ที่เที่ยวในกรุงเทพ

ที่เที่ยวทั้งกลางวัน กลางคืน ในกรุงเทพ
ตามมา check in กันได้เลย

“ ถ้ามีรถอยู่หนึ่งคัน สามารถเที่ยวที่ไหนในกรุงเทพได้บ้าง ” เป็นคำถามของกลุ่มคนเมืองที่มีรถยนต์อยากออกไปทำกิจกรรม หรือหาสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ ในวันที่ว่างจากงานแต่จะให้ขับรถออกต่างจังหวัด เวลาก็ไม่พอที่จะไป และก็ไม่อยากไปที่คนพลุกพล่านอย่างตามห้างสรรพสินค้า เลยอยากที่จะขับรถไปในสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพ

ซึ่งวันนี้ Carro ได้รวมไฮไลท์สถานที่ต่างๆ ทั้งที่เที่ยวในกรุงเทพเวลากลางวัน  และที่เที่ยวในเวลากลางคืนที่ทำให้รู้ว่ากรุงเทพเป็นเมืองไม่เคยหลับ

 

ที่เที่ยวในกรุงเทพ กลางวัน

MOCA Bangkok

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย ( MOCA Bangkok ) 

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบพิพิธภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจในความรักศิลปะของ นายบุณชัย เบญจรงคกุล และด้วยการสำนึกพระกรุณาธิคุณ บวกกับเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9  อีกทั้งเพื่อเชิดชู บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยอย่าง ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี โดยได้เก็บรวบรวมผลงานศิลปะไทยแขนงทัศนศิลป์ของศิลปินมากมาย  และตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมโดยนำแนวคิดของหินก้อนนำมาแกะสลักเป็นรูปทรงก้านมะลิซึ่งสื่อถึงศิลปะไทย และระหว่างช่องว่างให้แสงเงาสวยงามที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของวันอีกด้วย

 

ไปรษณีย์กลางบางรัก

ไปรษณีย์กลางบางรัก

เป็นที่ทำการของไปรษณีย์กลางที่ตกแต่งภายในสวยคลาสสิค อีกทั้งรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาของการไปรษณีย์ไทยแต่แรกเริ่ม ซึ่งตัวอาคารใหญ่โตอลังการ และมีรูปทรงสวยสง่า โดดเด่นด้วยสไตล์นีโอ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งมีการประกาศของกรมศิลปากรว่าเป็นอาคารสวยที่สุดในกรุงเทพ ติดอันดับ 1 ใน 80 อันดับ ที่ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ไปชมเรื่องราวความเป็นมาและถ่ายรูปสวย ๆ ในมุมเก๋ ๆ ของสถานที่ และเลือกซื้อของที่ระลึกกลับบ้านกัน

 

ท่ามหาราช 

ท่ามหาราช 

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแบบคอมมูนิตี้ มอลล์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยบรรยากาศชิลๆที่ลงตัว ประกอบไปด้วยโซนสำหรับนั่งเล่น ถ่ายรูป ซึ่งตรงข้ามวัดมหาธตุยุวราชรังสรรค์ อีกทั้งพบกับความร่วมสมัยของการตกแต่งสถานที่ นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟ เก๋ ๆ ร้านอาหารสวย ๆ หลายร้านให้เลือกนั่งมากมาย

 

ที่เที่ยวในกรุงเทพ กลางคืน

ตลาดนัดรถไฟ

ตลาดนัดรถไฟ

ตลาดนัดขนาดใหญ่ที่ขายของสารพัดทุกความต้องการ ซึ่ง “ตลาดนัดรถไฟ” ที่มาของชื่อคือ เดิมเป็นตลาดนัดที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณสวนรถไฟเขตจตุจักร ด้วยชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบทั้งของเหล่าวัยรุ่นและคนทำงาน ทำให้แม้ว่าตอนนี้ย้ายสถานที่มาที่ใหม่นานแล้ว คนก็ยังติดตามไปในสองทำเลใหม่ คือ ถนนศรีนครินทร์ จะเรียกว่า ตลาดนัดรถไฟเลียบด่วนรามอินทรา ส่วนอีกที่อยู่ถนนรัชดาภิเษก หลังห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่องค์ประกอบอย่าง เสียงดนตรีสดทรงเสน่ห์ แหล่งรวมสินค้าแนวใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า  แม้แต่ของกินก็นานาชนิดก็ไม่แพ้ที่ใดในกรุงเทพ  การตกแต่งสถานที่ที่ดูเหมือนโกดังเก่าๆ และความเป็นเรโทรของบรรยากาศ ที่เดินได้ไม่รู้เบื่อ

 

The Knack market

ตลาดกลางคืน The Knack market

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขนาดเล็กย่านคลองสารที่มีกลิ่นไอของอดีต ปัจจุบันและอนาคต เชื่อมโยง  โดยตลาดตั้งอยู่ในโครงการ เดอะแจม แฟทอรี่ ถนนเจริญนคร เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ปลายเดือนเท่านั้น  มาลองลิ้มรสอาหารแนว สตรีทฟู้ด ท่ามกลางความรื่นรมย์ของต้นไม้สีเขียว และสินค้าวินเทจ แฮนด์เมด  ของออกแบบไอเดียเก๋ สินค้าอาหารคลีน  หนังสือมือสองหายาก เสื้อผ้าแนวอินดี้วินเทจ  มีกิจกรรมให้ร่วมเพลิดเพลินทั้งการแสดงดนตรี โยคะและการละเล่นมากมาย

นอกจากการเดินเที่ยวตลาดนัดกลางคืนแล้ว กรุงเทพยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้ท่องราตรีกันอีก เช่น ล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำ ชมวิวสองฝั่งฟาก อย่างวัดอรุณยามกลางคืนที่มีแสงไฟประดับ หรือชมวิวที่มีแสงสีของเมือง เช่น บริเวณถนนราชดำเนิน พระบรมมาราชวัง ริมน้ำเจ้าพระยา หรือแม้แต่บนตึกสูงๆ หลายๆ แห่งที่เปิดเป็นร้านอาหารให้ได้ชมวิวรอบเมืองกรุง อีกทั้งแวะเพลินเพลินกับแหล่งช็อปปิ้ง ทานอาหาร ที่ท่าเรือเอเชียทีคก่อนขับรถกลับบ้าน

 

Source : mumeaw.com , pantip.com

5-Secondhand-Cars-Not-Over-300000-Baht

5 รถมือสองราคาไม่เกิน 300,000 บาท ที่น่าเล่น

เมื่อคุณคิดจะตัดสินใจซื้อรถมือสองสักคันหนึ่ง ในวงเงิน 300,000 บาท ซึ่งก็มีตัวเลือกอยู่มากมายหลายรุ่น ทั้งรถแบรนด์ญี่ปุ่น รถยุโรป ให้เลือกมากมาย เป็นธรรมดาที่ผู้บริโภคจะหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ทั้งจำนวนเงินในกระเป๋า ความคุ้มค่าต่อราคา และความชอบส่วนตัว

ราคาขายต่อในแต่ละรุ่นก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าความนิยม กระแสของคนเล่นรถรุ่นนั้น ศูนย์บริการของรถรุ่นนั้นๆ หรือปัญหายอดฮิตของรถรุ่นนั้น ว่าชอบเสียจุดไหนบ้าง รวมไปถึงความยากง่ายในการหาอะไหล่ เป็นต้น

Carro ขอแนะนำรถยนต์มือสอง 5 รุ่น ในราคาไม่เกิน 300,000 บาท ที่น่าซื้อมาใช้ ให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ

1.Toyota Corolla Altis

Toyota-Corolla-Altis

สำหรับ Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) ในโฉม “หน้าแบน” นี้ เป็นถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากมายจากแท็กซี่ หรือมวลชน เพราะขึ้นชื่อถึงเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ เช่นเคย โดยย้อนกลับไปวันที่ 29 มกราคม 2551 เป็นวันที่เปิดตัว Corolla Altis รุ่นนี้ ภายใต้แนวคิด “Be Your Own Star” ที่พัฒนาใหม่หมดอย่างเป็นทางการ ห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา ทันสมัย สะดวกสบายยิ่งกว่า พร้อมใช้พรีเซนเตอร์คนดังอย่าง “ออรัลโด บลูม”

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 3ZZ-FE 109 แรงม้า, เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 1ZZ-FE 132 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3ZR-FE 145 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 รวมไปถึงมีรุ่นใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG ให้เลือก

พอไมเนอร์เชนจ์ ปี 2553 เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 1ZR-FE 109 แรงม้า, เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE 139 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3ZR-FE 145 แรงม้า มีให้เลือกเกียร์ธรรมดา 6 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่วนรุ่นใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG ยังใช้เครื่องเดิม รหัส 3ZZ-FE

อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาสร้างสีสันในตลาดตามมาตลอดของอายุรถรุ่นนี้ ที่ขายมาจนถึงต้นปี 2557 … ขณะนี้มีราคาจำหน่ายในตลาดรถมือสอง อยู่ประมาณ 150,000 – 430,000 บาท

2.Toyota Wish

Toyota-Wish

Toyota Wish (โตโยต้า วิช) นี่ก็ถือว่าเป็นรถที่น่าใช้อีกรุ่น เหมาะสำหรับคนมีครอบครัวแล้ว เพราะมีเบาะนั่งถึง 6-7 ที่นั่ง เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2546 รูปทรงดูทันสมัย สไตล์สปอร์ตหรู มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE 150 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT + Sport Sequential

มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2548 แต่เนื่องจากกลุ่มตลาดที่ซ้ำซ้อนกับ Toyota Innova และยอดขายที่ตกมาก Wish จึงขายในไทยแค่โฉมนี้โฉมเดียวเท่านั้น …

โดย Wish ในตลาดรถมือสอง อยู่ที่ประมาณ 260,000 – 550,000 บาท

3. Honda Civic (FD)

Honda-Civic-FD

Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) โฉม “FD” เจเนอเรชั่นที่ 8 เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่า แต่งซิ่งแต่งสวยได้เลย เพราะรูปทรงช่างสวยและทันสมัยไม่เคยเปลี่ยน เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2548 ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ ระบบกันสะเทือนใหม่ เครื่องยนต์และระบบเกียร์พัฒนาใหม่ และห้องโดยสารกว้างขึ้น และระบบความปลอดภัยระดับแนวหน้า

มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 1.8 ลิตร i-VTEC 140 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร i-VTEC 155 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 5 สปีด

ขณะนี้มีราคาจำหน่ายในตลาดรถมือสอง (โฉมแรก ก่อนรุ่นไมเนอร์เชนจ์) อยู่ประมาณ 250,000 – 390,000 บาท

4. Ford Focus

Ford-Focus

สำหรับคนที่ชื่นชอบรถแนวยุโรป สำหรับ Ford Focus (ฟอร์ด โฟกัส) ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2548 สำหรับแบบ 4 ประตูซีดาน และ 5 ประตูแฮทช์แบค ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ยนตรกรรมระดับยุโรป ซึ่งตอนนั้นฟอร์ดคุยว่าออกแบบพัฒนาทางด้านวิศวกรรมจากเยอรมันเลยทีเดียว

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร Duratec 125 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร Duratec 145 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แบบ Sequential Sports Shift (SSS) รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 และในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นรายแรกในไทยอีกด้วย

Ford Focus มีราคาจำหน่ายในตลาดรถมือสอง อยู่ประมาณ 140,000 – 300,000 บาท

5. BMW Series 3 (E46)

BMW-Series-3

อันนี้เหมาะสำหรับคนชื่นชอบรถเยอรมนีโดยเฉพาะ สำหรับ BMW Series 3 (E46) (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3) โฉม “ไฟตก” (ปี 2000-2003) และ “ไฟยก” (ปี 2003-2007) เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2543 ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปลายปี 2545 แม้ว่าจะเป็นรถสิบกว่าปี ไปจนเกือบๆ 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงความน่าใช้ เอาไว้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นรถที่สวย ช่วงล่างดี ตัวถังเบา ปลอดภัย จะหรูก็ได้ สปอร์ตก็ลงตัว

ในไทย E46 มีให้เลือกหลายหลายมากจริงๆ ตั้งแต่แบบ 4 ประตูซีดาน, 2 ประตูคูเป้ รวมไปถึงรุ่นเปิดประทุน (จำได้ว่า รุ่นแวกอน ในบ้านเราก็มี) รวมไปถึงรุ่นพลังแรงอย่าง M3 ก็มี แต่คงไม่มีในราคาไม่เกินสามแสนแน่ๆ โดยราคานี้ จะมีเฉพาะรุ่น 318i, 318iA SE, 323i, 323iA SE, 325i หรือ 330i มากกว่าครับ

เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งรหัส M43 4 สูบ 8 วาล์ว, N42 4สูบ 16 วาล์ว (จะมีในรุ่นไฟยก), N46 4สูบ 16 วาล์ว (มาในโฉมไมเนอร์เชนจ์) , M52TU 6 สูบ และ M54 6 สูบ

โดย BMW Series 3 (E46) ในตลาดรถมือสอง อยู่ที่ประมาณ 210,000 – 500,000 บาท

Carro หวังว่า รถ 5 รุ่นที่เรานำเสนอ คงจะถูกใจท่านไม่มากก็น้อยครับ …

7-11-Fuel-Cell-Truck

เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันดีในนาม “7-11” ร้านสะดวกซื่อที่มีสาขามากที่สุดในญี่ปุ่น (มากถึง 19,638 สาขาทั่วประเทศ) และมีสาขาอยู่ไปทั่วโลก และมีอยู่แทบทุกซอยในบ้านเรา

ได้จับมือกับ โตโยต้า ในการใช้รถบรรทุกแบบ Fuel Cell Truck ที่ใช้พลังไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน ขนส่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในอนาคต เพื่อต้อนรับสู่สังคม Low Carbon Society โดยลงนามในสัญญาไปแล้วเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา

7-11-Toyota-Full-Cell-Truck

7-Eleven และ Toyota Full Cell Truck

ทั้งนี้ ทางโตโยต้า ได้นำเสนอรถบรรทุก ฮีโน่ เอฟซี (Hino FC = Fuel Cell) พื้นฐานจาก Hino Dutro พร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน (FC Generators) ขนาด 600 ลิตร (3 ถัง) น้ำหนักรวม 7 กิโลกรัม และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงสุด 155 แรงม้า สามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 200 กิโลเมตร ต่อการเติมหนึ่งครั้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

7-11-Toyota-Full-Cell-Truck-Energy

แหล่งที่มาของพลังงาน

พร้อมใช้พลังงานจาก Power Supply ในการจ่ายกระแสไฟให้ระบบทำความเย็น และตู้แช่แข็งภายในรถ สำหรับขนส่งของสดและอาหาร พร้อมพัฒนาระบบแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ และสามารถใช้เป็นแบตเตอรี่ฉุกเฉินได้ กรณีเกิดภัยพิบัติ

7-11-Delivery-Hijet-Truck

รถขายของเคลื่อนที่ ของ 7-11 ในญี่ปุ่น

จากแหล่งข่าวของ Nihon Keizai ได้รายงานว่า ทางเซเว่นฯ มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดการสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำรถบรรทุกที่ใช้ระบบ Hybrid มาใช้งานในการขนส่งของบริษัทฯ มากขึ้น จากในปัจจุบันที่ 15% เป็น 20% ในปี 2020

7-11-EV-Car-Delivery
“COMS” by Toyota Auto Body รถพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ 7-11 นำมาใช้ก่อนหน้า

สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) เป็นการสรรสร้างสังคมของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในทุกรูปแบบ หรือในกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดจากการดำรงชีวิตปกติของมนุษย์ จากกระบวนการผลิตของโรงงานหรือภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันในสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

โดยเน้นให้ผู้คนในสังคมมีการเลือกใช้เทคโนโลยีหรือการพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม

แหล่งที่มา :

Toyota เปิดตัว Yaris ATIV ใหม่ ครั้งแรกในโลก ในราคา 469,000-619,000 บาท

Toyota Yaris ATIV

Toyota แนะนำรถยนต์ Sub-Compact Sedan รุ่นใหม่ล่าสุด ครั้งแรกของโลกกับ “Yaris ATIV…Life Activated” ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดทั้งคัน ภายนอกดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในสวยสะดุดตา กว้างขวางสะดวกสบาย รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัว พร้อมเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดน้ำมัน มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานเหนือรถระดับเดียวกัน

Toyota Yaris ATIV

หลังจากที่โตโยต้า แนะนำ Yaris (ยาริส) เข้าสู่ตลาดโลกครั้งแรกในปี 2542 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในยุโรปรวมทั้งในญี่ปุ่น จนกระทั่งได้แนะนำเข้าสู่ตลาดประเทศไทยในเดือนมกราคม 2549 และในเดือนตุลาคมปี 2556 โตโยต้าได้เปิดตัวยาริส เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่น สามารถครองใจลูกค้าชาวไทยด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 150,000 คัน*

*(ข้อมูลยอดขายสะสมของยาริส รุ่น 1.2 ลิตร ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 – กรกฎาคม 2560)

Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris ATIV

สำหรับชื่อของ Yaris ATIV มีที่มาจากคำว่า “Smart” และ “Active” เป็นการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบสำคัญสองประการ ได้แก่ ความล้ำสมัยและความคล่องแคล่วปราดเปรียว และยังสะท้อนถึงนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ ทำให้เรามั่นใจว่า ATIV จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมทางการตลาดรถยนต์นั่ง ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่โดดเด่น ความสะดวกสบายในการขับขี่ ความเงียบภายในห้องโดยสาร ตลอดจนระบบความปลอดภัยเหนือรถระดับเดียวกัน โดยมาพร้อมกับราคาที่ทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก

Toyota Yaris ATIV

มร.ทาคาโทโมะ สึซึกิ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เผยว่า “ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ Yaris ATIV ภายใต้แนวคิด “ผู้ริเริ่มคุณค่าใหม่” มุ่งเน้นให้เป็นรถยนต์ที่คุ้มค่าเหนือราคา ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดคันทั้งภายนอกและภายใน พร้อมประกอบด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน กว้างขวางสะดวกสบาย ตลอดจนสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ขับสนุกแต่ยังคงความประหยัดน้ำมัน รวมถึงมาตรฐานระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ”

Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris ATIV

เริ่มต้น สู่โลกที่กว้างกว่ากับ All New Yaris ATIV

ภายใต้แนวคิด Life Activated … เริ่มต้น สู่โลกที่กว้างกว่า ด้วยจุดเด่น 4 จุดหลัก ดังนี้

– ภายนอกดีไซน์ล้ำสมัย โดดเด่นกว่าที่เคยสัมผัส…โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายที่มีความต่อเนื่องรอบคัน เน้นความสปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์เชื่อมต่อกับกระจังหน้าโครเมียมรมดำ สะท้อนถึงความหรูหรา ทันสมัยอย่างลงตัว
– ภายในตอบรับทุกความต้องการ กับไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า…ห้องโดยสารดีไซน์ล้ำสมัยกับการออกแบบที่เน้นความกว้างขวางสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอยประโยชน์สูงสุด พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เพิ่มวัสดุซับเสียงรบกวนรอบคัน
– สมรรถนะเหนือชั้น ขับสนุกควบคุมได้ดั่งใจ…ด้วยเครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่มีการปรับจูนเกียร์ให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
– มั่นใจด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ที่ครบครันและเหนือชั้น มีถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง ทุกรุ่น

Toyota Yaris ATIV

ทั้งนี้ โตโยต้าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าและผู้ที่สนใจได้ร่วมสัมผัส Yaris ATIV ภายในงาน BIG Motor Sale ระหว่างวันที่ 19-27 สิงหาคม ที่ BITEC บางนา นอกจากนี้เราจะจัดกิจกรรมที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศในวันที่ 25-27 สิงหาคม เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่อย่างทั่วถึง พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ

Toyota Yaris ATIV

โตโยต้า ยังแนะนำข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ในรูปแบบการเช่าซื้อพร้อมประกันภัย และการขยายระยะรับประกันคุณภาพ นอกจากนี้ ราคาพิเศษในช่วงแนะนำ สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 โดย Yaris ATIV มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น 7 สี พร้อมสีภายในให้เลือก 2 สี และมีเป้าหมายการขายในปี 2560 ที่ 4,700 คัน/เดือน

พร้อมเลือกเป็นเจ้าของ Yaris ATIV 5 รุ่น และ 7 สี ในราคาช่วงแนะนำ วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560

1.สีน้ำเงิน 2.สีเทาดำ 3.สีบรอนซ์เงิน 4.สีน้ำตาล 5.สีขาว 6.สีดำ 7.สีแดง

Toyota Yaris ATIV

สีภายในให้เลือกสองสี (สีดำในทุกรุ่น และสีเบจเฉพาะในรุ่น G และ E)

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 469,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 519,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 549,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 599,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 619,000 บาท**

**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

Mitsubishi-Xpander-2018

Mitsubishi Motors เปิดตัว “Xpander” ใหม่ 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นประมาณ 7 แสนบาทปลายๆ

Mitsubishi-Xpander-1

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวยนตรกรรมชั้นนำระดับโลก “Mitsubishi Xpander” (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) รถ Crossover MPV ที่ประเทศอินโดนีเซีย และในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของรถยนต์แบบ MPV สร้างยอดขายให้กับมิตซูบิชิอย่างมาก โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ที่มียอดส่งมอบไปมากกว่า 50,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา

Mitsubishi-Xpander

ซึ่งทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ตัดสินใจนำรถรุ่นนี้เข้ามา และเตรียมเปิดตัวภายในงาน BIG Motor Sale 2018 อย่างเป็นทางการ เพื่อต่อกรกับรถในประเภทเดียวกัน อาทิ Honda BR-V และ Toyota Sienta ด้วยคุณสมบัติที่ใหญ่กว่า สูงกว่า ในสไตล์รถ MPV ที่ดีไซน์ตัวรถละม้ายคล้ายกับรถ SUV

“เอ็กซ์แพนเดอร์” คือการผสมผสานความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายของรถเอ็มพีวี เข้าไว้กับสมรรถนะที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถเอสยูวี กลายเป็นนิยามใหม่ของมิตซูบิชิ ที่มีความแกร่ง ความโอ่โถง รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ความสะดวกสบาย รวมถึงสไตล์และฟังก์ชั่นการใช้งาน หลอมรวมกันเป็นรถครอสโอเวอร์ เอ็มพีวี ซึ่งครบครันทั้งความสบายในการขับขี่ที่มาพร้อมสมรรถนะ และดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และขับเคลื่อนล้อหน้า

Mitsubishi-Xpander

– อีกหนึ่งการขับเคลื่อนตลาดในภูมิภาคอาเซียนของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
– โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
– มอบความสบายที่มากขึ้นในทุกการเดินทาง
– กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่
·- โดดเด่นด้วยสมรรถนะและความแกร่ง

Mitsubishi-Xpander

ตัวถังของ Xpander ใหม่ มีมิติตัวรถยาว 4,475 มม. กว้าง 1,750 มม. สูง 1,700 มม. ระยะฐานล้อ 2,775 มม.

ดีไซน์ตัวรถด้วยหลัก Dynamic Shield t ติดตั้งไฟ Daytime Running Light ไว้บริเวณฝากระโปรงหน้า ส่วนชุดไฟหลักถูกติดตั้งไว้ต่ำกว่า ด้านท้ายไฟท้ายแบบ LED รูปตัว L รองรับด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง ในขณะที่ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ระบบเบรกแบบด้านหน้าดิสก์เบรก ด้านหลังแบบดรัมเบรก

Mitsubishi-Xpander

มีให้เลือกในบ้านเรา 2 รุ่นย่อย ได้แก่ GLS-LTD และ GT โดยรุ่น GT เป็นรุ่น Top สุด ออพชั่นมากกว่ารุ่น GLS-LTD พอสมควร

Mitsubishi-Xpander

พื้นที่ที่กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดในคู่แข่งระดับเดียวกัน ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองสามารถพับเบาะกลางลงเพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำให้ถึง 16 จุดรอบคัน มีระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

Mitsubishi-Xpander

ขุมพลังของ “เอ็กซ์แพนเดอร์” ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85

Mitsubishi-Xpander

“เอ็กซ์แพนเดอร์” ผลิตขึ้นที่ โรงงานใหม่ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในประเทศอินโดนีเซีย เมืองเบกาซิ จังหวัดชวาตะวันตก ซึ่งมีแผนการผลิตอยู่ที่จำนวน 80,000 คัน/ปี และจะเริ่มจำหน่ายในตลาดอินโดนีเซีย เร็วๆนี้ พร้อมทั้งยังมีแผนที่จะส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ ในรุ่น GLS-LTD

  • ไฟหน้าอบบฮาโลเจน + ไฟหรี่แบบ LED
  • ไฟท้าย LED
  • มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
  • คิ้วขอบประตูสีดำ
  • แผงกันชนหน้า-หลัง และคิ้วด้านข้างสีดำ
  • กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
  • ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
  • ไฟ Welcome Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่อง
  • เบาะนั่งหุ้มผ้า
  • เครื่องเสียง CD/MP3/USB ขนาด 2DIN
  • ลำโพง 4 จุด
  • ระบบปรับอากาศด้านหลัง
  • พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง
  • กุญแจรีโมท
  • ช่องจ่ายไฟ 12 V 3 ตำแหน่ง
  • ระบบเบรก ABS/EBD/BA
  • ระบบป้องกันลื่นไถล TCL
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพ ASC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
  • ล้อแม็กสีเงินขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/68 R15

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ ในรุ่น GT (เพิ่มขึ้นจากรุ่น GLS-LTD)

  • ไฟตัดหมอกคู่หน้า
  • ที่เปิดประตู-ขอบประตู วัสดุโครเมียม
  • แผงกันชนหน้า-หลัง และคิ้วด้านข้างสีเงิน
  • เบาะนั่งหนังแท้และหนังสังเคราะห์
  • พวงมาลัย, หัวเกียร์, และเบรกมือ หุ้มหนัง
  • เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว CD/DVD/MP3
  • Bluetooth
  • ช่องเชื่อมต่อ USB/AUX
  • จอ MID แบบ TFT สี ขนาด 4.2 นิ้ว
  • สวิตช์เครื่องเสียงและโทรศัพท์ บนพวงมาลัย
  • ลำโพง 6 จุด
  • มาตรวัดแบบ High Contrast
  • Cruise Control
  • กุญแจ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
  • กล้องมองหลัง
  • ล้อแม็กสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/55 R16

Mitsubishi-Xpander

สำหรับท่านใดที่สนใจ Mitsubihi Xpander ใหม่ สามารถไปชมตัวจริงได้ที่งาน BIG Motor Sale 2018

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน ที่คุณควรรู้

ปัจจุบันการคมนาคมมีหลายรูปแบบให้เลือกมากขึ้น แต่การเดินทางด้วยรถยนต์ถือเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายที่สุดในการเดินทางบนถนนสาธารณะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้ใช้รถใช้ถนนมักขับรถด้วยความเร่งรีบ และอาจขาดความระมัดระวัง จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัทย์สิน หรืออาจเกิดการทะเลาะวิวาทบนท้องถนน

ที่เรามักพบเห็นจากวีดิโอที่ถ่ายโดยบุคคล การนำเสนอข่าว หรือการตั้งกระทู้ต่างๆ ยกตัวอย่างกระทู้จากพันทิป เช่น “นอกจากขับช้าแช่ขวา ที่ทำให้หงุดหงิด ก็ยังมีขับทิ้งช่วงห่างระหว่างคันหน้า ที่ทำให้หงุดหงิดเหมือนกัน” , “ผิดถึงกับต้องทำร้ายร่างกายกันเลยเหรอ แค่ขี่ช้ามาอยู่ข้างหน้า แล้วคุณขี่เร็วกว่า” เป็นต้น

จึงทำให้รู้ว่ามารยาทในการขับรถบนท้องถนนควรเป็นเรื่องที่ต้องร่วมกันรณรงค์ ไม่ใช่แค่ปฏิบัติตามกฏจราจรเท่านั้น เพราะฉะนั้นทาง CARRO ขอเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ ด้วยการนำเสนอมารยาทในการขับรถเบื้องต้นที่ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถปฏิบัติได้ดังนี้

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

1. ไม่ขับแช่ขวา

แม้ว่าเราจะขับรถตามความเร็วที่กฏหมายกำหนด แต่เราไม่ควรขับรถแช่เลนทางขวา เพราะหลายครั้งที่บนท้องถนนมีสภาพการจราจรติดขัด เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ อาจเป็นเพราะมีรถที่ขับแช่เลนขวาด้วยความเร็วคงที่ ทำให้รถด้านหลังไม่สามารถไปก่อนได้

ซึ่งสามารถสังเกตุได้ว่า หากคุณขับรถวิ่งเลนขวา และมีรถมาจ่อท้ายเมื่อไหร่ นั่นแสดงว่าคุณขับรถช้าไป โดยมารยาทแล้วคุณต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และหลบให้ทางรถที่มาข้างหลัง เพื่อให้รถที่มีความเร็วสูงกว่ารถของคุณแซงขึ้นไปอย่างปลอดภัย

2. ไม่ขับจี้ท้ายรถ หรือขับทิ้งช่วงห่างระหว่างคันหน้า

ความพอดี ไม่น้อยเกินไป ไม่มากเกินไป จนต้องเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เป็นคำกล่าวที่สามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง และในเรื่องขับรถก็เช่นเดียวกัน เพราะการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายในบ้านเรา ส่วนมากเกิดครั้งละหลายคันติดกัน และมักพบได้บ่อยครั้ง ดังนั้น การขับรถตามหลังควรต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้า ให้เพียงพอที่จะหยุดได้อย่างปลอดภัย หากคันหน้าเกิดอุบัติเหตุ หรือหยุดกระทันหัน

นอกจากขับแช่ขวาแล้วนี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คันหลังอาจเกิดหงุดหงิดจนถึงขั้นมีเรื่องของการวิวาทบนท้องถนนได้ เพราะด้วยการขับทิ้งช่วงห่างระหว่างคันหน้า ยกตัวอย่างเช่น ในกรุงเทพมักมีวินาทีไฟเขียวที่เร็วกว่าวินาทีไฟแดง ถ้าหากคุณทิ้งระยะห่างมากเกินไปจะทำให้คันหลังไม่สามารถขับต่อไปได้ ทำให้อาจติดไฟแดงอีกครั้ง ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่เสียเวลามาก  

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

3. การขับรถแซง

ผู้ขับควรให้สัญญาณไฟก่อนแซง และเร่งความเร็วรถเพื่อที่จะแซงขึ้นไป อีกทั้งต้องเว้นระยะห่างก่อนให้สัญญาณไฟเพื่อที่จะขอกลับเข้าช่องจราจรเดิม นอกจากนี้ควรเร่งความเร็วให้เหมาะสมกับรถคันที่อยู่ด้านหน้า การแซงรถคันหน้าได้แล้วปาดหน้าชิดซ้ายทันที เป็นการแซงที่ไม่ปลอดภัยและแสดงถึงความไม่มีมารยาทของผู้ขับขี่รถ

ส่วนอีกหนึ่งการแซงที่แสดงถึงการไร้มารยาท คือ แซงขวาในเลนที่รถวิ่งสวนมาอีกทาง เป็นการกระทำที่ไม่ควรทำอย่างมาก อีกทั้งยังผิดกฏจราจรอีกด้วย

4. รักษาเลนของตัวเองเวลาเลี้ยว

ปัญหาเหล่านี้มักพบบ่อยครั้ง เช่น บางครั้งเราขับรถอยู่ในเลนขวาสุด เมื่อเราต้องการเลี้ยวขวาแล้วก็ต้องรักษาช่องทางขวาเอาไว้ แต่ถ้าคุณมาเลนที่สองจากขวา เมื่อเริ่มเลี้ยวก็ต้องรักษาช่องทางเดิม จนเลี้ยวขวาเสร็จก็ต้องรักษาเลนที่สองจากขวาไว้ ซึ่งหลายครั้งเจอคนที่ไม่รู้ หลังจากเลี้ยวเสร็จไม่รักษาเลนของตัวเองไว้ เช่น จากเลนที่สองจากขวาเมื่อเลี้ยวแล้วก็ปาดมาขวาสุดทันใด ทำให้เกิดการเบียดเสียดกลางแยก รถไปได้ช้า หลายครั้งก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วย และที่สำคัญก่อนเลี้ยวควรเปิดไฟเลี้ยวทิ้งไว้ก่อนเลี้ยวสักระยะหนึ่ง ไม่ควรเปิดก่อนเลี้ยวแบบทันที

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

5. ไม่ควรเปิดไฟสูงขณะรถสวนกัน

หรือเวลาขับตามหลังรถคันอื่นไม่ควรเปิดไฟเพื่อไล่รถคันหน้า เพราะการกระทำแบบนี้จะทำให้ไฟส่องเข้าตาผู้ขับคันหน้า เกิดการมองไม่เห็นถนน หรืออาจตกใจขับรถเปลี่ยนเลน หรือเร่งเครื่องหนี ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

ส่วนการใช้ไฟสูงที่ถูกต้องและไม่เสียมารยาท ควรเปิดไฟสูงเพื่อตรวจสอบสภาพถนนและริมถนน เฉพาะเส้นทางที่มืดมาก และไม่มีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าหรือสวนทาง หลังจากนั้นให้ปิดไฟสูงทันที

6. หยุดรถทางม้าลาย

เมื่อเห็นคนยืนบนทางเท้า และมีการแสดงท่าทีที่จะเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย ผู้ขับรถควรแตะเบรกเตือนหรือเปิดไฟขอทาง เพื่อให้รถคันหลังเห็นสัญญาณไฟ และรู้ว่าคุณกำลังหยุดรถตรงทางม้าลาย จนกระทั่งคนข้ามถนนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงค่อยออกตัวรถ และขับต่อไป

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมารยาททางสังคมในการขับรถบนท้องถนนที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรยึดมั่นเท่านั้น ซึ่งนอกจากกฎระเบียบและมารยาท ผู้ขับขี่ทุกท่าน ควรมีสติ ไม่ใจร้อน รู้จักใจเย็น ปล่อยวาง และให้อภัยซึ่งกันและกัน จะได้สามารถคิด แก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี และอย่างน้อยก็เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น จากการไม่มีมารยาทของผู้ขับขี่

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand  โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก:

เงินสดฉุกเฉิน แค่มีเล่มทะเบียน

หากท่านจำเป็นหรือต้องการใช้เงินสดในยามฉุกเฉิน การเอาเล่มทะเบียนไปจำนำนั้น ง่ายกว่าและได้เงินเร็วกว่า ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สามารถนำเงินออกมาใช้ได้ง่ายกว่าการที่ไปขอกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งทาง CARRO มีโปรโมชั่นพิเศษ เพียงท่านจำนำเล่มทะเบียนกับเราวันนี้ ลุ้นรับ Lucky Draw ทั้งสร้อยคอทองคำ และ บัตรเติมน้ำมัน ทันที!

หากแนะนำเพื่อนให้มาจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์กับ CARRO รับอีกต่อ! ค่าแนะนำต่อราย 500 บาท ได้ง่ายๆ (ค่าแนะนำจะได้รับเมื่อคนที่ท่านแนะนำมา ผ่านการอนุมัติแล้วเท่านั้น)
หากคุณแนะนำเพื่อนได้มากถึง 50 คน คุณจะได้รับค่าแนะนำมากถึง 25,000 บาท และหากแนะนำเพื่อนได้มากถึง 100 คน คุณจะได้รับค่าแนะนำมากถึง 50,000 บาท …. ดูรายละเอียดและกรอกรายละเอียดได้ที่ – https://th.carro.co/pledge

หมายเหตุ:

– ลูกค้าที่สมัครบริการจำนำเล่มทะเบียนกับทาง CARRO ลุ้นรับสร้อยคอทองคำ มูลค่า 1 บาท 2 รางวัล และ บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 1,000 บาท
– สำหรับลูกค้าที่แนะนำให้เพื่อนใช้บริการจำนำเล่มทะเบียนกับทาง CARRO จะได้รับเงินสดมูลค่า 500 บาท ไม่จำกัดจำนวนในการแนะนำ
– ระยะเวลาที่จัดรายการ ตั้งแต่วันนี้ ​- 31 สิงหาคม 2560
– สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Fanpage https://www.facebook.com/carrothai/

ขั้นตอนการรับค่าแนะนำ

– หากลูกค้าที่ท่านแนะนำเพื่อนมาจำนำเล่มทะเบียน ผ่านการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ทาง CARRO จะติดต่อกลับไปเพื่อเลือกวิธีการรับค่าแนะนำ และเอกสารที่ต้องเตรียม (สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้แนะนำ)
– รับเงินสด แค่ยื่นสำเนาบัตรประชาชนของผู้แนะนำเท่านั้น
– รับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคาร เตรียมเพียงสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้แนะนำ
– ระยะเวลาในการรับค่าแนะนำ หลังจากที่ลูกค้าผ่านการรับเงินเรียบร้อย ภายใน 7 วัน

รายได้เสริม

ใครกำลังมองหาอาชีพเสริม ลองเลือกดูได้เลย

ด้วยภาวะของเศรษฐกิจในบ้านเราปัจจุบัน ทำให้ใครหลายคนต่างพากันหาอาชีพเสริม เพื่อเลี้ยงชีพจากรายได้หลักที่ไม่เพียงพอ หรืออยากมีเงินเก็บเพิ่มเติม โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่อยากหาอาชีพเสริมสร้างรายได้ทำหลังเลิกงาน หรือในวันหยุด แต่ด้วยคุณไม่มีต้นทุนที่จะเริ่ม ทำให้โครงการที่วาดฝันไว้ต้องล่ม คงดีกว่าถ้าอาชีพเสริมที่เราเลือกทำได้นั้น ไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ต้องมีค่าเช่า ค่าสถานที่ แต่ก็สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นได้อย่างง่าย ๆ จากการทำที่บ้าน มาดูกันว่า อาชีพเสริม ที่สามารถทำรายได้จากที่บ้านนั้้นมีอะไรบ้าง

 

1. รับพิมพ์งาน คีย์ข้อมูล

7 อาชีพเสริม คีย์ข้อมูล

เชื่อว่าทุกบ้านต้องมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกันอยู่แล้ว เริ่มต้นง่ายๆด้วยการรับจ้างพิมพ์งานในรูปแบบต่าง ๆ หรือจะเป็นรับจ้างคีย์ข้อมูล เพราะยังมีนักเรียน นักศึกษา บริษัท และห้างร้านต่าง ๆ ที่ยังจำเป็นต้องมีผู้ช่วยในการพิมพ์งาน หรือคีย์ข้อมูลเข้าระบบ ซึ่งหากใครมีความรู้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูล SPSS หรือข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ก็จะสามารถเพิ่มรายได้เป็นอีกช่องทางหนึ่ง

 

2. เก็บขวด กระดาษ หรือของเก่าภายในบ้านมาขาย

7 อาชีพเสริม ของเก่าเก็บอาชีพเสริมนี้อาจจะมองว่าไม่ได้เป็นอาชีพเสริมก็ว่าได้ เพราะทุกบ้านส่วนใหญ่นั้นก็อาจมีการแยกขยะ การเก็บขวด กระดาษที่ไม่ใช้ และพวกของเก่าที่เก็บภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าก็สามารถทำเงินได้ทั้งสิ้น มากกว่าจะปล่อยทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ของเก่าบางชิ้นยังมีราคาที่นักสะสมต้องการ อาจจะเป็นโคมไฟโบราณที่เคยมีราคา หรือจะเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ ดังนั้นการเก็บของเก่าในบ้านมาขายก็อาจสร้างรายได้ให้กับคุณ

 

3. สอนพิเศษเด็กนักเรียน7 อาชีพเสริม สอนพิเศษ

เป็นอาชีพเสริมนี้น่าสนใจไม่น้อย เพราะปัจจุบันผู้ปกครองส่วนใหญ่ส่งเสริมให้ลูกเรียนพิเศษเพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจ และเป็นการทบทวนบทเรียนอีกด้วย อีกทั้งผู้ปกครองต้องการให้ลูกของตนมีพื้นฐานที่ดี โดยจะใช้ความรู้ที่เรียนมาสอนหนังสือเด็กในวิชาพื้นฐานหลักๆ เช่น คณิตศาสตร์ , ภาษาไทย , ภาษาอังกฤษ เป็นต้น  ส่วนรายได้คิดเป็นรายชั่วโมง หรือคิดไปรายเดือน ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกับผู้ปกครอง ซึ่งอาชีพเสริมนี้ทำรายได้ถึง 200-300 บาทต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

 

4. รับแปลงาน

7 อาชีพเสริม สอนพิเศษ

อีกหนึ่งอาชีพเสริมที่ต้องใช้ทักษะการใช้ภาษา เพื่อแปลงานออกมาให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการแปลเปเปอร์ แปลภาษาจากเว็บไซต์ต่างประเทศให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์ หรือแปลภาษาอื่นๆ โดยรายได้นั้นขึ้นอยู่กับผู้ว่าจ้าง การแปลเปเปอร์นั้นจะมีรายได้ที่สูงกว่าเพราะนอกจากต้องแปลภาษาแล้ว ยังมีศัพท์เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ ที่ต้องอาศัยความรู้ช่วย รายได้นั้นอาจคิดเป็นหน้า หน้าละ 100 บาทขึ้นไป อาจสูงถึงหน้าละ 500 ก็มี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และทักษะหรือเหมาจ่าย ส่วนการแปลภาษาจากเว็บไซต์ต่างประเทศให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์นั้น จะคิดตามจำนวนคำ เช่น 500 คำ คิดราคา 250 บาท เป็นต้น การแปลภาษาให้กับผู้ทำเว็บไซต์ ตอนนี้มีความต้องการของตลาดมากอยู่เหมือนกัน เหมาะกับเป็นอาชีพเสริมหลังหลิกงาน เสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นรายได้ที่ได้ไม่น้อยเลย

 

5. ตัวแทนขายสินค้าออนไลน์

7 อาชีพเสริม ตัวแทนขายของออนไลน์

ปัจจุบันการซื้อขายของออนไลน์ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นบน Facebook และ Instagram ซึ่งการเป็นตัวแทนจำหน่ายอาจจะมีการเสียค่าสมัครตัวแทนจำหน่าย (ขึ้นอยู่กับร้านหลักว่าจะกำหนดมาเท่าไร) เพียงแค่โพสต์รูปสินค้า และรายละเอียดของสินค้าลงบนโซเชียลมีเดีย ตอบอินบ็อกซ์หรือไลน์ลูกค้า เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า แล้วทำการส่งข้อมูลไปยังร้านหลัก ทางร้านหลักจะรับออเดอร์ และทำการส่งสินค้าเอง ยิ่งมีลูกค้าสนใจซื้อสินค้า รายได้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย เป็นการอยู่บ้านโดยไม่เสียเปล่า ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาหลังเลิกงาน หรือจะเป็นเสาร์-อาทิตย์ ก็สามารถทำได้ หมั่นขยันโพส ขยันลงรูปสินค้า เรียกลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่รายได้ดีไม่น้อย

 

6. งานฝีมือ

7 อาชีพเสริม งานฝีมือ

งานที่ต้องใช้ทักษะความสามารถในการประดิษฐ์ โดยการทำงานฝีมืออาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การคิดค้นและประดิษฐ์งานฝีมือด้วยตนเอง หรือจะเป็นรับงานฝีมือประเภทต่าง ๆ มาทำ และส่งให้ตามร้านค้าที่ขาดกำลังในการผลิต ส่วนงานฝีมือนั้นอาจจะต้องใช้ฝีมือ และระยะเวลาในการทำงานแต่ละชิ้น ซึ่งงานแต่ละชิ้นต้องใช้ความชำนาญ หากทำงานเสร็จและส่งตามเป้าหมายก็จะได้รับค่าจ้าง

 

7. งานชักชวน

7 อาชีพเสริม งานชักชวน

เป็นอาชีพเสริมที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องลงทะเบียน และไม่มีการเก็บค่านายหน้า บวกกับสะดวกสบายต่อการทำงาน ไม่กระทบเวลางานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งทำตอนไหนที่ไหนก็ได้ แค่ใช้เวลาว่างของคุณให้มีประโยชน์

โดยโทรหรือแชทหาเพื่อน ญาติพี่น้อง หรือบุคคลที่คุณรู้จัก ชักชวนกันมาร่วมโครงการรีไฟแนนซ์รถ หรือจำนำเล่มกับทาง Carro ( เป็นบริษัทรถที่มีประสิทธิภาพ ต้ังแต่การซื้อขายรถ, การประกันภัย, ขอวงเงินกู้  ซึ่งคุณวางใจกับระบบและขั้นตอนการดำเนินการได้ )

มีเงื่อนไข เพียงแค่คนที่คุณแนะนำมานั้นได้รับการอนุมัติผ่าน ได้รับเงินค่าแนะนำทันที 500 บาทต่อท่าน แต่หากมั่นขยันทำให้สามารถชักชวนเพื่อนหรือใครก็ตามแต่ มาทำได้ 10 คน รับเพิ่มเป็น 5000 บาท ซึ่งคุณสามารถชักชวนได้ไม่จำกัดจำนวน เป็นอีกวีธีหารายได้เสริมที่คุ้มค่าต่อการทำเลยทีเดียว

ข้อมูลการติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
โทร : 096-463-3298
Email : [email protected]
Facebook : carrothailand
Line : carrothailand

 

Source :  siamarcheep.com

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขบ. ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมเข้ามากำกับดูแลรถป้ายแดง โดยจะดำเนินการตรวจจับปรับรถส่วนบุคคลที่ใช้ป้ายแดงในการขับขี่ ในส่วนของรถส่วนบุคคลที่ซื้อตั้งแต่ 1 ต.ค. 2560 – 31 ธ.ค. 2560 หากซื้อรถใหม่ป้ายแดงจะต้องจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกภายใน 60 วันนับแต่รับรถ และหากซื้อรถตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป จะต้องจดทะเบียนกับ ขบ. ภายใน 30 วันนับแต่รับรถ

หากไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดในช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องถูกตำรวจตรวจจับและปรับทันที โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท ดังนั้นช่วงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึง 30 ก.ค. 2560 ขบ. จะเร่งประชาสัมพันธ์ และทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้รับทราบข้อมูลดังกล่าว และเข้าใจกฎระเบียบ กฎหมาย ที่ขบ.จะประกาศออกไปเพื่อให้เข้าใจตรงกันและจะได้ไม่ต้องประสบกับปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่ ขณะตรวจจับ

นายสนิทกล่าวอีกว่า การดำเนินการ ดังกล่าวขณะนี้ทาง ขบ. อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขกฎหมายรถป้ายแดง และขณะนี้ผ่าน ขั้นตอนของกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้วรอเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ให้พิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ขบ. มั่นใจว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวนั้นเป็น การรักษาสิทธิของประชาชนที่เป็นเจ้าของ รถที่ซื้อรถใหม่จากศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถ มีการดำเนินการให้จดทะเบียนรถถูกต้องตามกฎหมาย และเพื่อให้ป้ายแดงที่ ขบ. ออกไปอย่างถูกกฎหมายกว่า 100,000 ป้ายทั่วประเทศ หมุนเวียนในระบบ รวมถึงป้องกันปราบปรามรถผิดกฎหมายที่วิ่งบนท้องถนนด้วย ประกอบกับการเข้ามาจดทะเบียนรถถูกต้องตามกำหนดเวลาก็จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น

ขอขอบคุณภาพจาก jacky2008

ทางกรมการขนส่งทาทงบกระบุอีกว่า สำหรับการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถส่วนบุคคลจากป้ายแดง เป็นป้ายดำ หากเป็นขั้นตอนของ ขบ. ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็แล้วเสร็จ ที่ผ่านมามีรถป้ายแดงจำนวนมากที่ไม่เปลี่ยนป้าย หรือเปลี่ยนป้ายช้า ส่วนหนึ่งมาจากขั้นตอนเอกสารของบริษัทรถยนต์ และ ดีลเลอร์ขายรถ ซึ่งหากถึงกำหนดเวลาตามเงื่อนไข ทางดีลเลอร์ต้องเร่งเวลาเรื่องเอกสารให้ได้ตามกำหนดของ ขบ.

สำหรับรถยนต์ ป้ายแดงที่ซื้อในช่วงก่อนหน้านี้ หรือก่อนวันที่ 1 ต.ค. แล้วยังไม่เปลี่ยนป้ายทะเบียน หากถึงกำหนดวันที่ 1 ต.ค.ที่เริ่มกวดขัน เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจคู่มือรถแล้วพบว่ารับรถมาเกิน 2 เดือนแล้วยังไม่เปลี่ยนป้ายทะเบียนจะถูกจับปรับเช่นกัน โดยช่วงแรกจะเน้นการประชาสัมพันธ์ หรือปรับอัตราต่ำสุดคือ 1,000 บาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสด

Trick-Use-Car-Camera

เลือกกล้องติดหน้ารถ เลือกราคาเท่าไหร่ สเปคแบบไหน ต้องอ่าน

Car-Cameraภาพจาก ausdom

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้ “กล้องติดรถยนต์” หรือ “กล้องติดหน้ารถ” นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีกล้องติดรถยนต์นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญแล้วจำเป็นไปแล้ว ทั้งสามารถบันทึกเรื่องราวต่างๆ อาทิเช่น บันทึกภาพรถยนต์ที่ทำผิดกฎจราจร หรือกรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ตำรวจสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ตัดสินได้ง่ายขึ้นว่าใครถูกใครผิด ทาง

Carro ขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ให้ได้คุณภาพ และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ.

Car-Camera-2

ภาพจาก Youtube Nopparit Lee

1. ความคมชัดของกล้อง

ความคมชัดของกล้อง ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ เพราะราคาที่ถูก กับ ราคาที่แพง ความคมชัดของภาพก็ย่อมต่างกัน แต่ถ้ายึดตามการใช้งานแล้ว ระดับ Full HD 1080P หรือ HD Ready (720P) ก็ถือว่าเหมาะสม ส่วนค่า FPS (Frame Per Second – อัดเฟรมภาพต่อวินาที) หากอยู่ที่ 20-30 FPS (หมายถึง ใน 1 วินาที จะบันทึกภาพต่อเนื่องได้ 20-30 ภาพ) ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะให้ภาพที่คมชัดสมจริง และไม่กระตุก

ในส่วนของรูรับแสง หรือ Lens Aperture ของกล้องติดรถยนต์มีความหมายเดียวกับของกล้องถ่ายรูป ที่ช่างภาพมักนิยมเรียนว่า ค่า “F/Stop” ใช้ตัวเลขกำกับแสดงขนาดของรูรับแสง ค่าตัวเลข F น้อยๆ รูรับแสงกว้าง แสงเข้าได้มาก หรือชัดตื้น ภาพจะชัดแค่ช่วงจุดโฟกัส ส่วนที่ค่าตัวเลข F มากๆ รูรับแสงจะแคบลง แสงเข้าได้น้อย หรือชัดลึก ภาพจะคมชัดทั้งหมดของภาพ

สำหรับโหมดการบันทึกภาพแบบ WDR (Wide Dynamic Range) ในช่วงกลางคืน ควรเลือกกล้องที่มีรูรับแสงกว้าง หรือมีระบบอินฟราเรด เพื่อให้ถ่ายภาพในเวลากลางคืน หรือในสภาพที่มีแสงน้อยได้อย่างชัดเจน และมีระบบ G-Sensor บันทึกภาพฉุกเฉิน และระบบ Motion detect (ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว) ด้วยก็ดี

Toyota-Car-Camera

2. มุมมองของกล้อง

ควรเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีมุมมองด้านหน้ากว้างและอยู่กึ่งกลาง เพื่อเห็นบริเวณหน้ารถให้มากที่สุด หรือเห็นทั้งมุม ซ้าย-ขวา ได้ บางรุ่นก็มีเลนส์ Fish Eye ให้เลือกด้วย

Car-Camera-4

ภาพจาก Aliexpress

3. ความคมชัด และ รองรับความจุเมมโมรี่

กล้องติดรถยนต์แต่ละตัวก็รองรับชนิดเมมโมรี่ขนาดความจุได้ไม่เท่ากัน ทางที่ดีควรเลือกแบบรองรับเมมโมรี่การ์ดได้ 64GB จะทำให้เก็บไฟล์ VDO ได้ต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่มักรองรับที่ 32GB และควรเลือกกล้องที่มีสามารถอัดทับได้ (หรือ Loop Recording) คือ การเลือกบันทึกวีดีโอความยาว 3-10 นาที และเริ่มบันทึกวีดีโอใหม่ไปเรื่อยๆ หากเมมโมรี่การ์ดเต็มความจุ ก็จะวนกลับไปบันทึกทับไฟล์วีดีโอของเก่าโดยอัตโนมัติ ทำให้เมมโมรี่การ์ดไม่เต็ม เพราะไฟล์วีดีโอเก่าจะถูกลบไปเรื่อยๆ

4. แบตเตอรี่

กล้องติดรถยนต์มีทั้งเป็นแบบที่มีแบตเตอรี่ในตัว และแบบคือไม่มีแบตเตอรี่ในตัวเอง โดยมีแค่เพียงตัวเก็บประจุไฟ หรือ คาปาซิเตอร์ (Capacitor) คล้ายกับแบตเตอรี่สำรองในตัวกล้อง แต่ก็ต้องต่อเชื่อมต่อไฟกับที่จุดบุหรี่ ก็มีข้อดีอยู่ตรงที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ในตัวกล้องเสื่อม หรือความร้อนจากแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้งาน

Car-Camera-5

ภาพจาก Aliexpress

5. คุณภาพ ราคา และ การรับประกันหลังการขาย

ราคาของกล้องติดรถยนต์นั้น มีแต่ตั้งหลักหลายร้อยบาท ไปจนถึงราคาหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความทนทาน และคุณภาพ โดยที่กล้องบางรุ่น บางยี่ห้อ ราคาถูกก็จริง แต่ใช้งานไปได้ไม่นานนักก็รวน หรือพัง บางชนิดก็ไม่สามารถทนแดดแรงๆ ในบ้านเราได้

ทางที่ดีเมื่อไม่ได้ใช้กล้องแล้ว ก็ควรที่จะถอดเก็บ เพื่อไม่ให้โดนแดด หรืออาจจะหาอะไรบังป้องกันแสงแดดไว้ไม่ให้โดนตัวกล้อง หรือชาร์จไฟเต็มแล้ว ให้ถอดแบตเตอรี่ออก

ทางที่ดีควรดูด้วยว่า ผู้แทนจำหน่าย มีระบุเงื่อนไขในการรับประกันหลังการขายด้วยหรือไม่ ทางที่ดีควรเลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่มีในประเทศไทย มีราคาที่เหมาะสมต่อการใช้งานของคุณ และมีการรับประกันสินค้าให้ก็ดีครับ แม้ว่าราคาอาจจะแพงกว่า แต่ก็ดีกว่าเสียแล้วต้องโยนทิ้งเลย

Car-Camera-6

ภาพจาก ebay

หากใครที่กำลังมองหากล้องติดรถยนต์ในขณะนี้ ก็ลองนำข้อมูลจากทาง Carro ไปเปรียบเทียบและพิจารณาในการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ได้เลยครับผม เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