกันดีที่สุด คงต้องยกให้ “AMG” ที่ออกเสียงในภาษาเยอรมันว่า “อามาเก้” หรือในภาษาอังกฤษ “เอเอ็มจี”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Mercedes-AMG (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี) ได้สร้างและรักษาชื่อเสียงของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตและรถยนต์สมรรถนะสูง ที่สะท้อนจากความสำเร็จ ทั้งด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Affalterbach (อัฟฟาวเตอร์บาค) ประเทศเยอรมนี ถือเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม Daimler AG (เดมเลอร์ เอจี) โดยพนักงานของบริษัทฯ ต่างยึดมั่นในหลักการเดียวกัน คือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ “ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์

https://www.youtube.com/watch?v=nJJWv7QVpDM

AMG ก่อตั้งขึ้นที่เมือง Burgstall (เบิร์กชตาร์ล) โดยมร.ฮานส์ แวเนอร์ อาวฟเรชท์ (Hans-Werner Aufrecht) และ มร.แอร์ฮาร์ด เมลเชอร์ (Erhard Melcher) ในปี 1967 ด้วยการใช้โรงโม่แป้งเก่าๆ เป็นที่ตั้งของโรงปรับแต่งรถแห่งแรก พร้อมใช้ชื่อว่า “ศูนย์วิศวกรรม ออกแบบ และทดสอบเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขัน – Engineering office and design and testing centre for the development of racing engines” โดยตัวอักษร AMG นั้นมาจากคำว่า “Aufrecht and Melcher, Großaspach” (อาวฟเรชท์ และเมลเชอร์ จากหมู่บ้านโกรซาชปาค) ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวนี้ เป็นสถานที่เกิดของ มร.อาวฟเรชท์

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

ในปี 1971 เอเอ็มจีมีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน หลังจากที่รถยนต์ AMG 300 SEL 6.8 สีแดง ชนะการแข่งขันกับรถยนต์กลุ่มเดียวกันอย่างขาดลอยในรายการรถแข่งประเภท 24 ชั่วโมง ที่สนามสปา-ฟรังโกชอมป์ อีกทั้งยังสามารถทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับ 2 ด้วย

เอเอ็มจี พัฒนาจากผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตซาลูน และสปอร์ตคูเป้ หลังจากตั้งโรงงานที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ในปี 1976

AMG-500-SEC

มร.เมลเชอร์ พัฒนานวัตกรรมฝาครอบกระบอกสูบใหม่ ที่ทำงานสอดคล้องกับระบบวาล์วแบบ 4 วาล์ว/ลูกสูบ 1 ลูก (Four-Valve Technology) ด้วยตนเองในปี 1984 ซึ่ง AMG ประยุกต์ใช้นวัตกรรมนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเครื่องยนต์ V8 ความจุกระบอกสูบ 5 ลิตรของรถยนต์ Mercedes-Benz 500 SEC ความเก่งกาจของ มร.เมลเชอร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปรัชญา “1 ช่างฝีมือต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง – One Man, One Engine” ที่ Mercedes-AMG ยึดถือจนปัจจุบัน

Mercedes-AMG-W124

นวัตกรรมฝาครอบกระบอกสูบใหม่ที่ มร.เมลเชอร์ คิดค้นนั้น ใช้ในรถยนต์ Mercedes-Benz S-Class รุ่น AMG และรุ่นซาลูน ตั้งแต่ปี 1986 ก่อนจะเริ่มใช้กับ E-Class Coupé รหัสตัวถัง W124 ในปีต่อมา ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ มีกำลังถึง 360 แรงม้า จึงได้รับสมญาว่า “The Hammer” จากสื่อมวลชนด้านรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา

Mercedes-Benz-190-E-2.5-16-Evolution-II-DTM

ในปี 1988 AMG เป็นผู้ผลิตรถยนต์ Mercedes-Benz 190 E สำหรับการแข่งขัน และยังเป็นทีมงานผู้ดูแลทีมที่ใช้รถยนต์รุ่นดังกล่าวในการแข่งขันรายการเยอรมัน ทัวริ่ง คาร์ แชมเปียนชิฟ (DTM) ด้วย

Mitsubishi-Galant-AMG

Mitsubishi-Galant-AMG

Mitsubishi Galant AMG มาพร้อมชุดแต่ง และเครื่องยนต์ที่โมดิฟายโดย AMG

Mitsubishi-Debonair-AMG

Mitsubishi Debonair AMG รถธงจากค่าย Mitsubishi ที่โมดิฟายโดย AMG

นอกจากนั้น ทาง AMG (ก่อนที่จะเป็นบริษัท In-House ในเครือ Mercedes-Benz) ยังได้เคยโมดิฟายรถยนต์ให้กับทาง Mitsubishi ด้วย ดังที่ปรากฏใน Galant AMG และ Debonair AMG จัดเต็มทั้งเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน

AMG ตกลงร่วมมือกับ Mercedes-Benz ในปี 1990 โดย AMG เริ่มต้นเป็นผู้พัฒนาและผลิตรถแบบสปอร์ตของ Mercedes-Benz ตั้งแต่ปี 1991

Mercedes-C36-AMG

รถยนต์รุ่นแรกที่เอเอ็มจีผลิตร่วมกับกลุ่มบริษัทเดมเลอร์-เบนซ์ (ชื่อในขณะนั้น) คือรุ่น C 36 AMG ซึ่งวางจำหน่ายในปี 1993 ด้วยยอดขายสูงถึง 5,000 คันเมื่อนับถึงปี 1997 ถือเป็นรถยนต์ของ AMG ที่ขายดีที่สุดในขณะนั้น นอกจากนี้รถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นรถ Safety Car อย่างเป็นทางการรุ่นแรกของการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ในปี 1996 อีกด้วย

Mercedes-C32-AMG

รถยนต์รุ่น C 32 AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2001 นั้นใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่พัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร V6 พร้อม Super charger นอกจากนี้ยังมีระบบสัมผัสอันเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจปรารถนา

Mercedes-Benz-SLS-AMG

รถสปอร์ต Mercedes-Benz SLS AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2009 ถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่ Mercedes-AMG พัฒนาขึ้นโดยไม่อาศัยทีมงานภายนอกบริษัทเลย ซึ่งรถรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์พิเศษมากมาย ทั้งเสียงเครื่องยนต์อันโดดเด่น สมรรถนะที่เหนือใคร และประตูที่ทรงปีกนกนางนวล

Mercedes-Benz-SLS-AMG-GT3

ในปี 2011 เอเอ็มจีผลิตรถแข่งรุ่นแรกของบริษัทฯ คือรถยนต์รุ่น SLS AMG GT 3 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะสูงเทียบเท่ารถแข่งของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์

Mercedes-AMG-GT-S

ในปี 2014 Mercedes-AMG ยังตอกย้ำภาพความเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลก ด้วยการนำเสนอรถสปอร์ตระดับเรือธงตระกูล Mercedes-AMG GT ที่พัฒนามาจากรากฐานของรถสปอร์ตตระกูล SLS ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตตระกูลที่ 2 ที่พัฒนาโดย Mercedes-AMG ทั้งหมด แนวคิดต่างๆ ทั้งการวางเครื่องยนต์ให้อยู่บริเวณตอนกลางของตัวรถ (Mid-Engine Concept) เพลาส่งกำลังแบบใหม่ รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักนั้นเป็นผลจากความตั้งใจของทีมวิศวกรที่ต้องการขับ เน้นประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจที่สุด

Mercedes-AMG-A45

Mercedes-AMG จัดจำหน่ายรถยนต์ได้กว่า 70,000 คันในปี 2015 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ซึ่งตัวเลขนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ให้กว้างขึ้น ด้วยการนำเสนอ Compact สมรรถนะสูงตระกูล 43 รวมถึงรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น AMG ทั้งในตระกูล C-Class, SUV และ Compact

Mercedes-AMG ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2017 ด้วยสถิติยอดขายเกือบ 100,000 คัน ในปีก่อนหน้า

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

ปัจจุบัน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ลูกค้าของ Mercedes-AMG จะมีรุ่นรถยนต์ให้เลือกสรรสูงถึง 50 รุ่นที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ที่ทรงพลังที่สุด รถสปอร์ตรุ่น S 65 ที่ใช้เครื่องยนต์ 12 สูบ รถซาลูนและรถเอสเตทที่ใช้เครื่องยนต์หลากหลายแบบ หรือแม้แต่รถ SUV รถยนต์สไตล์ Coupe รถเปิดประทุน Cabriolet และ Roadster

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

และ Mercedes-AMG ยังเป็นผู้พัฒนาเครื่องยนต์แบบ 8 สูบ ทั้งสำหรับรถยนต์ Mercedes-AMG และรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ V8 โดยรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกด้วย

รถพระที่นั่งของในหลวงรัชกาลที่9

รถยนต์ยี่ห้อใดบ้าง ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเลือกใช้เดินทาง

     คนรุ่นใหม่อาจไม่เคยเฝ้ารับเสด็จ จึงอาจไม่เคยเห็นรถยนต์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทำให้ภาพเหล่านี้หาดูยากขึ้นทุกวัน คาร์โร จึงขอนำเสนอยี่ห้อรถยนต์พระที่นั่งของในหลวงรัชกาลที่ ๙ พร้อมกับเรื่องราวของการใช้งาน จำนวน ๖ คัน เพื่อให้คนรุ่นใหม่ หรือเด็กๆ รุ่นต่อไป ได้ศึกษากัน


 

รถพระที่นั่งของในหลวง

1. Mercedes Maybach 62

มายบัคองค์นี้ ทรงใช้เป็นรถยนต์พระที่นั่งสำหรับงานพิธีต่างๆ ที่เป็นทางการ โดยรถพระที่นั่งคันนี้มาแทนที่ ร.ย.ล. ๑ คันก่อน (ภาพล่าง) คือ Rolls – Royce Phantom VI ซึ่งทรงใช้งานอย่างยาวนานร่วม ๓๐ ปี

รถพระที่นั่งของในหลวง

ภาพนี้คือ Phantom VI ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นรถยนต์พระที่นั่งเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. ๒๕๔๗


 

รถพระที่นั่งของในหลวง

2. Cadillac DTS

เป็นรถที่ทรงใช้ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ตัวรถผ่านการดัดแปลงให้เป็นรถเปิดประทุนเพื่อความสะดวกในการประกอบพิธี ดังที่เห็นได้จากในภาพ


 

รถพระที่นั่งของในหลวง

3. Mercedes Benz S600L (W220)

เป็นรถเบนซ์เอสคลาสสีครีม หมายเลขทะเบียน ร.ย.ล.๙๐๑ พระองค์ทรงใช้ในราชการเป็นประจำ แต่ในปัจจุบัน
ใช้ในงานเฉพาะกิจส่วนพระองค์ หรือไม่ได้มีการออกงานใหญ่ๆ

นอกจากรถพระที่นั่งซึ่งใช้ในกิจการของพระราชวังดังที่ได้ยกมา ๓ องค์เบื้องต้นแล้ว ยังมีรถอีก ๒ องค์ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงจัดซื้อด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์ ดังนี้


 

รถพระที่นั่งของในหลวง

4. Toyota Soluna

เป็นรถที่ทรงขับด้วยพระองค์เอง และทรงใช้ทรัพย์ส่วนของพระองค์ในการจัดซื้อ ทำให้ป้ายทะเบียนอยู่ในหมวด ด

รถพระที่นั่งคันนี้มีที่มาที่ไป คือเป็นรถที่ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้บริษัทโตโยต้าเป็นจำนวนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท แต่ทางโตโยต้าขอปฏิเสธ ไม่รับพระราชทานเงินนั้น พระองค์จึงทรงบริจาคเงินส่วนนี้ให้ตั้งโรงสีขาวเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งได้กลายมาเป็นบริษัทข้าวรัชมงคลในปัจจุบัน


 

5. Volkswagen Transporter

รถยนต์พระที่นั่งองค์นี้มีนามเรียกขานว่า “เจมส์ บอนด์” เป็นรถตู้สีเทาอมฟ้าปี ๒๕๔๑ ที่มีความสมถะ และเรียบง่าย

ส่วนเหตุผลที่มีการเลือกรถพระที่นั่งคันนี้มาใช้ในพิธีอัญเชิญพระบรมศพ ได้มีผู้ให้คำตอบไว้ว่า คือเป็นรถที่พระองค์ทรงโปรด ด้านในรถจะเรียบง่ายมาก แทบไม่มีอะไรเลย นอกจากวิทยุเดิมๆ ที่ติดมากับรถ แล้วก็จะมีโต๊ะเล็กๆไว้ทรงงาน สภาพของรถจะมีนายช่างประจำตัว คอยซ่อมแซมให้ตลอด


 

รถพระที่นั่งของในหลวง

6. Mercedes Benz 300SL Gullwing 1955 

รถยนต์องค์นี้เข้าประจำการเพื่อเป็นพระราชพาหนะในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๘

เป็นรถยนต์ที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม น้อมเกล้าฯ ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในสมัยนั้น แล้วได้มีการเปลี่ยนทะเบียนจาก ๑ด๐๐๑๐ ไปเป็น ๑ด๑๑๑๐ ในภายหลัง

ซึ่งรถยนต์องค์นี้ได้มีการเปิดให้นิตรสารทั้งใน และต่างประเทศมีโอกาสได้เก็บภาพ รวมถึงทำประวัติไว้อย่างงดงาม รถยนต์องค์นี้ถือว่าเป็นซูเปอร์คาร์ในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ เป็นรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพที่สูง และมีเพียง ๘ คันในประเทศไทย

ส่วนรถยนต์องค์นี้ถือว่าเป็นองค์ที่สภาพสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย และยังคงเป็นรถที่สมบูรณ์มากที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ได้ใช้งานไปเพียง ๒,๐๒๑ กิโลเมตร ด้วยอายุถึง ๕๗ ปี ท่านทรงรัก และดูแลรถยนต์องค์นี้อย่างดี


 

 

ข้อมูลจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก : นุสรา ชั้นบุญ