ดูแลรถยนต์, Carro

วิธีดูแลรถแสนง่าย สาวๆก็ทำได้

เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคน นอกจากเรื่องเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นๆเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ กลายเป็นเรื่องไกลตัวที่ไม่ถนัดเลยจริงๆ และถ้าคุณเป็นสาวโสด หรือไม่มีญาติผู้ชาย ทำให้ขาดคนช่วยให้คำปรึกษา จะให้พึ่งแต่ช่างยนต์ หรือไปเข้าศูนย์บ่อยๆ ก็เสียเวลาและเงินโดยใช่เหตุ

มาๆ ในบทความนี้ Carro จะช่วยอธิบายขั้นตอนการดูแลรักษารถยนต์แบบง่ายๆ ที่สาวๆ สมัยใหม่อย่างคุณ สามารถทำตามได้แน่นอน! แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้รถยนต์อีกด้วยนะจ๊ะ

น้ำมันเครื่อง-carro

1. น้ำมันเครื่อง

ก่อนอ่านถึงขั้นตอนการดูแล สาวๆจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า น้ำเครื่องมีส่วนสำคัญอย่างไรต่อตัวรถ น้ำมันเครื่อง เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อลื่นให้เครื่องยนต์นั้น สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น สาวๆอาจต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องยนต์อยู่บ่อยๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณน้ำมันเครื่องเพียงพอสำหรับหล่อลื่นให้กับเครื่องยนต์ทั้งระบบนั่นเอง

วิธีตรวจเช็กน้ำมันเครื่องนั้นไม่ยาก เพียงแค่ใช้อุปกรณ์ เช่น เศษผ้า หรือกระดาษทิชชู่ เท่านั้น!

  1. จอดรถให้อยู่ในแนวระนาบ ไม่ลาดเอียง เปิดฝากระโปรงรถยนต์ให้เรียบร้อย
  2. มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา เช็ดทำความสะอาดน้ำมันเครื่อง ที่ติดกับก้านวัดออกด้วยเศษผ้า หรือกระดาษทิชชู่
  3. เสียบก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิมอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องที่มีอยู่ในอ่างน้ำมันเครื่อง
  4. ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่บริเวณปลายของก้านวัด

ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีด “F” กับ “L” หรือ “Max กับ Min” แสดงว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติ ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป แต่ควรรักษาระดับของน้ำมันเครื่องให้อยู่สูงกว่าครึ่งหนึ่ง ของขีด  “F” กับ “L” หรือ “Max กับ “Min” อยู่เสมอ

TIPS:

  • สาวๆ ควรเช็กระดับน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง หรือ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง นะคะ
  • ต้องทำในขณะที่เครื่องยังร้อนหรือมีอุณหภูมิที่ยังคงอุ่นอยู่ โดยให้ตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง หลังจากดับเครื่องประมาณ 1-3 นาที

น้ำมันเบรก-carro
2. น้ำมันเบรก

คือ ของเหลวชนิดหนึ่งไว้ส่งถ่ายแรงจากเท้าเรา ไปยังลูกสูบปั้มเบรคล่าง (คาลิเปอร์) ซึ่งเวลาเบรกนั้น ผ้าเบรกมีส่วนผสมของโลหะ กับจานเบรกที่เป็นโลหะเสียดสีกัน ก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสมนั่นเอง!

วิธีเช็กน้ำมันเบรก เวลาเปิดกระโปรงหน้ารถ เราจะเห็นกระปุกน้ำมันเบรก (จะอยู่ติดกับตัวหม้อลมเบรก) มีคำว่า MAX และ MIN แน่นอนว่า ระดับน้ำมันเบรกต้องอยู่ที่ระดับ MAX เสมอนะคะ

TIPS:

  • ถ้าน้ำมันเบรกตกไปอยู่ที่ระดับ MIN ให้สันนิฐฐานไว้ 2 กรณีว่า อาจมีการรั่วของน้ำมันเบรกออกจากระบบเบรก ออกจากสายเบรก หรือผ้าเบรกอาจสึก เป็นผลให้ซึ่งระดับน้ำมันเบรกลดน้อยลง ควรรีบนำรถไปตรวจที่ศูนย์ซ่อมหรืออู่นะ อย่างปล่อยทิ้งไว้ เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่
  • หมั่นตรวจดูว่าที่ล้อแม็กซ์ หรือเบรก ว่ามีคราบน้ำมันเบรกรั่วซึม หรือกระจายออกมาบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีก็ควรรีบนำรถไปเข้าศูนย์ซ่อมหรืออู่เช่นกันจ้า

 

ยางรถยนต์-carro3. ยางรถยนต์

ถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สาวๆไม่ควรมองข้าม ถ้าหากยางรถยนต์มีการใช้งานเป็นเวลานานแล้ว ควรหมั่นเช็กยางรถยนต์กันสักหน่อยว่า ยางรถยนต์พร้อมใช้งานหรือไม่ หรือหมดสภาพไปแล้วหรือยัง? ไม่งั้นอาจเกิดอันตรายแบบกระทันหันได้นะ เพราะเราเป็นห่วง!

วิธีเช็กยางรถยนต์

  • ความลึกของดอกยางรถยนต์ไม่ควรต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร ซึ่งความลึกของดอกยางใหม่ จะมีความลึกประมาณ 8 – 9 มิลลิเมตร หรือลองใช้ไม้ขีดไฟทิ่มลงไปในร่องยางรถยนต์ ถ้าคุณเห็นหัวไม้ขีดสีแดง ก็หมายความว่าดอกยางเหลือน้อยเกินไปที่จะใช้งานต่อไป!
  • เช็กดูโครงสร้างของยางชำรุดหรือไม่ เช่น ถูกของมีคมบาดเป็นรอยแผลใหญ่ หรือโครงสร้างซ้ำจากการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ปีนขอบทางเท้าอย่างรุนแรง จนเกิดความเสียหายไปถึงกระทะล้อรถยนต์ ซึ่งหมายความว่า หน้ายางรถยนต์ โดยเฉพาะแก้มยางรถยนต์ จะถูกบดไปกับขอบทางเท้า ทำให้ได้รับความเสียหายมากแน่นอน ซึ่งถ้าแก้มยางรถยนต์ มีรอยแตก อาจนำไปสู่ ยางรถยนต์ระเบิด หรือแตก ขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้นะคะ ( ข้อนี้ ถ้าเป็นมือใหม่ อาจมีการกะระยะเลี้ยวผิด ต้องระวังมากๆนะคะ )
  • อายุการใช้งานสูงสุดของ ยางรถยนต์ ไม่ควรเกิน 4-5 ปี นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน

แบตเตอรี่-carro

4. แบตเตอรี่

มีหน้าที่เก็บ-จ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์ทำงาน เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายอย่างภายในรถ เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ และแตร เป็นต้น

วิธีเช็กแบตเตอรี่ ให้ระดับน้ำกลั่นอยู่ในตำแหน่ง UPPER LEVEL ไม่ควรเติมเกินกว่านี้ และสังเกตเวลาสตาร์ทรถ ถ้าเครื่องยนต์สตาร์ทติดยากกว่าปกติ ต้องบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทหลายๆ ครั้ง อาจจะเป็นสัญญานเตือนว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดก็เป็นได้ อ่านต่อ.. 3 สัญญาณเตือน ว่า “แบตเตอรี่” รถยนต์ของคุณกำลังเสื่อม!

TIPS:

  • แบตเตอรี่รถส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 4 – 5 ปี แต่ในภูมิอากาศเขตร้อนอาจจะอยู่ได้แค่ประมาณ 3 ปีเท่านั้น ถ้าชาร์จแบตเตอรี่แล้วพบว่า ประจุไหลออกทั้งที่ไม่ได้ใช้รถ แสดงว่าได้เวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วล่ะ
  • หลังจากซื้อแบตเตอรี่ลูกใหม่ อย่าลืมกำจัดแบตเตอรี่ลูกเก่า ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด แต่โดยปกติ ร้านจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ส่วนใหญ่ จะดูแลเรื่องการกำจัดแบตเตอรี่ให้แก่คุณเอง ข้อนี้หมดห่วง!
  • คุณสามารถทดสอบและชาร์จแบตเตอรี่ได้ที่ร้านจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ใกล้ๆบ้าน
  • ก่อนที่จะหาซื้อไดชาร์จใหม่ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบระบบให้ละเอียดขึ้น
  • ระวังอย่าให้เกิดการลัดวงจรระหว่างขั้วแบตเตอรี่เป็นอันขาด เพราะอาจทำให้เกิดไฟไหม้รุนแรง ทำให้ขั้วต่อเสียหาย หรือเกิดการระเบิด เนื่องจากก๊าซไฮโดรเจนที่เล็ดลอดออกมา

น้ำหล่อเย็น-carro

5. น้ำหล่อเย็น

เป็นของเหลวอีก 1 จุด ที่สาวๆควรตรวจเช็กเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง แต่ถ้ารถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี ควรตรวจเช็กให้บ่อยขึ้น สัปดาห์ละประมาณ 2-3 ครั้ง

วิธีเช็กน้ำหล่อเย็น ควรทำในขณะที่เครื่องยนต์เย็นลงแล้ว (ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อน เพื่อป้องกันแรงดันของน้ำร้อน อาจจะพุ่งขึ้นมาได้นะคะ) โดยเช็กดูระดับน้ำในหม้อพักน้ำของหม้อน้ำให้อยู่ระหว่าง “FULL / MAX” และ “LOW” หากน้ำมีระดับต่ำกว่าขีด “LOW” ให้เติมน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่ในระดับ “FULL / MAX” อยู่เสมอ ไม่ต้องเติมจนเต็มนะ!

TIPS:

  • อย่าปล่อยให้ระบบน้ำยาหล่อเย็นลดลงเกินกว่ากำหนด เพราะถ้าเกิดเครื่องยนต์มีความร้อนสูงมาก จะทำให้เครื่องยนต์น็อคและเสี่ยงพังเอาง่ายๆ
  • ส่วนการเติมน้ำยาหล่อเย็น ให้เติมน้ำยาแบบเดียวกันเท่านั้น เนื่องจากแต่ละยี่ห้อแต่ละสูตร มีการผสมสารเคมีที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อผสมกันอาจทำปฏิกิริยาระหว่างกัน และไปกัดกร่อนส่วนต่างๆ ของระบบระบายความร้อนได้ ในกรณีที่ระดับน้ำในหม้อพักน้ำอยู่ในระดับต่ำ และยังไม่สามารถหาซื้อน้ำยาหล่อเย็นได้ สามารถเติมน้ำกลั่นแทนก่อนได้ค่ะ

น้ำปัดน้ำฝน-carro6. น้ำปัดน้ำฝน

ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยนะ เพราะเวลาขับรถยามฝนตก หรือลุยทางที่มีฝุ่นมากๆ น้ำปัดน้ำฝนช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรกที่กระเด็นมาติดบริเวณกระจกได้

วิธีเช็กน้ำปัดน้ำฝน เปิดฝาถังน้ำ และให้สังเกตุน้ำว่าแห้งหรือไม่ ถ้าแห้ง ให้หาน้ำเปล่ามาเดิมก่อนได้ (น้ำเปล่า คือ น้ำก๊อก, น้ำประปา หรือน้ำดื่ม)

TIPS:

  • ควรเติมให้ได้ระดับขีดที่กำหนดไว้ เผื่อเวลามีเหตุฉุกเฉินขณะขับรถ จะได้มีน้ำฉีดทำความสะอาดกระจกรถ ทำให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน ไม่เป็นอันตรายนะคะ
  • ไม่ควรใช้ แชมพูผสมน้ำ เพราะแชมพู อาจตกตะกอน และทำให้เกิดการอุดดันที่รูหัวฉีด เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่!

