การขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์มือสอง กับไฟแนนซ์ ผู้ตรวจสอบสินเชื่อจะทำการประเมินความสามารถการผ่อนของผู้ขอกู้
พูดง่ายๆ ก็คือผู้ประเมินจะดูว่าผู้กู้จะผ่อนรถไหวไหมแน่นอน.. ทางไฟแนนซ์ไม่ต้องการเสี่ยงที่ผู้กู้จะผ่อนไม่ไหว
หลังจากผู้ประเมินสินเชื่อได้ทำการประเมินราคากลางของรถรุ่นเรียบร้อยแล้ว ตัวแปรสำคัญที่จะเป็นเครื่องตัดสินว่าผู้กู้จะขอกู้ผ่านหรือไม่ นั่นคือ ประวัติและสภาพการเงินของผู้ขอกู้ โดยหลักๆ มีดังนี้
1. จำนวนรายได้ และแหล่งที่มาของรายได้
รายได้หรือเงินเดือน ของผู้ขอกู้ที่ได้รับต่อเดือนสูงเพียงพอต่อการผ่อนชำระกับไฟแนนซ์แต่ละงวดหรือไม่ โดยรายได้ต้องเป็น 1.5-2 เท่าของค่างวด
เช่น
– ผู้ขอกู้มีรายได้รวมทั้งหมดแล้ว 20,000 บาทต่อเดือน
– ค่างวดรถยนต์ 8,000 บาทต่อเดือน
– เพราะฉะนั้น 8,000 x 2 = 16,000
– รายได้ของผู้กู้อยู่ที่ 20,000 จึงผ่านเกณฑ์(ขั้นต้น)
แหล่งที่มาของรายได้อื่นๆ ของผู้ขอกู้ ซึ่งนอกเหนือจากรายได้ประจำอาจ (อาชีพเสริม) ต้องมีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนหรือผู้กู้สามารถคำนวนยอดผ่อนต่องวดโดยประมาณ ได้จากบริการเครื่องคำนวนสินเชื่อรถมือสอง ได้จาก
ตัวอย่างเครื่องคำนวนสินเชื่อบน website Carro คลิกที่นี่ https://th.carro.co/loan-calculator
รายได้ที่มาจากอาชีพเสริมนั้น เช่น ยอดเงินเข้าจากธนาคารต้องสม่ำเสมอ และเทียบเท่ากันทุกรอบ เท่ากันทุกเดือนเพื่อให้เห็นว่า มีรายได้เสริมเพิ่มเติมที่มั่นคง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ประเมินสินเชื่อกับความสามารถของผู้กู้ในการผ่อนชำระแต่ละงวด
2. อายุงาน
กรณีทำงานประจำ พนักงานบริษัทที่ทำงานผู้ขอกู้ทำงาน ณ ที่ปัจจุบัน ผู้ประเมินสินเชื่อจะดูว่าผู้ขอกู้ทำงานมาเกิน 1 ปีหรือยังเพราะยิ่งอายุงานน้อยก็จะมีความเสี่ยงได้ ที่ผู้ขอกู้จะว่างงาน จนขาดความสามารถในการชำระหนี้
3. ที่พักอาศัย
ที่อยู่หรือที่พักอาศัย ผู้ประเมินสินเชื่อจะดูลักษณะที่พักอาศัยของผู้กู้ว่าเป็นลักษณะใด เช่น เช่าอยู่หรืออยู่บ้านของตัวเอง
3.1 ที่พักตรงตามทะเบียนบ้าน
3.2 บ้านเช่าหรือห้องเช่า
ผู้ประเมินจะให้เครดิตมากกว่ากับผู้ที่อาศัยตรงกับทะเบียนบ้านเมื่อเทียบกับเช่าอยู่ หรือที่พักอาศัยไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน เพราะจะดูว่า ถ้าเกิดกรณีที่ขาดผ่อนชำระหลายเดือน ทางไฟแนนซ์จะสามารถตามตัวผู้ขอกู้ได้หรือไม่ ถ้าเป็นบ้านเช่า หรือบ้านพักราชการ ความหน้าเชื่อถือมากกว่าห้องเช่า แต่ผู้ขอกู้ต้องแสดงหลัฐานสัญญาการเช่าที่ชัดเจนว่า อยู่มานานแค่ไหน ถ้าอยู่ในลักษณะไม่เป็นหลักแหล่งชัดเจน เช่น ห้vงเช่า ผู้ขอกู้สามารถย้ายหนีได้ ตามตัวยาก ลักษณะที่อยู่ จะเป็นสิ่งที่บอกและให้ความมั่นใจให้ผู้ประเมินสินเชื่อ และยังมีผลต่อวงเงินไปจนถึงว่าจำเป็นต้องใช้ผู้ค้ำประกันด้วยหรือไม่อีกด้วย
4. ภาระรายจ่ายหรือสภาพคล่องทางการเงินของผู้ขอกู้
ส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับเงินเดือนหรือรายได้ต่อเดือนของผู้ขอกู้ เครดิต ประวัติการผ่อนชำระ ภาระการผ่อนชำระของผู้ขอกู้
4.1 เครดิตบูโร ประวัติไม่ดี รู้หมด.
ผู้ประเมินจะตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระ ที่ผู้ขอกู้เคยผ่อนมาโดยถ้าผู้ขอกู้ไม่มั่นใจสามารถเข้าไปตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระหรือเครดิต ว่าดีไหม ยังค้างจ่ายหรือไม่ได้ที่นี่
หน้า Website ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
https://www.ncb.co.th/salfenquiry.htm
ถ้าประวัติสินเชื่อดี หมายถึงเมื่อมีการผ่อนสินค้า หรือบัตรเครดิตใดๆ ก็ผ่อนตรงตามเวลา ไม่เคยค้างค่างวด
4.2 ภาระรายจ่ายมากเกินไปหรือเปล่า
แม้จะผู้ขอกู้รายได้เยอะ แต่ถ้ารายจ่ายเยอะตามไปด้วย ต้องผ่อนจ่ายหลายอย่างต่อเดือนผู้ประเมินสินเชื่อก็จะนำไปหักรายได้ มองว่าความสามารถการจ่ายก็น้อยลงไปด้วย
ตัวอย่างเช่น
นาย A มีรายได้ 20,000 บาท
ผ่อนบ้าน 5,000 บาทต่อเดือน
ผ่อนบัตรเครดิต 2,000 บาทต่อเดือน
เหลือเงินรายรับสุทธิ = 13,000 บาท
ถ้าผ่อนรถเดือนละ 7,000 บาท
จากที่ผู้ประเมินจะมองดูรายได้สุทธิ ต้องเป็น 2 เท่าของค่างวดรถ 7,000 x 2 = 14,000 บาท
แต่รายได้สุทธิของผู้กู้เหลือเพียง 13,000 บาท
*** ผู้ประเมินสินเชื่อจะมองว่าได้รายที่เหลื่อ อาจจะน้อยไปเกินความสามารถที่ผู้ขอกู้จะสามารถชำระหนี้ได้ต่องวด
หลักในการประเมิน ผู้ขอสินเชื่อ แน่นอนว่า ถ้าประวัติดี ภาระน้อยก็มีผลต่อยอดจัด วงเงินสินเชื่อ และควรเป็นไปได้ที่สินเชื่อจะผ่าน เอกสารต่างๆ ที่แสดงรายรับแน่นอน เครดิตที่ดี วินัยทางการเงิน จะช่วยให้ผู้ขอกู้ผ่านการประเมินได้ตามข้อกำหนดของไฟแนนซ์ และคุณจะได้รถมือสองในฝันสภาพดีๆ มาขับโดยไม่ยากเกินไป
ถ้าภาระรายจ่ายเยอะ ลองหารถมือสองราคาต่ำกว่าแสนเป็นทางเลือกดูสิ