รวม 7 รถกระบะพันธุ์แกร่ง จอมอึด ราคาเป็นมิตรในงาน Motor Show 2022
รถกระบะ ถือเป็นรถที่ยอดนิยมอย่างยิ่งของชาวไทยมานานนับหลายสิบปี ในปัจจุบันเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ที่สมรรถนะดีมากกว่าในอดีตมาก และออพชั่นติดรถสุดทันสมัย ไม่แพ้รถยนต์นั่งเลยทีเดียว ซึ่งคาวมนิยมในบ้านเรากับความเป็นรถสารพัดประโยชน์ ทั้งในเชิงพาณิชย์ การใช้งานที่อเนกประสงค์ ขนของได้ ลุยน้ำได้ ไปกันได้หลายคน ใช้ทำเป็นรถรับจ้างหาเงินได้อีกด้วย
ในงาน Motor Show 2022 (งานมอเตอร์โชว์ 2022) นี้ ผู้ผลิตรถกระบะหลายเจ้าอย่าง โตโยต้า, อีซูซุ, นิสสัน, มิตซูบิชิ, ฟอร์ด หรือ เอ็มจี ต่างส่งรถกระบะโฉมใหม่ หรือรุ่นพิเศษของตัวเองออกมาเพื่อกระตุ้นตลาด ช่วงชิงยอดจองและยอดขาย โดนใจผู้บริโภคที่อยากเปลี่ยนรถกระบะคันใหม่
โดยในงาน Motor Show 2022 จะมีรถกระบะรุ่นใดที่น่าซื้อนั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันครับ …
Toyota Hilux Revo
Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) ปีนี้นำ Hilux Revo GR Sport (ไฮลักซ์ รีโว่ จีอาร์ สปอร์ต) ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาโชว์ รถกระบะยกสูงรุ่นท็อป Premium Adventure ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการพัฒนาจากรถแข่งระดับโลก ที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ World Rally Championship (WRC) เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มองหารถกระบะดีไซน์สปอร์ต
ดุดัน ทันสมัย ทั้งการออกแบบภายนอก ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า สปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอย มาพร้อมกับโช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) เพิ่มประสิทธิภาพให้สมรรถนะการขับขี่ขั้นสูง ขับสนุกเร้าใจ สามารถขับลุยได้ทุกที่ ครบครันด้วยอุปกรณ์ความบันเทิง อาทิ หน้าจอสัมผัส Touchscreen ที่รองรับการใช้งาน Apple CarPlay
แข็งแกร่งในทุกมิติด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ GD Super Power ขนาด 2.8 ลิตร แรงสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะที่แรง ดุดัน และเร้าใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งประหยัดน้ำมันขั้นสูงสุด นุ่มนวล เกาะถนนมั่นใจด้วยช่วงล่าง SuperFlex Suspension เพิ่มความนุ่มนวลเช่นเดียวกับรถ SUV พร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบ Variable Flow Control ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว
ราคาของ Toyota Hilux Revo มีดังนี้
- Hilux Revo รุ่นมาตรฐาน กระบะตอนเดียว มี 7 รุ่น ราคา 544,000 – 704,000 บาท
- Hilux Revo Z-Edition มี 8 รุ่น ราคา 619,000 – 805,000 บาท
- Hilux Revo ยกสูง แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ Pre-Runner มี 10 รุ่น ราคา 724,000 – 1,026,000 บาท
- Hilux Revo แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มี 5 รุ่น ราคา 879,000 – 1,176,000 บาท
- Hilux Revo GR Sport 2WD ราคา 889,000 บาท
- Hilux Revo Rocco มี 4 รุ่น ราคา 966,000 – 1,256,000 บาท
- Hilux Revo GR Sport 4WD ราคา 1,299,000 บาท
Isuzu D-Max
Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) โฉมใหม่! ครั้งแรกของโลก! ผลงานความสมบูรณ์แบบล่าสุดจาก DNA ของ Isuzu ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทุกมิติ ทั้งภายนอกภายใน มิติตัวรถใหญ่ บึกบึนยิ่งขึ้น ดูทรงพลัง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ยกระดับความพรีเมี่ยม สู่มาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ Top Class ด้วยสีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก กระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทน สีเทาดำ และ Black Chrome พร้อมไฟท้ายดีไซน์โทนสีเข้ม ใหม่! Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน เพิ่มความดุดัน และล้อ อัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่! แบบ Robust Radius
ห้องโดยสารภายใน ผสานความเท่ สปอร์ต และหรูหรา ด้วยดีไซน์ High-Class & Sporty เน้นสีแบบทูโทน ดำ-น้ำตาล คอนโซลหน้าสีดำ เบาะคู่หน้าดีไซน์ใหม่ เดินด้ายสีน้ำตาล และพวงมาลัยสัมผัสใหม่ สีทูโทน ออกแบบให้มิติห้องโดยสารกว้างขวางแบบ Sharp Horizontal Layers คมเข้ม เล่นระดับกับแผงข้างประตู ด้วยวัสดุตกแต่งพรีเมี่ยม สี Brown Cafe และ Satin Silver จัดวางสิ่งอำนวยสะดวกสบายตามหลัก Usability Design เน้นการใช้งานหลากหลาย พร้อมระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบของ Isuzu Ultimate Entertainment
มีให้เลือกครอบคลุมทั้งรุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู พร้อมเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ 190 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีดพัฒนาใหม่สไตล์สปอร์ต ขับสนุก แม่นยำยิ่งขึ้น และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดใหม่ ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล พร้อมโหมดขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic
ราคาของ Isuzu D-Max อยู่ที่ 510,000 – 1,172,000 บาท
Nissan Navara
Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) รถกระบะที่ กล้า… เพื่อคนแกร่ง ดีไซน์คอนเซ็ปต์ “Unbreakable Design” คำนึงถึงการใช้งาน และความชื่นชอบของลูกค้า โดดเด่นด้วยด้วยดีไซน์ใหม่ดุดัน และเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะเต็มรูปแบบจาก Nissan Intelligent Mobility
นาวารา ใหม่ มีเครื่องยนต์ 3 แบบได้แก่
- เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ Twin Turbo เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ VGS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร
- เครื่องยนต์ YD25DDTTi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร
นอกจากนี้ ยังคงความสมบูรณ์แบบที่สามารถลุยได้ทุกที่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเทคโนโลยีที่เสริมความมั่นใจในทุกสภาวะของเส้นทาง อาทิ ระบบป้องกันการลื่นไถล (Brake Limited Slip Differential: B-LSD) และ ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (Electronic Rear Locking Differential) รวมถึงเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) ที่เสริมฟังก์ชัน Off-Road Meter เมื่ออยู่ในโหมด 4L
นอกจากนี้ นาวารา ใหม่ ยังนำรุ่นพิเศษ PRO-4X และ PRO-2X ใหม่ ถ่ายทอดดีเอ็นเอมาจาก Nissan Titan สำหรับลูกค้าที่ชอบการเดินทางแบบผจญภัยพร้อมลุยไปในเส้นทางแปลกใหม่ ที่เสริมความดุดันของดีไซน์ภายนอก จากกระจังหน้า และอุปกรณ์ตกแต่งโทนสีดำ ปรับแต่งช่วงล่างใหม่ให้สามารถลุยไปได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ด้วยล้ออัลลอยพร้อมยางแบบ All-Terrain
โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมสีพิเศษ สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) เสริมด้วยชุดแต่งที่มีแอคเซนท์สีส้มแดง ภายในห้องโดยสารเสริมด้วยเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต ในราคาเริ่มต้นที่ 999,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-2X และ 1,149,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-4X
ราคาของ Nissan Navara อยู่ที่ 519,000 – 1,149,000 บาท
Mitsubishi Triton
Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) ปีนี้มาในแนวชุดแต่ง Ralliart (แรลลี่อาร์ต) กับแนวคิด “Engineered Beyond Tough” หน้าตาภายนอกใช้ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น และกระจังหน้าแบบ Dynamic Shield มาพร้อมไฟท้ายแบบ LED Tube กับกันชนดีไซน์ใหม่ ลงตัวกับล้อแม็กลาย 6 ก้านคู่ และด้วยระยะความสูงจากพื้นถึง 700 มม. ช่วยลดความเสี่ยงที่ไฟหน้าและไฟตัดหมอกจะได้รับความเสียหายขับรถลุยน้ำท่วม หรือถูกหินกระเด็นใส่ตัวรถ
