5-Ways-To-Save-Insurance-Premium

เป็นที่ทราบกันดีว่า ประกันภัยชั้น 1 มักจะแถมมาให้กับรถป้ายแดงแทบจะทุกคันอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นมาตรฐานเลยก็ว่าได้ ซึ่งถือว่าเป็นความคุ้มครองที่มีให้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เราชนเขา เขาชนเรา หรือเกิดจากสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยจากก่อการร้าย เป็นต้น

แต่พอหลังจากที่ประกันภัยชั้น 1 หมดอายุแล้ว ถ้าเราต้องการจะต่ออายุใหม่ ก็ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายค่าเบิ้ยประกันนับหมื่นบาทเลยทีเดียว ซึ่งหลายคนในเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ มีรายจ่ายสารพัด นอกจากค่าผ่อนรถแล้ว รายจ่ายในการทำประกันภัยรถ ก็ยังจำเป็นต้องทำอีกด้วย (สำหรับคนที่เพิ่งซื้อรถได้ไม่นาน หรือเพิ่งมือใหม่หัดขับ มีไว้มันก็อุ่นใจน่ะ)

Mr.Carro จึงขอแนะนำวิธีทำประกันภัยชั้น 1 อย่างไร ให้ถูกกว่าปกติสูงสุดถึง 50% ครับ.

5-Ways-To-Save-Insurance-Premium

1. ส่วนลดเบี้ยประกันรถจากประวัติดี

อันนี้ถือเป็นรางวัลของคนที่ขับรถดี ไม่มีเคลมครับ (ซึ่งบริษัทประกันภัยก็ชอบด้วย ฮา…) จึงมีส่วนรถเบี้ยประกันสำหรับประวัติการขับรถดี มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน

– ขั้นแรก ลด 20% เมื่อไม่มีการเคลมในปีแรก
– ขั้นที่ 2 ลด 30% เมื่อเมื่อไม่มีการเคลมใน 2 ปีติดต่อกัน
– ขั้นที่ 3 ลด 40% เมื่อเมื่อไม่มีการเคลมใน 3 ปีติดต่อกัน
– ขั้นที่ 4 ลด 50% เมื่อเมื่อไม่มีการเคลมใน 4 ปีติดต่อกัน หรือมากกว่านั้น

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน

แต่ถ้าเกิดว่า เราเกิดเป็นฝ่ายผิดหรือประมาท (พูดง่ายๆ คือ ขับรถไปชนคน หรือสิ่งของ นั่นล่ะ) ส่วนลดเบี้ยประกันของคุณ ก็จะลดลงตามขั้นไป

2. เลือกทุนประกันรถยนต์ที่เหมาะสม

การเลือกทุนประกันรถยนต์ครับ ล้วนมีผลต่อเบี้ยประกันเช่นกัน ซึ่งจะมีโปรแกรมคำนวณอัตโนมัติ จากนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ให้ได้ทุนประกันที่เหมาะสมที่สุดอยุ่ที่ 80% ของราคารถยนต์ในปีแรก และจะคำนวณเป็น 90% ของทุนประกันปีก่อนหน้าไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วงราคานี้ สามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามการคำนวณ เพราะทุนประกันมาก ก็ต้องจ่ายค่าเบื้ยประกันมากตามไปด้วย

แต่ไม่สามารถเลือกทุนประกันให้สูงเกินมูลค่ารถได้นะครับ เพราะว่ารถทุกคันมันมีค่าเสื่อมจากการใช้งานครับ ซึ่งมูลค่ารถยนต์จะลดลงเรื่อยๆ ปีละ 10% หรือตามราคากลางรถยนต์ในปีนั้นๆ

3. เพิ่มค่า Excess Fee ช่วยลดค่าเบี้ยได้

ค่า Excess Fee ถือเป็นค่าเสียหายส่วนแรกในกรณีเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีคู่กรณี ซึ่งปกติจะอยู่ที่ครั้งละ 1,000 บาท แต่หากมั่นใจว่าเราคนขับรถดี ไม่ชนบ่อยๆ การเลือกประกันภัยที่มีค่าเสียหายส่วนแรกสูงๆ (ประมาณ 2,000 – 5,000 บาท) ก็ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันได้เช่นกัน

4. ระบุชื่อคนขับรถ

การระบุชื่อและอายุของผู้ขับขี่ (ว่าใครเป็นคนขับรถคันนี้แน่นอน) ก็ลดเบี้ยประกันภัยชั้น 1 ได้เช่นกัน โดยอัตราค่าเบี้ยประกันที่ลดลง มีลักษณะเป็นลำดับขั้นตามอายุของผู้เอาประกัน โดยหากระบุผู้ขับขี่ 2 คน ให้ยึดผู้ที่มีอายุน้อยสุดเป็นหลัก ดังนี้

– อายุ 18-24 ปี ได้ส่วนลด 5%
– อายุ 25-35 ปี ได้ส่วนลด 10%
– อายุ 36-50 ปี ได้ส่วนลด 15%
– อายุ 50 ปีขึ้นไป ได้ส่วนลด 20%

5. เลือกซ่อมอู่นอกก็ได้

บางกรณีที่รถคุณมีแค่รอบเฉี่ยวชนเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเคลมเพื่อเข้าศูนย์บริการอย่างเดียวก็ได้ ลองเลือกอู่ซ่อมรถที่ไว้ในได้ และเป็นพันธมิตรกับบริษัทประกันภัยที่คุณจะทำอยู่ดู เพราะการเลือกประกันแบบซ่อมอู่ ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ 10-30% ทีเดียว

ลองเลือกดูตามความเหมาะสมนะครับ แล้วคุณจะได้ขับรถอย่างสบายใจ และประหยัดเงินอีกด้วยครับ