ตรวจสภาพรถ, ยางรถยนต์, ผ้าเบรค, พรบ รถยนต์

เทคนิคในการขับขี่อย่างปลอดภัย ทุกสภาวะถนน

ประเทศไทยของเรานั้น ประกอบไปด้วย 3 ฤดู คือ หน้าร้อน หน้าฝน และหน้าหนาว แต่ในปัจจุบัน สภาพอากาศเริ่มแปรปรวนมากขึ้นจนไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะในบางวัน ก็ทั้งอากาศร้อนและฝนตกในวันเดียวกัน! ด้วยเหตุนี้ Carro จึงขอแนะนำ เคล็ด(ไม่)ลับในการขับขี่อย่างปลอดภัย ในทุกสภาพอากาศมาฝากผู้อ่านกันค่ะ

1.ตรวจเช็คสภาพรถเสมอ

คุณควรตรวจเช็คทุกๆ ส่วน โดยเฉพาะดอกยางรถ ยางใบปัดน้ำฝน ระดับน้ำหม้อพักฉีดกระจก ไฟหน้า ไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว และผ้าเบรก ว่าสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อเตรียมรถให้พร้อมใช้งานแม้ในวันที่ฝนตก และทุกสภาวะถนน

2.ลดความเร็วในการขับขี่

โดยปกติเราไม่ควรขับรถเกินความเร็วมาตรฐานอยู่แล้ว และควรลดความเร็วลงอีกในขณะที่ฝนตก เนื่องจากจะช่วยให้ระยะในการเบรกยาวขึ้น เพราะพื้นถนนที่เปียกจะทำให้ลื่นและอันตราย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้อีกด้วย

3.หลีกเลี่ยงเส้นทางที่น้ำท่วม

การที่ฝนตกหนักหรือตกเป็นเวลานาน อาจทำให้น้ำท่วมถนนได้ และเมื่อน้ำท่วมถนน คุณก็จะคาดเดาไม่ได้ว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน ซึ่งอันตรายต่อรถ เพราะเราไม่ทราบว่าสภาพพื้นถนนที่เรากำลังขับขี่อยู่เป็นอย่างไร และหากน้ำเข้าท่อไอเสียและเครื่องยนต์ ก็จะทำให้รถยนต์ของคุณดับกลางคันด้วย

4.ขับช้าๆ แม้ฝนหยุดตกแล้ว

หลังจากฝนตก จะมีคราบน้ำมันที่ตกค้างบนพื้นถนนก่อตัวขึ้นมาใหม่ ทำให้พื้นถนนลื่นยิ่งขึ้น ซึ่งคราบน้ำมันจากรถยนต์จะมีมากบริเวณสี่แยกหรือไฟจราจร เพราะฉะนั้น คุณยังคงต้องขับรถอย่างระมัดระวังแม้ฝนหยุดตกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการลื่นไถลบนพื้นถนนนั่นเอง

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน

5.อย่าลืมเปิดไฟหน้ารถ

เมื่อต้องขับรถในช่วงกลางคืน การเปิดไฟหน้ารถคือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณมองเห็นได้ชัดเจน และรถคันอื่นๆ จะได้มองเห็นรถคุณด้วย และหากต้องขับขี่บนถนนลูกรังหรือเส้นทางเปลี่ยว อย่าลืมเปิดไฟสูงขณะขับขี่และลดไฟต่ำลงเมื่อมีรถขับสวนมา

6.ไม่ขับขี่เมื่อมีอาการง่วงหรือมึนเมา

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การขับขี่ในช่วงกลางคืนอันตรายกว่ากลางวัน คือ ผู้ขับขี่มีอาการง่วงหรือมึนเมา ซึ่งผู้ขับขี่เหล่านี้มักจะละเมิดกฏจราจร บางครั้งถึงขั้นเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟ! ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุในช่วงกลางคืนได้ ก็คือ หากเห็นรถยนต์คันอื่นมีท่าทีการขับขี่ที่อันตราย คุณควรเว้นระยะห่างจากรถยนต์คันดังกล่าวและขับให้ช้าลง

และที่สำคัญก็คือ คุณไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับขี่ซะเอง ถ้าหากมีอาการง่วงหรืองัวเงีย ก็ควรจอดแวะพักที่ปั๊ม ล้างหน้าล้างตาหรือนอนพักสักหน่อย แล้วตั้งสติก่อนสตาร์ท หากปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ ก็จะปลอดภัยทั้งคนทั้งรถอย่างแน่นอนค่ะ