10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2020
จากการจัดอันดับของ JADA สมาพันธ์ผู้ค้ารถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Dealers Association) “ญี่ปุ่น” ถือเป็นประเทศที่มียอดขายรถที่มากติดอันดับโลก (ในปี 2020 มียอดขาย และจดทะเบียนรถในประเทศมากถึง 4,598,615 คัน ซึ่งยอดขายตกลงมาจากปี 2019 หลายแสนคัน จากผลกระทบของโควิด-19) แต่เนื่องจากรถเก่ามีค่าตรวจสภาพ ค่าซ่อม ภาษีรถยนต์ และค่าประกันภัยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนนิยมใช้รถยนต์แค่ไม่กี่ปีก็ขายรถ แล้วซื้อคันใหม่
อ่านเพิ่มเติม >> 10 อันดับ รถที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2020
สำหรับของรถ Kei Car (K-Car) นั้น หมายถึง Keijidōsha (軽自動車) หรือ รถขนาดเล็ก ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มียอดขายที่ถือว่าสูงมากๆ ต่อปี ด้วยอัตราภาษีที่ต่ำ หาที่จอดรถได้ง่าย รับกับถนนขนาดไม่ใหญ่นักของญี่ปุ่น (ซึ่งหากใครที่ซื้อรถยนต์ในญี่ปุ่น หากไม่มีที่จอด ซื้อไม่ได้นะจะบอกให้)
คุณสมบัติคร่าวๆ ของรถ K-Car หลักๆ ก็จะมีความยาวตัวรถที่ไม่เกิน 3.4 เมตร กว้างไม่เกิน 1.48 เมตร สูงไม่เกิน 2 เมตร มีเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 660 ซีซี และแรงม้าไม่เกิน 64 แรงม้า และมีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่บ้านเราก็นิยมเอาเข้ามามาก ในช่วงรถจดประกอบกำลังบูม
ส่วนถ้าใครกำลังอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถใหม่ป้ายแดงมาใช้ ลองมาขายกับ CARRO Express ดูสิ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand
MR.CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถ K-Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2020 (ซึ่งรถทุกรุ่น ยังมีขายเป็นรถใหม่ 2021 ในญี่ปุ่นอยู่ด้วย) ไปอ่านกันได้เลย …
1. Honda N-Box จำนวน 195,984 คัน
Honda N-Box (ฮอนด้า เอ็นบ็อกซ์) ถือเป็นรถ K-Car ที่ขายดีที่สุดในปี 2019 (253,500 คัน) และในปี 2020 อีกด้วย นับตั้งแต่เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2017 และปรับโฉมเล็กน้อยช่วงปลายเดือนธันวาคม 2020 ด้วยการเสริมระบบ Honda Sensing เข้าไป พร้อมปรับชุดกระจังหน้าใหม่ และล้อแม็กลายใหม่ ก็ยังขายดีอย่างต่อเนื่อง 4 ปีติดต่อกัน!
โดยเป็นรถ Kei Car ที่คล้ายกับรถ MPV แบบประตูบานเลื่อนด้านข้าง นิยมกันสำหรับคนมีครอบครัว ไปจนถึงรุ่นใหญ่ อายุ 40-50 ปี ซึ่งมีให้เลือกทั้ง N-Box และ N-Box Custom เอาใจวัยรุ่น
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส S07B ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 58 แรงม้า ที่ 7,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 65 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที
และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 104 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก
2. Suzuki Spacia จำนวน 139,851 คัน
Suzuki Spacia (ซูซูกิ สปาเซีย) เป็นรถ K-Car เจเนอเรชั่นที่ 2 ด้วยรูปทรงแนวยอดนิยม ชูจุดเด่นอย่างประตูด้านหลังแบบบานเลื่อนไฟฟ้า จากค่าย Suzuki นี่ก็ติดอันดับต้นๆ ของเรื่องขายดี ที่ปี 2020 สามารถพาตัวเองขึ้นมาในอันดับที่ 2 ได้ ซึ่งนับตั้งแต่โฉมไมเนอร์เชนจ์ออกมาในเดือนกันยายน 2017 เน้นกลุ่มคนมีครอบครัว แม่บ้าน และวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย หรือหนุ่มวัยเพิ่งทำงานก็ต้องเล่นรุ่น Spacia Custom
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินพลัง Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 52 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3.1 แรงม้า อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก
3. Daihatsu Tanto จำนวน 129,680 คัน
Daihatsu Tanto (ไดฮัทสุ แทนโต) นี่ก็ถือว่าเป็นรถ K-Car ที่ขายดีของ Daihatsu นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2003 จวบจนถึงปัจจุบันที่เป็นเจเนอเรชั่น 4 แล้ว โดยเพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019 ก็สามารถทำยอดขายขึ้นมายืนอันดับ 2 ได้แล้ว ซึ่งรุ่นนี้พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ DNGA หรือ Daihatsu New Global Architecture ที่นำแนวคิดมาจาก Toyota นั่นเอง มีจุดเด่นอย่างประตูด้านหลังเป็นแบบบานเลือนไฟฟ้า
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 52 แรงม้า ที่ 6,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที
และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก
4. Daihatsu Move จำนวน 104,133 คัน
Daihatsu Move (ไดฮัทสุ มูฟ) รถ K-Car รุ่นยอดนิยมของไดฮัทสุ นับตั้งแต่ออกมาในปี 1995 จนถึงปัจจุบันนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 ที่ออกมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2014 และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนสิงหาคม 2017 ก็ช่วยให้ยอดขายยังสามารถสู้กับรถ Kei Car รุ่นอื่นๆ ได้ในเวลานี้ ยังมีทั้งรุ่นเพื่อครอบครัวอย่าง Move และรุ่นเอาใจคนวัยทำงาน รักการแต่งรถ ชอบความสปอร์ตอย่าง Move Custom
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 5,200 รอบ/นาที
และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo สำหรับรุ่น Custom ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก
5. Nissan Dayz จำนวน 87,029 คัน
Nissan Dayz (นิสสัน เดย์) รถทรงกล่องสุดน่ารัก ในรูปโฉมใหม่ล่าสุด เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน 2019 ที่ผ่านมา สรางยอดขายได้น่าประทับใจ และยังเป็นคู่แฝดของ Mitsubishi eK Wagon และ eK X อีกด้วย โดยรถรุ่นนี้ เน้นเจาะกลุ่มตลาดผู้หญิงมากกว่า มีให้เลือกถึง 3 แบบ นั่นคือ ได้แก่ Dayz, Dayz Highway Star และ Bolero
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 659 ซีซี รหัส BR06 ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่วนรุ่น S-Hybrid จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2 กิโลวัตต์ เข้ามาด้วย
และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Hybrid ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก
6. Suzuki Hustler จำนวน 80,114 คัน
Suzuki Hustler (ซูซูกิ ฮัตสเลอร์) เป็นรถแนว Crossover SUV แบบ K-Car ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแดนปลาดิบอีกหนึ่งรุ่น โดยรุ่นนี้นับว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ นั่นคือ Hustler และ Hustler Style เปิดตัวในวันที่ 20 มกราคม 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งยังแบ่งปันตัวรถให้กับทาง Mazda นำไปแปะขายในแบรนด์ตัวเองด้วยในชื่อ Flair Crossover เช่นเคย
ห้องโดยสารภายในมี 4 ที่นั่ง ใช้เบาะนั่งคู่หน้าแบบสีทูโทน แปลกตาด้วยการแบ่งคอนโซลหน้าออกเป็น 3 ส่วน ด้วยวัสดุตกแต่ง พร้อมผังหน้าจอ Infotainment ขนาด 9 นิ้ว เอาไว้บริเวณกึ่งกลาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน พร้อมจอ MID ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ รวมถึงแอร์อัตโนมัติ เป็นต้น
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่เพิ่มตัวฉีดน้ำมันเกียร์เป็น 2 ตัว พร้อมปรับปรุงชุดสายพาน และระบบ Cooled EGR กับระบบฉีดหัวคู่
และเครื่องยนต์ 3 สูบ Turbo Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A มอบแรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT
ขุมพลังทั้งสองทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ซึ่งเก็บพลังงานที่เหลือใช้จากการขับขี่ เช่น การเบรก มาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ใช้ในแบตเตอรี่ได้ รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Suzuki Safety Support ที่มีคุณสมบัติอีกเพียบ
7. Daihatsu Mira จำนวน 73,462 คัน
Daihatsu Mira e:S (ไดฮัทสุ มิร่า อีเอส) รถ Eco-Car แบบฉบับญี่ปุ่นเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2017 ซึ่งยังคงขายได้เรื่อยๆ ในตลาดญี่ปุ่น แถมเป็นคู่แฝดกันกับ Toyota Pixis Epoch และ Subaru Pleo Plus รวมถึงยังเป็นรุ่นที่มาทดแทน Mira รุ่นดั้งเดิม นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 อีกด้วย
ความพิเศษของรถรุ่นนี้คือการแนะนำ “e:S technology” ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 32.2 – 35.2 กม./ลิตร (วัดตามมาตรฐานโหมด JC08) ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบาจากเทคโนโลยี D Monocoque และวัสดุเรซิ่นที่นำกลับมาใช้ใหม่ และติดตั้งระบบ Smart Assist III ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการหลีกเลี่ยงการชน
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้าที่ 6,800 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 57 นิวตันเมตรที่ 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก
8. Nissan Roox จำนวน 72,820 คัน
Nissan Roox (นิสสัน รู๊ค) รถทรงกล่องสุดน่ารัก แบบประตูบานเลื่อนด้านข้าง โฉมใหม่เจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา โดยรถรุ่นนี้พัฒนาร่วมกันระหว่าง Nissan กับ Mitsubishi eK Space และ eK X Space สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม NMKV มีให้เลือกถึง 2 แบบ ได้แก่ Roox และ Roox Highway Star
ห้องโดยสารภายในชูจุดเด่นด้วยความกว้าง สูง พื้นที่นั่งโดยสารด้านหลังให้ความกว้างถึง 770 มม. และความสูงภายในรถที่มากถึง 139 ซม. และพื้นที่เก็บสัมภาระตามจุดต่างๆ มากมาย สามารถเข้า-ออกง่าย ด้วยประตูบานข้างแบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี เปิด-ปิดอัตโนมัติ ได้กว้างถึง 650 มม.
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 659 ซีซี รหัส BR06 ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่วนรุ่น S-Hybrid จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2 กิโลวัตต์ เข้ามาด้วย
และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Hybrid ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก
9. Honda N-WGN จำนวน 69,353 คัน
Honda N-WGN (ฮอนด้า เอ็น-แวกอน) ถือเป็นรถ K-Car แบบอเนกประสงค์เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวมาตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2019 ด้วยรูปทรงสุดน่ารัก ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบายสำหรับ 4 คน มีให้เลือกทั้งแบบ N-WGN และ N-WGN Custom พร้อมระบบความปลอดภัย Honda Sensing ที่ช่วยให้คุณขับรถได้อย่างมั่นใจ
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส S07B ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 58 แรงม้า ที่ 7,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 65 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที
และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 104 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก
10. Suzuki Wagon R จำนวน 66,061 คัน
Suzuki Wagon R (ซูซูกิ แวกอนอาร์) นับเป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 6 แล้วสำหรับรถแวกอน K-Car ทรงสูงของ Suzuki รุ่นนี้ที่ออกมาในปี 1993 โดยในโฉมนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 บนแพลทฟอร์มใหม่ล่าสุดอย่าง HEARTECT ที่น้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง ตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น
มีให้เลือก 2 แบบ นั่นคือ Wagon R เอาใจคุณผู้หญิง หรือพ่อบ้านที่มีครอบครัวแล้ว และ Wagon R Stingray เน้นเอาใจวัยรุ่น หรือคนเพิ่งเริ่มต้นทำงาน มาพร้อมการตกแต่งภายในที่ดูอบอุ่นในรุ่น Wagon R และดูเร้าใจ สปอร์ต สนุกสนาน ในรุ่น Wagon R Stingray
ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่เพิ่มตัวฉีดน้ำมันเกียร์เป็น 2 ตัว พร้อมปรับปรุงชุดสายพาน และระบบ Cooled EGR กับระบบฉีดหัวคู่
และเครื่องยนต์ 3 สูบ Turbo Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A มอบแรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT
ขุมพลังทั้งสองทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ซึ่งเก็บพลังงานที่เหลือใช้จากการขับขี่ เช่น การเบรก มาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ใช้ในแบตเตอรี่ได้ รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Suzuki Safety Support ที่มีคุณสมบัติเหมือนในรุ่น Hutsler จ้า
MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถ K-Car ขายดีสุดในญี่ปุ่นที่นำมาเสนอนั้น น่าจะกระตุ้นต่อมอยากได้กันน่าดูเลย แต่น่าเสียดาย ที่บ้านเราภาษีรถนำเข้ายังถือว่าสูง ปกติแล้วในญี่ปุ่น รถเหล่านี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านเยน แต่เมื่อมาถึงไทยแล้ว รวมภาษีต่างๆ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ ก็ต้องฝันไปก่อนละกัน หรือจะไปเล่นรถ K-Car ที่เป็นรถจดประกอบเก่าจากญี่ปุ่นก็ได้
สำหรับใครที่อยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai
และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!
หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall
หมายเหตุ : ข้อมูลรถ K-Car 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนพฤษภาคม 2564 เมื่อเวลาผ่านไป ราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
แหล่งที่มาจาก :