ซื้อรถคันใหม่ เลือกรถใช้น้ำมัน หรือรถยนต์ไฟฟ้าดี? ถ้าจะใช้รถคันนี้นาน 5-10 ปี
ในช่วงหลายปีนี้มานี้ เราปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือรถ EV ที่กำลังเป็นพูดถึงในบ้านเราอย่างมาก เนื่องจากเทรนด์ของโลกเปลี่ยนไป ยุคที่รถน้ำมันใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเคยเป็นใหญ่ เริ่มถูกลดบทบาทลง และแทนที่ด้วยการขึ้นมาของรถยนต์ไฟฟ้า ที่แม้ว่าในบ้านเราจะช้ากว่าในประเทศพัฒนาแล้วก็ตาม รวมไปถึงเรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ถูกปล่อยออกมาจากรถยนต์ ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นเชื้อเพลิง
ซึ่งในบ้านเราตอนนี้ บรรดาค่ายรถ และหลายๆ หน่วยงาน เริ่มตื่นตัว กำลังร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้รองรับรถยนต์ไฟฟ้ากันเป็นการใหญ่ และหน่วยงานที่ส่งเสริมการลงทุน เริ่มให้สิทธิประโยชน์ในลงทุนต่างๆ หรือการยกเว้นภาษีให้ กับค่ายรถที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
แต่ก็มีคำถามอยู่มากว่า จะซื้อรถมาใช้งานสัก 5 – 10 ปี เลือกรถแบบไหน ระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน?
ยิ่งเวลาหลายคนจะเลือกรถแต่ละคันนั้น การหาอะไหล่ รวมไปถึงความทนทานของการใช้งาน เป็นสิ่งที่คนมองหารถยนต์มาใช้ เลือกอยู่เป็นอันดับแรกๆ ในการตัดสินใจซื้อรถ … MR.CARRO จะมาช่วยคุณคิดกันครับ
จากผลสำรวจของ Autolist ที่สอบถามผู้ซื้อรถยนต์ในสหรัฐอเมริกากว่า 1,567 คน ในปี 2019 พบว่า 3 เหตุผลหลัก ที่คนไม่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้แก่
- ระยะทางในการวิ่ง เนื่องจาก รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อชาร์จหนึ่งครั้ง วิ่งได้ไม่ไกล เมื่อเทียบกับระยะทางของรถยนต์ใช้น้ำมัน
- ราคา ของรถยนต์ไฟฟ้าที่แพงเกินไป ไม่ว่าจะซื้อและเช่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ใช้น้ำมัน
- สถานีชาร์จไฟ ที่ยังมีน้อยเกินไป หลายคนกังวลว่าจะหาที่ชาร์จไฟรถได้ลำบาก เมื่อขับรถไปไหนไกลๆ หรือออกนอกเมือง
และจากการสำรวจ ยังพบเหตุผลอื่นๆ ที่ผู้คนไม่เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า อาทิ ใช้เวลาชาร์จไฟนานเกินไป, ไม่มีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเพียงพอ, ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, ความไว้วางใจในตัวแบรนด์ หรือตัวรถ, ความกังวลเกี่ยวกับแบตเตอรี่, เรื่องของสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ
ซึ่งความคิดของผู้ซื้อรถยนต์ในสหรัฐอเมริกานั้น ก็ไม่ต่างไปจากความคิดของลูกค้าในไทยนัก
หากเรามองประเทศไทยในอนาคต 5-10 ปีข้างหน้า ผมเชื่อว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน (รวมถึงรถยนต์แบบ Hybrid) ก็ยังคงเป็นรถยนต์ที่ใช้ส่วนใหญ่ในบ้านเราอยู่ดี เพียงแต่จำนวนรถยนต์ไฟฟ้า ก็จะมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่ๆ เมื่อเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามีคุณภาพสูงมากขึ้น และมีราคาขายที่ถูกลง (และจัดเก็บภาษีลดลงด้วย) จนคนส่วนใหญ่เอื้อมถึงมากขึ้น
แต่ก็ต้องแลกกับเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ บวกกับทำใจเตรียมเงินไว้เลย ก็คือ การเปลี่ยนพวกแบตเตอรี่ กับบรรดา Inverter แปลงพลังงาน และระบบควบคุมต่างๆ แทน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเป็นรถมือสองแล้ว ราคาตกมากกว่ารถน้ำมัน ก็ตรงจุดนี้นั่นล่ะครับ
ส่วนสถานีชาร์จไฟ ก็คาดว่าน่าจะมีแพร่หลายกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะทางภาครัฐก็วางแผนตั้งสถานีรองรับอยู่แล้ว และเทคโนโลยีการชาร์จที่เร็วขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเทียบในเรื่องค่าใช้จ่าย รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ก็ยังคงต้องมีการเปลี่ยนถ่ายของเหลว ของสิ้นเปลืองต่างๆ รวมไปถึงการดูแลรักษาตามระยะ แต่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ดูคุ้มกว่าในแง่การเปลี่ยนถ่ายของเหลว ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ที่ไม่ต้องมีให้เปลี่ยน รวมไปถึงการเสียภาษีประจำปี ที่แตกต่างไปจากรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมัน เนื่องจากจัดเก็บตามน้ำหนักรถ แทนการนับตามจำนวนความจุกระบอกสูบ
ดูเพิ่มเติม : ข้อควรรู้ : รถยนต์ไฟฟ้า ค่าจดทะเบียน ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ต่อปี
สรุป
รถทั้งสองประเภท ทั้งรถยนต์ใช้น้ำมัน และรถยนต์ไฟฟ้า ล้วนมีทั้ง “ข้อดี” และ “ข้อเสีย” ต่างกันไป
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถามใจตัวเองดู ถ้าหากคุณจะซื้อรถยนต์มาใช้งานสักคัน และตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้งานไปสักประมาณ 5 – 10 ปี ก็ควรเลือกรถยนต์ที่ใช้งานคุ้มค่า คุ้มราคา ผ่อนได้ไม่ต้องใช้เงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนมาก รถเติมน้ำมันได้ ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการหาสถานีชาร์จไฟ (โดยเฉพาะคนที่อยู่บ้านเช่า หอพัก หรือคอนโดมิเนียม) กับความกังวลเรื่องแบตเตอรี่
หรือถ้าคุณใจยังรักรถน้ำมัน หรือชอบรถมือสองรุ่นเก่าๆ หรือรถน้ำมันป้ายแดงอยู่ การเลือกใช้รถน้ำมันก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่ กับคนที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการทำธุรกิจ หรือขนส่งสินค้าที่ต้องทำเวลา ยิ่งกรณีอยู่ในที่ห่างไกล หรืออยู่ต่างจังหวัด
ถ้าคิดแบบนี้แล้ว ก็ควรเลือกรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน หรือรถ Hybrid และ Plug-In Hybrid เพราะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีกว่า
แต่ถ้าใครมีงบประมาณมากพอ ชอบเทคโนโลยีสมัยใหม่ ชอบการขับรถแบบไม่ต้องเติมน้ำมัน และไม่กังวลเรื่องหาที่ชาร์จไฟ กับเวลาที่ชาร์จไฟ บวกกับงบประมาณในการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า
หากอยู่ในเมืองใหญ่ จุดชาร์จมีมากขึ้นแน่นอนในอนาคต แถมประหยัด การออกตัวก็เร็วทันใจ เพราะมีแค่เกียร์เดียว เหยียบคันเร่งทีก็พุ่งเลย ไม่แพ้รถเครื่องโตๆ แต่อย่างใด และไม่ปล่อยมลพิษออกมา หรือมีรถยนต์ส่วนตัวมากกว่า 1 คัน ก็เลือกรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ไว้ใช้งานได้
ก็แล้วแต่คุณแล้วล่ะครับ ว่าจะเลือกแบบไหน …
ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่ออยากลองซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ดูบ้าง CARRO เรารับซื้อรถของคุณ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai
แต่ถ้าใครอยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่เงินไม่พอผ่อนหรือซื้อสด CARRO อยากให้ลองเปิดใจกับรถมือสองสภาพดีๆ สักคัน และหลายรุ่นยังประหยัดน้ำมัน ซึ่ง CARRO Automall เป็นแหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!
รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!
อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!
หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก: