รถพัง

ถ้าไม่อยากให้รถพังเร็ว อย่าทำ 5 พฤติกรรมเหล่านี้

สำหรับใครที่ซื้อรถยนต์ส่วนตัวแล้ว ก็คงอยากดูแลมันเป็นอย่างดี บางคนถึงขั้นตั้งชื่อรถของตัวเอง ประคบประหงมกันอย่างเต็มที่ ไม่ให้ฝุ่นเกาะไรจับ ยิ่งรถที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรายิ่งต้องดูแลคูณสอง

แต่ถ้าคุณมีพฤติกรรมแย่ๆบางอย่าง อาจส่งผลต่อตัวรถ และอะไหล่รถของคุณได้ เราจึงคัดพฤติกรรมทั้ง 5 ที่คิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อรถของคุณกัน ไปดูกันเลย

 

รถพัง

1. ออกตัวแรงขณะเครื่องเย็น

การดับรถจะทำให้เครื่องยนต์เริ่มปรับอุณภูมิจากร้อนเป็นเย็น แต่ถ้าคุณสตาร์ทรถขณะที่เครื่องยนต์ยังเย็น แล้วคุณรีบออกตัวด้วยความเร็ว เป็นพฤติกรรมที่ผิด เพราะมันส่งผลเสียให้กับรถของคุณ โดยเฉพาะระบบหล่อลื่น จะไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนอื่นๆภายในเครื่องยนต์ได้ทัน

ดังนั้น คุณควรสตาร์ทเครื่อง แล้วปล่อยทิ้งไว้เพื่อเป็นการวอร์มเครื่องยนต์เล็กน้อย หรือค่อยๆออกตัวไปแบบช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน จนระบบเริ่มเข้าที่เข้าทาง หรือประมาณ 5-10 นาที จึงค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นจะดีกว่า

 

รถพัง

2. ไม่ชะลอความเร็วขณะข้ามเนิน ลูกระนาด หรือหลุม

หากคุณขับรถอเจอเนิน ลูกระนาด หรือ หลุม แล้วคุณไม่ได้แตะเบรก หรือลดความเร็ว บอกลาช่วงล่างรถคุณได้เลย ยิ่งถ้าเป็นรถเก๋ง หรือรถที่โหลดต่ำ ช่วงล่างคุณพวกโช้คอัพ ปีกนก บูชยาง ไหนจะเพลาขับอีก มันต้องมีหลวมมีสึกกันบ้าง หรือหนักๆเลยก็หลุดออกมา

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ช่วงล่างรถเราหลวม เราสึก เรามี วิธีตรวจเช็่คช่วงล่างได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

  • ขั้นแรกเราต้องสังเกตด้วยตาของเราเสียก่อน ว่ามีส่วนไหนสึก ส่วนไหนหลวม
  • ขั้นที่สองเวลาเราขับรถยิ่งถ้าเป็นทางขุรขระ เราลองฟังเสียงรถ ถ้าได้ยินเสียง กุกกักๆ แสดงว่าช่วงล่างเราอาจมีปัญหา
  • ขั้นที่สามเช็คช่วงล่างรถเอง ด้วย วิธีการโยกล้อ ซึ่งคุณต้องมีอุปกรณ์อย่างแม่แรงเสียก่อน เพื่อเช็คลูกหมากปีกนกบนและล่าง เช็คลูกหมากปลายแร็ค เป็นต้น

รถพัง

3. เหยียบคันเร่งจนมิด

หลายคนที่มือหนักเท้าหน้าชอบเร่งเครื่อง เหยียบจนมิด พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลไม่ดีกับสภาพรถยนต์ และอะไหล่รถยนต์อย่างแน่นอน เพราะการเร่งเครื่องมากๆ ถ้ามีกลิ่นไหม้แสดงว่า ผ้าคลัตช์ของคุณเริ่มมีความร้อนสูง ถึงแม้ผ้าคลัตช์จะสามารถรับความร้อนได้สูง แต่ถ้าถึงจุดที่ร้อนจัดๆ คุณคงอาจต้องเตรียมเงินซื้อคลัตช์ใหม่เลย

นอกเหนือจากผ้าคลัตช์แล้ว ยังทำให้อะไหล่ส่วนอื่นของรถเกิดการสึกหรอ อาจต้องเสียเงินเข้าอู่ ไปตรวจสภาพรถอีกด้วย

ผ้าคลัตช์จะทำหน้าที่ ตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ชุดเกียร์ เมื่อคุณเหยียบคลัตช์ เพื่อให้ผู้ขับรถยนต์ทำการเปลี่ยนเกียร์ และจะเชื่อมต่อการส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่เกียร์นั่นเอง

 

รถพัง

4. น้ำท่วมแค่ไหน เราก็ลุย

ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยที่หาความแน่นอนไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้มีข่าวน้ำท่วมในกรุงเทพฯ หรือตามต่างจังหวัดมากมาย ทำให้คุณต้องขับรถ แต่หากทางขน้ำท่วมสูงถึง 30 เซนติเมตร หรือมากกว่านั้น คุณไม่ควรเสี่ยงลุยน้ำ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง  เพราะเครื่องยนต์ของคุณ จะดูดเอาน้ำที่ท่วมไปยังห้องเครื่อง น้ำเหล่านั้นจะสร้างความเสียหายให้กับรถได้

แต่ถ้ามีความจำเป็นและดูระดับน้ำแล้วน่าจะไหว คุณควรปิดแอร์ เพราะระบบแอร์จะเป็นตัวดูดน้ำเหล่านั้นเข้าเครื่องของคุณ และทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร  อีกทั้งควรรักษาความเร็ว ไม่ควรเร่งความเร็วเพราะน้ำจะทะลักเข้าเครื่องยนต์ได้ และถึงแม้ว่าคุณได้ขับผ่านพื้นที่น้ำท่วมไปแล้ว แต่คุณอย่าเพิ่งชะล่าใจ ควรตรวจเช็คสภาพรถของคุณในภายหลังด้วยรถพัง

5. ไฟสัญญาณขึ้นเตือนที่หน้าปัด แต่คุณนิ่งเฉย

ขับๆรถอยู่ ไฟที่หน้าปัดดันขึ้นแจ้งเตือน แต่หากคุณไม่สนใจยังฝืนขับต่อไปเรื่อยๆ ส่งผลไม่ดีอย่างแน่นอน เพราะสัญญาณหน้าปัดเป็นเหมือนการแจ้งเตือนแรกของความผิดปกติ ทั้งระบบเครื่องยนต์ ระบบความปลอดภัย

ฉะนั้น คุณควรชะลอรถ และจอดรถเพื่อเช็คระบบรถยนต์เสียก่อน ว่ามีส่วนไหนชำรุดหรือไม่ ต่อจากนั้นซ่อมขั้นพื้นฐานถ้าคุณทำได้ แต่ถ้าไฟสัญญาณหน้ารถคุณแจ้งเตือนสัญลักษณ์เป็นรูปเครื่องยนต์ คุณก็ควรนำรถคุณเข้าอู่เพื่อเช็คสภาพรถ อะไหล่รถ จะดีกว่า

ซึ่ง 5 พฤติกรรมดังกล่าว เป็นจุดเสี่ยงทำให้รถของคุณอาจพังได้ ดังนั้นคุณรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก่อนที่รถของคุณจะเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร

 

ขอบคุณข้อมูล : finance.rabbit.co.th