NIO (นิโอ) ได้ทำการเปิดตัว Nio ET7 คันนี้ ไปเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 4 ประตูสัญชาติจีน ที่ตั้งใจออกมาเป็นคู่แข่งกับ Tesla Model S ชูจุดเด่นสามารถขับขี่ได้ไกลสูงสุดถึง 1,000 กิโลเมตร! ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง
NIO หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับบริษัทสตาร์ทอัพ ผู้ผลิตรถจากประเทศจีนแบรนด์นี้มากนัก ซึ่งในประเทศจีนตอนนี้ถือว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมียอดขายสูงมากต่อปี ซึ่งมีจุดเด่นที่ด้านการออกแบบ นวัตกรรม เทคโนโลยี เรียกได้ว่าไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าชาติใดในโลกเลยทีเดียว แถมยังได้ชื่อว่าเป็น Tesla (เทสล่า) แห่งประเทศจีนอีกด้วย!
สำหรับ NIO ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดย William Li (วิลเลียม หลี่) หรือ หลี่ปิน มหาเศรษฐีที่ได้ชื่อว่าเป็น Elon Musk (อีลอน มัสก์) แห่งประเทศจีน! ซึ่งลูกของเจ้าของฟาร์มเล็กๆ ในมณฑลอันฮุยคนนี้ ไม่ได้มุ่งสู่ธุรกิจแบบเดียวกับทางบ้านของตัวเอง
โดยหลังจบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, สังคมวิทยา และโทกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก็ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านไอทีของตัวเองขึ้นมาตอนอายุ 21 จนถึงในปัจจุบัน ได้ลงทุนในอุตสาหกรรมไอที และรถยนต์ไปแล้วกว่า 40 บริษัท รวมทั้ง NIO รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2014 ด้วย
แม้ว่าก่อนหน้านั้น NIO จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และผลกระทบจากโควิด-19 ก็ตาม จนบริษัทก็เกือบแย่อยู่เหมือนกัน แต่เศรษฐกิจจีนก็กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จนในปี 2020 NIO สามารถส่งมอบรถยนต์ได้มากถึง 43,728 คัน เพิ่มขึ้น 112.6% เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่ผ่านมา
และยังได้รับเงินระดมทุนจากเทศบาลเมืองเหอเฟยถึง 7 พันล้านหยวน (หรือ 1,000 ล้านดอลลาร์ หากเทียบเป็นเงินไทยก็ราว 30,130 ล้านบาท) และมีมูลค่าตลาดมากกว่า 92,000 ล้านดอลลาร์ (2.77 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง GM หรือ Daimler AG ซะอีก
ในส่วนของ Nio ET7 ใหม่ เป็นรถขนาด Mid-Size ที่ดูหรูหราไม่แพ้รถจากค่ายยุโรปเลยทีเดียว จะแข่งกับยักษ์ใหญ่ ต้องสวยไปให้สุด การดีไซน์ได้พัฒนามาจากรถต้นแบบ ET Preview ที่ออกมาในปี 2019 ตัวรถให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd = 0.23
โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Dual Beam LED พร้อมไฟ Daytime Running Light, ไฟท้ายแบบ Heartbeat Taillight แบบ 3 มิติ, กระจกหน้าต่างแบบไร้กรอบ ที่เปิดประตูแนบไปกับตัวถัง พร้อมไฟส่องสว่าง LED และบานพับประตูไฟฟ้า E-Latch ที่ปิดประตูได้เองเพียงแค่ดึงเบาๆ และกุญแจแบบ UWB Digital Key เป็นต้น
ช่วงล่างเป็นแบบ Smart Air Suspension พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว Continuous Damping Control เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
มิติตัวรถมีขนาดยาว 5,098 มม. กว้าง 1,987 มม. สูง 1,505 มม. ระยะฐานล้อ 3,060 มม.
ห้องโดยสารภายใน ขายความกว้างสบายราวกับนั่งในห้องนั่งเล่น ชุดหลังคาแบบ All Glass Roof ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตร.ม. แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุอย่าง Karuun ที่ทำมาจากหวายจำนวนทั้งหมด 14 ชิ้น พร้อมช่องแอร์แบบ Invisible Smart Air Vents ที่ฝังตัวไปกับแผงคอนโซลทั้งด้านหน้า-หลัง ให้ความรู้สึกดูใกล้ชิดธรรมชาติมาก
ขับขี่อย่างปลอดภัยไประบบขับขี่อัตโนมัติ Aquila ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ LiDAR ที่นิยมในรถที่ขับเองได้ ใช้เลเซอร์ในการตรวจจับวัตถุต่างๆ รอบๆ ด้านหน้ารถ 120 องศา ในระยะทางไกลถึง 500 เมตร ซึ่งทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์รอบคันอีกกว่า 33 จุด ซึ่งรวมถึงกล้อง Hi-Definition ขนาด 11.8 ล้านเมกะพิกเซล เสริมด้วยหน่วยประมวลผลจาก Nvidia แบบ 8GB บนคอมพิวเตอร์ออนบออร์ดที่ชื่อ Adam
Nio ET7 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว บริเวณล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 241 แรงม้า และ 402 แรงม้า สำหรับล้อหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด 650 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร
สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น มั่นใจด้วยเบรกหน้าแบบ 4-Pot จาก Brembo สามารถเบรกจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนถึง 0 กม./ชม. ในระยะทางเพียง 33.5 เมตรเท่านั้น
สำหรับชุดแบตเตอรี่ก็มีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่
- แบตเตอรี่ขนาด 70 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่มากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)
- แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่มากกว่า 700 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) และ …
- แบตเตอรี่ขนาด 150 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่มากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง!
นอกจากรถของ NIO จะชาร์จแบตเตอรี่ได้แบบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปแล้ว ยังสามารถสลับแบตเตอรี่เปลี่ยนแทนได้อีกด้วย ซึ่งใช้เวลาเร็วที่สุดในโลก เพียง 3 นาทีเท่านั้น มีชื่อว่า Power Swap Station 2.0
โดยหากรถของคุณพลังงานไฟฟ้าใกล้หมด ก็สามารถขับรถไปยังสถานีที่มีอยู่กว่า 135 แห่ง ใน 59 เมืองของจีนได้เลย ซึ่งทางสถานีจะทำการถอดแบตเตอรี่ลูกเดิมออก เพื่อนำไปชาร์จไว้ รอเปลี่ยนให้รถคันต่อๆ มา ที่จะเข้ามาใช้บริการ และรถที่ถอดแบตเตอรี่ออกไปก็จะได้แบตเตอรี่ที่ชาร์จไว้เต็มแล้วเข้ามาแทน ซึ่งทางรัฐบาลจีนเองก็สนับสนุนด้วย
ราคาจำหน่าย NIO ET7 เคาะราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 378,000 หยวน หรือประมาณ 1,754,755 บาทไทย ซึ่งเป็นราคาที่ไม่รวมแบตเตอรี่ ส่วนในรุ่นที่รวมแบตเตอรี่ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 448,000 หยวน หรือประมาณ 2,078,315 บาท
ส่วนถ้าใครอยากขายรถเพื่อนำเงินไปซื้อรถใหม่ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand
หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —>
แหล่งที่มาบางส่วนจาก: