3-Steps-For-Looking-Used-Car

ขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ซื้อต้องทำ เมื่อเจอรถยนต์มือสองคันที่ต้องการแล้ว

3-Step-For-Looking-Used-Car

เรามาทำความรู้จักกับประกาศขายรถยนต์มือสองบน Website ผู้ประกาศขายจะมี 2 ประเภท ได้แก่

– เจ้าของขายเอง (รถบ้าน)
– ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถเต็นท์)

ผู้ขายทั้งสองประเภทการติดต่อสอบถามจะแตกต่างกันไม่มาก ขั้นตอนง่ายๆ จะต้องทำอะไร ยังไงบ้างไปดูกัน

3-Step-For-Looking-Used-Car

1. โทรสอบถามรายละเอียดรถเบื้องต้น

เมื่อเจอประกาศขายรถ รุ่น-ปีตามที่ต้องการ สภาพถูกใจ ราคาเหมาะสมกับราคาในใจของผู้ซื้อแล้ว ที่ประกาศขายจะมีเบอร์โทรติดต่อไว้ให้ เพื่อสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับรถ เช่น
– รถยังขายอยู่ไหมหรือขายไปแล้ว
– สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถเพิ่มเติม ที่มีนอกเหนือจากที่ผู้ขายให้ข้อมูลไว้ใน Website เช่นรถมีประกันเหลืออยู่ไหมอยู่ไหม?, ใช้งานแล้วกี่ปี ฯลฯ
– นัดเวลา, สถานที่เพื่อขอดูรถ (ในกรณีที่เป็นรถบ้าน) หรือถ้าเป็นรถของผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถเต็นท์) ก็นัดเวลาเข้าไปดูรถที่เต็นท์ได้เลย

Tips :: การสอบถามข้อมูลรถ ข้อหนึ่งที่ควรจะสอบถามเบื้องต้นกับผู้ขายในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการกู้ไฟแนนซ์ ว่ารถคันนั้นจัดไฟแนนซ์ได้เท่าไร เพราะรถแต่ละคัน งบการจัดไฟแนนซ์ต่างกันขึ้นอยู่กับรุ่นและปีรถ เพื่อเป็นการประเมิน ความเป็นไปได้ของงบประมาณที่ผู้ซื้อมี และงบไฟแนนซ์ที่จัดให้ได้กับรถคันนั้น

3-Step-For-Looking-Used-Car

2. เจอรถจริง ดูสภาพรถ ตรวจเอกสาร

เมื่อไปเจอรถจริงก็เป็นขั้นตอนของการ “ตรวจสอบ” โดยการตรวจดูรถที่เราจะซื้อ ก็จะมีสองส่วน คือ

–  ฉลากรถมือสอง

ถ้าเป็นผู้ประกอบการรถยนต์มือสองหรือเต็นท์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกข้อบังคับการแสดงข้อมูลของรถมือสองที่จอดขายในเต็นท์ จำเป็นต้องระบุข้อมูลของรถ เครื่องยนต์ ปีจดทะเบียน เลขไมล์ ชื่อเต็นท์หรือชื่อผู้ขาย นี่คือสิ่งแรก ที่ผู้ซื้อต้องมองหา เมื่อไปเลือกซื้อรถมือสอง

3-Step-For-Looking-Used-Car

–  ตรวจดูสภาพรถที่จะซื้อดี

ส่วนสำคัญของการซื้อรถมือสอง คือขั้นตอนนี้เลยก็ว่าได้ การตรวจสภาพรถ จะตรวจภายนอกรถ สภาพสี สภาพตัวถัง (แชสซีส์) ตรวจสภาพภายในห้องโดยสาร ตรวจสภาพการใช้งานเครื่องยนต์ เลขไมล์ที่บอกถึงการใช้งานของรถ ไฟหน้าปัดแจ้งเตือนต่างๆ จะบอกปัญหาของรถได้ (ถ้ามี)

Tips :: สิ่งสำคัญที่สุดของการตรวจสภาพรถนี้คือ ตรวจภายนอกรถ โครงสร้างรถ และความหนาบางของสี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนการซื้อขายรถ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์ หรือ “มือใหม่” จะเพิ่มความมั่นใจได้กับรถคันนั้นๆ

– ตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับตัวรถ

เอกสารยืนยันการเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ เอกสารบอกรายละเอียดการจดทะเบียน เอกสารการทำประกันภันรถยนต์ ไปจนถึงเอกสารบันทึกการเข้าตรวจเช็คจากศูนย์บริการการ มีเอกสารยืนยันต่างๆ ของตัวรถ ต้องมีให้ผู้ซื้อได้ตรวจสอบเพื่อป้องกันการได้รถเถื่อน หรือรถผิดกฎหมาย รถจำนำ ภายหลังการซื้อ-ขาย

Tips :: เอกสารสำคัญที่ต้องมีคือ เล่มทะเบียนรถ ถ้าเป็นเต็นท์ จะต้องมีใบมอบอำนาจ หรือเอกสารโอนลอย หรือสัญญาการซื้อขาย ต้องระบุได้ชัดเจน ถึงที่มาของการเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ

3-Step-For-Looking-Used-Car 3. เจรจาต่อรอง จ่ายสดลดได้ หรือจะฟรีดาวน์ ไฟแนนซ์มี

เมื่อถูกใจรถหลังจากที่ได้มาเห็นคันจริงๆ แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง ถึงเงื่อนไขราคาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย การชำระเงินผู้ซื้อจะชำระแบบไหน มี 2 แบบดังนี้

– จ่ายสดลดได้
Tips :: ในการซื้อรถมือสองช่วยการต่อรองราคาสุดท้าย ถ้าจะซื้อเงินสดบอกกับผู้ขายสิว่า “ถ้าจ่ายเงินสด ช่วยลดหน่อยได้ไหม..?” ส่วนใหญ่แล้วผู้ขายจะลดราคาให้ ลองเทคนิคนี้นำไปใช้ดู

3-Step-For-Looking-Used-Car

– จะขอไฟแนนซ์ เต้นท์ช่วยเต็มที่   
Tips :: ในกรณีที่ต้องมีการกู้ไฟแนนซ์ ผู้ขายแบบรถบ้าน จะไม่มีบริการหรือดูแลเรื่องการขอไฟแนนซ์ ถ้าผู้ซื้อเงินไม่พอ ต้องหามาเอง แต่ข้อดีของการไปซื้อรถกับเต็นท์นั้น จะดีกว่า มีโปรโมชั่นมากมายที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อเต็มที่ ทั้งฟรีดาวน์ ดาวน์ต่ำ หรือจะฟรีประกันภัย ฟรีค่าจัด ฟรีค่าโอน หรือมีของแถมติดรถให้ เป็นต้น

ขั้นตอนของการไปดูรถจริงมีใหญ่ๆ เป็น 3 ข้อนี้ แต่ละข้อจะมีเทคนิคเพื่อนำไปใช้ในการดูรถในสถานการณ์จริง ลองนำไปใช้กันดู รับรองว่าจะช่วยให้ผู้ซื้อได้รถที่ถูกใจแน่นอน!!

สำหรับใครที่อ่านจบแล้ว รู้สึกอยากขายรถคันเดิมแบบด่วนๆ เพื่อนำเงินไปซื้อรถมือสองในฝันคันใหม่ ปรึกษา Carro หรือขายรถกับ Carro ได้ครับ โดยได้ราคาที่คุณพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง เชิญเข้าไปกรอกรายละเอียดได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “Carro Thailand” ครับผม

toyota-camry-esport

Review Toyota Camry Esport หล่อ…เข้ม…กระชากใจ!!

สารภาพว่าแว่บแรกที่ได้เห็นโตโยต้า คัมรี่ เอสสปอร์ต คันสี่แดงจอดโชว์อยู่….ถึงกะร้องว้าว!!!

ไม่น่าเชื่อว่ารถในกลุ่มนี้ เซ็กเมนต์นี้จะถูกแต่งองค์ทรงเครื่องจากหนุ่มใหญ่ มาเป็นหนุ่มน้อยได้ แถมดูเป็นหนุ่มเข้ม กระเป๋าหนัก กระชากใจสาวน้อย สาวใหญ่ได้ไม่ยาก !!

ถามว่าอะไรมาดึงดูดใจให้เพ้อพร่ำพรรณนาขนาดนี้ ก็เอาเป็นว่ารถคันนี้โดดเด่นตั้งแต่กระจังหน้า ที่ไม่เหมือนกับรุ่นคัมรี่ในรุ่นปกติ โดยกระจังหน้าโครเมียมรมดำดูดุเข้ม แบบ Sport Type ส่วนไฟหน้าโปรเจคเตอร์รมดำเช่นเดียวกัน และที่ดูสวยเฉี่ยวคือไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ไล่เลียงมาด้านข้างจะเห็นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และเส้นสายการออกแบบที่ดูมีมิติ พอมาถึงบั้นท้ายก็จะเห็นไฟท้ายและสปอยเลอร์หลังแถมด้วยท่อไอเสียคู่ Dual Muffler ให้อารมณ์สปอร์ตสุดๆ

มาสำรวจภายในห้องโดยสารกันบ้าง แต่เดิมเมื่อเปิดประตูเข้ามาดูภายในของคัมรี่ในรุ่นปกติจะพบกับความหรูหรา สุขุม นุ่มลึก อะไรประมาณนั้น แต่พอมาเป็นคัมรี่ เอสสปอร์ต ก็แน่นอนว่ามันต้องสปอร์ต ดิบๆดุดัน ( แต่เอาจริงๆรู้สึกว่ามันกระด้างๆแข็งๆไม่สวยยังไงไม่รู้ ) โดยภายในของรถรุ่นนี้ที่โดดเด่นสุดคือเบาะหนังคู่หน้า ที่เป็นทูโทน ตะเข็บขาว ซึ่งตามปกติอะไรที่เป็นสปอร์ตๆเรามักจะเห็นตะเข็บด้ายแดง แต่รุ่นนี้เก๋กว่า ไม่เหมือนใครด้วยตะเข็บขาว!! ตัวเบาะเป็นหนังที่ออกแบบมาให้โอบกระชับ ไม่ลื่น นั่งสบาย มีระบบบันทึกตำแหน่งของผู้ขับขี่ พวงมาลัยปรับไฟฟ้าและกระจกมองข้าง ส่วนเบาะหลังก็กว้างขวาง นั่งสบาย และยังแยกพับ 60:40 ปรับใช้งานได้ใจชอบ

ความเป็นสปอร์ตของรถรุ่นนี้ยังไม่หมด โดยพวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนัง 3 ก้านทรงสปอร์ต  พร้อมสารพัดปุ่มควบคุม อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control  ,ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ และระบบเชื่อมต่อ Hand-free ไร้สาย Bluetooth ,ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift นอกจากนั้นแล้วชุดแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกก็เป็นแบบสปอร์ตเช่นเดียวกัน

ส่วนคอนโซลตรงกลางมีแอร์อัตโนมัติ อิสระแยกซ้าย-ขวา ไล่ลงมาจะเจอจอทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทางและรองรับสมาร์ท จี บุ๊คของโตโยต้า นอกจากนั้นแล้วยังมีระบบเครื่องเสียงรองรับทั้งวิทยุ ซีดี ดีวีดี USB AUX Bluetooth และมีลำโพง 6 ตำแหน่ง ไม่เพียงเท่านั้นยังมี Wireless Charger ระบบชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และที่เกือบจะลืมบอกไปในรุ่นนี้ก็คือ มีหลังคามูนรูฟเพิ่มความเก๋ไก๋เข้ามา

ถือเป็นข้อมูลแบบหอมปากหอมคอในแง่ของดีไซน์ ภายในภายนอก รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆส่วนข้อมูลด้านสมรรถนะนั้น มาพร้อมกับรหัสเครื่องยนต์ 2AR-FE แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-I ความจุกระบอกสูบ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาทีและระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมSequential Shift  โดยมีให้เลือกเป็นเจ้าของ 7 สี ได้แก่ Red Mica Metallic,Light Blue Mica Metallic,Dark Blue Mica Metallic, Diamond White,Silver Metallic ,Gray Metallic และ Attitude Black Mica
สนนราคาตอนเปิดตัวอยู่ที่ 1.639 ล้านบาท (ราคาหลังวันที่ 1 ม.ค. 2559 อาจจะปรับตามภาษีใหม่ )

โดยสรุปหากพูดถึงดีไซน์การออกแบบรูปลักษณ์หน้าตาก็ต้องบอกว่าถูกใจ เพราะดูกระชากวัยลงมาจากหนุ่มใหญ่มาเป็นหนุ่มน้อย แถมยังนำเข้ามาจากออสเตรเลีย ยิ่งทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของดูพราว์ด เพราะเป็นลิมิเต็ด อิดิชั่นอะไรประมาณนั้น แต่ที่ไม่ค่อยถูกใจเท่าไรคือภายในที่ดูดิบกระด้างไปหน่อย แต่ในแง่ความสะดวกนั่งสบายก็ต้องยกให้ ส่วนสมรรถนะจะเป็นอย่างไร จะตอบสนองถูกใจหรือไม่ก็ต้องลองไปทดลองขับกันดูที่โชว์รูมโตโยต้า!!

จากกระแสงานแสดงรถยนต์ประจำปี Motor Expo 2015 เป็นที่สนใจทั้งในส่วนโปรโมชั่นต่างๆ ที่ดึงความสนใจจากผู้ซื้อให้รีบตัดสินใจก่อนปีหน้าราคารถยนต์จะมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงรถรุ่นใหม่ที่ทำการเปิดตัวมากมายภายในงาน

แต่นอกจากรุ่นใหม่ๆ ที่ทำการเปิดตัวไปนั้นก็ยังมีรถรุ่นปัจจุบันที่ยังทำการตลาดขายดี เป็นที่นิยม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่ในงานครั้งนี้ราคาป้ายแดง ของรุ่นนั้นๆ ก็ยังแพงมาก!! แม้จะออกมาสักระยะแล้วก็ตาม
รถมือสองของรถยนต์รุ่นเหล่านั้น เป็นทางเลือกที่ดีและน่าสนใจมากๆ พราะรถรุ่นเหล่านั้นส่วนใหญ่เพิ่งออกมาจากศูนย์รถป้ายแดง ระยะเวลาการใช้งานรถยังน้อย การใช้งานอาจจะยังไม่มาก รถยังอยู่ในสภาพดี และที่สำคัญได้รถโฉมปีที่ยังไม่ตกรุ่น แต่ราคาถูกว่าที่จะไปออกรถป้ายแดงหลายบาท อันนี้คือสิ่งที่น่าสนใจ มาดูกันว่า รถมือสอง รุ่นไหนบ้างที่ถ้าคุณซื้อจะได้โฉมเดียวกับที่นำมาขายในงาน Motor Expo 2015 แต่ราคาถูกกว่า!!!!

1. Toyota Vios โฉมปี 2013  
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Toyota Vios 2013
ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  560,000 บาท
ราคาเริ่มต้นใน Trusteecar.com  399,000 บาท (-161,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -28.75%

รุ่นยอดนิยมจากค่ายโตโยต้า ที่ทำการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ไปเมื่อปี 2013 และได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความเป็นรถ Sedan ขนาดกระทัดรัด คล่องตัวเหมาะมากสำหรับใช้งานในเมือง เครื่องยนต์ขนาด 1500 cc การใช้งานประหยัดน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้และด้วยเพราะเป็น Toyota ผู้ใช้งานจึงมั่นใจในเรื่องของอะไหล่ที่มีรองรับและราคาไม่แพง วีออสในโฉมปี 2013 ราคามือ 1 ป้ายแดงในปัจจุบันในรุ่น Option ต่ำที่สุดอยู่ที่ 560,000 บาท แต่ถ้าเป็นราคารถมือสองในตลาดเริ่มที่ 399,000 บาท ด้วยความที่เป็นรถตลาด ได้รับความนิยม ซื้อง่าย-ขายคล่อง ทำให้ราคามือสองในรุ่นนี้ยังไม่ตกมากนัก แต่ถ้าเลือกดีๆ ได้รถสภาพใหม่ ถือว่าคุ้มแน่นอนสำหรับรุ่นยอดนิยมรุ่นนี้

2. Nissan March โฉมปี 2011 
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Nissan March 2011

ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  400,000 บาท
ราคาเริ่มต้นใน Trusteecar.com 198,000 บาท  (- 202,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -50.50%

เจ้าตลาด Eco Car อีกหนึ่งรุ่นจากนิสสันที่เปิดตัวมานานตั้งแต่ปี 2011 และได้รับความนิยมจนสร้างกระแสแห่งตลาด Eco Car ในประเทศไทย ด้วยรูปทรง ที่น่าดูน่ารัก กระทัดรัด การออกแบบที่ได้รับการยอมรับมาแล้วทั่วโลกของ Nissan March รวมไปถึงจุดเด่นสำคัญคือความประหยัดน้ำมัน ทำให้รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก

March โฉมปี 2011 นี้ออกมาจำหน่ายในไทยเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ March มีจำหน่ายเพียงในต่างประเทศเท่านั้น แม้จะออกมานานสักระยะ มีการออกรุ่น Minorchange มาแต่ว่ารูปลักษณ์เปลี่ยนไปไม่มากจากรุ่นแรก มีเพียงสีให้เลือกมากขึ้น ราคาป้ายแดงของรุ่นนี้อยู่ที่เกือบครึ่งล้านสำหรับ Ecocar ถือว่าราคาแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน หรือถ้าจะหันมามองเป็นมือสองที่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณเกือบ 2 แสนเท่านั้นเป็นราคาที่ถูกใจเงินในกระเป๋าไม่น้อยกับรถที่อาจใช้งานไม่ถึง 4 ปี

3.  Honda Civic FB โฉมปี 2012
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Honda Civic FB

ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่ 783,000 บาท
ราคามือสองเริ่มต้นที่  520,000  บาท (- 263,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -33.58%

รถซีดานยอดนิยมจากค่าย Honda ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ความมั่นใจแก่ผู้ซื้อ ทำให้รุ่นนี้ขายดีอย่างต่อเนื่อง การออกแบบที่ร่วมสมัยดูสปอร์ตภายใต้ ความสะดวกสบายตามแบบมาตฐาน Honda รุ่นนี้จึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อมาใช้งานเป็นอย่างยิ่งทั้งแบบเครื่องยนต์ 1.8 หรือ 2.0
Civic โฉมปี 2012  นี้มีรหัสว่า Civic FB ราคาป้ายแดงตัว Option ต่ำสุดอยู่ที่เกือบ 8 แสนบาท แต่ถ้าลองไปเลือกเป็นรถมือสองในโฉมนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่เพียง 5 แสนต้นๆ เท่านั้น คนที่ชอบ Civic การเลือกเป็นแบบรถมือสองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่รุ่นนี้เปิดตัวมาได้ระยะหนึ่งแล้วและมีกระแสข่าวว่าปี 2016  นี้จะมีการเปิดตัวโฉมใหม่หมดของ Civic แต่ยังไม่มีการระบุวันที่แน่นอนจากค่ายผู้ผลิตในประเทศไทย เพราะฉะนั้นการซื้อฮอนด้า Civic โฉมปัจจุบันในตอนนี้มีโอกาสที่อาจตกรุ่นได้ไวกว่ารุ่นอื่น
4. Isuzu D-Max โฉมปี 2012
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Isuzu D-Max 2012ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  590,000 บาท
ราคามือสองเริ่มต้นที่ 399,000 บาท (-191,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -32.37%

Isuzu แบนด์เจ้าแห่งรถกระบะของเมืองไทย เพิ่งมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในหน้าเก่า Isuzu D-Max Ddi Bluepower ไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดมีเพียงเครื่องยนต์เท่าทั้นที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายภาษีรถยนต์ปี 2559 โฉมปี 2012 นี้ไม่ต่างกับรุ่นปัจจุบันมากนัก เป็นเหมือนเพียง Minor change ภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กับราคาป้ายแดงเริ่มต้นอยู่ที่เกือบ 6 แสนบาท Isuzu D-Max ในราคามือสองเริ่มต้นที่เพียง 4 แสนเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าไม่ติดว่าเครื่องยนต์ จะต้องใหม่เหมือนตัวปัจจุบัน การที่ใช้ ดี-แม็ก มือสอง โฉมปี 2012 นี้เป็นทางเลือกที่จะช่วยให้ท่านประหยัดได้เป็นแสน และคาดว่า Isuzu จะยังทำตลาดกับรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปนี้ อีกสักระยัง เพราะฉะนั้น เลิกกังวลว่าเมื่อซื้อมาไม่นานจะตกรุ่นไปได้เลย

5. Nissan Almera โฉมปี 2014
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Nissan Almera

ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  437,000 บาท
ราคามือสองเริ่มต้นที่  310,000 บาท  (-127,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -29.06%

Eco Car อีกคันจาก Nissan ที่เผยโฉมมาหลัง Nissan March นิดหน่อย โดยนิสสันได้ปล่อยตัว Almera เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนชอบรถ Sedan และประหยัดน้ำมันในแบบ Eco Car เพิ่งมีการเปิดตัว Minor change ไปเมื่อปี 2014 มีเพียงไฟหน้าเท่านั้นที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย เครื่องยนต์และภายในจะคล้ายๆ กับนิสสัน มาร์ช แต่ดูหรูหราสปอร์ตมากว่า ป้ายแดงราคาอยู่ที่ 4 แสนต้นๆ แต่ถ้าเป็นรถมือสอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 3 แสนต่างกันเป็นแสน รถเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานสภาพรถ ถ้าไม่เคยผ่านการชนมา จะสภาพดีมาก รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่ น่าซื้อมือสองมาใช้จริง ๆ

“รถมือสองดีๆ ยังมีอีกเยอะ”
จะเห็นได้ว่าทั้ง 5 รุ่นยอดนิยมนี้ราคารถมือสอง ตกลงมาเป็นหลักแสน นั้นหมายความว่าจะประหยัดเงินไปได้เยอะ และยังได้รถที่ไม่ตกรุ่นอีกด้วยถ้าเลือกรถมือสอง ที่สภาพดีๆ แน่นอนว่ามีอีกมากในตลาด แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับการตรวจสภาพรถ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ตัวเลือกรถมือสองมีให้เลือกมาก การได้ผู้เชี่ยวการในการดู ช่วยเลือก หรือตัดสินใจการซื้อรถมือสองเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ท่านได้รถที่ถูกใจ คุ้มค่าคุ้มราคา
mg-6

รีวิว MG6 ปรับลุคใหม่ หวังแจ้งเกิดให้ได้กับรถซีดานเมืองไทย

เริ่มจะได้เห็นรถแบรนด์เอ็มจีในบ้านเรามากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นน้องเล็กอย่าง เอ็มจี 3 ที่มีเอกลักษณ์ สไตล์สีสันสดใส ถูกใจวัยรุ่น อย่างไรก็ตามในรุ่นพี่ใหญ่ เอ็มจี 6 ที่เปิดตัวนำร่องทำตลาดก่อนกลับไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไร ดังนั้นทางเอ็มจีจึงต้องมีการแต่งองค์ทรงเครื่องกันใหม่หวังเอาใจลูกค้าคนไทย และเพื่อกระตุ้นยอดขายรถในรุ่นนี้ให้คึกคักเหมือนรุ่นน้องบ้าง

ก่อนจะไปสัมผัสกับรถรุ่นใหม่ ก็ขอนำเสนอข้อมูลเทคนิคของเอ็มจี 6 กันก่อน โดยในรุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุถึง 161 แรงม้า (118 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 215 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-4,500 รอบ/นาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด DCT (Dual Clutch Transmission)

ทราบข้อมูลเทคนิคกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาไปสัมผัสกับเอ็มจี 6 ใหม่ โดยทันทีที่ได้เห็น แอบคิดเล็กน้อยว่า…เปลี่ยนตรงไหน!!! สารภาพว่าแว่บแรกคิดแบบนี้จริงๆ คือดูแล้วไม่ต่างจากรุ่นเดิมสักเท่าไร พอมาดูบั้นท้าย…ก็คล้ายคลึงแบบเดิมน่ะ และเพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเองก็เลยเริ่มสำรวจอย่างถี่ถ้วนแบบใกล้ชิด

ว่าแล้วก็เริ่มตั้งแต่รูปลักษณ์หน้าตาด้านหน้ากันก่อน เมื่อมาดูใกล้ๆก็เริ่มเห็นจุดที่เปลี่ยนแปลง (เล็กน้อย) โดยไฟหน้าในรุ่นปรับโฉมใหม่ครั้งนี้เป็นแบบ Bi-Xenon HID ดูทันสมัยและมีประโยชน์ในแง่การส่องสว่างที่มากขึ้นและมุมด้านล่างลงมาเล็กน้อยของไฟหน้าจะมี Headlight Washer หรือระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า อันนี้ถือว่าโอเคเลยเพราะจะช่วยทำความสะอาดและล้างไฟหน้า เพิ่มความปลอดภัยและส่องสว่าง

นอกจากนั้นสิ่งที่น่าสนใจในมุมมองด้านข้างนี้อีกอย่างคือลวดลายของล้อแมกซ์ ดูดุดันกว่ารุ่นเดิม เพราะตัวเดิมดูมีความอ่อนฉ้อยสวยงามไฉไลมาก พอมาถึงบั้นท้ายของรถคันนี้ สารภาพตามตรงๆ เลยว่าไม่ค่อยรักไม่ค่อยเลิฟเท่าไร พยายามจะเพ่งมองทั้งใกล้ทั้งไกล ก็ไม่ค่อยถูกใจกับดีไซน์บั้นท้าย มีความรู้สึกว่าไฟท้ายดูเล็กๆ ดูไม่บาลานซ์กับบอดี้รถยังไงไม่รู้ ยังดีที่มีสปอยเลอร์หลัง ไฟตัดหมอก และตัวท่อที่ปลายท่อเป็นสเตนเลสให้อารมณ์สปอร์ต ทำให้ดูดีขึ้นมาหน่อย เข้ามาสำรวจภายในกันดูบ้าง โดยมุมมองรวมๆ ถือว่ากว้างขวาง ยิ่งหากภายในเป็นสีเบจ ห้องโดยสารจะดูสว่าง โล่ง แต่เมื่อเลือกห้องโดยสารโทนสีดำ ก็จะให้อารมณ์สปอร์ต ตัววัสดุ อุปกรณ์ต่างๆหรือการประกอบดูดี สมราคา  ตัวเบาะของผู้ขับขี่สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง เช่นเดียวกับผู้โดยสารคู่หน้าหากเป็นรุ่นท็อปก็สามารถปรับไฟฟ้าด้วย ตัวเบาะแถวหลัง พนักพิงปรับได้ 60:40 พับราบเป็นแนวเดียวกันเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของได้มากขึ้น

พวงมาลัยของรถรุ่นนี้เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ปรับได้ 4 ทิศทาง ตัวหน้าจอแสดงผลการทำงานด้านหน้ามองง่าย เรือนไมล์เรืองแสงสีขาวตัดกับสีแดง ไล่สายตามาตรงกลางห้องโดยสาร มีจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วที่สามารถทำหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์ มีระบบนำทาง หรือจะโชว์ภาพจากกล้องหลัง หรือด้านความบันเทิงก็ทำได้หมดทั้งซีดี เอ็มพี3 วิทยุ รองรับ USB และ AUX มาพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และยังสามารถเชื่อมต่อบลูธูทกับระบบสมาร์ทโฟนได้ ไม่เพียงเท่านั้น พระเอกที่ทางเอ็มจีมีการพราว์ด ทู พรีเซ้นต์มากก็คือการพัฒนาระบบ inkaNet ที่เป็นระบบอัจฉริยะ เชื่อมต่อระหว่างรถกับเจ้าของรถ โดยจะเชื่อมต่อกันผ่านระบบโทรศัพท์ ทำให้เจ้าของรถได้รู้สถานะว่ารถเป็นอย่างไร อาทิ ปิดประตูสนิทไหม กำลังไฟพอหรือเปล่า หรือน้ำมันเหลือเท่าไร รวมไปถึงยังควบคุมการทำงานของรถได้ อาทิ สั่งล้อกหรือปลดล้อก ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car อีกทั้งยังมีสามารถเตือนความผิดปกติของรถได้ โดยระบบจะแจ้งเตือนเข้ามาในเอสเอ็มเอส ยกตัวอย่างที่จะแจ้งเตือน ก็คือ รถมีการเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือรถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่

เรียกได้ว่าหาจุดขายมาพร้อมรบครั้งใหม่ ซึ่งผลการตอบรับจะเป็นอย่างไรก็ต้องคอยติดตามกันดู แต่ในแง่ภาพรวมๆหลังจากได้สัมผัสกับเจ้าเอ็มจี 6 ใหม่ก็ต้องบอกว่า ดีไซน์ภายนอกไม่ได้ขี้เหร่ แต่หากเทียบกับคู่แข่งอื่นๆที่มีอยู่ในตลาดแล้วก็อาจจะเป็นรองแน่นอน ส่วนเรื่องภายในก็ทำได้ดี แถมระบบต่างๆที่พยายามใส่เข้ามาก็ถือเป็นการเพิ่มแวลูให้รถรุ่นนี้ดูดีมากขึ้น เอาเป็นว่าลูกค้าที่ยังลังเลใจหรือยังไม่รู้จักกับแบรนด์นี้ ก็ลองเข้าไปแวะชมและทดลองขับกันได้ที่โชว์รูมของเอ็มจีทั่วประเทศ

โดยเอ็มจี 6 มีให้เลือก 5 สีได้แก่ สีขาว Arctic White, สีดำ, สีแดง, สีเงิน และสีเทา ส่วนในรุ่นฟาสต์แบ็ค มีสีพิเศษตัวถังขาว Arctic White หลังคาดำ เอาใจพวกชอบแต่งรถให้ดูเป็นสปอร์ต

สนนราคาของเอ็มจี 6 ใหม่ มีด้วยกัน 2 แบบให้เลือก คือฟาสต์แบ็ค (Fastback)
รุ่น 1.8 C 828,000 บาท
รุ่น 1.8 D 908,000 บาท
รุ่น 1.8 D Sunroof 938,000 บาท
รุ่น 1.8 X 1,008,000 บาท
และรุ่น 1.8 X Sunroof 1,038,000 บาท

ส่วนในรุ่น ซีดาน (Sedan) เริ่มต้นที่
รุ่น 1.8 C  818,000 บาท
รุ่น 1.8 D 898,000 บาท
รุ่น 1.8 D Sunroof 928,000 บาท
รุ่น 1.8 X 998,000 บาท
และรุ่น 1.8 X Sunroof 1,028,000 บาท

ถือเป็นความพยายามของเอ็มจี ที่ต้องการจะผลักและดัน เอ็มจี 6 ให้สามารถแจ้งเกิดในบ้านเรา แต่มุมมองรวมๆการดีไซน์แม้จะเป็นการปรับโฉมใหม่ แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่มีจุดแข็งทั้งในแง่ของแบรนด์ ดีไซน์ และแฟนเฉพาะกลุ่มแล้วก็ต้องถือว่าเป็นการบ้านที่หนักหนา อย่างไรก็ตามก็ต้องให้คะแนนความพยายาม โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาสวมใส่เพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่และรถ ก็ถือเป็นการอำนวยความสะดวกและให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้

suzuki-ciaz

Review Suzuki Ciaz – หรูหราเหนือระดับฉีกคำนิยาม ECO Car

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) แม้จะเป็นอีโคคาร์ 4 ประตู แต่ด้วยขนาดที่เห็นแล้ว ต้องบอกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ารถขนาดบี-เซ็กเมนต์เลยแม้แต่น้อย  แถมยังอาจจะใหญ่กว่าในบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ เครื่องยนต์ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 116 นิวตัน-เมตร บล็อกเดียวกับซูซูกิ สวิฟท์ จะนำพาขนาดที่ใหญ่โตกว่าเยอะไปได้หรือ หลังจากขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมออกเดินทาง

กำลังในช่วงออกตัวดูดีน่าสนใจ บางจังหวะกดแรงไปนิด ถึงกับหลังติดเบาะ เพิ่มน้ำหนักที่คันเร่งมากขึ้น ความเร็วตามมาในทันที ไต่ระดับความเร็วขึ้นไปจนถึง 120 กิโลเมตต่อชั่วโมง ได้แบบชิล ชิล ด้วยความไหลลื่นของเครื่องยนต์ และช่วงล่างที่ให้ความมั่นคง เลยมั่นใจเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก แต่กาลกลับกลายว่า ช่างล่างค่อนข้างลอย จนต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งเพิ่มน้ำหนักที่มือ  เพื่อควบคุมตัวรถให้ไปไม่สั่นไหวจนเกินไป เกียร์อัตโนมัติ CVT ทำงานได้ค่อนข้างราบรื่นในจังหวะทำความเร็วไปเรื่อยๆ

ไม่มีอาการกระตุกให้ได้รู้สึก จะมีตอนถอนคันเร่งในช่วงรอบเดินเบา ความเร็วต่ำ มีอาการสะอึกนิดหนึ่ง คราวแรกไม่แน่ใจ ลองดูใหม่ ยังคงเป็นอยู่ แสดงว่าเป็นบุคลิกจริง  แม้จะรูปร่างใหญ่โต แต่ความคล่องตัวในการใช้ในตัวเมือง ยังคงมีให้อย่างเต็มที่ ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่เรียกมาใช้ในช่วงตีนต้นได้ดี และช่วงล่างที่ให้ความมั่นคงในการเปลี่ยนเลน หลบหลีกเพื่อนร่วมทางได้ค่อนข้างดี ดีไซน์ของ ซูซูกิ เซียส เน้นความโอ่อ่าภูมิฐาน สอดคล้องกับขนาดที่ใหญ่โต ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ สอดรับกับกระจังหน้าแถบห้าเส้น ที่มีโลโก้ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอก เส้นสายด้านข้างไหลลื่นต่อเนื่องถึงท้าย

ไฟท้ายเรียบหรู บางมุมดูคล้ายรถซีดานหรู ภายในออกแบบให้ดูเรียบเนียน อาจจะด้วยเพราะลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เพื่อไม่ต้องละสายตาจากถนน ชุดเครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก ผ่านช่องเชื่อมต่อ AUX  และ USB ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมความเย็นได้ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร แม้ช่องแอร์หลังไม่มีก็ตาม เข้าไปนั่งด้านหลังเป็นผู้โดยสาร อนุมานตัวเองว่าเป็นผู้บริหารหนุ่มมาดเท่ พื้นที่วางเท้ามีให้อย่างเหลือเฟือ ขนาดภายนอกทีมองว่าใหญ่

บอกเลยว่างานนี้ซูซูกิ เซียส ใหญ่จริง เพราะมีหลายครั้งหลายคัน ที่ดูภายนอกใหญ่โตมโหฬาร แต่พอเข้าไปนั่งด้านหลัง กลับอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เบาะนั่งนุ่มสบาย แต่สั้นไปนิดรองรับต้นขาไม่เต็มที่ นั่งระยะทางนานๆ อาจมีเมื่อย พนักพิงเบาะนั่งหลังตรงกลาง มีท้าวแขนให้ดึงออกมาใช้งาน และยังเป็นที่วางแก้วน้ำอีกด้วย

เติมเต็มความสบาย และหรูหราได้มากยิ่งขึ้น  ความนุ่มนวลของซูซูกิ เซียส ด้วยช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สัน สตรัท หลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการขับผ่านหลุมบ่อ เนินลูกระนาด หรือคอสะพาน  เบาะนั่งด้านหลังไม่มีอาการกระเด้งกระดอนเลยแม้แต่น้อย และรวมถึงจังหวะเลนเชนจ์ ที่แม้จะมีอาการเหวี่ยงอยู่บ้าง แต่ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความยาวของตัวรถด้วยความซนส่วนตัว ระหว่างนั่งเบาะหลังว่างๆ เลยล้วงแคะแกะเกาไปเรื่อย ปรากฎว่าพบกับสิ่งที่น่าสงสัย ทำไมถึงไม่ทำให้เนียนกว่านี้ คือกำมะหยี่ที่ปิดหลังคาด้านในช่วงลาดเสาซี หรือตรงรอยต่อกระจกหลัง
เมื่อลองกดดูมีอาการยุบตัว ประมาณว่าไม่เป็นเนื้อเดียวกับเหล็กหลังคา เหมือนจุดอื่นๆ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ติดตั้งผิดพลาด เพราะไม่ได้ล่อนหลุดออกมา

Mazda-CX-3

ดีจริงหรือไม่ กับ Mazda CX-3 อยากรู้ไปดูกัน

ต้องยอมรับว่า กระแสรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก หรือ บีเอสยูวีในบ้านเรานั้นมาแรงจริงๆ หลังจาก นิสสัน จู๊ค ได้สร้างกระแสให้กับคนที่เบื่อรถยนต์ บีคาร์ ซีคาร์ทั่วไป และก็ยังเอื้อมไม่ถึงที่จะก้าวไปสู่ตลาดรถยนต์เอสยูวี

บวกกับรูปร่างหน้าตาการดีไซน์ของรถประเภทนี้สามารถใส่ลูกเล่น เข้าไปได้ทั้งความโฉบเฉี่ยวแบบมีดีไซน์ในสไตล์ที่แตกต่าง ก่อนที่จะตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดจองถล่มถลาย จากรถ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ที่ยิ่งทำให้ความร้อนแรงของรถประเภทนี้ในบ้านเราได้รับการยอมรับที่กว้างขวางเพิ่มมากขึ้น

ล่าสุดกับค่ายซูมซูมที่เพิ่งทำคลอด สปอร์ต ครอสโอเวอร์น้องใหม่ หมาดๆ สำหรับตลาดบ้านเรา ที่ต้องบอกว่าให้หมาดๆ สำหรับตลาดบ้านเรา เพราะรถคันนี้ “มาสด้า ซีเอ็กซ์ 3 เปิดตัวออกสู่ตลาดโลกมาสักระยะ

Mazda CX-3

ก่อนที่มาสด้าประเทศไทยจะตัดสินใจนำรถคันนี้เข้ามาผลิต และทำตลาดในบ้านเรา ด้วยหวังว่าจะดึงความต้องการจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอัพเกรดจากบีคาร์ขึ้นมา  แต่ยังก้าวไปไม่ถึงรถเอสยูวี และกลุ่มซีคาร์ ต้องการเปลี่ยนแนวหันหน้ารถเอสยูวี ซึ่งมาสด้าเชื่อว่า ซีเอ็กซ์ 3 คันนี้ คือคำตอบ…

ชื่อชั้นเรื่องการออกแบบ ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ของมาสด้า นั้นถือว่ากินขาด… สวย สะดุดตา ทุกเจเนเรชั่น ตั้งแต่ มาสด้า ซีเอ็กซ์ 5  มาสด้า 2 มาสด้า 3 และ ซีเอ็กซ์ 3 คันนี้ ถือว่าไม่ผิดหวังจริงๆ พร้อมสะกดทุกสายตา มองแว๊บ… บางความรู้สึกรถคันนี้ถือมาสด้า 2 ยกสูงนั่นเอง

ซีเอ็กซ์ 3 มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์หลักคือ 2 ลิตร เบนซิน สกายแอคทีฟจี  และเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร สกายแอคทีฟดี ตอนนี้เราจะนำเสนอในรุ่น 2 ลิตร สกายแอคทีฟ เบนซิน ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 2.0 แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว แรงม้าสูงสุด 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสุงสุด 2,800 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รับน้ำมันสูงสุดได้ถึง อี 85

ไม่พูดพร่ำทำเพลงสำหรับเจ้าซีเอ็กซ์ 5 คันนี้ ความจัดจ้านจองเครื่องยนต์ บวกกับเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่ใช้นวัตกรรมการออกแบบตัวรถยนต์วัสดุ ช่วยเข้ามาช่วยทั้งเครื่องยนต์ โครงสร้างตัวถัง เกียร์ และแชสซีย์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมอันเหนือชั้นของมาสด้า ช่วยในเรื่องของอัตราความประหยัดน้ำมันไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงไว้ซึ่งขุมพลัง ทำให้รถในตระกูลสกายแอคทีฟคงไว้ซึ่งความแรง และความประหยัดในรถคันเดียวแต่โดยส่วนตัว นั้นชื่นชมในเทคโลยีสกายแอคทีฟ เพียงแต่ คาใจเรื่องให้น้ำหนักตัวรถในจังหวะที่วิ่งทำความเร็ว ของรถมาสด้า สกายแอคทีฟนั้น มีความรู้สึกว่ารถเบา และจังหวะให้รู้สึกโหวงๆไปบ้าง

แต่สำหรับเจ้าซีเอ็กซ์ 3 ด้วยสไตล์ของครอสโอเวอร์ ที่มีขนาดความสูงไม่มาก ทำให้การขับขี่ยึดเกาะถนนค่อนข้างดี บวกกับขุมพลังของเครื่องยนต์ จังหวะการขับเข้าโค้งทำได้คล่องตัว สนุกสนาน ในด้านหลังพวงมาลัยเพิ่มควาแต่หากเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้โดยสาร ทางขับขึ้น ลงเขา คดโค้ง จะสัมผัสอาการเหวี่ยงโยนภายในห้องโดยสารได้มากกว่าปกติ

Mazda CX-3

ด้วยดีไซน์ของรถที่เน้นความโฉบเฉียว สปอร์ต  หากเข้าไปนั่งที่ห้องโดยสารด้านหลัง อาจจะรู้สึกคับแบบ ทั้งเฮดรูมและเลครูม ไม่เหมาะสำหรับการโดยสารระยะทางไกล ส่วนเพื่อที่เก็บสัมภาระด้านหลัง แค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขนาด 28นิ้ว   ไว้ใบเดียวก็เต็มพื้นที่

แต่หากต้องการเพิ่มที่ที่บรรจุของ โดยไม่มีผู้โดยสารด้านหลัง สามารถพับเบาะโดยสารเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้

“ขับมันส์ แต่อึดอัดไปหน่อย”

Mazda CX-3

มาสด้า ซีเอ็กซ์ 3  สวย สะดุดตา ขับสนุก ทั้งใน เมือง นอกเมือง แต่ถ้ามีผู้โดยสาร คนที่ 3 แนะนำว่า ต้องเป็นการเดินทางไม่ไกลนัก เพราะห้องโดยสารข้างหลังค่อนข้างแคบ แถม หากขับเร็วแรง โค้งเยอะ คนขับ สนุก แต่ ผู้โดยสารอาจจะเป็นทุกได้ ถ้าถามตรง ในเซกเม้นต็นี้ระหว่าง 3รุ่น คือ นิสสัน  จู๊ค ฮอนด้า เอชอาร์-วี และ มาสด้า ซีเอ็กซ์ 3 คันนี้

บอกตรง ฮอนด้า เอชอาร์-วี กินขาด ทั้งพลกำลัง ความสนุกสนานการขับขี่ ที่สำคัญ ผู้โดยสาร ทั้งเบาะหน้า เบาะหลัง นั่งสบายกว่าเห็นๆ

คนที่เข้าร่วมโครงการซื้อรถคันแรกเมื่อปี 2011 ถึงตอนนี้ก็คงจะมีคนที่ทยอยปลดล็อครถคันแรกกันไปบ้างแล้ว เพราะนับตั้งแต่ที่โครงการนี้มีผลบังคับใช้ มาจนถึงปี 2016 นี้ เวลาก็หมุนวนครบมาถึงกำหนด 5 ปีพอดี โดยรถที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรกนี้ก็มีจำนวนมากกว่า 1,200,000 คัน และหลังจากที่ครบกำหนดเวลาปลดล็อคโครงการนี้ ก็จะเริ่มมีผู้คนนำรถไปทยอยขายเข้าสู่ตลาดมือสองกันมากขึ้น อ้างอิงผลสำรวจจาก SCB EIC จะพบว่า จำนวนคนที่สนใจจะขายรถออกไป คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมีจำนวน 7.2 % หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่า 80,000 คัน ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกมากขึ้น


สำหรับใครที่ต้องการซื้อรถมือสอง ช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะการปลดล็อคโครงการรถคันแรก ได้ส่งผลทำให้

1. มีจำนวนรถมือสองหมุนเวียนมากขึ้น
จากแต่เดิมที่ในตลาดมือสองมีรถหมุนเวียนอยู่แล้ว พอได้เวลาปลดล็อคโครงการรถคันแรก ก็ยิ่งทำให้มีจำนวนรถหมุนเวียนมาให้เลือกซื้อกันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกที่มากขึ้น

TIPS: ที่สำคัญการซื้อรถมือสองจากโครงการนี้ ยังมีข้อดีตรงที่ รถเหล่านั้นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปีเป็นอย่างต่ำ ทำให้ยังสามารถยี่นขอไฟแนนซ์รถมือสองได้ เพราะอายุการใช้งานยังไม่เกินเกณฑ์ที่บริษัทไฟแนนซ์ส่วนมากฟตั้งไว้

2. ราคารถอาจจะถูกลง
ผลกระทบข้อนี้ อาจจะช่วยดึงดูดทำให้คนหันมาสนใจรถมือสองกันมากขึ้น เนื่องด้วยจากรถที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดมือสองมากขึ้น และข้อกำหนดของโครงการรถคันแรก ทำให้รถที่หมุนเวียนอยู่นั้น อาจจะมีรุ่นเดียวกันซ้ำๆ ทำให้ผู้ประกอบการรถมือสองหันมาแข่งขันกันเพื่อทำการตลาดด้วยการลดราคา และโปรโมชั่นมากมาย

ที่สำคัญการปลดล็อคโครงการรถคันแรกนี้ จะเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของรถมือสองสภาพดี ซึ่งถึงแม้ว่าปริมาณรถมือสองที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกรถสภาพดีแต่อย่างใด ถ้าหากคุณได้คัดกรองรถมือสองเหล่านั้นตามวิธีเบื้องต้นนี้


1. เช็คข้อมูลจากเล่มทะเบียน
ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะผู้ซื้อทุกคนสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง โดยการดูประวัติข้อมูลรถ (หน้า 18) ว่ารถคันนั้นเคยมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาบ้าง อาทิ การเปลี่ยนสี แจ้งใช้แก๊ส เติมถังแก๊ส และอื่นๆ ซึ่งการดูข้อมูลนี้ จะทำให้คุณได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับรถคันที่คุณต้องการซื้อ

2. ตรวจเช็คประวัติการซ่อมบำรุง (เข้าศูนย์)
ผู้ซื้อสามารถโทรไปสอบถามเรื่องประวัติการซ่อมบำรุงได้จากศูนย์ที่รถคันนั้นเคยเข้ารับบริการ หรือสอบถามประวัติการซ่อมบำรุงจากเจ้าของรถ (ในกรณีที่คุณซื้อรถบ้าน) ซึ่งคุณจะสามารถรู้ได้ว่าประวัติการซ่อมบำรุง หรือการเข้าศูนย์จากรถคันนั้นเป็นอย่างไร

3. ตรวจเช็คกับบริษัทประกัน
นอกจากประวัติการซ่อมบำรุงที่คุณสามารถเช็คได้แล้วนั้น ผู้ซื้อยังสามารถเช็คประวัติรถ (ประวัติการเคลม) กับบริษัทประกันได้ แต่ข้อมูลที่ได้มาอาจจะเป็นข้อมูลเบื้องต้น

TIPS: บางครั้งการสอบถามข้อมูลกับบริษัทประกัน อาจจะต้องใช้ข้อมูลที่ค่อนข้างละเอียด ดังนั้นคุณควรที่จะขอข้อมูลกรมธรรม์ประกันจากเจ้าของรถ เพื่อใช้ในการตอบคำถามเจ้าหน้าที่บริษัทประกัน

4. เช็คสภาพรถด้วยตนเองคร่าวๆ
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อรถ คุณควรที่จะเช็คสภาพรถเบื้องต้นด้วยการดูจาก ไมล์ สภาพเครื่องยนต์ สภาพความเรียบร้อยภายใน-นอก และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ หรือสามารถอ่านการตรวจเช็คอุปกรณ์ที่สำคัญต่อได้ คลิ๊ก> https://th.carro.co/blog2/inspect-basic-option-in-used-car-beforebuying-2016/

ซึ่งหลักการคัดกรองรถเบื้องต้นนี้ เป็นการตรวจแบบคร่าวๆ เท่านั้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ซื้ออุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาการคัดกรองรถมือสองทีี่ละเอียด และน่าเชื่อถือได้มากกว่านั้น ในปัจจุบันนี้ก็มีผู้ให้บริการตรวจเช็คสภาพรถ อย่างเช่น เว็บไซต์ทรัสตี้คาร์ (https://th.carro.co) ที่มีบริการประเมินสมรรถนะในการขับขี่ของรถมือสองก่อนการซื้อ-ขาย สนใจติดต่อโทร. 02-196-1868

brio-amaze

Review Honda Brio Amaze สมการความสุข..ที่รอการเติมเต็ม!

Eco-Car (อีโคคาร์) 4 ประตูหลายรุ่น เน้นขายความใหญ่โตมโหฬาร เกินกว่าที่จะเป็นเก๋งเล็ก เพราะบางคันใหญ่กว่าคอมแพ็คคาร์เสียด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่กับ ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ เป็นแน่

เพราะดีไซน์ และขนาดของอีโคคาร์ 4 ประตูรุ่นนี้ ใหญ่กว่าแบบ 5 ประตู แฮทช์แบ็คเพียงเล็กน้อย เรียกว่าไม่หนีกันกี่มากน้อย คงความเป็นรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน

เบาะนั่งดีไซน์เท่ สัมผัสแรกให้ความรู้สึกลอย ใช้เวลาสร้างความคุ้นชินพักใหญ่ ทัศนวิสัยด้านหน้า มองได้กว้างไกล พื้นที่เหนือศรีษะ มีให้เหลือเฟือ ห้องโดยสารด้านหลังกว้างขวางอยู่พอสมควร พื้นที่วางเท้ามากพอ คะเนจากสายตาแม้จะรูปร่างใหญ่โต ก็พอนั่งได้สบายๆ เบาะนั่งด้านหลัง บริโอ้ อเมซ ไม่สามารถพับแยก แต่ใส่ความหรูหราลงไป ด้วยท้าวแขนตรงกลางเบาะหลัง พร้อมที่วางแก้ว แบบพับเก็บได้ พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้าน จับกระชับมือ มาตรวัด 3 วง เรืองแสง พร้อมแสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถ เครื่องเสียงแบบ 2 DIN พร้อมช่องต่อ AUX และ USB สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาต่างๆ

ช่วงออกตัว แม้จะเป็นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบ i-VTEC ที่ดูเหมือนจะเล็ก แต่กลับให้กำลังจี้ดจ้าดได้ใจ เรียกว่าออกตัวพร้อมๆ กัน เครื่องยนต์บล็อกใหญ่กว่ายังกินยาก เพิ่มน้ำหนักเท้า เข็มไมล์ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ

เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ได้เนียนอยู่พอควร จะมีบางจังหวะเช่นเร่งแซง เกียร์มีอาการกระตุกอยู่บ้างเบาๆ แต่ไม่ใช่อาการกระชาก ความเร็วปลายวันนั้นทำจนไปสุดที่เกือบ 145 กิโลเตรต่อชั่วโมง ก็ตื้ออยู่แค่นั้น จะขยี้เท่าไหร่ คิ๊กดาวน์กี่ครั้ง หรือแม้แต่ปรับเกียร์เป็นโหมดสปอร์ต ก็ได้เท่านี้

เหลือบไปดูรอบเครื่องยนต์ ด้วยเพราะเสียงที่ค่อนข้างเครียดดังมาจากใต้ฝากระโปรงหน้า เมื่อยามที่ทำความเร็วสูง พบว่า ไปแตะอยู่ที่ 6,000 รอบ/นาที ดูจะสูงไปหน่อย กับความเร็วที่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทำความเร็วเกิน 120 กม./ชม. แล้ว รู้สึกได้ถึงอาการรถลอย ต้องเพิ่มความใส่ใจมากขึ้น รวมถึงเมื่อยามเข้าโค้งบนความเร็วสูง มีหลายโค้งที่ต้องถอนคันเร่งก่อนเวลาอันควร และบางโค้งถึงขนาดต้องแตะเบรกกันเลยทีเดียว

ส่วนความเร็วต่ำกว่านั้น ไปกันแบบชิลล์ ชิลล์ ประมาณว่าตรงกับบุคลิครถอีโค คาร์ เน้นความประหยัด เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่ไม่ได้ทำความเร็วอะไรมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดกะทัดรัด ช่วยให้ ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ มีความคล่องตัว เพราะไม่ว่าจะจังหวะเร่งแซง หลบหลีกเพื่อนร่วมทาง ทำได้แบบเนียนๆ เป็นผลมาจากช่วงล่าง และพวงมาลัยที่แม่นยำ ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ

ดีไซน์ภายนอก เส้นสายรอบคัน แสดงให้เห็นถึงพลัง แต่มีสไตล์โฉบเฉี่ยว โดยเฉพาะเส้น 2 เส้น ระหว่างประตูหน้า กับประตูหลัง กระจังหน้าโครเมียมสไตล์สปอร์ต กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้าย และคิ้วโครเมียม ดีไซน์ใหม่ พื้นที่เก็บสัมภาระกระโปรงหลัง ความจุ 400 ลิตร มากพอสำหรับถุงกอล์ฟขนาดใหญ่ หรือกระเป๋าเดินทางใบเขื่อง

Co-Borrower-VS-Bondsman

ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ปัญหาใหญ่ของคนซื้อรถมือสอง เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ จัดไฟแนนซ์รถมือสองไม่ผ่าน คือ มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี (เป็นหนี้เครดิตบูโร) ซึ่งมีเงื่อนไขไม่ตรงตามที่บริษัทไฟแนนซ์กำหนดไว้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “การติดแบล็คลิสต์” นั่นเอง

ทางด้านบริษัทไฟแนนซ์ และลีสซิ่ง ก็มีปัญหาไม่น้อยอยู่เช่นกันในการตามทวงเงิน ตามยึดรถคืน บางรายขาดส่งเกิน 3 เดือน ก็ปล่อยยึดไป แต่บางราย นำไปขายดาวน์

ในกรณีนี้เอง ผู้ขอจัดไฟแนนซ์สามารถหาทางออกได้โดยการหา “ผู้กู้ร่วม” หรือ “ผู้ค้ำประกัน” เพื่อให้การอนุมัติไฟแนนซ์ผ่านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

โดยความหมายของ ผู้กู้ร่วม และ ผู้ค้ำประกัน นั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่มีองค์ประกอบที่แตกต่างกัน ดังนี้

ผู้กู้ร่วม หมายถึง บุคคลที่มีฐานะเหมือนผู้กู้ร่วมอีกคนหนึ่งในสัญญากับลูกหนี้ และผู้กู้ร่วมมีหน้าที่รับผิดชอบในการชำระหนี้สินที่กู้มาเทียบเท่ากับลูกหนี้ แต่การจะเป็นผู้กู้ร่วมได้ ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ในครอบครัวกับลูกหนี้เท่านั้น

บุคคลที่ต้องมีผู้กู้ร่วม คือ บุคคลที่มีฐานเงินเดือนไม่พอผ่อนค่างวดชำระ ก็สามารถนำฐานเงินเดือนของผู้กู้ร่วม กับผู้ขอจัดไฟแนนซ์ มารวมกันได้

Co-Borrower-VS-Bondsman

คุณสมบัติของผู้กู้ร่วม

1. ต้องเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวเดียวกันกับผู้ขอจัดไฟแนนซ์ เช่น พ่อ แม่ ลูก สามีภรรยา หรือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน กรณีที่คู่สามีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรส สามารถใช้หลักฐานการแต่งงานมายืนยันได้ รวมถึงกรณีที่มีบุตรแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส สามารถนำสูติบัตรของบุตรมาใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้เช่นกัน

ผู้ค้ำประกัน หมายถึง บุคคลภายนอกที่ทำสัญญาเป็นผู้ชำระหนี้ให้แทนลูกหนี้ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เพื่อเป็นการค้ำประกันว่าถ้าหากลูกหนี้เบี้ยว หนี้สินนั้นจะถูกชำระอย่างแน่นอน เพราะเมื่อผู้ค้ำประกันเซ็นยินยอม ก็เท่ากับว่าเจ้าหนี้สามารถมาทวงหนี้จากผู้ค้ำประกันแทนลูกหนี้ และสามารถฟ้องร้องให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนลูกหนี้ได้ โดยผู้ค้ำประกันไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ในครอบครัวกับลูกหนี้เหมือนกับผู้กู้ร่วม แต่อาจเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกัน ครอบครัวกับลูกหนี้เหมือนกับผู้กู้ร่วม แต่อาจเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกัน

บุคคลที่ต้องมีผู้ค้ำประกัน คือ บุคคลที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี อายุน้อย ไม่เคยมีประวัติด้านสินเชื่อ และบุคคลที่วางเงินดาวน์ค่อนข้างต่ำ รวมถึงผู้ที่มีเงื่อนไขไม่ตรงตามความตรงการของบริษัทไฟแนนซ์

Co-Borrower-VS-Bondsman

คุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน

1. มีแหล่งที่อยู่ชัดเจน
2. มีฐานเงินเดือนมากเป็น 2 เท่า ของค่างวด
3. ประกอบอาชีพมั่นคง หากเป็นผู้ที่มีรายรับสม่ำเสมอและคงที่จะดีมาก

แต่ท้ายที่สุด การมีผู้กู้ร่วม หรือผู้ค้ำประกัน ไม่ได้เป็นตัวการันตีได้ 100% ว่าจะขอจัดไฟแนนซ์รถมือสองผ่านได้ทันที  เพราะบริษัทไฟแนนซ์จะทำการประเมินเอกสารและปัจจัยหลายๆ อย่าง ของทั้งผู้กู้ร่วม และผู้ค้ำประกัน ฉะนั้นผู้กู้ร่วมและผู้ค้ำประกันจึงควรมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของบริษัทไฟแนนซ์ และต้องไม่มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดีด้วย

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้ในช่วงโควิด-19 ระบาด CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

การประเมินสินเชื่อรถยนต์มือสอง (Ep.2/3)| Carro

การขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์มือสอง กับไฟแนนซ์ ผู้ตรวจสอบสินเชื่อจะทำการประเมินความสามารถการผ่อนของผู้ขอกู้

พูดง่ายๆ ก็คือผู้ประเมินจะดูว่าผู้กู้จะผ่อนรถไหวไหมแน่นอน.. ทางไฟแนนซ์ไม่ต้องการเสี่ยงที่ผู้กู้จะผ่อนไม่ไหว

หลังจากผู้ประเมินสินเชื่อได้ทำการประเมินราคากลางของรถรุ่นเรียบร้อยแล้ว ตัวแปรสำคัญที่จะเป็นเครื่องตัดสินว่าผู้กู้จะขอกู้ผ่านหรือไม่ นั่นคือ ประวัติและสภาพการเงินของผู้ขอกู้ โดยหลักๆ มีดังนี้

1. จำนวนรายได้ และแหล่งที่มาของรายได้

รายได้หรือเงินเดือน ของผู้ขอกู้ที่ได้รับต่อเดือนสูงเพียงพอต่อการผ่อนชำระกับไฟแนนซ์แต่ละงวดหรือไม่ โดยรายได้ต้องเป็น 1.5-2 เท่าของค่างวด

เช่น
– ผู้ขอกู้มีรายได้รวมทั้งหมดแล้ว 20,000 บาทต่อเดือน
– ค่างวดรถยนต์ 8,000 บาทต่อเดือน
– เพราะฉะนั้น 8,000 x 2 = 16,000
– รายได้ของผู้กู้อยู่ที่ 20,000 จึงผ่านเกณฑ์(ขั้นต้น)

แหล่งที่มาของรายได้อื่นๆ ของผู้ขอกู้ ซึ่งนอกเหนือจากรายได้ประจำอาจ (อาชีพเสริม)  ต้องมีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนหรือผู้กู้สามารถคำนวนยอดผ่อนต่องวดโดยประมาณ ได้จากบริการเครื่องคำนวนสินเชื่อรถมือสอง ได้จาก

ตัวอย่างเครื่องคำนวนสินเชื่อบน website Carro คลิกที่นี่ https://th.carro.co/loan-calculator
รายได้ที่มาจากอาชีพเสริมนั้น เช่น ยอดเงินเข้าจากธนาคารต้องสม่ำเสมอ และเทียบเท่ากันทุกรอบ เท่ากันทุกเดือนเพื่อให้เห็นว่า มีรายได้เสริมเพิ่มเติมที่มั่นคง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ประเมินสินเชื่อกับความสามารถของผู้กู้ในการผ่อนชำระแต่ละงวด

2. อายุงาน 
กรณีทำงานประจำ พนักงานบริษัทที่ทำงานผู้ขอกู้ทำงาน ณ ที่ปัจจุบัน ผู้ประเมินสินเชื่อจะดูว่าผู้ขอกู้ทำงานมาเกิน 1 ปีหรือยังเพราะยิ่งอายุงานน้อยก็จะมีความเสี่ยงได้ ที่ผู้ขอกู้จะว่างงาน จนขาดความสามารถในการชำระหนี้

3. ที่พักอาศัย

ที่อยู่หรือที่พักอาศัย ผู้ประเมินสินเชื่อจะดูลักษณะที่พักอาศัยของผู้กู้ว่าเป็นลักษณะใด เช่น เช่าอยู่หรืออยู่บ้านของตัวเอง

3.1 ที่พักตรงตามทะเบียนบ้าน

3.2 บ้านเช่าหรือห้องเช่า 

ผู้ประเมินจะให้เครดิตมากกว่ากับผู้ที่อาศัยตรงกับทะเบียนบ้านเมื่อเทียบกับเช่าอยู่ หรือที่พักอาศัยไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน เพราะจะดูว่า ถ้าเกิดกรณีที่ขาดผ่อนชำระหลายเดือน ทางไฟแนนซ์จะสามารถตามตัวผู้ขอกู้ได้หรือไม่ ถ้าเป็นบ้านเช่า หรือบ้านพักราชการ ความหน้าเชื่อถือมากกว่าห้องเช่า แต่ผู้ขอกู้ต้องแสดงหลัฐานสัญญาการเช่าที่ชัดเจนว่า อยู่มานานแค่ไหน ถ้าอยู่ในลักษณะไม่เป็นหลักแหล่งชัดเจน เช่น ห้vงเช่า ผู้ขอกู้สามารถย้ายหนีได้ ตามตัวยาก ลักษณะที่อยู่ จะเป็นสิ่งที่บอกและให้ความมั่นใจให้ผู้ประเมินสินเชื่อ และยังมีผลต่อวงเงินไปจนถึงว่าจำเป็นต้องใช้ผู้ค้ำประกันด้วยหรือไม่อีกด้วย

4. ภาระรายจ่ายหรือสภาพคล่องทางการเงินของผู้ขอกู้

ส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับเงินเดือนหรือรายได้ต่อเดือนของผู้ขอกู้  เครดิต ประวัติการผ่อนชำระ ภาระการผ่อนชำระของผู้ขอกู้

4.1 เครดิตบูโร ประวัติไม่ดี รู้หมด.
ผู้ประเมินจะตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระ ที่ผู้ขอกู้เคยผ่อนมาโดยถ้าผู้ขอกู้ไม่มั่นใจสามารถเข้าไปตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระหรือเครดิต ว่าดีไหม ยังค้างจ่ายหรือไม่ได้ที่นี่

หน้า Website ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
https://www.ncb.co.th/salfenquiry.htm
ถ้าประวัติสินเชื่อดี หมายถึงเมื่อมีการผ่อนสินค้า หรือบัตรเครดิตใดๆ ก็ผ่อนตรงตามเวลา ไม่เคยค้างค่างวด

4.2 ภาระรายจ่ายมากเกินไปหรือเปล่า
แม้จะผู้ขอกู้รายได้เยอะ แต่ถ้ารายจ่ายเยอะตามไปด้วย ต้องผ่อนจ่ายหลายอย่างต่อเดือนผู้ประเมินสินเชื่อก็จะนำไปหักรายได้ มองว่าความสามารถการจ่ายก็น้อยลงไปด้วย
ตัวอย่างเช่น

นาย A มีรายได้ 20,000 บาท
ผ่อนบ้าน 5,000 บาทต่อเดือน
ผ่อนบัตรเครดิต 2,000 บาทต่อเดือน
เหลือเงินรายรับสุทธิ = 13,000 บาท
ถ้าผ่อนรถเดือนละ 7,000 บาท
จากที่ผู้ประเมินจะมองดูรายได้สุทธิ ต้องเป็น 2 เท่าของค่างวดรถ 7,000 x 2   = 14,000 บาท

แต่รายได้สุทธิของผู้กู้เหลือเพียง 13,000 บาท
*** ผู้ประเมินสินเชื่อจะมองว่าได้รายที่เหลื่อ อาจจะน้อยไปเกินความสามารถที่ผู้ขอกู้จะสามารถชำระหนี้ได้ต่องวด

หลักในการประเมิน ผู้ขอสินเชื่อ แน่นอนว่า ถ้าประวัติดี ภาระน้อยก็มีผลต่อยอดจัด วงเงินสินเชื่อ และควรเป็นไปได้ที่สินเชื่อจะผ่าน เอกสารต่างๆ ที่แสดงรายรับแน่นอน เครดิตที่ดี วินัยทางการเงิน จะช่วยให้ผู้ขอกู้ผ่านการประเมินได้ตามข้อกำหนดของไฟแนนซ์ และคุณจะได้รถมือสองในฝันสภาพดีๆ มาขับโดยไม่ยากเกินไป

ถ้าภาระรายจ่ายเยอะ ลองหารถมือสองราคาต่ำกว่าแสนเป็นทางเลือกดูสิ