ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

เป็นเรื่องธรรมด๊า ธรรมดา ของคนที่ซื้อรถใหม่มาใช้ (แต่ใช้งานมาหลายปีแล้ว) หรือจะเป็นรถมือสองอายุหลายปีก็ตาม …

สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ต้องจัดการก่อนต่อภาษีรถประจำปี นั่นก็คือ “การตรวจสภาพรถ” เพื่อให้ทราบถึงสภาพรถหรือรถจักรยานยนต์ของคุณว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ และต้องใช้เป็นหลักฐานในการต่อภาษีรถยนต์ประจำปีอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม >> ชาวรถเก่าเฮ! รถอายุเกิน 7 ปี กรมการขนส่งทางบก ให้ต่อภาษีรถออนไลน์ได้แล้ว!

อ่านเพิ่มเติม >> 9 ขั้นตอน ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ ง่าย สะดวก ปลอดภัย ไม่เสี่ยงโควิด-19!

ซึ่งหลายคนก็อาจจะสงสัยว่า สถานตรวจสภาพรถ หรือ ตรอ. เขามีขั้นตอนการทำงานอย่างไร กี่ขั้นตอน และค่าบริการเท่าไหร่ ก่อนไปต่อภาษีรถ Mr.Carro มีรายละเอียดต่างๆ มาแนะนำให้คุณได้เป็นความรู้กันครับ

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

โดยพื้นฐานแล้ว สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • สถานตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ (อย่างเดียว)
  • สถานตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ขนาดน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,200 กิโลกรัม และรถจักรยานยนต์
  • สถานตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ทุกประเภทและทุกขนาดน้ำหนัก

รถประเภทต่างๆ ที่ต้องตรวจสภาพรถยนต์ ที่สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ก่อนต่อภาษีรถประจำปี

1. รถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก

  • รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทุกประเภท โดยไม่จำกัดอายุการใช้งาน (เช่น รถกระป๊อ, รถแท็กซี่, รถเมล์ เป็นต้น)
  • รถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ เว้นแต่รถที่ใช้ในการบรรทุกวัสดุอันตราย และรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วง ที่ติดตั้งถังบรรทุกวัสดุอันตราย

2. รถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1)
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2)
  • รถบรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกิน 2,200 กก. (รย.3)
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (รย.12) ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก

3. รถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ค้างชำระภาษีประจำปีเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี

โดยรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ประเภทรถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ ต้องตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ยกเว้น

  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม จะตรวจสภาพที่ ตรอ. หรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกก็ได้
  • รถของส่วนราชการ บุคคลในคณะผู้แทนทางการฑูต คณะผู้แทนทางกงสุล องค์การระหว่างประเทศ ฯลฯ จะตรวจสภาพที่ ตรอ. หรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก ก็ได้
  • รถที่มีการดัดแปลงสภาพ รถที่เปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่องยนต์ รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ รถที่ขาดต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี ฯลฯ ให้นำรถไปตรวจสภาพ ณ หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

ค่าบริการการตรวจสภาพรถ

  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กก. ค่าบริการ 200 บาท/คัน
  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กก. ค่าบริการ 300 บาท/คัน
  • รถจักรยานยนต์ ค่าบริการ 60 บาท/คัน

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

ขั้นตอนการตรวจ ตรอ. มีอะไรบ้าง?

1. ตรวจสอบเล่มทะเบียนกันก่อน (รวมถึงสำเนา) ว่ารายละเอียดของรถยนต์ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ สีรถ ชนิดเชื้อเพลิง ชื่อเจ้าของรถ มีความถูกต้องตรงกันหรือไม่

หากรถของคุณติดตั้งแก๊ส LPG หรือ NGV จำเป็นจะต้องมีใบตรวจสภาพระบบแก๊ส LPG และ NGV มาก่อนนำรถมาตรวจที่ ตรอ. มิฉะนั้นจะยังไม่สามารถตรวจสภาพรถได้ และการติดตั้งแก๊ส LPG/NGV ต้องลงเล่มแล้วเท่านั้น (กรณีติดตั้งแก๊ส LPG หรือ NGV มาใหม่ จะต้องมีหนังสือรับรองการตรวจและทดสอบส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ด้วย)

อีกทั้งกรณีแผ่นป้ายทะเบียนสูญหาย, ชำรุด หรือตัวเลข ชื่อจังหวัดลบเลือน ก็ยังไม่สามารถตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ได้ ต้องไปจัดการซ่อม หรือทำแผ่นป้ายทะเบียนรถใหม่ก่อน

2. ตรวจสภาพรถทั้งคัน ตามรายละเอียดต่างๆ ด้านล่าง …

ตรวจสภาพภายนอกรถโดยรวม

  • กระจกกันลมหน้า-หลังและส่วนที่เป็นกระจก
  • ล้อและยาง
  • ศูนย์ล้อ
  • ค่าไฟพุ่งไกล ไฟพุ่งต่ำ
  • ตำแหน่งไฟพุ่งไกล ด้านซ้าย-ขวา
  • ตำแหน่งไฟพุ่งต่ำ ด้านซ้าย-ขวา
  • ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟหยุด
  • ไฟส่องป้ายทะเบียน ไฟอื่นๆ
  • สภาพตัวถังและโครงรถ
  • ประตูและพื้นรถ
  • ปัดน้ำฝน

ค่าไอเสีย-วัดเสียงท่อไอเสีย

  • ค่า CO (Carbon Monoxide)
  • ค่า HC (Hydrocarbon)
  • ค่าเครื่องวัดเสียง

สภาพใต้ท้องรถ-เครื่องยนต์

  • ระบบบังคับเลี้ยวและพวงมาลัย
  • ถังเชื้อเพลิง และท่อส่ง
  • เครื่องล่าง
  • หมายเลขเครื่องยนต์

ภายในรถ-การบังคับรถ

  • แตรรถยนต์
  • มาตรวัดความเร็ว
  • เข็มขัดนิรภัย
  • เบรกมือ
  • เบรก
  • ประสิทธิภาพห้ามล้อ
  • ประสิทธิภาพเบรกมือ
  • แรงห้ามล้อของแต่ละล้อ
  • น้ำหนักลงเพลาหน้า-หลัง

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

3. ตรวจวัดโคมไฟแสงพุ่งไกล (ไฟสูง) และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ (ไฟต่ำ) ของไฟหน้าแต่ละข้าง

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

4. การทดสอบศูนย์ล้อคู่หน้า โดยขับรถผ่านเครื่องทดสอบด้วยความเร็วประมาณ 3-5 กม./ชม. ขณะล้อหน้าผ่านเครื่องทดสอบ ค่าเบี่ยงเบนของศูนย์ล้อหน้าจะต้องไม่เกิน +-5 เมตรต่อกิโลเมตร

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

5. ทดสอบระบบเบรก ด้วยวิธีการค่อยๆ เหยียบเบรกจนจมสุด

  • เบรกมือ แรงเบรกทุกล้อ รวมกันไม่น้อยกว่า 20% ของน้ำหนักรถ
  • เบรกเท้า แรงเบรกทุกล้อ รวมกันไม่น้อยกว่า 50% ของน้ำหนักรถ
  • ผลต่างของแรงเบรก ผลต่างแรงเบรกล้อซ้าย-ขวาต้องไม่เกิน 25% ของแรงเบรกสูงสุดในเพลานั้น

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

6. ตรวจสอบค่าไอเสีย และควันดำ ซึ่งต้องผ่านเกณฑ์วัดค่าก๊าซ CO และ HC ตามรายละเอียดด้านล่าง

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ลักษณะเก๋ง

  • จดทะเบียนก่อน 1 พ.ย. 2536
    • CO ต้องไม่เกินร้อยละ 4.5
    • HC ต้องไม่เกิน 600 ส่วนในล้านส่วน
  • จดทะเบียน 1 พ.ย. 2536 – 31 ธ.ค. 2549
    • CO ไม่เกินร้อยละ 1.5
    • HC ไม่เกินร้อยละ 200 ส่วนในล้านส่วน

รถยนต์อื่นนอกจากข้อ 1 ที่จดทะเบียนก่อน 1 ม.ค. 2550

  • CO ต้องไม่เกินร้อยละ 4.5
  • HC ต้องไม่เกิน 600 ส่วนในล้านส่วน

รถยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่ 1 ม.ค. 2550

  • CO ต้องไม่เกินร้อยละ 0.5
  • HC ต้องไม่เกิน 100 ส่วนในล้านส่วน

ส่วนการตรวจวัดควันดำ (โดยเฉพาะรถเครื่องยนต์ดีเซล) จะตรวจวัดขณะเร่งเครื่องประมาณ 3-4 พันรอบ ในเกียร์ว่างและปิดแอร์ ผ่านเครื่องมือวัดแบบกระดาษกรอง (Filter) โดยเก็บค่าควันดำจำนวน 2 ครั้ง ใช้ค่าที่วัดได้สูงสุด ค่าควันดำต้องไม่เกิน 50% และเครื่องมือวัดระบบวัดความทึบแสง (Opacity) ค่าควันดำต้องไม่เกิน 45%

และวัดความดังของท่อไอเสีย กรณีเป็นเครื่องยนต์ดีเซล จะเร่งเครื่องยนต์จนสุดคันเร่ง ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน จะเร่งเครื่องยนต์ประมาณ 3 ใน 4 ของรอบที่ให้กำลังม้าสูงสุดจนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบคงที่ ค่าระดับเสียงสูงสุดต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล เอ

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

รายงานผลตรวจสภาพรถ

รถที่ผ่านการตรวจสภาพรถ เจ้าหน้าที่จะจัดพิมพ์รายงานผลการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จากระบบสารสนเทศของกรมการขนส่งทางบก โดยจะมีระบุวันที่ส่งผลการตรวจ สถานที่ตรวจ เลขใบอนุญาติจัดตั้ง ตรอ. และหมายเลขทะเบียนของรถที่ตรวจ ประเภทรถ และสรุปผลการตรวจสภาพ ซึ่งคุณสามารถดูผานระบบออนไลน์ได้ที่ – https://v5.inspection.in.th/inspectionreport/searchinfo

ซึ่ง ตรอ. จะจัดเก็บเอกสารส่วนที่ 1 และมอบเอกสารส่วนที่ 2 ให้กับผู้ที่นำรถมาตรวจสภาพเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับต่อภาษีรถยนต์ โดยมีอายุ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ผ่านการตรวจสภาพรถ

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องตรวจอะไรบ้าง คนใช้รถต้องรู้!

กรณีตรวจสภาพรถไม่ผ่าน จะมีการแจ้งผลการตรวจสภาพและข้อบกพร่องให้ทราบ พร้อมมอบเอกสารส่วนที่ 2 เพื่อให้เป็นหลักฐานในการตรวจสภาพรถอีกครั้ง ภายหลังจากแก้ไขข้อบกพร่องแล้ว โดยมีรายละเอียดการตรวจสภาพรถใหม่ ดังนี้

  • กรณีตรวจสภาพรถใหม่ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพครั้งแรก ให้ตรวจเฉพาะรายการข้อบกพร่องที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพ เสียค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งตามอัตราปกติ
  • กรณีตรวจสภาพรถใหม่เกิน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ไม่ผ่านการตรวจสภาพครั้งแรก ให้ตรวจสภาพใหม่ทุกรายการ เสียค่าใช้จ่ายเต็มอัตรา

หากตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณไม่สะดวกไปจ่ายภาษีเอง ก็สามารถจ่ายภาษีรถออนไลน์ได้แล้ว+ กรมการขนส่งทางบก ยังได้ปรับปรุงระบบชำระภาษี ให้กับผู้ที่มีรถยนต์อายุเกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุเกิน 5 ปี ที่ตรวจ ตรอ. ผ่านเรียบร้อยแล้ว สามารถต่อภาษีประจำปีผ่านระบบออนไลน์ได้ และจ่ายภาษีได้ผ่านทางระบบ e-Banking ของแต่ละธนาคาร, บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, เคาน์เตอร์ธนาคาร และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ

จากนั้น จะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ภายใน 5 วันทำการ รวมถึงสามารถชำระภาษีล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วันก่อนวันครบกำหนดชำระภาษี

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครสนใจอยากขายรถคันเดิมที่อายุมากกว่า 7 ปี เพราะเบื่อตรวจสภาพรถ ตรอ. หรือต้องการรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถนำรถคันเดิมมาขายกับ Carro ได้เลย เราพร้อมรับซื้อรถของคุณทุกเวลา ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

นับตั้งแต่ Blogger / Youtuber สายท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “มิ้นท์ I Roam Alone” เดินทางเพียงลำพังไปยังอัฟกานิสถาน ดินแดนที่ได้ชื่อว่าอยู่ในภาวะสงคราม และมีอันตรายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อนำข้อมูลการเดินทางมาทำ Content ในช่วงที่ตาลีบันเริ่มประกาศชัยชนะ ต่อสู้กับรัฐบาลอัฟกานิสถาน เข้ายึดพื้นที่อีกครั้ง ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาเริ่มตัดสินใจถอนทหารออก

ทำให้ความสนใจของคนไทย ในเรื่องราวเกี่ยวกับ “อัฟกานิสถาน” ถูกพูดถึงเป็นจำนวนมากอีกครั้ง ทั้งในด้านสงคราม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี หรือการค้าขาย เป็นต้น

MR.CARRO จึงขอนำเสนอเรื่องราวของรถยนต์ในอัฟกานิสถานกันในวันนี้ครับ ว่าทำไมรถญี่ปุ่น ถึงได้ครองใจชาวอัฟกัน และรถ Toyota จึงได้รับความนิยมมากที่สุดในอัฟกานิสถาน ไปอ่านกันเลยครับ …

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

โชว์รูมรถ Toyota ในกรุงคาบูล อัฟกานิสถาน

ราคาถูก ทนทาน และคุณภาพเชื่อถือได้ อาจเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมใหม่ของชาวอัฟกัน ที่ก่อนจะซื้อรถยนต์จะต้องคำนึงถึง 3 สิ่งนี้ และรถที่ได้รับความเชื่อถือสูงสุดในประเทศนี้ คงต้องยกให้กับ Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) ที่ไม่ว่าจะมองไปตรงไหนของเมือง ก็ต้องเจอกับรถรุ่นนี้เต็มไปหมด ทั้งในแบบรถเก่าจากยุโรป อเมริกาเหนือ พวงมาลัยซ้าย และรถเก่าจากญี่ปุ่น พวงมาลัยขวา โดยการนำเข้ารถยนต์ไปขายยังอัฟกานิสถาน ยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจับจ่ายอย่างมาก

ในประเทศที่แม้กระทั่งถนนลาดยาง ในส่วนที่ดีสุดของเมืองหลวงก็ยังเต็มไปด้วยหลุมบ่อ รถที่ผลิตในญี่ปุ่น จึงเป็นเป็นพาหนะที่ทุกคนเลือก ยกเว้นคนที่รวยมากๆ

“มี Toyota Corolla อยู่ที่นี่ ก่อนที่จะผลิตในญี่ปุ่นด้วยซ้ำ” Mohammad ชาวกรุงคาบูลในวัย 30 กว่าๆ ที่ทำงานในบริษัทต่างชาติพูดติดตลก

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก The Guardian

Mirwais Nabizada วัย 38 ปี ซึ่งขายรถยนต์มือสองในกรุงคาบูลมาเป็นเวลา 20 ปี กล่าวว่ารถเหล่านี้ได้รับความนิยมเพราะไม่แพง เมื่อเทียบกับรถ (ที่ไม่ใช่แบรนด์รถญี่ปุ่น) และอะไหล่ก็หาง่าย

“หลายคนซื้อเพราะความทนทาน ราคาถูก และมีอะไหล่อยู่ทุกที่” เขากล่าว เขามีรถยนต์ 70 คันในโชว์รูมของเขา ทั้งหมดยกเว้นหกคันในจำนวนนั้นที่ไม่ใช่โคโรลล่า

รถยนต์ใช้แล้วประมาณ 90% ถูกซื้อในเยอรมนีและแคนาดา จากนั้นจึงส่งไปยังอัฟกานิสถาน ผ่านดูไบ และเส้นทางบกจากอิหร่าน

“คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการซื้อรถใหม่ เพราะมันดึงดูดผู้ลักพาตัวและโจร” Nadir Shah ข้าราชการพลเรือน กล่าว

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก Algulf

Toyota Corolla ที่ขายในอัฟกานิสถาน มักจะนิยมรถยนต์สีดำ, สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีเหลือง หรือขาว ซึ่งที่นี่ รถสีขาวเป็นที่ชื่นชอบของผู้ซื้อ เพราะสภาพภูมิประเทศที่นี่ฝุ่นค่อนข้างเยอะ (รวมทั้งมลพิษที่เกิดจากการใช้รถเก่าในเมืองเป็นจำนวนมาก) เมื่อใช้รถสีขาวแล้ว ดูไม่ค่อยสกปรก” Nabizada กล่าว

ในการขับรถ 10 นาที ระหว่างใจกลางเมืองหลวงและย่านสถานทูต สำนักข่าว AFP ได้นับจำนวนรถ Toyota Corolla พบว่ามีมากถึง 194 คัน เมื่อเทียบกับรถยนต์ รถประจำทาง รถบรรทุก และยานพาหนะอื่นๆ ที่พบเห็นอีก 89 คัน

เจ้าของรถชาวอัฟกัน พวกเขารักรถและหวงแหนรถ มักนิยมติดสติ๊กเกอร์บนกระจกบังลมด้านหลัง ด้วยคำว่า “Beautiful Corolla”, “Super Saloon Corolla” และ “Corolla I Love You” เป็นต้น

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก Polarsteps / Ilpost

สำหรับผู้เชี่ยวชาญรถรุ่นนี้ เมื่อเห็นรถก็สามารถทราบได้เลยว่า Toyota Corolla คันนั้น เป็นรถที่ถูกนำเข้ามามาจากอเมริกาเหนือ, ยุโรป ได้จากขนาดของกันชน หรือตำแหน่งของป้ายทะเบียนรถ (สำหรับ Toyota Corolla รุ่น “สามห่วง” พื้นที่ติดป้ายทะเบียนด้านหลัง จะอยู่บริเวณตำแหน่งของแผงทับทิมหลัง ต่างจากในเวอร์ชั่นตลาดโลก เป็นต้น)

และถึงแม้ชาวอัฟกันจะขับรถชิดขวา พวงมาลัยซ้าย แต่ก็มี Toyota Corolla ที่เป็นรถพวงมาลัยขวา (ซึ่งถูกออกแบบมาให้ขับชิดซ้าย แบบในไทย หรือญี่ปุ่น) อยู่มากมายตามท้องถนน

ส่วนรถแท็กซี่เกือบทั้งหมดเป็น Toyota Corolla Van และลูกค้าที่เรียกรถแท็กซี่มักไม่ได้รับการบอกยี่ห้อ แต่จะมองหา “สีเทา 2002” หรือ “สีน้ำตาล 2007”

นายพล Asadullah Khan หัวหน้าตำรวจจราจรกรุงคาบูล กล่าวว่า รถยนต์ Toyota Corolla คิดเป็น 80% ของรถยนต์ 700,000 คัน (ยอด ณ ปี 2013) ที่ขับผ่านถนนที่คับคั่งในกรุงคาบูล ซึ่งมีการจดทะเบียนรถใหม่ หรือรถใช้แล้ว 500 – 600 คัน ในแต่ละวัน

