รถยนต์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายคนต้องการ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น ความจำเป็นในการเดินทางแทนการใช้ระบบขนส่งมวลชน ใช้ประกอบอาชีพ ทำมาหากิน หรือใช้งานในครอบครัว เป็นต้น ทำให้รถยนต์เป็นพาหนะที่คนส่วนใหญ่ต้องการไว้เป็นเจ้าของ และมีการเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ
แน่นอนว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์ ย่อมมีรายจ่ายตามมาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ ค่าตรวจเช็คต่างๆ ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี ค่า พรบ. ค่าประกันภัย ค่าชนเขา ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งผู้ซื้อหลายคนมักมองข้ามค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ถ้าคุณพิจารณาอย่างรอบคอบว่าพร้อมซื้อรถจริงๆ ปัญหา เช่น ผ่อนรถต่อไม่ไหว ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ไข
ความต้องการซื้อรถ มีทั้งความจำเป็นในการใช้งาน ส่วนใหญ่มักมีรถเพียงคันเดียว และซื้อด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ การตัดสินใจซื้อมักขึ้นอยู่กับงบประมาณเป็นอันดับแรก ซึ่งอาจจะเลือกได้ทั้งรถยนต์ใหม่ป้ายแดง และรถมือสอง ส่วนปัจจัยรองลงมา ก็อาจจะเป็นที่คุณสมบัติการใช้งานของรถ ยี่ห้อ บริการหลังการขาย และความชอบรูปตัวรถรุ่นนั้นๆ เป็นต้น
แต่เมื่อคุณมีเงินสดที่จะซื้อรถไม่พอ ทางออกในการเป็นเจ้าของรถก็มีอยู่หลายแบบ อาทิเช่น …
การเช่าซื้อ
ทางออกสำหรับคนที่เงินไม่พอ แต่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์ สถาบันการเงินต่างๆ มีบริการให้เช่าซื้อรถทั้งสำหรับรถใหม่และรถใช้แล้ว ซึ่งผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินเป็นงวดๆ ตามจำนวนเงิน พร้อมดอกเบี้ย และระยะเวลาที่กำหนด และมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลรักษาตัวรถ กรรมสิทธิ์ของรถยนต์ จะยังไม่เป็นของผู้เช่าซื้อจนกว่าจะชำระเงินครบตามสัญญา จึงจะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหลังจากชำระครบ ไม่จำเป็นต้องรอการโอนและรับมอบใบคู่มือจดทะเบียนจากผู้ให้ผู้เช่าซื้อ
ส่วนวงเงินเช่าซื้อรถ สำหรับรถใหม่ วงเงินส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 75-80% ของราคารถยนต์ ส่วนที่เหลือผู้ซื้อจะต้องวางเงินดาวน์ และรถมือสอง วงเงินจะขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง อายุการใช้งาน และสภาวะเศรษฐกิจ โดยอัตราดอกเบี้ยของรถมือสองจะสูงกว่ารถใหม่ เพราะเมื่อเทียบกับรถใหม่แล้ว เพราะสถาบันการเงินที่ให้เช่าซื้อรถใช้แล้ว มีความเสี่ยงสูงกว่าหากต้องนำรถมือสองมาขายทอดตลาด เพราะขายยากกว่า
การคิดดอกเบี้ยส่วนใหญ่ จะคิดแบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate) คำนวณจากเงินต้นทั้งจำนวนและระยะเวลาการผ่อนชำระทั้งหมด เพื่อกำหนดว่าในแต่ละเดือนจะต้องจ่ายดอกเบี้ยและผ่อนชำระเดือนละเท่าไร และหากทำการสำรวจเงื่อนไขการเช่าซื้อแล้วพบว่ามีผู้ให้เช่าซื้อบางรายเสนออัตราดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate) แต่ผู้ให้เช่าซื้อรายอื่นใช้อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) เราก็สามารถเปรียบเทียบได้ว่าใครถูกหรือแพงด้วยการเปลี่ยน Flat Rate เป็น Effective Rate
แต่ถ้ามีเหตุไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ โดยเฉพาะหลายงวดติดต่อกัน อาจโดนยึดรถและฟ้องจากผู้ให้เช่าซื้อ (ปัจจุบันผู้ให้เช่าซื้อจะยึดรถได้ก็ต่อเมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ 3 งวดติดต่อกัน โดยผู้ให้เช่าซื้อยังต้องมีหนังสือบอกกล่าวผู้เช่าซื้อให้ใช้เงินรายงวดที่ค้างชำระ ภายในเวลาอย่างน้อยอีก 30 วัน นับแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือ พอครบกำหนดแล้วผู้เช่าซื้อยังไม่ชำระเงิน ผู้ให้เช่าซื้อจึงจะยึดรถได้)*
(*ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2555 ในราชกิจจานุเบกษา)
ยกตัวอย่างเช่น ยอดเงินกู้ซื้อรถยนต์ 240,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ผู้กู้ตกลงผ่อนจ่ายเดือนละ 10,600 บาท (แบ่งเป็นเงินต้น 10,000 บาท ดอกเบี้ย 600 บาท) จำนวน 24 งวด
ต่อมา ขึ้นปีที่ 2 ผู้กู้ต้องการปิดบัญชี ซึ่งผู้กู้ได้จ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยไปแล้ว 12 เดือน ยังคงเหลืออีก 12 เดือนที่ยังค้างชำระ ซึ่งจะมีวิธีการคำนวณ ดังนี้
– เงินต้นของงวดที่เหลือ (10,000 x 12 เดือน) 120,000 บาท
– ดอกเบี้ยของงวดที่เหลือ (600 x 12 เดือน) 7,200 บาท
หักส่วนลดแก่ผู้เช่า 50% ของดอกเบี้ยงวดที่เหลือ (7200 x 50%) (3,600) บาท ดังนั้น คงเหลือเงินที่ต้องชำระคืน 123,600 บาท
ในแง่ของการจ่ายค่างวด ก็มีข้อควรคำนึงถึง ดังนี้
1. อย่าจ่ายน้อยๆ แต่นานๆ เพราะการเพิ่มเงินผ่อนต่อเดือนอีกเล็กน้อย โดยไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและการออมเผื่อฉุกเฉิน จะช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ยและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น
2. อยากจ่ายดอกเบี้ยและผ่อนต่องวดน้อย ๆ วางเงินดาวน์มากๆ ช่วยได้ ถ้ายังไม่จำเป็นต้องรีบซื้อรถ ควรเก็บสะสมเงินดาวน์ไปเรื่อยๆ ดีกว่า เพราะยิ่งมีเงินดาวน์มาก (เช่น วางเงินดาวน์ 30% ของราคาตัวรถ) ก็จะช่วยให้เราจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง
เมื่อผ่อนไม่ไหวจริงๆ ทางออกที่มี นั่นคือ
1. ขายดาวน์ เป็นการขายรถเพื่อให้ผู้เช่าซื้อใหม่มารับช่วงผ่อนต่อ โดยการเปลี่ยนชื่อสัญญา บางทีอาจต้องยอมเพิ่มเงินส่วนต่างให้กับผู้เช่าซื้อรายใหม่ คุณอาจจะขายในเกณฑ์เท่ากับที่คุณผ่อนมา แล้วลดราคาให้เจ้าของใหม่อีกนิดหน่อย แต่ข้อเสียก็มี เช่น มีค่าเปลี่ยนสัญญา และต้องมีคนค้ำประกัน รถบางรุ่นที่ดาวน์น้อย ราคาตกมากๆ ก็ยิ่งปล่อยออกยาก
2. ปล่อยให้สถาบันการเงินยึดรถ ก็มักจะนำไปขายต่อทั้งคัน ซึ่งมักต่ำกว่าราคาซื้อขาย จึงทำให้คุณต้องจ่ายส่วนต่างมากกว่ากรณีขายดาวน์แน่นอน และยังมีดอกเบี้ยจากการผิดสัญญา ฯลฯ แถมเสียประวัติเครดิตบูโรอีกครับ
3. ยืมเงิน (คนรอบข้าง) เพื่อมาปิดสัญญาเช่าซื้อ และขายต่อ เพื่อนำส่วนต่างมาใช้คืน เมื่อนำเงินไปปิดสัญญาแล้วนำรถไปขายต่อ ซึ่งอาจจะได้ส่วนต่างเป็นเงินเพิ่มก็นับว่าโชคดี แต่ส่วนใหญ่แล้วจะได้น้อยกว่าที่จ่ายไป เพราะรถราคาตกไปตามปี และสภาพการใช้งานแล้ว
ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อลดปัญหาหนี้สิน CARRO เรารับซื้อรถของคุณ รถติดไฟแนนซ์เราก็รับซื้อ! สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425
หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ครับ —>
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก:
- ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)
- ธปท.
ต้องการขาย ดาวน์ รถยนต์TOYOTA
Yaris อีโก้คาร ผ่อนมาแล้ว1ปีแต่ผ่อนต่อไม่ไหว
เลยอยากขายแบบด่วนๆค่ะ
0928571256
สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าสามารถเข้าไปกรอกรายละเอียดรถได้ที่ลิงค์นี้นะคะ https://th.carro.co/sell-car/express และทางทีมงานจะติดต่อกลับอย่างรวดเร็วที่สุด ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ หากคุณลูกค้าสนใจบริการขายรถ สามารถเข้าไปกรอกรายละเอียดข้อมูลรถได้ที่ลิงค์นี้นะคะ > https://th.carro.co/sell-car/express หรือทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ทาง Inbox >https://www.facebook.com/carrothai/inbox ค่ะ และเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ ขอบคุณค่ะ