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ คิดว่าคงไม่ยากเกินจนสาวๆ ทำตามกันไม่ได้นะคะ สมัยนี้เป็นผู้หญิงต้องสวย และสตรอง!

ภาษีรถยนต์

คิดคำนวณง่ายๆ กับภาษีรถยนต์!

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเพื่อการเดินทางไปไหนมาไหนในชีวิตประจำวัน จนเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตที่ขาดไม่ได้ไปซะแล้ว

แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่ารถยนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันต้องต่อภาษีประจำปีทำให้หลายคนหลงลืมเรื่องการต่อภาษีรถยนต์ ซึ่งหากเลยกำหนดจ่ายภาษีจะถูกปรับ เดือนละ 1% จากอัตราค่าภาษี โดยอัตราค่าภาษีรถนั้นถูกกำหนดโดย พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พศ.2522 และได้ถูกใช้มาถึงปัจจุบัน มาลองคำนวณอัตราค่าภาษีรถกัน

วันนี้เราได้เว็บไซต์ Drivemate มาบอกถึงตัวอย่างการคำนวณภาษีรถยนต์ส่วนบุคคลประจำปีตามข้อกำหนดต่างๆ ดังนี้

ภาษีรถยนต์

รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว อัตราค่าภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง

เช่น รถเก๋ง รถกระบะ 4 ประตู รถ SUV การคำนวณอัตราค่าภาษีจะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่อง (cc)

– ขนาดเครื่อง 600 cc แรก cc ละ 0.5 บาท

– ขนาดเครื่อง 601-1800 cc ละ 1.50 บาท

– ถ้าขนาดเครื่องมากกว่า 1800 cc ละ 4 บาท

** หากเป็นรถที่มีการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป จะได้รับการลดหย่อนภาษีดังนี้ **

รถที่อายุการใช้งาน 6 ปี จะได้ส่วนลด 10%

รถที่อายุการใช้งาน 7 ปี จะได้ส่วนลด 20%

รถที่อายุการใช้งาน 8 ปี จะได้ส่วนลด 30%

รถที่อายุการใช้งาน 9 ปี จะได้ส่วนลด 40%

รถที่อายุการใช้งานเกิน 10 ปี ขึ้นไป จะได้ส่วนลด ลด 50%

 

ตัวอย่างการคำนวณ

ยกตัวอย่าง เครื่องยนต์ 1,500 cc

600 cc แรก cc ละ 0.5 บาท = 600 x 0.5 = 300 บาท

601-1500 cc ละ 1.50 บาท = (1,500 – 600) = 899 x 1.50 = 1,348.50 บาท

รวมค่าภาษี 300 + 1,348.50 = 1,648.50 บาท

 

ในกรณีที่รถมีขนาดเกิน 1800 ซีซี

ยกตัวอย่างคำนวน เครื่องยนต์ 3,000 cc

600 cc แรก cc ละ 0.5 บาท = 600×0.5 = 300 บาท

601-1800 cc ละ 1.50 บาท = (1,800-600) = 1199 x 1.50 = 1,798.50 บาท

เกิน 1801 cc ละ 4 บาท = (3,000 – 1,801) = 1199 x 4.00 = 4,796 บาท

รวมค่าภาษี  300 + 1,798.50 + 4,796 บาท = 6,894.50 บาท

 

ภาษีรถยนต์

รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว คือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่เกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณอัตราค่าภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ ดังนี้

น้ำหนักรถ 501- 750 กก. อัตราภาษี 450 บาท

น้ำหนักรถ 751 – 1000 กก. อัตราภาษี 600 บาท

น้ำหนักรถ 1001 – 1250 กก. อัตราภาษี 750 บาท

น้ำหนักรถ 1251 – 1500 กก. อัตราภาษี 900 บาท

น้ำหนักรถ 1501 – 1750 กก. อัตราภาษี 1,050 บาท

น้ำหนักรถ 1751 – 2000 กก. อัตราภาษี 1,350 บาท

น้ำหนักรถ 2001 – 2500 กก. อัตราภาษี 1,650 บาท

 

ขอบคุณข้อมูล : www.money.sanook.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย Drivemate Blog

เหตุผลที่รถทุกคันต้องต่อ พ.ร.บ. รถยนต์

ทำไมต้องทำ พ.ร.บ.รถ?

แน่นอนว่าการขับขี่รถยนต์บนท้องถนน เราไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถใหม่หรือรถยนต์มือสอง และรถคันไหน ๆ ก็ต้องมี พ.ร.บ. ติดรถทุกคัน

ซึ่งมีชื่อเต็ม ๆ ว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” (Compulsory Third Party Insurance) เพราะเป็นประกันรถยนต์ภาคบังคับที่กฎหมายจราจรบัญญัติให้ทุกคันต้องทำเพื่อให้ต่อภาษีรถยนต์ประจำปีหรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่าป้ายวงกลมนั้นแหละ ว่าแต่ะ พ.ร.บ. ยังมีข้อดีอะไรบ้างนั้น ? เราจะเล่าให้ฟัง

  1. พ.ร.บ. รถยนต์ มีไว้ต่อภาษีประจำปี หรือป้ายวงกลม

ไหน ๆ เราก็ต้องจ่ายเงินทุกปี ๆ ก็ต้องรู้ประโยชน์ของ พ.ร.บ. รถยนต์กันบ้างล่ะ ต้องยอมรับว่าคำว่า พ.ร.บ. รถจะเป็นคำคุ้นชินกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าระบุความหมายจริง ๆ โดยอ้างอิงข้อมูลจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปี 2535 ระบุว่า “รถทุกชนิดต้องทำ พ.ร.บ. ก่อนจึงจะต่อทะเบียนรถได้”

แม้ว่าการต่อ พ.ร.บ. จะเป็นเรื่องง่ายที่ทำได้เอง แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะอาจจะลืมวันขาดต่อได้เช่นกัน แนะนำจดรายละเอียดไว้ให้ดี เพราะหากรถยนต์คันไหนขาดต่อ หรือไม่มี พ.ร.บ. มีความผิดตามกฎหมายจราจรอาจมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

 

  1. ช่วยค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นกรณีเกิดอุบัติเหตุ

เพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สิ่งที่คุณต้องรู้เลย คือการต่อพ.ร.บ. เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานหากเกิดอุบัติเหตุ คือ ดูแลความเสียหายต่อชีวิต ซึ่งจะช่วยดูแลคุณเบื้องต้นหากเกิดการบาดเจ็บ เช่น ค่ายา, ค่าบริการทางการแพทย์, ค่าห้องพัก, ค่าพาหนะนำผู้บาดเจ็บไปสถานพยาบาล และค่าอุปกรณ์รักษา สามารถเบิกค่ารักษาได้ตามจริง (สำรองจ่ายก่อน) แต่ไม่เกินคนละ 30,000 บาท โดยต้องเตรียมเอกสารไปที่บริษัทกลางประกันภัย ดังนี้

  • ใบแจ้งความบันทึกประจำวัน
  • ใบรับรองแพทย์/ใบเสร็จรักษาพยาบาล
  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้ประสบอุบัติเหตุ

หลังจากติดต่อยื่นเอกสารกับบริษัทกลางประกันภัยแล้ว คุณจะได้รับเงินชดเชยตามสิทธิภายใน 7 วันทำการ จ่ายเป็นเงินสด หรือโอนจ่ายเงินเข้าบัญชีธนาคาร ฯลฯ และต้องแจ้งใช้สิทธิภายใน 180 วันหลังจากเกิดเหตุครับ

 

  1. จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร

หากประสบอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิต พ.ร.บ.จะช่วยจ่ายค่าเยียวยากรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรโดยจะได้รับเงินคนละ 35,000 บาท ในกรณีรักษาตัวในโรงพยาบาล แล้วเสียชีวิตลงในภายหลังก็จะได้รับค่าชดเชยรวมกัน [30,000 บาท (ข้อ2) +35,000 บาท (ข้อ 3)] คนละไม่เกิน 65,000 บาทซึ่งต้องนำใบมรณะบัตร และหลักฐานอื่น ๆ มายื่นด้วย หากผู้ใดยื่นคำขอรับค่าเสียหายอันเป็นเท็จ จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  

 

  1. จ่ายสินไหมทดแทน เมื่อพิสูจน์ได้ว่า “ผู้เคลมเป็นฝ่ายถูก”

กรณีที่คุณเป็นฝ่ายถูกหลังจากการพิสูจน์หลักฐานแล้ว พบว่า คุณเป็นฝ่ายถูกต้องไม่ได้ทำผิดกฎหมาย จะได้รับค่าสินไหมทดแทน หรือค่าทำขวัญ ได้แก่

  • รักษาพยาบาลจากอาการบาดเจ็บ 80,000 บาทต่อคน
  • กรณีเสียชีวิตหรือพิการจากอุบัติเหตุดังกล่าว พิจารณาตามเกณฑ์ จะได้รับค่าสินไหมทดแทน 200,000 – 300,000 บาทต่อคน
  • รับค่าชดเชยหากเป็นผู้ป่วยใน 200 บาทต่อวัน แต่ไม่เกิน 20 วัน (รวมไม่เกิน 4,000 บาท)
  • วงเงินคุ้มครองรวมกันสูงสุดไม่เกิน 304,000 บาท
  • วงเงินคุ้มครองรถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง 5 ล้านบาท/ครั้ง
  • วงเงินคุ้มครองรถยนต์เกิน 7 ที่นั่ง 10 ล้านบาท/ครั้ง

อย่างไรก็ดี พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น และใช้เวลาเบิกจ่ายประมาณ 7 วัน มิได้คุ้มครองความเสียหายส่วนทรัพย์สินหรือส่วนรถยนต์แต่อย่างใด

หลังจากอ่านบทความนี้ เราหวังว่าคุณคงได้คำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมต้องทำ พ.ร.บ.รถกันแล้วนะครับ”และสนใจต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ออนไลน์ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส ต่อกับ frank.co.th ได้เลย รับเอกสารทันทีภายใน 3 นาที ไม่ต้องรอให้ยุ่งยาก ไม่ต้องออกบ้านให้เสียเวลา พร้อมยื่นจดภาษีประจำปีได้เล้ย!!

 

ข้อมูลจาก frank.co.th

5 List เตรียมพร้อมก่อนขายรถ คนจะขายรถคันเดิมต้องอ่าน!

ก่อนลงขายรถ เตรียมตัวง่ายๆ ด้วยวิธีการเหล่านี้

Washing-Car-And-Hot-Brakes

1. ล้างรถ

คุณควรทำให้สภาพรถดูดี และสมบูรณ์ เพราะผู้ซื้อรถมือสองทุกคนก็อยากได้รถที่มีสภาพใหม่ เป็นรถที่สภาพพร้อมใช้งาน ดังนั้นคุณก็ควรที่จะนำไปตรวจสภาพตัวรถทั้งภายนอกภายใน ส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องยนต์ รวมไปถึงเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆ อีกทั้งทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในรถ ให้ดูสะอาด แค่นี้รถคุณก็จะเป็นที่น่าสนใจมากแล้วค่ะ

2. เช็คราคา

ก่อนที่คุณจะลงขายรถ ควรเช็คราคากลางของรถเสียก่อน โดยเช็กจากเว็บไซต์ขายรถยนต์มือสองเช่น เว็บ CARRO เพื่อเปรียบเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน ของคันอื่นๆ ว่าตั้งราคาไว้กันประมาณเท่าไหร่ หรืออาจใช้วิธีเอารถเข้าไปเต็นท์รถเพื่อตีราคา (ถ้าคุณไม่อยากเสียเงินกับค่าประเมินราคารถ สามารถส่งรูปรถมาให้ CARRO ตีราคาก่อนได้ Free!) ซึ่งถ้าเป็นรถตลาด สภาพดี และเป็นสีที่ได้รับความนิยม เช่น สีชาว สีบรอนซ์ สีทอง ใช้เวลาไม่นาน ก็ขายได้แน่นอน

การตั้งราคาโดยประมาณ ซึ่งตามหลักแล้ว ราคาที่ตั้งไว้อาจจะมีต่ำกว่านี้ หรือสูงกว่านี้ก็ได้ ราคามือสองจะแตกต่างไปตามคุณลักษณะของสภาพรถ ปีที่ออกรถ ปีที่จดทะเบียน หรืออุปกรณ์ตกแต่งที่มี รวมไปถึงพื้นที่ในการขายรถของแต่ละภาค และรุ่นย่อยในแต่ละรุ่น ซึ่งมีผลต่อค่าเฉลี่ยของราคารถมือสอง

และจะมีค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ ที่ลดลงทุกปีตามอายุของรถ โดยราคาตกลงมาสุดเลยจริงๆ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1-3 หมื่นบาท/คัน (ยกเว้นประเภทรถรุ่นหายากๆ หรือรถที่นิยมเล่นกันเฉพาะกลุ่ม ราคาอาจจะคงที่ต่อเนื่องหลายปี ถึงราคาตกแต่ไม่ตกมากนัก เป็นต้น)

3. ข้อมูลรถ

คุณควรจะบอกตามสภาพรถจริง ว่าตรงไหนดี ตรงไหนชำรุด มีชนมาบ้างหรือไม่ วิ่งมามากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผู้ซื้อจะได้สบายใจในระดับนึง และที่สำคัญเลยข้อมูลของรถ เช่น ยี่ห้อ รุ่นย่อย ปี และรถยังติดไฟแนนซ์อยู่ไหม? ติดอยู่เท่าไร พอผู้ซื้อถามจะได้ตอบได้ถูกต้องอย่างครบถ้วนค่ะ ทำให้การดำเนินการซื้อขายรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว (ถ้าคุณไม่ทราบว่ารถของคุณเป็นรุ่นย่อย หรือปีอะไร สามารถดูในเล่มทะเบียนค่ะ)

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

4. เอกสาร

คุณควรเตรียมเอกสารสำคัญเพื่อให้กับผู้ซื้อได้มั่นใจว่าเป็นรถถูกกฎหมาย เช่น มีเล่มทะเบียนที่ถูกต้อง (ถ้ากรณียังผ่อนไม่หมดสามารถใช้สำเนาเล่มทะเบียนแทนได้ค่ะ) พรบ., เอกสารประกันภัยรถยนต์,ภาษีรถยนต์ประจำปี แต่ถ้าภาษีรถขาด ก็ควรบอกให้ผู้ซื้อได้รับรู้  (ถ้าขาดต่อเกิน 3 ปี คาร์โร มีวิธีมาแนะนำ คลิก)

ซึ่งเอกสารของคุณที่ต้องเตรียมไป ได้แก่

  • สำเนาบัตรประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ (เพื่อจะได้โอนรถไปยังเจ้าของใหม่ได้)
  • สำเนาทะเบียนบ้าน และสุดท้าย ต้องมีเอกสารการโอนรถให้ผู้ซื้ออย่างถูกต้อง (ซึ่งถ้าเป็นส่วนนี้ CARRO จะเตรียมพร้อมให้กับผู้ลงขายรถทุกท่านค่ะ)

New-MG-ZS-2020

5. ถ่ายรูป

เมื่อคุณทำความสะอาดรถเรียบร้อย และเคลียร์ของที่ไม่จำเป็นออกนอกรถ ก็เตรียมหามุมสวยๆ ถ่ายรูปรถ เพราะรูปภาพที่ได้องค์ประกอบดี มุมต่างๆ ดูสมส่วนและสวยงาม ย่อมทำให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ใครถ่ายรูปไม่สวยอาจกังวล ไปดูวิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย คลิก > https://goo.gl/rQkFYJ

สำหรับใครที่อยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai ค่ะ

แบตเตอรี่-รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์ เปรียบเสมือนเป็นหัวใจของรถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์ มีหน้าที่เก็บและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์

นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆ อย่าง เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ และแตร เป็นต้น ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ

1. แบบเปียก  เป็นชนิดที่นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แบ่งย่อยออกได้อีกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง กับ แบบไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free) (หรือ แบบกึ่งแห้ง) ซึ่งจะกินน้ำกลั่นน้อยมาก โดยทั้ง 2 แบบ จะมีฝาปิด-เปิด สำหรับเติมน้ำกลั่น ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 1.5-2 ปี และอายุมักไม่เกิน 3 ปี

2. แบบแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และ มีราคาแพง แบตเตอรี่แบบแห้งนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี แบตเตอรี่แบบนี้ไม่มีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น หรือไม่ก็ถูกซีลทับฝาไปเลย แต่จะมีตาแมวไว้ สำหรับไว้คอยตรวจเช็คระดับน้ำกรด และ ระดับไฟชาร์จ

แบตเตอรี่รถยนต์ ควรเลือกแอมแปร์ให้พอดี หรือมากกว่านิดหน่อย แบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมแปร์มากกว่า จะใช้งานได้ทนนานกว่าแบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมแปร์น้อยกว่า

– รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่องยนต์ 1200-1800 ซีซี ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 45-60 แอมป์

– รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่องยนต์ 2000-3000 ซีซี ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 60-75 แอมป์

-รถเก๋ง ยุโรป เครื่องยนต์ 2000-3000 ซีซี ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 75 แอมป์ ขั้วจม

– รถเก๋ง ยุโรป เครื่องยนต์ 2800-4000 ซีซี ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 แอมป์ ขั้วจม

– รถกระบะ เครื่องยนต์ 2000-3000 ซีซี ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 70-90 แอมป์

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และ การดูแลรักษา ถ้ามีการดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แต่เมื่อถึงอายุการใช้งานของมัน ก็สมควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้แล้ว

แบตเตอรี่-รถยนต์

จริงๆ แล้วไม่ว่าแบตเตอรี่ที่ใช้จะเป็นแบบแห้ง หรือแบบเปียก มักจะมีสัญญาณเตือนก่อนที่แบตฯ จะหมดคล้ายๆ กัน ซึ่งสัญญาณเตือนแบตเตอรี่มีปัญหาหลักๆ ดังนี้

  1. รถสตาร์ทติดยากกว่าปกติ

เวลาสตาร์ทรถเสียงมอเตอร์จะหมุนช้าเหมือนไม่มีแรง หรือถึงขั้นสตาร์ทไม่ติด แสดงว่ามีประจุไฟไม่พอสำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยเฉพาะช่วงเช้า หรือ จอดทิ้งไว้นานหลายวัน  ซึ่งกรณีนี้อย่าเพิ่งฟันธงว่าต้นเหตุมาจากแบตเตอรี่นะครับ

แนะนำ ให้ลองพ่วงชาร์จหลังจากนั้นลองสตาร์ทดูก่อน ลองขับใช้งานปกติ และเมื่อดับเครื่องยนต์กลับมาสตาร์ทติด แสดงว่าไดชาร์จไม่มีปัญหา แต่ถ้าจอดข้ามคืนแล้วสตาร์ทติดยากหรือสตาร์ทไม่ติดคราวนี้ แน่นอนว่าแบตเตอรี่รถคุณเริ่มเสื่อมสภาพไม่สามารถเก็บประจุไฟไว้ได้

  1. อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ

เช่น เปิดกระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงทั้ง 2 ข้าง พร้อมๆ กัน (กระจกคู่หน้า) แต่ถ้ากระจกขึ้นลงหนืด ก็แปลว่าอาการที่เราสตาร์ทรถไม่ติดมาจากแบตเตอรี่เสื่อมนั่นเอง หรือระบบล็อคประตู และการทำงานของกระจกไฟฟ้าช้าลงกว่าปกติ อืดๆ ไม่เร็วเหมือนเดิม

  1. ไฟส่องสว่างด้านหน้ารถยนต์ไม่ส่องสว่างเท่าเดิม

ให้สังเกตุความสว่างของไฟฟ้าตอนกลางคืนว่าลดลงจากปกติหรือไม่ ถ้าความสว่างของไฟหน้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าอาการรถสตาร์ทไม่ติดน่าจะมากจากแบตเตอรี่เสือม แต่ถ้าความสว่างยังปกติดี

ดังนั้น ถ้าคุณพบว่ารถคุณเริ่มมีอาการต่างๆ เหล่านี้ รวมถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ก็ใกล้ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยนแล้ว สิ่งที่คุณควรทำคือ รีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ ก่อนที่จะสร้างความลำบากให้กับคุณได้ แบบไม่มีการบอกล่วงหน้า

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

ข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลย

วันนี้ คาร์โร มีแบบทดสอบที่สามารถเป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมก่อนไปสอบจริง ในหมวดการรับรู้สถานการณ์อันตราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่กำลังจะไปสอบใบขับขี่มากยิ่งขึ้น และทั้งหมดมี 21 ข้อ พร้อมเฉลย (อยู่ด้านล่างของบทความ)

1. รถยนต์คันสีเหลือง และรถยนต์คันสีแดง วิ่งมาถึงทางแยกพร้อมกัน และเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวกัน ดังรูปข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. รถยนต์คันสีเหลือง เป็นฝ่ายผิดเนื่องจากบริเวณทางแยกลักษณะนี้ ต้องให้รถที่อยู่ด้านขวาไปก่อน
  2. รถยนต์คันสีแดง เป็นฝ่ายผิด
  3. ทั้งรถยนต์คันสีเหลือง และรถยนต์คันสีแดง ผิดด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
  4. ไม่มีรถยนต์ฝ่ายใดผิด

 

2. รถยนต์คันสีเหลือง , คันสีแดง และ คันสีขาว เลี้ยวซ้ายพร้อมกัน คันใดกระทำผิดกฎหมาย

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. รถคันสีเหลือง และ สีแดง ผิด เพราะเลี้ยวซ้ายพร้อมกัน
  2. รถคันสีเหลือง และ สีขาว ผิด เพราะเลี้ยวซ้ายพร้อมกัน
  3. รถคันสีแดง และ สีขาว ผิด เพราะเลี้ยวซ้ายพร้อมกัน
  4. รถทุกคัน ผิด เพราะเลี้ยวซ้ายพร้อมกัน

 

3. จากรูป สมมติว่าท่านเป็นผู้ขับรถคันสีแดง และมีความประสงค์จะขับเข้าซอยซ้ายมือด้านหน้า รถโดยสารประจำทางที่กำลังจอดรับส่งผู้โดยสารที่ป้ายรถเมล์ ท่านต้องขับรถอย่างไรจึงจะปลอดภัย

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. หยุดรถหลังรถโดยสารประจำทาง รถให้รถโดยสารประจำทางขับออกไปก่อนแล้วค่อยขับเลี้ยวเข้าซอย
  2. ขับแซงด้านซ้ายรถโดยสารประจำทางแล้วค่อยเลี้ยวซ้ายเข้าซอย
  3. ขับแซงด้านขวารถโดยสารประจำทางแล้วค่อยเลี้ยวซ้ายเข้าซอย
  4. ถูกทั้งข้อ ก, ข. และ ค.

 

4. สมมติว่าท่านขับรถคันสีแดง ออกจากห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าห้างดังรูป ท่านจะต้องขับรถอย่างไรจึงจะปลอดภัย

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. หยุดรถบริเวณทางออกดูรถด้านขวามือ ถ้าไม่มีรถวิ่งมาก็ขับรถเลี้ยวขวาแซงรถประจำทางออกไป
  2. หยุดรถบริเวณทางออก ดูรถด้านขวามือ ถ้าไม่มีรถวิ่งมาก็ดูรถด้านซ้ายมือว่ามีรถมาจอดต่อท้ายรถโดยสารประจำทางหรือ ไม่ ถ้าด้านซ้ายมือไม่มีรถก็ขับรถออกไป
  3. ไม่ต้องหยุดรอ ขับเลี้ยวซ้ายออกมาต่อท้ายรถโดยสารประจำทาง
  4. ถูกทุกข้อ

 

5. จากรูปเป็นการชนประสานงากันระหว่างรถคันสีแดง และ รถคันสีเหลือง ถามว่ารถคันสีแดง หรือ รถคันสีเหลือง เป็นฝ่ายผิด เพราะอะไร

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. รถคันสีแดง ผิด เพราะแซงซ้ายบนทางโค้งส่วนรถคันสีเหลือง ถูก เพราะช่องที่ขับมาเป็นไหล่ทางไม่ใช่
  2. รถคันสีแดง ผิด เพราะขับรถย้อนศร ส่วนรถคันสีแดง ถูกเพราะเป็นไหล่ทางช่องรถวิ่งสามารถขับได้
  3. รถคันสีแดง เป็นฝ่ายถูก เพราะขับรถชิดขอบทางด้านซ้าย ส่วนรถคันสีเหลือง เป็นฝ่ายผิด เพราะขับรถชิดขอบทางด้านขวา
  4. รถคันสีแดง ผิด เพราะแซงด้านซ้าย ส่วนรถคันสีเหลือง ผิดเพราะขับรถย้อนศร

 

6. สมมติท่านขับรถคันสีเขียว ในระหว่างที่ขับรถอยู่นั้นรถในช่องทางด้านขวามือของท่านตั้งแต่รถคันสีชมพู ลงมา อยู่ ๆ ก็หยุดรถท่านเห็นรถในช่องขวามือของท่านหยุด ท่านจะทำอย่างไร

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ขับรถต่อไป เพราะช่องเดินรถของท่านโล่งสามารถขับรถต่อไปได้
  2. เร่งเครื่องยนต์รีบขับขึ้นหน้ารถด้านขวามือ
  3. ชะลอความเร็ว เนื่องจากไม่แน่ใจว่ารถด้านขวาหยุดให้ผู้โดยสารลงรถหรือไม่
  4. หยุดรถ เพราะคาดว่าทางข้างหน้าอาจจะมีคนข้ามถนน


7. ท่านขับรถตามหลังรถโดยสารประจำทาง เมื่อถึงป้ายรถเมล์ รถโดยสารประจำทางจอดให้ผู้โดยสารขึ้นและลงรถ เมื่อท่านเห็นรถโดยสารประจำทางหยุด ท่านจะทำอย่างไร

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ขับแซงด้านขวาขึ้นหน้ารถโดยสารประจำทาง
  2. หยุดรถหลังรถโดยสารประจำทาง เพราะอาจจะมีคนโดยสารรถโดยสารประจำทางเดินตัดหน้ารถโดยสารประจำทาง
  3. ดูว่ามีรถด้านขวาหรือไม่ ถ้าไม่มีรถก็แซงด้านขวา
  4. ชะลอความเร็ว เตรียมแซงรถโดยสารประจำทางด้านซ้ายหรือด้านขวา

 

8. เมื่อท่านขับรถยนต์ไปในทางโค้งด้านขวา รถเสียหลักหลุดโค้งออกไปด้านซ้ายลงข้างทางไปชนเสาไฟฟ้า ถามว่าท่านกระทำผิดกฎหมายจราจรทางบกหรือไม่

  1. ไม่มีความผิด เพราะไม่มีคู่กรณี
  2. ไม่มีความผิด เพราะท่านทำให้เกิดอุบัติเหตุเอง
  3. มีความผิด เนื่องจากไม่ชะลอความเร็วของรถเมื่อขับรถในทางโค้ง
  4. มีความผิด เพราะขับรถไปชนเสาไฟฟ้า

 

9. เมื่อท่านขับรถที่มุ่งหน้าเข้าหาหน้าผาของภูเขาสูงแสดงว่า
ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ถนนที่ท่านกำลังขับรถอยู่นั้นตัดผ่านภูเขา
  2. ถนนที่ท่านกำลังขับรถอยู่นั้นจะต้องเป็นทางโค้งขวาหรือโค้งซ้าย
  3. ถนนที่ท่านกำลังขับรถอยู่นั้นอาจเป็นทางตันไม่สามารถขับผ่านไปได้
  4. ถูกทั้งข้อ ก, ข. และ ค.

 

10. ท่านเห็นรถคันสีแดง ชนกับรถคันสีเหลือง อย่างแรงจนรถทั้ง 2 คันพังยับเยินผู้ขับรถทั้ง 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุตรงบริเวณสามแยก โดยเห็นว่ารถคันสีเหลือง วิ่งออกจากซอย ชนกับรถคันสีแดง ที่วิ่งมาบนถนนสายหลัก ดังรูปถามว่ารถคันใดทำผิดกฎหมาย เพราะอะไร

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ผู้ขับรถคันสีแดง ผิด เพราะไม่ลดความเร็วเมื่อขับรถผ่านทางร่วมทางแยก
  2. ผู้ขับรถคันสีเหลือง ผิด เพราะไม่ให้รถที่มีสิทธิ์ผ่านไปก่อน
  3. ทั้งผู้ขับรถคันสีแดง และผู้ขับรถคันสีเหลือง ผิดด้วยกันทั้งคู่ ด้วยเหตุผลตามข้อ คันสีแดง และ คันสีเหลือง
  4. ผิดทั้งคู่ เพราะผู้ขับรถคันสีแดง ไม่ลดความเร็วเมื่อขับรถผ่านทางร่วมทางแยก และผู้ขับรถคันสีเหลือง ไม่ให้รถที่มีสิทธิ์ผ่านไปก่อน

 

11. เมื่อท่านจะขับรถออกจากปากซอย ดังรูป เหตุการณ์ใดต่อไปนี้ที่ท่านเป็นฝ่ายถูก

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ท่านเลี้ยวซ้ายทันที
  2. ท่านเลี้ยวขวาทันที
  3. ท่านขับตามช่องทางเดินรถไป 1 ช่องแล้วเลี้ยวขวา
  4. ท่านขับรถถึงปากซอยแล้วหยุดทันที

 

12. เมื่อท่านขับรถคันสีขาวถึงบริเวณสี่แยกที่ไม่มีไฟสัญญาณจราจร (ดังภาพ) กรณีใดที่ท่านไม่ใช่เป็นฝ่ายผู้กระทำผิด

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. เลี้ยวซ้ายทันที
  2. เลี้ยวขวาทันที
  3. ขับตรงไปทันที
  4. หยุดทันทีเมื่อถึงทางแยก

 

13. ในขณะที่ท่านกำลังขับรถเลี้ยวขวา ดังรูป ท่านเห็นว่าเบรกไม่ทันรถของท่านจะชนรถคันหน้าจะหักพวงมาลัยรถไถลลงข้างทางไป ชนต้นไม้ ถามว่าการกระทำของท่านทำผิดกฎหมายจราจรทางบกหรือไม่

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ไม่ผิด เพราะไม่ได้ชนรถที่อยู่ข้างหน้า
  2. ผิด เพราะไม่ได้ขับในช่องทางเดินรถแต่ไปชนต้นไม้
  3. ผิด เพราะไม่ลดความเร็วของรถเมื่อขับผ่านทางร่วมทางแยก
  4. ไม่ผิด เพราะไม่มีผู้เสียหาย

 

14. ข้อใดที่แสดงว่า ท่านขับรถไม่เป็น

  1. ขณะที่กำลังขับรถอยู่ มีสุนัขวิ่งตัดหน้ารถ ท่านหักหลบสุนัขลงข้างทาง
  2. ขณะที่กำลังขับรถอยู่ ถูกรถที่ตามหลังมาชนท้ายอย่างแรงจนรถของท่านไปกระแทกรถคันข้างหน้า
  3. ขณะที่กำลังเลี้ยวซ้ายเข้าที่จอดรถ มีรถขับตัดหน้าแย่งเข้าจอดรถ ท่านจึงเหยียบเบรกอย่างแรงแต่รถก็ยังชนรถที่ตัดหน้า
  4. ขับรถไปซื้อของที่หน้าปากซอยท่านก็คาดเข็มขัดนิรภัย

 

15. ท่านขับรถคัน ก. เหตุการณ์ต่อไปนี้ ท่านเป็นฝ่ายกระทำผิดเพราะอะไร

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. แซงอย่างผิดกฎหมาย
  2. ขับล้ำเข้าไปในช่องทางรถสวน
  3. ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อขับผ่านทางโค้ง
  4. ขับรถย้อนศร

 

16. ท่านขับรถคันสีเหลือง จากรูปรถของท่านถูกรถของนาย ก. คันสีแดง ชนบริเวณสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ท่านผิด เพราะไม่ลดความเร็วในรถขณะขับผ่านทางร่วมทางแยก
  2. นาย ก. เป็นฝ่ายผิด เพราะกลับรถในบริเวณทางร่วมทางแยก
  3. ท่านเป็นฝ่ายผิด เนื่องจากประมาท
  4. ทั้งท่านและนาย ก. ผิด เพราะขับรถโดยประมาท

 

17. รถของท่าน (คันสีเขียว) ชนกับรถของนาย ก. คันสีเหลือง ตรงบริเวณที่ท่านกำลังเลี้ยวขวาเข้าซอย ดังรูป

ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. ท่านเป็นฝ่ายผิด เพราะขับล้ำเข้าในช่องทางรถสวน
  2. ฝ่ายนาย ก. เป็นฝ่ายผิด เพราะไม่ยอมให้รถเลี้ยวเข้าซอยไปก่อน
  3. ท่านเป็นฝ่ายผิด เพราะไม่ได้ให้สัญญาณเลี้ยวขวา
  4. ฝ่ายนาย ก. เป็นฝ่ายผิด เพราะไม่ลดความเร็วของรถขณะขับผ่านทางร่วมทางแยก

 

18. สมมติว่าในขณะที่ท่านรอข้ามถนนได้เห็นเหตุการณ์รถตู้ส่งของมีคนนั่ง 2 คนถูกรถเก๋งชนท้ายด้านขวา ทำให้รถตู้หมุน 3 รอบ คนขับรถตู้กระเด็นออกจากตัวรถ ศีรษะฟาดพื้นถนนเสียชิวิตถามว่า เพราะเหตุใดคนขับรถตู้จึงกระเด็นออกจากตัวรถ

  1. รถตู้ถูกชนอย่างแรงจนหมุนเหวี่ยงคนขับให้กระเด็นออกจากตัวรถ
  2. รถเก๋งชนท้ายรถตู้ในมุมเฉียง ๆ ด้านขวา จึงทำให้รถตู้หมุนอย่างแรง
  3. คนขับรถเก๋งคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนคนขับรถตู้ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
  4. คนขับรถเก๋งขับรถด้วยความเร็วสูง ส่วนรถตู้ขับช้า ๆ จึงถูกชนอย่างแรง

 

19. สมมติว่า นาย ก. มีโปรแกรมขับรถตู้พาครอบครัวจากกรุงเทพฯไปท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยออกเดินทางในเวลา 02.00 น. คาดว่าจะไปถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนในเวลาประมาณ 20.00 น. เมื่อขับรถติดต่อกันเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ปรากฏว่ารถเสียหลักแฉลบลงข้างทางชนต้นไม้ เป็นเหตุครอบครัวของนาย ก.ได้รับบาดเจ็บหลายคน ท่านพอจะสันนิษฐานได้หรือไม่ว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากสาเหตุใด

  1. นาย ก. หลับในขณะขับรถ
  2. นาย ก. และคนในครอบครัวของนาย ก. หลับใน
  3. นาย ก. ไม่ชำนาญเส้นทาง
  4. ข้อ ก. และ ข้อ ค. ถูก

 

20. ข้อใดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับรถที่ขับช่องขวาสุด

  1. ถูกรถในช่องทางขับข้ามเกาะกลางมาชนประสานงา
  2. ขับชนท้ายรถคันที่ขับอยู่ข้างหน้า
  3. ขับชนท้ายรถที่กำลังเลี้ยวกลับรถ
  4. หลบรถที่ขับตัดหน้าลงข้างทาง

 

21. เมื่อท่านจะขับรถผ่านบริเวณที่เป็นสี่แยกเล็ก ๆ ดังรูป ท่านคาดการณ์ว่าจะมีเหตุการณ์ใดบ้างที่เกิดขึ้นกับท่าน
ข้อสอบ ใบขับขี่, สถานการณ์อันตราย

  1. น่าจะมีรถพุ่งออกจากซอยซ้ายมือมาตัดหน้าท่าน
  2. น่าจะมีรถพุ่งออกจากซอยขวามือเลี้ยวขวาตัดหน้าท่าน
  3. น่าจะมีรถสวนฝั่งตรงข้ามท่านเลี้ยวขวาตัดหน้าท่าน
  4. เป็นไปได้ทุกข้อ

ขอบคุณข้อมูลจาก: Driving license Quiz

เฉลย
1. 1
2. 2
3. 1
4. 2
5. 4
6. 4
7. 2
8. 3
9. 2
10. 4
11. 4
12. 4
13. 3
14. 1
15. 1
16. 2
17. 1
18. 3
19. 4
20. 3
21. 4

ติวเข้ม 52 ข้อสอบที่ควรรู้ก่อนไปทำใบขับขี่

อ่านข้อสอบครบ ทำใบขับขี่ผ่านแน่นอน

สำหรับใครที่กำลังไปสอบทำใบขับขี่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ ทำใบขับขี่ใหม่ หรือต้องการต่ออายุใบขับขี่ อยากทดสอบความรู้ด้านกฏจราจร ก่อนไปต่อใบขับขี่ 2564 มาลองทำข้อสอบกันก่อน จะไปผ่านง่ายๆ และไม่ต้องเสียเวลาไปสอบใหม่กันค่ะ

1) การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ข. เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถด้วยความเร็วปกติ
ค. หากไม่มีสัญญาณไฟจราจร ให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
ง. เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ

2) ผู้ขับขี่ต้องการเลี้ยวรถต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ชะลอรถและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร
ข. เปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยว 20 เมตร
ค. หยุดรถเพื่อเตรียมตัวเลี้ยว
ง. เร่งความเร็วก่อนเลี้ยว

3) การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ยุดทับเส้นแนวหยุด
ข. หยุดหลังเส้นแนวหยุด
ค. หยุดเลยเส้นแนวหยุด
ง. หยุดเลยป้ายหยุด

4) บริเวณใดห้ามแซง
ก. ทางตรง
ข. ทางที่ปลอดภัย
ค. ทางโล่ง
ง. ทางโค้งรัศมีแคบ

5) การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกินกี่เซนติเมตร
ก. ห่างไม่เกิน 35 เซนติเมตร
ข. ห่างไม่เกิน 30 เซนติเมตร
ค. ห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร
ง. ห่างไม่เกิน 40 เซนติเมตร

6) การขับรถแซงรถคันหน้าต้องแซงด้านขวามือ ยกเว้นกรณีใดที่สามารถแซงด้านซ้ายมือได้
ก. เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
ข. แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายในทางเดินรถช่องทางเดียว
ค. แซงรถคันอื่นในช่องทางขวาของรถที่ถูกแซง
ง. แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายขณะรถวิ่งบนสะพาน

7) รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางได้
ก. รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ข. รถที่จดทะเบียน และเสียภาษีแล้ว
ค. รถที่ขาดต่อภาษี
ง. รถที่แจ้งเลิกใช้ตลอดไป

8) รถในข้อใด ห้ามนำมาใช้ในทาง
ก. รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง
ข. รถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ค. รถที่จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว
ง. รถที่อุปกรณ์ส่วนควบครบถ้วน

9) เขตปลอดภัย หมายความว่าอย่างไร
ก. พื้นที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้ผู้ขับขี่เห็นว่าปลอดภัยขับต่อไปได้
ข. เขตที่ผู้ขับขี่สามารถนำรถผ่านเข้าไปได้
ค. พื้นที่ในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้เห็นได้ชัดเจนทุกเวลาสำหรับ ให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป
ง. เขตที่คนเดินเท้าสามารถข้ามทางได้โดยไม่ต้องหยุดรอ

10) รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางเดินรถได้
ก. รถที่มีเสียงดังกว่าเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด
ข. รถที่มีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ
ค. รถที่มีล้อไม่ใช่ยาง
ง. รถที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังในระดับ 80 เดซิเบล

11) สัญญาณจราจรไฟสีแดงที่ทำเป็นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างไร
ก. จอดรถในช่องเดินรถนั้น
ข. หยุด และจอดรถในช่องเดินรถนั้น
ค. ขับรถในช่องเดินรถนั้น
ง. หยุดรถในช่องเดินรถนั้น

12) เมื่อพนักงานจราจรยืน และเหยียดแขนซ้ายออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

ก. ด้านข้าง
ข. ด้านหน้าและด้านหลัง
ค. ด้านหลัง
ง. ด้านหน้า

13) เมื่อพนักงานจราจรยืน และเหยียดแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบน และตั้งฝ่า มือขึ้น ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

ก. ด้านหลัง
ข. ด้านหน้า และด้านหลัง
ค. ด้านหน้า 
ง. ด้านข้าง และด้านหลัง

14) การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัย และไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงให้ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ข. ลดความเร็วของรถลง และผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ค. จอดรถด้วยความระมัดระวัง
ง. เพิ่มความเร็วของรถและผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว

15) การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลือง.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ลดความเร็วของรถลง และผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ข. หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัย และไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ค. จอดรถ
ง. เพิ่มความเร็วของรถ และผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว

16) ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย ยกเว้นกรณีใดสามารถเดินรถทางขวาหรือ ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้
ก. ไม่มีรถสวนทางมา
ข. ทางเดินรถกว้างมาก
ค. ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง
ง. ทางเดินรถมีน้ำท่วมขัง

17) การให้สัญญาณด้วยแขน โดยผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกตัวรถเสมอระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลาย ครั้ง.หมายถึงผู้ขับขี่นั้นต้องการอะไร

ก. หยุดรถ
ข. เลี้ยวขวา
ค. จะลดความเร็วของรถ
ง. จอดรถ

18) ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าเท่าไร
ก. ในระยะที่จะสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น
ข. ไม่น้อยกว่า 2 เมตร
ค. ไม่น้อยกว่า 1 เมตร
ง. ไม่น้อยกว่า 3 เมตร

19) ผู้ขับขี่ต้องการจะเลี้ยวซ้ายต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายก่อนถึงทางเลี้ยวกี่เมตร
ก. ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ข. ไม่น้อยกว่า 20 เมตร
ค. ไม่น้อยกว่า 25 เมตร
ง. ไม่น้อยกว่า 30 เมตร

20) ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าเท่าใด
ก. 150 เมตร
ข. 100 เมตร
ค. 60 เมตร
ง. 120 เมตร

21) ในการขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. แซงเข้าไปในช่องเดินรถประจำทางได้
ข. ให้ขับรถชิดด้านซ้าย
ค. ในทางที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าไม่ต้องหยุดรอให้รถที่สวนมาผ่านไปได้
ง. ในทางแคบที่ไม่อาจสวนกันได้ ผู้ขับรถคันที่เล็กกว่า ต้องหยุดชิดด้านซ้ายให้รถคันที่ใหญ่กว่าไปก่อน

22) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นขณะที่มีหมอก.ฝุ่น ฝน หรือควัน จนไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ เท่าใด
ก. 60 เมตร
ข. 90 เมตร
ค. 70 เมตร
ง. 80 เมตร

23) บริเวณใดห้ามขับรถแซงรถคันอื่น
ก. ทางโค้งรัศมีแคบ
ข. ในกรณีที่ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ่งกีดขวาง
ค. 150 เมตร จากทางร่วมทางแยก
ง. แซงด้านซ้ายในขณะที่มีรถรอเลี้ยวขวา

24) บริเวณใดสามารถกลับรถได้
ก. ทางเดินรถที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ข. บริเวณบนสะพาน
ค. ระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน
ง. เขตปลอดภัย

25) เมื่อผู้ขับขี่พบเครื่องหมาย “เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด” ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร?
ก. ลดความเร็วของรถลงและเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
ข. หยุดรอจนกว่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวจึงเลี้ยวซ้ายไปได้
ค. หยุดรอให้คนข้ามถนนและรถที่มาจากทางด้านขวามือขับผ่านไปก่อนแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไป
ง. เลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที

26) ผู้ใดไม่มีหน้าที่ให้สัญญาณจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก.พ.ศ.2522
ก. ผู้ขับขี่รถยนต์
ข. พนักงานจราจร
ค. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์
ง. คนเดินเท้า

27) ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ลดความเร็วเมื่อถึงวงเวียน
ข. ลดความเร็วเมื่อถึงที่คับขัน
ค. จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก
ง. ลดความเร็วเมื่อเห็นคนกำลังข้ามทาง

28) บริเวณใดแซงได้
ก. ทางร่วมทางแยก
ข. สะพานเดินรถทางเดียว
ค. ทางโค้งรัศมีแคบ
ง. บนพื้นทางที่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้

29) เมื่อจะเปลี่ยนช่องทางหรือแซงรถทุกครั้งต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. รีบเปลี่ยนช่องทางโดยเร็ว
ข. ต้องให้สัญญาณไฟหรือสัญญาณแตร
ค. แซงขึ้นหน้าแล้วเหยียบเบรกทันที
ง. รีบเร่งเครื่องแซงโดยเร็ว

30) บริเวณใดจอดรถได้
ก. ที่มีป้ายห้ามหยุดรถ
ข. ในอุโมงค์
ค. ทางร่วมทางแยก
ง. ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า

31) การขับรถตามข้อใดปฏิบัติได้ถูกต้อง
ก. ขับรถลักษณะผิดปกติวิสัย
ข. แซงรถในอุโมงค์
ค. ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
ง. ขับรถเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

32) เมื่อถึงทางรถไฟและมีรถไฟกำลังแล่นผ่าน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร
ข. ขับรถผ่านไปโดยเร็ว
ค. ให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไปได้
ง. หยุดรอสัญญาณไฟและเปิดไฟฉุกเฉิน

33) บริเวณใดใช้สัญญาณเสียงแตรได้
ก. โรงเรียน
ข. สถานที่ราชการ
ค. สวนสาธารณะ
ง. โรงพยาบาล

34) เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่หลบหนีจะมีผลอย่างไร
ก. ไม่มีผล เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด
ข. ให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิด
ค. มีผลให้เป็นฝ่ายถูก
ง. จะได้รับการกันไว้เป็นพยาน

35) สัญญาณเสียงแตรใช้ได้เมื่อใด
ก. ใช้ได้เมื่อรถคันหน้าขับช้า
ข. ใช้ได้ตามสะดวก
ค. ใช้ตลอดเวลา
ง. ใช้ได้เมื่อจำเป็นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

36) ขณะขับขี่รถต้องเว้นระยะห่างรถคันหน้าเท่าใด
ก. ในระยะที่ปลอดภัย
ข. 13 เมตร
ค. 50 เมตร
ง. 3 ช่วงตัวรถ

37) ก่อนเลี้ยวรถต้องเข้าช่องทางที่จะเลี้ยวและเปิดไฟเลี้ยวก่อนเลี้ยวรถไม่น้อยกว่ากี่เมตร
ก. 3 เมตร
ข. 30 เมตร
ค. 10 เมตร
ง. 15 เมตร

38) ผู้ขับรถที่ดื่มสุราเมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกินเท่าใด
ก. ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ข. ไม่เกิน 70 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ค. ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ง. ไม่เกิน 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

39) ขณะขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 1,000 ถึง 50,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ง. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

40) ในเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร
ก. ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข. ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค. ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง. ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

41) นอกเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร
ก. ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข. ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค. ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง. ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

42) ในการให้สัญญาณไฟเลี้ยว จะต้องให้ผู้ขับรถคันอื่นเห็นได้ในระยะเท่าไร
ก. ไม่น้อยกว่า 10 เมตร
ข. ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ค. ไม่น้อยกว่า 60 เมตร
ง. ไม่น้อยกว่า 30 เมตร

43) ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถจะต้องให้สัญญาณมืออย่างไร
ก. ให้สัญญาณมือด้วยมือซ้ายเท่านั้น
ข. ให้สัญญาณมือได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา
ค. ไม่ต้องให้สัญญาณมือใด ๆ ทั้งสิ้น
ง. ให้สัญญาณมือด้วยมือขวาเท่านั้น

44) บริเวณทางร่วมทางแยก และมีเครื่องหมายห้ามกลับรถแต่เจ้าพนักงานจราจรอนุญาตให้กลับรถได้ผู้ขับขี่ ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. กลับรถได้
ข. กลับรถได้ถ้าไม่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ค. กลับรถไม่ได้
ง. กลับรถได้ถ้าไม่ใช่ทางร่วมทางแยก

45) ผู้ขับขี่ต้องการกลับรถต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ขับรถช่องทางไหนก็ได้
ข. ดูป้ายจราจรที่อนุญาตให้กลับรถและเข้าช่องทางให้ถูกต้อง
ค. เข้าช่องทางที่มีลุกศรบนพื้นถนนให้ตรงไป
ง. กลับรถที่บริเวณเส้นทะแยงเหลือง

46) ข้อใดปฏิบัติถูกต้อง
ก. รถจักรยานยนต์ต้องขับในช่องเดินรถด้านซ้ายสุด
ข. รถบรรทุกคนโดยสารต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ค. รถบรรทุกสิ่งของต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ง. การเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางด้านขวาหรือซ้ายไม่ต้องดูกระจกด้านซ้ายหรือขวา

47) ในช่องทางเดินรถตั้งแต่สองช่องทางขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ต้องขับรถชิดด้านขวาสุด
ข. ต้องขับรถชิดด้านซ้ายสุด
ค. ต้องขับรถคล่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
ง. ต้องขับรถอยู่ในช่องทางที่ให้ขับตรงไป

48) ผู้ใดได้รับยกเว้นไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยขณะโดยสารรถจักรยานยนต์
ก. ภิกษุ สามเณร
ข. คนโดยสาร
ค. เด็ก
ง. คนขับรถ

49) ข้อใดเปิดไฟฉุกเฉินได้ถูกต้อง
ก. รถเสียหรือรถเกิดอุบัติเหตุ
ข. เปิดได้ตลอดเวลา
ค. มีหมอก
ง. ผ่านทางแยก

50) ในการบรรทุกสิ่งของ.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. บรรทุกได้กว้างกว่าความกว้างของตัวรถข้างละ 1 เมตร
ข. บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหลังไม่เกิน 2.50 เมตร
ค. บรรทุกสูงโดยวัดจากสิ่งของที่บรรทุกได้เกิน 5 เมตร
ง. บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหน้าไม่เกิน 2.50 เมตร

51) การลากจูงรถที่ไม่สามารถใช้พวงมาลัยหรือเบรกได้ควรทำอย่างไร
ก. ใช้คนดันไป
ข. ใช้รถดันไป
ค. ใช้สายพ่วงลากจูงไป
ง. ใช้วิธีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป

52) รถที่มีความเร็วช้า ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ขับรถได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ข. ขับรถชิดขอบด้านขวา
ค. ขับรถที่บริเวณไหล่ทาง
ง. ขับรถชิดขอบด้านซ้าย

สำหรับใครที่ทำใบขับขี่ใหม่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ หรือต่ออายุใบขับขี่ สอบใบขับขี่ผ่าน แต่ว่ามีรถคันเดิมอยู่แล้ว กำลังตัดสินใจจะซื้อรถคันใหม่ แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ขอบคุณข้อมูลจาก: Driving license Quiz

อ่านต่อในหมวดอื่นๆ

จัดของในรถ

ไม่อยากให้รถสุดรักของคุณรก!
ควรเก็บและจัดระเบียบด้วยวิธีตามนี้

คนที่ขับรถหลายคนคงลืมดูแลรถของตัวเองไป ขึ้นรถปุ๊บก็โยนๆ และขับออกไปเลย พอว่างๆ หันมามองหลังรถเราถึงกับผง่ะ นี่รถหรือห้องเก็บของ ในหัวข้อนี้ Carro ได้ผู้ช่วยจาก rabbit finance จะมาช่วยบอกวิธีจัดของสำหรับคนรักรถกันค่ะ

จัดของในรถ

Credit: Orca

1. ตะกร้าเอกสาร

สำหรับคนที่ต้องพกเอกสารภายในรถ ตระกร้าเอกสารเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากค่ะ และยิ่งไม่ใช่ตะกร้าเดียวต้องแบ่งเป็นชั้นๆ เพื่อแยกประเภทเอกสารด้วยจะทำให้หาเอกสารได้สะดวกมากขึ้นค่ะ

 

2. การแบ่งของใส่กล่อง

สำหรับคนที่มีของในรถเยอะๆ เราขอแนะนำให้คุณหากล่องมาใส่สัมภาระค่ะ คุณอาจไปตามร้าน Daiso แล้วใบซื้อกล่องเล็กๆ หลายใบ และกล่องใหญ่ 1 ใบ เพื่อใส่สัมภาระ โดยแรกเริ่มคุณก็ใส่ของชิ้นเล็กลงในกล่องใบเล็กก่อน จากนั้นก็เอากล่องเล็กๆ หลายใบมาใส่ในกล่องใหญ่อีกทีหนึ่งค่ะ

 

3. ที่ใส่ขยะ

สำหรับคนที่ชอบกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มบนรถ เป็นเรื่องจำเป็นมากที่คุณต้องมีถังขยะเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเมื่อคุณมีอะไรก็โยนไว้หลังรถละก็ รถของคุณก็ไม่ต่างอะไรจากรถขยะนั่นแหละค่ะ

 

จัดของในรถ

4. เสบียงในรถ

ถ้าใครที่ขับรถในกรุงเทพ รถติดไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นกิจวัตร เรื่องความหิว ถึงเวลาคุณก็ต้องหิว แต่รถยังติดอยู่ เราจึงควรมีอาหารติดรถไว้ด้วย อาจเป็นแซนวิช หรือเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้หายหิวได้  แต่ไม่ควรเป็นของที่มีกลิ่นแรง หรือของที่ถ้าหกเลอะเทอะจะทำความสะอาดยากค่ะ หรือถ้านำของมีกลิ่นขึ้นรถ สามารถอ่านวิธีการกำจักกลิ่นแบบธรรมชาติได้ที่นี้ คลิก

 

5. อุปกรณ์ทำความสะอาด

นอกจากจมีที่เก็บของ มีที่เก็บเอกสาร มีที่ทิ้งขยะแล้ว เราต้องมีอุปกรณ์ทำความสะอาด สำหรับเก็บกวาดสิ่งสิ่งปรกในรถด้วยค่ะ อาจจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็ก หรือผ้าเปียกฆ่าเชื้อโรคสำหรับเช็ดอาหารที่หก และน้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังถ้ามีก็ดีค่ะ

 

6. เก็บของให้ดีๆ

ซึ่งถ้าคุณทำตามนี้ เชื่อเลยว่ารถของคุณจะสะอาดแน่นอน วิธีเหล่านี้ไม่ใช่วิธีที่ยาก แต่คุณต้องเริ่มทำทันที และคุณต้องเก็บของในกล่อง ใส่เอกสารในตะแกรงภายในรถให้เป็นนิสัย ถึงแม้คุณจะซื้อกล่องซื้อตะแกรงมาแล้ว แต่ถ้าคุณยังมีอะไรโยนไปหลังรถอยู่ คุณก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมค่ะ

 

สุดท้าย ถ้าใครที่สนใจอยากซื้อประกันภัยรถยนต์ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่ rabbit finance ได้ค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก tqm.co.th

ติวเข้ม 78 ข้อสอบ ทำใบขับขี่ พร้อมเฉลย

สำหรับใครที่กำลังไปสอบทำใบขับขี่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ ทำใบขับขี่ใหม่ หรือต้องการต่ออายุใบขับขี่ อยากทดสอบความรู้ด้านกฏจราจร ก่อนไปต่อใบขับขี่ 2564 มาลองทำข้อสอบกันก่อน จะไปผ่านง่ายๆ และไม่ต้องเสียเวลาไปสอบใหม่กันค่ะ

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จำนวนข้อสอบทั้งหมด 78 ข้อ ดังนี้

1) ในขณะขับรถ ผู้ขับขี่ต้องมีเอกสารใดใช้คู่กับใบอนุญาตขับรถ
ก. บัตรประจำตัวประชาชน
ข. สำเนาทะเบียนบ้าน
ค. สำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ง. บัตรประกันสังคม

2) ผู้ขับรถกระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบก และได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจรต้องไปติดต่อชำระค่าปรับภายในกี่วัน
ก. 10 วัน
ข. 7 วัน
ค. 15 วัน
ง. 30 วัน

3) เมื่อใบอนุญาตขับรถสูญหาย หรือชำรุดต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 20 วัน
ข. 30 วัน
ค. 15 วัน
ง. 45 วัน

4) ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีความผิดอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกิน 1 ปี
ข. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ง. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

5) ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวมีอายุกี่ปี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 4 ปี

6) ผู้ขับรถใช้ใบอนุญาตขับรถที่สิ้นอายุมีความผิดอย่างไร
ก. ปรับไม่เกินห้าพันบาท
ข. จำคุกไม่เกินสามเดือน
ค. ปรับไม่เกินสองพันบาท
ง. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน

7) รถที่ไม่เสียภาษีประจำปีภายในกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่มเท่าใด
ก. ร้อยละ 1 ต่อเดือน
ข. ร้อยละ 1 ต่อปี
ค. ร้อยละ 10 ต่อเดือน
ง. ร้อยละ 20 ต่อปี

8) การโอนรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 45 วัน
ค. 20 วัน
ง. 30 วัน

9) การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 10 วัน
ค. 15 วัน
ง. 20 วัน

10) การต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (5 ปี) สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้เท่าใด
ก. 3 เดือน
ข. 4 เดือน
ค. 6 เดือน
ง. 5 เดือน

11) รถยนต์ที่มีอายุครบกี่ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี
ก. 5 ปี
ข. 6 ปี
ค. 3 ปี
ง. 7 ปี

12) การย้ายรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 25 วัน
ง. 20 วัน

13) รถจักรยานยนต์ที่มีอายุครบกี่ปี ต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี
ก. 1 ปี
ข. 3 ปี
ค. 2 ปี
ง. 5 ปี

14) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถ” หมายความว่า
ก. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง 
ข. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.
ค. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์
ง. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถแทรกเตอร์

15) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถยนต์” หมายความว่า
ก. รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล รถแท็กซี่
ข. รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ง. รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล

16) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถจักรยานยนต์” หมายความว่า
ก. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ ถ้ามีถ่วงข้างมีล้ออีกไม่เกินหนึ่งล้อ 
ข. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ
ค. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์มีล้อไม่เกินสองล้อ
ง. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อเกินสองล้อ

17) ข้อใดไม่ใช่ “รถยนต์รับจ้างสาธารณะ”
ก. รถแท็กซี่
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ
ง. รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ

18) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถยนต์บริการ” หมายความว่า
ก. รถยนต์ให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ข. รถยนต์บรรทุกคนโดยสารซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ค. รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ง. รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน

19) ข้อใดคือ “รถยนต์ส่วนบุคคล”
ก. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ข. รถแท็กซี่
ค. รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ
ง. รถยนต์ป้ายแดง

20) รถที่นำมาใช้บนถนนต้องมีลักษณะอย่างไร
ก. รถที่โคมไฟหน้าไม่ติด
ข. รถที่มีเสียงดัง 90 เดซิเบล A
ค. รถที่มีควันดำ 55 เปอร์เซ็นต์
ง. รถที่จดทะเบียนและชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว

21) รถที่สามารถนำมาจดทะเบียนต้องมีลักษณะอย่างใด
ก. รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้อง และผ่านการตรวจสภาพรถ
ข. รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้อง
ค. รถที่ซื้อจากศูนย์จำหน่ายรถทั่วไป
ง. รถที่ผ่านการตรวจสภาพรถจาก.สภานตรวจภาพรถเอกชน

22) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน
ก. รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียน และมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด
ข. รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ค. รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียน และมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
ง. ทุกข้อถูกต้อง

23) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน
ก. รถที่ผู้ผลิตหรือประกอบเพื่อจำหน่ายหรือที่ผู้นำเข้าเพื่อจำหน่าย ผลิต ประกอบหรือนำเจ้า และยังมิได้จำหน่ายให้แก่ผู้อื่น
ข. รถที่เจ้าของรถแจ้งการไม่ใช้รถ
ค. รถจักรยานยนต์นำมาใช้ในหมู่บ้าน
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูกต้อง

24) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้าง
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถดับเพลิง
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูกต้อง

25) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถตู้ส่วนบุคคล
ข. รถของมูลนิธิ
ค. รถของวัด
ง. รถของกระทรวง.ทบวง.กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้าหรือกำไร

26) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถบดถนนของเอกชน
ข. รถบดของรัฐวิสาหกิจ
ค. รถแทรกเตอร์ของเอกชน
ง. รถแทรเตอร์ส่วนบุคคล

27) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถของสภากาชาดไทย
ข. รถแทรกเตอร์ของรัฐวิสาหกิจ
ก. รถของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต
ง. ถูกทุกข้อ

28) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถดับเพลิงของ.อบต.
ข. รถตู้ส่วนบุคคล
ค. รถตู้รับจ้าง
ง. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

29) ประสงค์จดทะเบียนรถต้องยื่นคำขอที่ใด
ก. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง
ข. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา
ค. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก
ง. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนตามสถานที่ตั้งที่จำหน่ายรถนั้น ๆ

30) รถที่จดทะเบียนแล้ว หากประสงค์จะเปลี่ยนสีรถต้องดำเนินการอย่างไร
ก. ดำเนินการเปลี่ยนสีได้ทันที
ข. แจ้งนายทะเบียนภายใน 15 วัน
ค. แจ้งนายทะเบียนภายใน 30 วัน
ง. แจ้งนายทะเบียนภายใน 7 วัน

31) หากประสงค์เปลี่ยนแปลงตัวถังรถต้องดำเนินการอย่างไร
ก. เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงจะมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง
ข. ขออนุญาตนายทะเบียน ตามภูมิลำเนาที่จดทะเบียนรถ
ค. ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงภายใน 15 วัน
ง. ไม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงเพราะไม่ใช่สาระสำคัญของตัวรถ

32) ผู้ตรวจการตาม พ.ร.บ. รถยนต์ คือใคร
ก. เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง
ข. เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก
ค. เจ้าหน้าที่ บริษัทขนส่ง.จำกัด
ง. เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

33) หากประสงค์จะย้ายรถ เจ้าของรถต้องแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 7 วัน
ค. 15 วัน
ง. 60 วัน

34) กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง
ก. มีความผิด ต้องชำระค่าปรับแจ้งย้ายเกินกำหนด
ข. ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น
ค. รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้
ง. ผิดทุกข้อ

35) หากประสงค์จะโอนรถเจ้าของรถต้องแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 60 วัน
ข. 25 วัน
ค. 30 วัน
ง. 15 วัน

36) กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง
ก. ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น
ข. มีความผิด ต้องชำระค่าปรับโอนเกินกำหนด
ค. รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้
ง. ผิดทุกข้อ

37) ข้อใดผิด
ก. รถยนต์ส่วนบุคคล นำมาใช้รับจ้างได้
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ห้ามนำมาใช้ในการรับจ้างบรรทุกผู้โดยสาร
ค. รถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้เพื่อการรับจ้างบรรทุกผู้โดยสาร
ง. รถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้ในกิจการส่วนตัวได้

38) นาย ก.นำรถจักรยานยนต์สาธารณะของตนเองรับส่งภรรยาไปตลาดได้หรือไม่อย่างไร
ก. ได้ เพราะภรรยานาย ก.เป็นคนในครอบครัว
ข. ได้ เพราะรถจักรยานยนต์สาธารณะสามารถนำมาใช้กิจการส่วนตัวของเจ้าของรถได้
ค. ไม่ได้ เพราะรถจักรยานยนต์สาธารณะต้องนำมารับจ้างเท่านั้น
ง. ไม่ได้ เพราะ รถจักรยานยนต์สาธารณะห้ามใช้ในกิจการส่วนบุคคลของเจ้าของรถ

39) รถประเภทใดต่อไปนี้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้
ก. รถจักรยานยนต์สาธารณะ
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถยนต์ส่วนบุคคล
ง. รถตู้ส่วนบุคคล

40) รถยนต์ ไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม (ป้ายแดง) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ขับได้ในช่วงเวลาใด
ก. ขับได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง.16.00 น.
ข. ขับได้ตลอดเวลา
ค. ห้ามขับเพราะยังไม่ได้เสียภาษี
ง. ขับได้ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก

41) รถที่ไม่ได้เสียภาษีภายในเวลาที่กำหนดต้องชำระเงินเพิ่มร้อยละเท่าใด
ก. ร้อยละ 1 บาทต่อเดือน
ข. ร้อยละ 1 บาทต่อปี
ค. ร้อยละ 10 บาทต่อเดือน
ง. ร้อยละ 10 บาทต่อปี

42) รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี จะมีผลตามกฎหมายอย่างใด
ก. ทะเบียนระงับ
ข. สามารถนำรถไปตรวจสภาพและต่อภาษีประจำปีได้
ค. สามารถกระทำได้ตามข้อ 1 และ 2
ง. สามารถนำรถไปแจ้งไม่ใช้ตลอดไปและจดทะเบียนใหม่ได้

43) ข้อใดถูกต้อง
ก. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ข. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ค. รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ง. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 10 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

44) ข้อใดถูกต้อง
ก. รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ข. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ค. รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ง. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 10 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

45) ข้อใดถูกต้องในขณะขับรถ
ก. ผู้ขับรถต้องมีสำเนาใบอนุญาตขับรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ข. ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ค. ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ และสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ง. ผู้ขับรถต้องมีสำเนาใบอนุญาตขับรถ และสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถ

46) ข้อใดถูกต้อง
ก. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลได้
ค. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้
ง. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้

47) ข้อใดถูกต้อง
ก. ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ค. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ง. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้

48) ข้อใดถูกต้อง
ก. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้
ค. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ง. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้

49) ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวมีอายุกี่ปี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 5 ปี

50) หากประสงค์จะเปลี่ยนประเภทใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวเป็นประเภทส่วนบุคคลชนิด 5 ปี ข้อใดถูกต้อง
ก. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 30 วัน
ข. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 60 วัน
ค. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 1 เดือน
ง. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 3 เดือน

51) ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชนิด 5 ปีต่ออายุล่วงหน้ากี่เดือน
ก. 1 เดือน
ข. 3 เดือน
ค. 4 เดือน
ง. 6 เดือน

52) นาย ก.เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว จะต้องไปดำเนินการที่ใด
ก. สำนักงานขนส่งจังหวัด และสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา ทุกแห่ง
ข. สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้น กรุงเทพมมหานคร
ค. สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้น สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง
ง. ผิดทุกข้อ

53) ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วราวต้องมีอายุกี่ปี
ก. ไม่ต่ำกว่า 15 ปี บริบูรณ์
ข. ไม่ต่ำกว่า 16 ปี บริบูรณ์
ค. ไม่ต่ำกว่า 17 ปี บริบูรณ์
ง. ไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์

54) นายชาย พิการไม่มีนิ้วมือข้างซ้าย ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราวได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะ นายชายเป็นผู้มีร่างกายพิการ
ข. ไม่ได้ เพราะ ขัดต่อระเบียบกรมการขนส่งทางบก
ค. ได้ เพราะ หากนายชายมีบัตรผู้พิการ
ง. ได้ เพราะ ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้

55) บุคคลในข้อต่อไปนี้บุคคลใดสามารถขอรับใบอนุญาตขับรถได้
ก. นายชาย ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
ข. นางหญิงเป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ค. นายดำ เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดใบอนุญาต
ง. นางแดง เป็นวัณโรค

56) นายแดง.ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ข้อใดถูกต้อง
ก. นายแดงไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ข. นายแดง ต้องได้รับใบอนุญาตขับรถมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
ค. นายแดง ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
ง. ถูกทุกข้อ

57) ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
ก. ต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร
ข. อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
ค. มีประสบการณ์ในการขับรถมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี
ง. ต้องมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์และใบอนุญาตขับรถยนต์

58) ข้อใดถูกต้อง
ก. มีสัญชาติไทย
ข. ต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร
ค. ไม่เป็นผู้ติดสุรายาเมาหรือยาเสพติดให้โทษ
ง. ถูกทุกข้อ

59) หากปรากฏภายหลังว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตขับรถ ท่านจะปฏิบัติอย่างไร
ก. แจ้งให้นายทะเบียนเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตและนำใบอนุญาตขับรถที่ถูกเพิกถอนส่งคืนกรมการขนส่งทางบก
ข. แจ้งให้นายทะเบียนเพื่อเพิกถอนใบอนุญาต
ค. ใช้ใบอนุญาตขับรถนั้นต่อไป
ง. นำใบอนุญาตขับรถที่ถูกเพิกถอนส่งคืน

60) กรณีถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน

61) กรณีถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน
ก. 45 วัน
ข. 30 วัน
ค. 15 วัน
ง. 60 วัน

62) กรณีถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

63) ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต้องส่งคืนใบอนุญาตขับรถให้แก่นายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

64) ใบอนุญาตขับรถสูญหายต้องแจ้งนายทะเบียนภายในกี่วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

65) ใบอนุญาตขับรถชำรุดในสาระสำคัญต้องแจ้งนายทะเบียนภายในกี่วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

66) เมื่อกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และได้รับคำสั่งผู้ตรวจการรถยนต์ให้ไปรายงานตัวผู้ขับรถจะต้องไปรายงานตัว ต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 3 วัน
ค. 10 วัน
ง. 15 วัน

67) กรณีใดผู้ขับรถยนต์สาธารณะสามารถปฎิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้
ก. ผู้โดยสารเป็นบุคคลวิกลจริต
ข. ผู้โดยสารเมาสุรา
ค. ผู้โดยสารนำทุเรียนส่งกลิ่นขึ้นมาบนรถ
ง. ถูกทุกข้อ

68) ผู้ขับรถยนต์สาธารณะต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้
ข. ไม่สูบบุหรี่

ก. พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่สั้นที่สุด
ง. ถูกทุกข้อ

67) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. เปิดวิทยุเสียงดังเพื่อให้ผู้โดยสารฟังแก้เครียด
ข. พูดคุยเสียงดังรบกวนผู้อื่น
ค. ไม่ทำตนน่ารำคาญ
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

68) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด
ข. พูดคุยเสียงดัง
ค. ใส่เสื้อยืดขับรถ
ง. ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี

69) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. ไม่ก้าวร้าว ดูหมิ่นผู้โดยสาร
ข. พูดคุยเสียงดัง
ค. ใส่เสื้อยืดขับรถ
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

70) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด
ข. ตักเตือนผู้โดยสารเมื่อแต่งกายไม่สุภาพ
ค. ใส่เครื่องแบบพนักงานขับรถในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจประจำ
ง. ไม่ดื่มสุราของมึนเมา

71) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. เปิดวิทยุเสียงดังเพื่อให้ผู้โดยสารฟังแก้เครียด
ข. ไม่เสพยาเสพติดให้โทษ
ค. จอดรถตามความต้องการข้องผู้ดดยสาร
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

72) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. ไม่เสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ข. ขับด้วยความเร็วเมื่อผู้โดยสารเร่งรีบ
ค. ตามใจผู้โดยสารเพื่อให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

73) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. ชวนผู้โดยสารคุยเพื่อความเป็นกันเอง
ข. เมื่อง่วงก็ขออนุญาตผู้โดยสารจอดนอน
ค. ไม่ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ
ง. แจกหมายเลขโทรศัพท์เพื่อหาลูกค้า

74) ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถมีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
ข. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

75) ผู้ใดขับรถโดยใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุมีโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

76) นาย ก.ใช้รถยนต์มาแล้วเป็นปีที่ 6 ประสงค์จะเสียภาษีรถประจำปีต้องใช้เอกสารใดในการชำระภาษีรถ
ก. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, คู่มือจดทะเบียนรถ
ข. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
ค. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน, คู่มือจดทะเบียนรถ
ง. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ

77) เมื่อรถทะเบียนระงับ หากประสงค์จะจดทะเบียนรถใหม่ต้องนำรถไปตรวจสภาพรถที่ใด
ก. สำนักงานขนส่งจังหวัดในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ข. สถานตรวจสภาพเอกชนในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ค. สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสาขาในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ง. ไม่สามารถจดทะเบียนรถได้เนื่องจากทะเบียนระงับแล้ว

78) ประกันภัยชนิดใดใช้ประกอบการต่ออายุภาษีประจำปี
ก. ประกันภัยชนิด 1
ข. ประกันภัยชนิด 2
ค. ประกันภัยชนิด 3
ง. ประกันภัยชนิด คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

สำหรับใครที่ทำใบขับขี่ใหม่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ หรือต่ออายุใบขับขี่ สอบใบขับขี่ผ่าน แต่ว่ามีรถคันเดิมอยู่แล้ว กำลังตัดสินใจจะซื้อรถคันใหม่ แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ขอบคุณข้อมูลจาก: Driving license Quiz

อ่านต่อในหมวดอื่นๆ

เอกสาร-ใบขับขี่

การจัดเตรียมเอกสารต่อใบขับขี่

สำหรับคนที่เคยต่อใบขับขี่มาหลายครั้งอาจจะยังพอจำได้ว่าเอกสารที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง แต่ 5 ปีต่อหนึ่งครั้งก็อาจจะมีหลงมีลืมกันไปบ้าง วันนี้ CARRO จึงขอเสนอวิธีการต่อใบขับขี่ทีละขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ 60-90 วัน

สำหรับผู้ที่ใบขับขี่ใกล้หมดอายุสามารถขอต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ โดยผู้ที่ถือใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 1 ปี สามารถขอต่ออายุล่วงหน้าก่อนใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 60 วัน และจะได้รับเป็นใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 5 ปี

ส่วนผู้ที่มีใบอนุญาตขับรถชนิด 5 ปี สามารถต่ออายุล่วงหน้าก่อนหมดอายุได้ไม่เกิน 90 วัน และจะได้รับเป็นใบอนุญาตขับขี่ชนิด 5 ปี เช่นเดิมค่ะ

เอกสาร ต่อ ใบขับขี่

การขอรับใบขับขี่รถส่วนบุคคลชนิด 5 ปี จากเดิมแบบชั่วคราว 2 ปี

หลักฐานที่ต้องเตรียม

1.ใบขับขี่ส่วนบุคคลเดิมแบบชั่วคราว 1 ปี
2.บัตรประชาชนตัวจริง และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ (เซ็นสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)

  • กรณีชาวต่างชาติ ให้ยื่นใบสำคัญบัตรประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมสำเนา และใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบอนุญาตการทำงาน (Work Permit) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุพร้อมสำเนา

3.ใบรับรองแพทย์ (ออกก่อนยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน) ดูตัวอย่าง ใบรับรองแพทย์ที่ถูกต้อง

สำหรับใครที่อบรมข้างนอกมาแล้วสามารถนำ ใบรับรองการอบรม (กรณีผู้ทำการอบรมนอกกรมขนส่ง) มาประกอบด้วย

ส่วนขั้นตอนดำเนินการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก > https://th.carro.co/blog/driving-license/

หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียน แต่หากหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรม, ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด

 

การขอรับใบขับขี่รถส่วนบุคคลชนิด 5 ปี จากเดิมชนิด 5 ปี

หลักฐานที่ต้องเตรียม

1.ใบขับขี่ส่วนบุคคลเดิมชนิด 5 ปี
2.บัตรประชาชนตัวจริง

ส่วนขั้นตอนดำเนินการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก > https://th.carro.co/blog/driving-license/

หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียน แต่หากหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียนใหม่, การสอบขับรถใหม่ และเพิ่มใบรับรองแพทย์

 

อัตราค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว 5 ปี

ค่าธรรมเนียม: 500 บาท
ค่าถ่ายรูปและพิมพ์บัตร: 100 บาท
ค่าคำขอ: 5 บาท
รวมทั้งสิ้น: 605 บาท

ระยะเวลาการดำเนินการต่อใบอนุญาตขับขี่จะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว ยกเว้นกรณีใบขับขี่เดิมหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรมและทดสอบตามที่กำหนดด้วย

เครดิตข้อมูล: auto.sanook.com,กรมการขนส่งทางบก