“โคโรลล่า ถือได้ว่าเป็นรถยอดนิยมของมหาชน อีกทั้งยังไม่กินน้ำมันอีกด้วย” เขากล่าว

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก Alarabiya News

แต่ทว่า ความแพร่หลายของ Toyota Corolla กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือของพวกกลุ่มตาลีบัน และกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ใช้รถยนต์รุ่นนี้เป็นระเบิดเคลื่อนที่ (หรือคาร์บอมบ์) ซึ่งซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถ และขับรถผ่านด่านตรวจโดยไม่มีใครสังเกต ซึ่งกลุ่มตาลีบันยังต่อสู้กับรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ มาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2001

ในส่วนของผู้ซื้อรถยนต์ที่มีกำลังซื้อ เวลานี้เริ่มระมัดระวังการใช้เงินเป็นอย่างมาก เมื่อกองกำลังรบของ NATO และของสหรัฐอเมริกา ต่างเริ่มถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานในปี 2020 และถอนกำลังออกจนหมดในเดือนกันยายน 2021 เริ่มส่งผลกระทบทำให้ยอดขายรถลดลง เนื่องจากผู้คนไม่อยากใช้จ่ายเงินในการซื้อรถยนต์ เพราะรู้สึกไม่มั่นใจว่าอนาคตของชีวิตจะเป็นอย่างไร

แม้ว่าในตลาดรถยนต์ของอัฟกานิสถาน แทบทั้งหมดจะเป็นรถมือสองที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งก็มีรถแบรนด์อื่นๆ ราคาถูกๆ นำเข้ามาให้เลือก แต่ด้วยค่านิยมของ Toyota Corolla และภาษีรถยนต์ที่จัดเก็บสูงในอัฟกานิสถาน ส่งผลให้ผู้ซื้อไม่สามารถต่อรองราคาได้ ขนาด Corolla เก่าๆ ที่มีรอยบุบ ยังมีราคาจำหน่าย 3,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในขณะที่ Corolla รถอายุ 1 ปี วิ่งไมล์น้อย มีราคาขายพุ่งสูงถึง 26,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ!

ในขณะที่ธนาคารโลก ระบุว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวอัฟกันอยู่ที่ประมาณ 470 ดอลลาร์สหรัฐฯ … การที่ชาวอัฟกันจะเก็บเงินซื้อรถยนต์ Toyota Corolla ได้สักคันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความพยายามน่าดู!

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก RT

ค่าธรรมเนียมศุลกากรสำหรับรถยนต์นำเข้าแต่ละคันอยู่ที่ประมาณ 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ บวกกับ 1,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ สำหรับการออกใบอนุญาต และภาษีอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องชำระเพิ่มเติม Nabizada ซึ่งบอกว่าเขาขายรถได้เพียง 5 คัน/วัน ลดลงจาก 10 คัน/วัน เมื่อเทียบกับหลายปีก่อน

Shaker Bakhter หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เพียงไม่กี่รายในกรุงคาบูล กล่าวว่า เขาสามารถขาย Toyota Corolla ได้อย่างน้อย 10,000 อัน นับตั้งแต่ทำอาชีพพ่อค้าขายรถมา

และทำไมชาวอัฟกัน จึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อรถยนต์?

“ชาวต่างประเทศ ใช้เงินไปกับการเต้นรำ หรือเล่นโบว์ลิ่ง แต่ชาวอัฟกัน เราลงทุนในสิ่งที่มีประโยชน์” Bakhter กล่าว

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand  โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

เนื้อหาข่าวจาก:

The-Excise-Department-Deny-Tax-Car-Reduce

จากผลกระทบของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเกิดความระส่ำระสายอย่างหนัก นับตั้งแต่การประกาศหยุดการผลิตรถยนต์หลายค่าย ยอดสั่งซื้อของซัพพลายเออร์ตก ไปจนถึงการเลิกจ้างขั่วคราว หรือการปิดกิจการ สร้างผลกระทบต่อคนไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์นับแสนคน

