10 อุปกรณ์ที่ต้องมีติดรถแคมป์ปิ้ง!
ทุกวันนี้ กระแส “แคมป์ปิ้ง” กำลังกลับมายอดฮิตอีกครั้ง แถมยังเป็นทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยวในช่วงโควิด-19 ระบาด เพราะได้ความเป็นส่วนตัว ในช่วงวันหยุดยาว ไม่ต้องเสี่ยงเจอผู้คนเยอะๆ หรือสถานที่พักที่ไม่แน่ใจในเรื่องของสุขลักษณะก็ตาม
ซึ่งการตั้งแคมป์ของคนไทยนั้นนิยมกันในทุกฤดู ไม่หวั่นแม้แต่หน้าฝนก็ตาม จนเป็นที่มาของงาน Event หลากหลายแห่งที่ต้องจัด มุมเอาใจคนชอบการท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้งกันบ้างล่ะ
การตั้งแคมป์นั้นเป็นที่ถูกใจของใครต่อใครหลายคน เพราะไปออกไปสัมผัสกับชีวิตที่ติดดิน ตั้งเต็นท์ นอนดูดาว ดูท้องฟ้า หรือฟังเสียงคลื่นในยามค่ำคืนในจุดที่ไร้แสงสี หรือใช้รถยนต์ส่วนตัว เป็นที่นอนเคลื่อนที่ได้
แต่อุปกรณ์ติดรถแคมป์ปิ้งนี่ก็สำคัญไม่แพ้กัน Mr.Carro จะมาแนะนำ 10 อุปกรณ์ที่ต้องมีติดรถแคมป์ปิ้ง! ที่ก่อนออกเดินทางต้องมีไว้ติดรถครับ
1. กระเป๋าสะพาย
กระเป๋าสะพาย จัดเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่เลยสำหรับการเดินทาง มีติดรถไว้ก็ดี เพราะไว้สำหรับใส่สิ่งของจำเป็นต่างๆ ระหว่างออกไปเดินทาง ควรเลือกขนาดกระเป๋าเท่าที่จำเป็น วัสดุกระเป๋าที่กันน้ำ ทนทาน (สามารถสะพายของหนักๆ ได้ โดยที่สายสะพายไม่ยืด หรือขาด)
และกระเป๋าที่ควรเลือกใช้ไปแคมป์ปิ้ง ควรมีสายรัด 3 จุด ได้แก่ สายรัดช่วงอก, สายรัดสะโพก และสายปรับขยายกระเป๋า ซึ่งจะช่วยลดแรงกดที่ปริเวณสะโพกได้เป็นอย่างดี น้ำหนักกระเป๋ากระจายอย่างสมดุล เพื่อไม่ให้ปวดหลังปวดเอวถ้าต้องสะพายนานๆ
2. ไฟฉาย
ไฟฉายจัดเป็นอุปกรณ์สามัญที่สำคัญมากๆ ทุกการเดินทาง สำหรับไว้ทั้งติดตัว และติดรถ ไว้ใช้นำทาง หรือหาของตอนกลางคืน
ซึ่งไฟฉายที่เหมาะสำหรับการไปตั้งแคมป์ ก็ควรเป็นไฟฉายแรงสูง หรือไฟฉาย LED ที่ส่องสว่าง ส่องได้ไกลครับ
3. เต็นท์
ขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้เลยหากไปแคมป์ปิ้ง นั่นคือ “เต็นท์” ซึ่งเต็นท์ก็มีอยู่หลากหลายแบบ ตั้งแต่แบบตั้งกับพื้น (เต็นท์สนาม) แบบพกพาติดตัวไปได้ เหมาะสำหรับในฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ถ้าในฤดูฝนใช้งานไม่สะดวกนัก เพราะต้องระวังน้ำท้วม ฝนตกหนัก พื้นที่เฉอะแฉะ สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์มีพิษอีก
ส่วนเต็นท์ติดหลังคารถยนต์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบขับรถออกท่องเที่ยวบ่อยๆ ในทุกฤดู ก็ควรเลือกใช้เต็นท์หลังคารถ เพราะใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยกว่า และรองรับน้ำหนักได้มาก ใช้งานได้ทุกฤดู และมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งหลังคาแบบแข็ง แบบอ่อน ทรงสั้น ทรงยาว (ซึ่งเราจะมากล่าวถึงในตอนต่อไปครับ)
เต็นท์ที่ดีต้องกันน้ำ กันแดด (กันแสง UV) กันฝนได้ รวมไปถึงระบายอากาศได้ดี เมื่อพับเก็บแล้วมีขนาดเล็ก แบกง่าย (กรณีเต็นท์สนาม) ซึ่งเต็นท์ทั้ง 2 ประเภทนี้ ควรเลือกขนาดใหญ่กว่าจำนวนคนนอน เพราะจะได้มีที่วางสัมภาระด้วย ราคาก็มีตั้งแต่ไม่ถึงพันบาท ไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท
4. รองเท้าเดินป่า
อันนี้สำหรับสายลุยป่า เพราะรองเท้าเดินป่าจะช่วยให้คุณเดินได้อย่างสบายเท้า ซึ่งรองเท้ายังเดินป่ายังแบ่งออกได้เป็นทั้งแบบ Backpacking หรือแบบ Hiking
คุณสมบัติที่ดีของรองเท้าเดินป่านั้น ควรเป็นรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ มีพื้นหนา แข็ง ช่วยล็อคเท้าให้อยู่กับที่ และกระจายแรงกดไปทั่วฝ่าเท้า ลดการปวดเท้าเวลาเมื่อต้องเดินไกลๆ ผลิตจากวัสดุอย่างดี ใส่แล้วเท้าไม่เหม็น เป็นต้น
5. เครื่องครัวสนาม
แน่นอนว่าการขับรถไปตั้งแคมป์ การทำอาหารการกินคงไม่สะดวกแน่ หากเราไม่มีเครื่องครัวสนาม ซึ่งควรเน้นที่มีขนาดกะทัดรัด พร้อมทั้งชุดเตาแก๊สพกพา
ส่วนอาหารการกินนั้น หากต้องเดินทางกันไปหลายวัน ก็ควรนำอาหารแห้งที่มีน้ำหนักเบาไป มากกว่าอาหารสด และน้ำดื่มก็สำคัญ หากรถคันใดที่มีพื้นที่มากพอ ก็สามารถตุนน้ำขวดไปได้เยอะ หรือพกกระติกน้ำติดตัวไว้ก็ได้เช่นกัน
6. ไฟแช็ค / มีดพับ
ไฟแช็ค สามารถใช้ก่อกองไฟหุงอาหาร และสร้างความอบอุ่น รวมถึงป้องกันสัตว์ในยามกลางคืนได้ ส่วนมีดพับอเนกประสงค์ หรือมีดสวิส มีไว้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ปอกผลไม้ ตัดเชือก หรือป้องกันตัว เป็นต้น
7. ชุดปฐมพยาบาล
ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีความสำคัญหากเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมา และควรมี แอลกอฮอลล์ รวมถึงสเปรย์กันยุง และแมลงต่างๆ ด้วย ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรนำยาที่ใช้เป็นประจำติดตัวไปด้วย
8. พลาสติกกันเปื้อน
บางพื้นที่ที่คุณขับรถไปตั้งแคมป์ อาจจะเกิดฝนตก หรือน้ำขัง ก็สามารถใช้พลาสติกกันเปื้อนปูรองพื้นวางเพื่อใช้นั่ง วางของ หรือใช้บังฝนได้
9. อุปกรณ์นำทาง / แบตเตอรี่พกพา
แม้ว่าในปัจจุบันนี้ เราจะมีเทคโนโลยีนำทาง แผนที่ทั้งในรถยนต์ ในสมาร์ทโฟน หรือมีช่องชาร์จไฟสำรองในรถยนต์แล้ว
แต่ถ้ามีแผนที่ เข็มทิศ และแบตเตอรี่พกพา (ทั้ง Power Bank และ Power Box) ติดตัวไว้ระหว่างเดินทาง ก็จะช่วยให้การเดินป่าช่วงตั้งแคมป์ วางแผนการเดินทางได้ถูกต้องยิ่งขึ้น และมีพลังงานสำรองใช้ชาร์จโทรศัพท์ ต่อไฟ ต่อพัดลมได้ครับ
10. สลิงลากรถ
ทุกการเดินทางเราอาจคาดไม่ถึง ว่าหากรถเกิดเสีย หรือติดหล่มในป่า ตกบ่อโคลน หรือข้ามลำธารเมื่อไหร่ ต้องลำบากแค่ไหนในการตามคนมาช่วย และลากออกมา ถ้ารถยนต์ที่มีติดตั้งวินซ์เพลา หรือวินซ์ไฟฟ้าไว้ก็โชคดีไป แต่รถคันไหนถ้าไม่มี ก็ควรมีสลิงลากรถติดไว้สักเส้นก็ยังดี
วัสดุที่นำมาใช้ทำสลิงลากรถนั้น มาจากลวดสลิง ซึ่งเป็นเชือกประเภทหนึ่งประกอบไปด้วยมัดของเส้นลวดโลหะที่บิดเป็นเกลียว ในสมัยก่อนใช้เหล็กคาร์บอนต่ำ เหล็กอ่อน (Wrought Iron) ในการผลิต ปัจจุบันพัฒนามาจากโซ่เหล็ก ที่ทนแรงเสียดทานจากการบิดเกลียว รับแรงดึง รับน้ำหนักได้มาก แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน
สำหรับรถยนต์ยอดนิยมในการนำไปแคมป์ปิ้งนั้น ก็จะเป็นรถยนต์ประเภท Crossover SUV, SUV, MPV, PPV, หรือรถตู้ ซึ่ง Carro ก็มีรถยอดนิยมในการตั้งแคมป์ปิ้งให้เลือกด้วยกันหลายรุ่น อาทิ Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์), Toyota Innova (โตโยต้า อินโนว่า), Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า), Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์วี), Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี), Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์) หรือ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เป็นต้น
หรือรถกระบะ เราก็มีให้เลือกเช่นกัน อาทิ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่), Nissan Navara (นิสสัน นาวาร่า), Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน), Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแม็คซ์), Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) และ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เป็นต้น
สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!
ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!
ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!
อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!
หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai