รถมือสองควรซื้อประกันรถยนต์ประเภทไหนดี ?
เศรษฐกิจไม่ดี ที่บ้านมีฐานะพอมีพอกิน อยากมีรถสักคัน จะไปถอยรถใหม่ป้ายแดงเลยคงจะไม่ไหว งานนี้คงต้องไปซื้อรถมือสองแทนซะและ ว่าแต่ซื้อรถมือสองอย่างนี้ควรซื้อประกันรถยนต์หรือไม่ ? แล้วประกันรถยนต์ก็มีหลายแบบ หลายประเภท รถมือสองแบบนี้ควรซื้อประกันรถอันไหนดี?
ใครที่มีคำถามในส่วนนี้อยู่ละก็ วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการเลือกประกันรถยนต์สำหรับรถมือสองมาฝาก จะต้องซื้อประกันตัวไหน ตามไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
จะทำประกันรถยนต์ต้องดูเรื่องงบของเราเป็นหลัก
อย่างแรกเรามาคุยกันก่อนค่ะ ว่าหลักๆ แล้วเราต้องดูอะไรในการตัดสินใจเลือกทำประกันรถยนต์ให้กับรถมือสองกันบ้าง ซึ่งเราสามารถเเบ่งเป็น 4 ข้อหลักๆ ดังนี้ค่ะ
1. เรื่องงบสำหรับประกันรถยนต์
อย่างแรกเลยที่เราต้องดูก็คือ เรื่องงบในส่วนของประกันรถยนต์ ในเมื่อเราซื้อรถยนต์มือสอง งบของเราก็คงไม่สูงมากใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเรื่องงบสำหรับการซื้อประกันรถเราก็ต้องมาคิดให้ถี่ถ้วน
ทั้งเรื่องความคุ้มครอง ควรเลือกความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันรถยนต์อันไหนถึงจะเหมาะกับรถยนต์ของเรา และสไตล์การขับรถของเรา เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด
และอีกสิ่งที่ห้ามลืมเลยก็คือ เรื่องเบี้ยประกันที่เราต้องเสีย เพราะคุณต้องจ่ายเบี้ยประกันไปอีกหลายปีนะคะ
พรบ. ประกันภาคบังคับ ความคุ้มครองไม่ครอบคลุมเท่าประกันรถยนต์
2. อย่าลืม พรบ.
ปกติแล้วรถยนต์ทุกคันจะต้องมี “ประกันภัยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” หรือที่เราคุ้นชื่อกันคือ “พรบ.” ซึ่ง พรบ. นี้ ก็คือเป็นประกันภัยภาคบังคับ ที่ผู้มีรถทุกคนจะต้องทำ หากไม่ทำหรือไม่มีการต่ออายุ จะมีโทษทางกฎหมาย อาจได้รับโทษปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท
ซึ่ง พรบ. นี้จะให้การชดใช้เงินจำนวนหนึ่งกับบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายที่เกิดกับชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอก อันเนื่องจากการกระทำของผู้เอาประกันภัย
ในเมื่อเรามี พรบ. ประกันภัยภาคบังคับแล้วที่พอจะคุ้มครองได้บ้างส่วนหนึ่ง ดังนั้นความคุ้มครองส่วนที่เหลือที่คุณคิดว่า พรบ. ไม่ครอบคลุมก็ค่อยทำประกันรถยนต์มาช่วยคุ้มครอง
สภาพรถของเราเหมาะกับประกันรถยนต์ประเภทไหน
3. รถมีสภาพอย่างไร
มาถึงขั้นตอนที่เราต้องประเมินแล้วค่ะว่ารถยนต์มือสองของเรา เหมาะกับประกันรถยนต์ชั้นไหน โดยปกติแล้วประกันรถยนต์มีด้วยกัน 5 แบบ ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+, ประกันรถยนต์ชั้น 2, ประกันรถยนต์ชั้น 3+ และ ประกันรถยนต์ชั้น 3
ซึ่งประกันรถยนต์แต่ละประเภทก็มีความคุ้มครอง และเบี้ยประกันรถยนต์ที่ต่างออกไป โดยประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด และเบี้ยประกันที่แพงที่สุด ก็คือ ประกันรถยนต์ชั้น 1 รองลงมาก็เป็นประกันรถยนต์ชั้น 2+ และไล่ลงมาตามลำดับ
เมื่อเราพอจะทราบรายละเอียดความคุ้มครองและเบี้ยประกันแบบคร่าวๆ แล้ว ทีนี้เรามาดูสภาพรถยนต์ของเรากันดีกว่า
- รถมือสองสภาพนางฟ้า
ถ้ารถมือสองของคุณยังมีสภาพนางฟ้า ผ่านการใช้งานเพียงไม่เท่าไหร่ เครื่องยนต์ยังพร้อมใช้งาน ดูแล้วไม่น่ามีปัญหา บอกเลยงานนี้ต้องจัดประกันรถยนต์ชั้น 1 เพราะความคุ้มครองประกันนี้มีความเหมาะสม เปรียบเทียบประกันดีๆ รับรองได้ประกันรถชั้น 1 ในราคาเบี้ยที่คุ้มค่าค่ะ
- รถมือสองไม่ใหม่มาก แถมมีงบน้อย
หากรถของคุณมีสภาพที่ไม่ใหม่มาก แต่ก็ไม่เก่าเกินไป สภาพรถผ่านการใช้งานมาพอสมควร ถ้ารถของคุณมีสภาพเช่นนี้ แนะนำให้ทำประกันรถยนต์ ชั้น 2+, ประกันรถยนต์ชั้น 2, ประกันรถยนต์ชั้น 3 หรือประกันรถยนต์ชั้น 3+ ก็ย่อมได้
ทักษะการขับรถก็เป็นตัวตัดสินให้เราเลือกประกันรถยนต์ได้
4. ฝีมือการขับรถ
อย่างถัดไปที่ต้องดูก็คือ ฝีมือการขับรถของเรา หากคุณมีความเชี่ยวชาญในการขับรถมาก เรียกว่าน้อยครั้งมากที่จะเกิดอุบัติเหตุ แนะนำให้ทำประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองไม่สูงมาก เบี้ยประกันไม่สูงมาก เป็นการประหยัดเงินไปได้ส่วนหนึ่งเลยค่ะ
แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจในฝีมือการขับรถ มักเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง ถ้าอย่างงี้ต้องจัดประกันที่ให้ความคุ้มครองสูง ซึ่งความคุ้มครองสูงขนาดนี้เบี้ยประกันก็สูงตามไปด้วย เพื่อตอบโจทย์การขับขี่ของคุณนั่นเอง
ทั้ง 4 ปัจจัยที่กล่าวไปล้วนเป็นเหตุผลที่ช่วยให้คุณตัดสินใจทำประกันรถสำหรับรถมือสองโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าคุณยังตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์สำหรับรถมือสองไม่ได้ละก็ ทางเราแนะนำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ก็เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม แถมเบี้ยประกันก็เอื้อมถึง รับรองประกันชั้นนี้ตอบโจทย์รถมือสองแน่นอนค่ะ