ส่วนออพชั่นภายใน และดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ปรับเปลี่ยนเยอะพอสมควร ช่องแอร์แบบใหม่ ใช้วัสดุภายในดูโดดเด่นขึ้น และยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครันที่สุดในระดับเดียวกัน รวมไปถึงกล้องมองภาพรอบคัน ที่ใช้กล้อง 4 ตัวจับภาพรอบคันพร้อมภาพมุมสูงที่แสดงสิ่งกีดขวางรอบคัน และเซ็นเซอร์กะระยะจอด เพื่ออำนวยความสะดวกในการจอดรถ
มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VG Turbo Clean Diesel ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที รองรับการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด แบบใหม่พร้อม Sport Mode
ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II พร้อมฝ่าอุปสรรคในทุกสภาพเส้นทาง ด้วย 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และโหมด 4H ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control พ่วงด้วยโหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง
ราคาของ Mitsubishi Triton อยู่ที่ 519,000 – 1,112,000 บาท
Mazda BT-50
All-New Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) เจเนอเรชั่นใหม่ ผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ดีไซน์ที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดในโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด
การออกแบบที่สง่างาม สไตล์ปิกอัพยุคใหม่ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย ให้ความสะดวกสบายเทียบเท่ารถเอสยูวี ยังตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกโอกาส หรือ “Built for Dress and Jeans” ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบด้วย Signature Wing ขนาดใหญ่ รูปทรงด้านหน้าที่สง่างามในสไตล์รถเอสยูวี ดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว
ภายในห้องโดยสาร ประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด ใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง คอนโซลหน้าถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายในและเพดานเลือกใช้โทนสีดำตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่ง ให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง และแผงประตูดูหรูหรา ด้วยการตกแต่งสไตล์เดียวกับรถ SUV
การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์โดยให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักการ Human Machine Interface ทุกฟังก์ชันง่ายต่อการใช้งาน การรับรู้ข้อมูลการขับขี่รวมถึงสายเรียกเข้าหรือชื่อเพลงบนหน้าจอแบบสี MID (Multi-Information Display) ขนาด 4.2 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ อ่านง่าย มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ TFT (Thin-film Transistor Technology)
มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ซึ่งประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาส กับตัวเลข 16.1 กม./ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร มีทั้งแบบส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมรองรับน้ำมันดีเซลได้ถึง B20
ราคาของ Mazda BT-50 อยู่ที่ 569,000 – 1,153,000 บาท
Ford Ranger / Ranger Raptor
Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เจเนอเรชั่นใหม่ สุดยอดรถกระบะที่แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และชาญฉลาดที่สุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ โดดเด่นด้วยดีไซน์โฉมใหม่ที่ดุดัน โฉบเฉี่ยว ยกระดับความแข็งแกร่งภายนอกพร้อมความหรูหราสะดวกสบายภายใน โดยในระยะแรก สมนิยาม “เกิดมาแกร่ง” อย่างแท้จริง มีให้เลือกเฉพาะรุ่น Sport และ Wildtrak เท่านั้น พร้อมเปิดให้จองแล้วผ่านเวบไซต์ของ Ford
ดีไซน์ภายนอกของ All-new Ford Ranger 2022 โดดเด่นด้วยไฟหน้ารูปตัว C และกระจังหน้าแบบใหม่ พร้อมระบบไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก และบันไดเหยียบด้านข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง ขึ้น-ลงกระบะท้ายได้ง่ายขึ้น เสริมด้วยฐานล้อที่มีความยาวและความกว้างเพิ่มขึ้น 50 มม.
ภายในห้องโดยสารเน้นความหรูหรายิ่งขึ้น แผงหน้าปัดใหม่ พร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 10.1 นิ้ว และ 12 นิ้ว ที่เชื่อมเข้ากับกล้อง 360 องศา รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รุ่นใหม่ล่าสุด รองรับ Apple CarPlay/Android Auto พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง และแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถได้เต็มรูปแบบ
มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล Turbo 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
Ford Ranger ใหม่ เคาะราคารุ่น Sport เริ่มต้นที่ 929,000 บาท และรุ่น Wildtrak เริ่มต้นที่ 999,000 บาท
Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเตอร์ แรพเตอร์) เจเนอเรชั่นใหม่ รถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลเรนเจอร์ อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา มาพร้อมดีไซน์ที่ดุดันยิ่งกว่าเคย พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนทางเรียบในชีวิตประจำวัน หรือเส้นทางออฟโรดสุดหฤโหด
ตัวรถภายนอกมาพร้อมความดุดัน และจุดเด่นหลายๆ อย่าง เช่น ติดตั้งระบบไอเสียแบบแปรผันควบคุมไฟฟ้าครั้งแรกในรถกระบะ ช่วยให้ผู้ขับขี่ตั้งค่าเสียงท่อไอเสีย มีระดับความดังด้วยกันถีง 4 โหมด ได้แก่ โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮา เสริมด้วยระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮา จะรักษาการหมุนของ Turbo ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที ช่วยให้เร่งได้ทันใจขณะออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์
ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร EcoBoost V6 Twin Turbo มอบกำลังสูงสุดถึง 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบ/นาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งทั้งหมดถูกปรับจูนตามมาตรฐานของ Ford Performance ถ่ายทอดกำลังได้เต็มพิกัดทั้งบนทางกรวด ดิน โคลน และทราย ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร Twin Turbo จะยังคงมีอยู่
ราคาของ Ford Ranger Raptor อยู่ที่ 1,869,000 บาท
MG Extender
MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) มาใน Concept “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าใหม่ ตั้งแต่การจัดวาง Daytime Running Light ไว้ด้านบน
พร้อมชุดไฟส่องสว่างเป็นแบบ LED Projector จัดวางเรียงเป็น 3 ระดับ ตามแนวตั้งด้านข้างของกันชนหน้า โดยไฟส่องสว่างลดระดับต่ำลงกว่าเดิม ทำให้ไม่รบกวนรถที่สวนทางมา พร้อมล้ออัลลอยด์แบบ Bi-Colour ขนาด 18 นิ้ว
ห้องโดยสารภายใน เสริมความพรีเมี่ยมด้วยสีทูโทน สีน้ำตาลสลับสีดำ คอนโซล และแผงประตูตกแต่งพิเศษ ด้วยวัสดุแบบ Soft Touch พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าเอนได้ถึง 150 องศา และตกแต่งเบาะด้วยวัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์
ตอกย้ำความเป็นสมาร์ทปิกอัพ ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ครบครันถึง 9 ระบบ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมมอบความคุ้มค่าที่เหนือกว่า
วางสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซล Commonrail Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ให้ทั้งพละกำลังโดดเด่น การประหยัดน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ มั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นรถกระบะที่มาพร้อมระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อในเกือบทุกรุ่น พร้อม Option ต่างๆ ที่ให้มากกว่ารถทุกรุ่นเมื่อเทียบในระดับราคาเดียวกัน
สำหรับ MG Extender ใหม่ ราคาอยูที่ 559,000 – 1,039,000 บาท
… ถูกใจรุ่นไหน ไปสัมผัสตัวจริงได้ที่งาน Motor Show 2022 กันได้เลยนะครับ …
สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!
แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!
รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!
หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