ดูแลรถยนต์, Carro

วิธีดูแลรถแสนง่าย สาวๆก็ทำได้

เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคน นอกจากเรื่องเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นๆเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ กลายเป็นเรื่องไกลตัวที่ไม่ถนัดเลยจริงๆ และถ้าคุณเป็นสาวโสด หรือไม่มีญาติผู้ชาย ทำให้ขาดคนช่วยให้คำปรึกษา จะให้พึ่งแต่ช่างยนต์ หรือไปเข้าศูนย์บ่อยๆ ก็เสียเวลาและเงินโดยใช่เหตุ

มาๆ ในบทความนี้ Carro จะช่วยอธิบายขั้นตอนการดูแลรักษารถยนต์แบบง่ายๆ ที่สาวๆ สมัยใหม่อย่างคุณ สามารถทำตามได้แน่นอน! แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้รถยนต์อีกด้วยนะจ๊ะ

น้ำมันเครื่อง-carro

1. น้ำมันเครื่อง

ก่อนอ่านถึงขั้นตอนการดูแล สาวๆจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า น้ำเครื่องมีส่วนสำคัญอย่างไรต่อตัวรถ น้ำมันเครื่อง เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อลื่นให้เครื่องยนต์นั้น สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น สาวๆอาจต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องยนต์อยู่บ่อยๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณน้ำมันเครื่องเพียงพอสำหรับหล่อลื่นให้กับเครื่องยนต์ทั้งระบบนั่นเอง

วิธีตรวจเช็กน้ำมันเครื่องนั้นไม่ยาก เพียงแค่ใช้อุปกรณ์ เช่น เศษผ้า หรือกระดาษทิชชู่ เท่านั้น!

  1. จอดรถให้อยู่ในแนวระนาบ ไม่ลาดเอียง เปิดฝากระโปรงรถยนต์ให้เรียบร้อย
  2. มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา เช็ดทำความสะอาดน้ำมันเครื่อง ที่ติดกับก้านวัดออกด้วยเศษผ้า หรือกระดาษทิชชู่
  3. เสียบก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิมอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องที่มีอยู่ในอ่างน้ำมันเครื่อง
  4. ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่บริเวณปลายของก้านวัด

ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีด “F” กับ “L” หรือ “Max กับ Min” แสดงว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติ ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป แต่ควรรักษาระดับของน้ำมันเครื่องให้อยู่สูงกว่าครึ่งหนึ่ง ของขีด  “F” กับ “L” หรือ “Max กับ “Min” อยู่เสมอ

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน

TIPS:

  • สาวๆ ควรเช็กระดับน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง หรือ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง นะคะ
  • ต้องทำในขณะที่เครื่องยังร้อนหรือมีอุณหภูมิที่ยังคงอุ่นอยู่ โดยให้ตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง หลังจากดับเครื่องประมาณ 1-3 นาที

น้ำมันเบรก-carro
2. น้ำมันเบรก

คือ ของเหลวชนิดหนึ่งไว้ส่งถ่ายแรงจากเท้าเรา ไปยังลูกสูบปั้มเบรคล่าง (คาลิเปอร์) ซึ่งเวลาเบรกนั้น ผ้าเบรกมีส่วนผสมของโลหะ กับจานเบรกที่เป็นโลหะเสียดสีกัน ก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสมนั่นเอง!

วิธีเช็กน้ำมันเบรก เวลาเปิดกระโปรงหน้ารถ เราจะเห็นกระปุกน้ำมันเบรก (จะอยู่ติดกับตัวหม้อลมเบรก) มีคำว่า MAX และ MIN แน่นอนว่า ระดับน้ำมันเบรกต้องอยู่ที่ระดับ MAX เสมอนะคะ

TIPS:

  • ถ้าน้ำมันเบรกตกไปอยู่ที่ระดับ MIN ให้สันนิฐฐานไว้ 2 กรณีว่า อาจมีการรั่วของน้ำมันเบรกออกจากระบบเบรก ออกจากสายเบรก หรือผ้าเบรกอาจสึก เป็นผลให้ซึ่งระดับน้ำมันเบรกลดน้อยลง ควรรีบนำรถไปตรวจที่ศูนย์ซ่อมหรืออู่นะ อย่างปล่อยทิ้งไว้ เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่
  • หมั่นตรวจดูว่าที่ล้อแม็กซ์ หรือเบรก ว่ามีคราบน้ำมันเบรกรั่วซึม หรือกระจายออกมาบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีก็ควรรีบนำรถไปเข้าศูนย์ซ่อมหรืออู่เช่นกันจ้า

 

ยางรถยนต์-carro3. ยางรถยนต์

ถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สาวๆไม่ควรมองข้าม ถ้าหากยางรถยนต์มีการใช้งานเป็นเวลานานแล้ว ควรหมั่นเช็กยางรถยนต์กันสักหน่อยว่า ยางรถยนต์พร้อมใช้งานหรือไม่ หรือหมดสภาพไปแล้วหรือยัง? ไม่งั้นอาจเกิดอันตรายแบบกระทันหันได้นะ เพราะเราเป็นห่วง!

วิธีเช็กยางรถยนต์

  • ความลึกของดอกยางรถยนต์ไม่ควรต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร ซึ่งความลึกของดอกยางใหม่ จะมีความลึกประมาณ 8 – 9 มิลลิเมตร หรือลองใช้ไม้ขีดไฟทิ่มลงไปในร่องยางรถยนต์ ถ้าคุณเห็นหัวไม้ขีดสีแดง ก็หมายความว่าดอกยางเหลือน้อยเกินไปที่จะใช้งานต่อไป!
  • เช็กดูโครงสร้างของยางชำรุดหรือไม่ เช่น ถูกของมีคมบาดเป็นรอยแผลใหญ่ หรือโครงสร้างซ้ำจากการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ปีนขอบทางเท้าอย่างรุนแรง จนเกิดความเสียหายไปถึงกระทะล้อรถยนต์ ซึ่งหมายความว่า หน้ายางรถยนต์ โดยเฉพาะแก้มยางรถยนต์ จะถูกบดไปกับขอบทางเท้า ทำให้ได้รับความเสียหายมากแน่นอน ซึ่งถ้าแก้มยางรถยนต์ มีรอยแตก อาจนำไปสู่ ยางรถยนต์ระเบิด หรือแตก ขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้นะคะ ( ข้อนี้ ถ้าเป็นมือใหม่ อาจมีการกะระยะเลี้ยวผิด ต้องระวังมากๆนะคะ )
  • อายุการใช้งานสูงสุดของ ยางรถยนต์ ไม่ควรเกิน 4-5 ปี นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน

แบตเตอรี่-carro

4. แบตเตอรี่

มีหน้าที่เก็บ-จ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์ทำงาน เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายอย่างภายในรถ เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ และแตร เป็นต้น

วิธีเช็กแบตเตอรี่ ให้ระดับน้ำกลั่นอยู่ในตำแหน่ง UPPER LEVEL ไม่ควรเติมเกินกว่านี้ และสังเกตเวลาสตาร์ทรถ ถ้าเครื่องยนต์สตาร์ทติดยากกว่าปกติ ต้องบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทหลายๆ ครั้ง อาจจะเป็นสัญญานเตือนว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดก็เป็นได้ อ่านต่อ.. 3 สัญญาณเตือน ว่า “แบตเตอรี่” รถยนต์ของคุณกำลังเสื่อม!

TIPS:

  • แบตเตอรี่รถส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 4 – 5 ปี แต่ในภูมิอากาศเขตร้อนอาจจะอยู่ได้แค่ประมาณ 3 ปีเท่านั้น ถ้าชาร์จแบตเตอรี่แล้วพบว่า ประจุไหลออกทั้งที่ไม่ได้ใช้รถ แสดงว่าได้เวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วล่ะ
  • หลังจากซื้อแบตเตอรี่ลูกใหม่ อย่าลืมกำจัดแบตเตอรี่ลูกเก่า ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด แต่โดยปกติ ร้านจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ส่วนใหญ่ จะดูแลเรื่องการกำจัดแบตเตอรี่ให้แก่คุณเอง ข้อนี้หมดห่วง!
  • คุณสามารถทดสอบและชาร์จแบตเตอรี่ได้ที่ร้านจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ใกล้ๆบ้าน
  • ก่อนที่จะหาซื้อไดชาร์จใหม่ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบระบบให้ละเอียดขึ้น
  • ระวังอย่าให้เกิดการลัดวงจรระหว่างขั้วแบตเตอรี่เป็นอันขาด เพราะอาจทำให้เกิดไฟไหม้รุนแรง ทำให้ขั้วต่อเสียหาย หรือเกิดการระเบิด เนื่องจากก๊าซไฮโดรเจนที่เล็ดลอดออกมา

น้ำหล่อเย็น-carro

5. น้ำหล่อเย็น

เป็นของเหลวอีก 1 จุด ที่สาวๆควรตรวจเช็กเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง แต่ถ้ารถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี ควรตรวจเช็กให้บ่อยขึ้น สัปดาห์ละประมาณ 2-3 ครั้ง

วิธีเช็กน้ำหล่อเย็น ควรทำในขณะที่เครื่องยนต์เย็นลงแล้ว (ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อน เพื่อป้องกันแรงดันของน้ำร้อน อาจจะพุ่งขึ้นมาได้นะคะ) โดยเช็กดูระดับน้ำในหม้อพักน้ำของหม้อน้ำให้อยู่ระหว่าง “FULL / MAX” และ “LOW” หากน้ำมีระดับต่ำกว่าขีด “LOW” ให้เติมน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่ในระดับ “FULL / MAX” อยู่เสมอ ไม่ต้องเติมจนเต็มนะ!

TIPS:

  • อย่าปล่อยให้ระบบน้ำยาหล่อเย็นลดลงเกินกว่ากำหนด เพราะถ้าเกิดเครื่องยนต์มีความร้อนสูงมาก จะทำให้เครื่องยนต์น็อคและเสี่ยงพังเอาง่ายๆ
  • ส่วนการเติมน้ำยาหล่อเย็น ให้เติมน้ำยาแบบเดียวกันเท่านั้น เนื่องจากแต่ละยี่ห้อแต่ละสูตร มีการผสมสารเคมีที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อผสมกันอาจทำปฏิกิริยาระหว่างกัน และไปกัดกร่อนส่วนต่างๆ ของระบบระบายความร้อนได้ ในกรณีที่ระดับน้ำในหม้อพักน้ำอยู่ในระดับต่ำ และยังไม่สามารถหาซื้อน้ำยาหล่อเย็นได้ สามารถเติมน้ำกลั่นแทนก่อนได้ค่ะ

น้ำปัดน้ำฝน-carro6. น้ำปัดน้ำฝน

ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยนะ เพราะเวลาขับรถยามฝนตก หรือลุยทางที่มีฝุ่นมากๆ น้ำปัดน้ำฝนช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรกที่กระเด็นมาติดบริเวณกระจกได้

วิธีเช็กน้ำปัดน้ำฝน เปิดฝาถังน้ำ และให้สังเกตุน้ำว่าแห้งหรือไม่ ถ้าแห้ง ให้หาน้ำเปล่ามาเดิมก่อนได้ (น้ำเปล่า คือ น้ำก๊อก, น้ำประปา หรือน้ำดื่ม)

TIPS:

  • ควรเติมให้ได้ระดับขีดที่กำหนดไว้ เผื่อเวลามีเหตุฉุกเฉินขณะขับรถ จะได้มีน้ำฉีดทำความสะอาดกระจกรถ ทำให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน ไม่เป็นอันตรายนะคะ
  • ไม่ควรใช้ แชมพูผสมน้ำ เพราะแชมพู อาจตกตะกอน และทำให้เกิดการอุดดันที่รูหัวฉีด เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่!

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ คิดว่าคงไม่ยากเกินจนสาวๆ ทำตามกันไม่ได้นะคะ สมัยนี้เป็นผู้หญิงต้องสวย และสตรอง!