อีกทั้งยอดขายรถใหม่ที่ดิ่งเหว โดยยอดผลิตรถยนต์ในประเทศเดือนเมษายน 2563 มีจำนวน 24,711 คัน ลดลง 83.55 % เรียกว่าต่ำสุดในรอบ 30 ปี ส่วนยอดผลิตสะสมเดือนมกราคม – เมษายน 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 478,393 คัน ลดลง 32.78%

3-Way-To-Find-More-Money-For-Salesperson

โดยหลายฝ่ายทำใจแล้วว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2563 นี้ ไม่ถึง 1 ล้านคันอย่างแน่นอน และยังไม่รู้ด้วยว่า ในปี 2564 นี้ ตลาดรถยนต์ของใหม่โอกาสฟื้นตัวมีมากน้อยแค่ไหน

อ่านเพิ่มเติม : กรมสรรพสามิต “ดับฝัน” กลุ่มยานยนต์ เสนอรีดภาษีรถเก่า บีบให้คนซื้อรถใหม่ ทำไม่ได้!

อ่านเพิ่มเติม : สรรพสามิต คิดดูก่อน! ค่ายรถขอลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 50% ผลจากโควิด-19

Covid-19-And-Secondhand-Cars-Dealer

เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางกลุ่มทุนสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างเข้าหารือกับทางกรมสรรพสามิต เสนอลดภาษีรถยนต์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ซึ่งล่าสุด ทางกรมสรรพสามิตเองก็ประกาศชัดแล้วว่า จะไม่มีการลดภาษีสรรพสามิตแต่อย่างใด งานนี้ งัดเหตุผลสู้กันแหลกแน่นอน!

ด้าน นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ประกอบการรถใช้แล้ว และตัวแทนภาคสถาบันการเงิน ลิสซิ่ง ว่า กรมสรรพสามิตยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 50% ตามข้อเสนอ เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบกับการขายรถใหม่ รถเก่า หยุดซื้อขาย ที่จะเซ็นสัญญาก่อนหน้า

“กรมสรรพสามิตไม่ลดภาษีรถยนต์ 50% ซึ่งความชัดเจนนี้จะทำให้การขายรถใหม่และมือสองเข้าสู่ภาวะปกติ การลดภาษีไม่มีประโยชน์” นายพชร กล่าว

Covid-19-And-Secondhand-Cars-Dealer

อีกทั้งการปรับลดภาษีสรรพสามิต ก็ช่วยให้คนซื้อรถในราคาถูกลงไม่มาก เช่น รถกระบะรุ่นมาตรฐาน ลดราคาลงไปแค่ 2,000 บาท หรือถ้าเป็นรถซิตี้ คาร์ ก็ช่วยลดภาษีไปได้แค่ 30,000 บาท/คัน สำหรับรถในท้องตลาดเท่านั้น แต่กลุ่มที่ได้ประโยชน์ จะเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูง ซึ่งกรมสรรพสามิตเองไม่ต้องการลดภาษีให้

รวมไปถึงอาจเป็นการแทรกแซงกลไกตลาด กระทบต่อราคาซื้อ-ขาย รถมือสองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้านโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ แม้ว่าจะยังไม่ได้พิจารณาในเวลานี้ แต่ก็เป็นที่เห็นด้วยทั้งในกลุ่มผู้ผลิตรถใหม่ และผู้ขายรถมือสอง เนื่องจากเป็นการจัดการรถยนต์เก่าอย่างเป็นระบบ และช่วยลดมลพิษในอากาศได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งก็ต้องมาถกกันในวาระต่อไปว่า ในทางปฏิบัตินั้น จะกำหนดอายุรถ หรือเงื่อนไขต่างๆ อย่างไร

อ่านเพิ่มเติม : สรุป ข้อดี ข้อเสีย เก็บภาษีรถเก่าอายุเกิน 10 ปี เพื่อกระตุ้นยอดขายรถใหม่

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Car Manufacturers-Need-Help-Reduce-Excise-Tax

ตามที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ร้องขอให้รัฐบาลออกมาตรการเยียวยา หลังยอดขายร่วงหนัก กระทบโรงงานผลิต และซัพพลายเชนทั้งระบบ ซึ่งมีผลต่อการจ้างงาน ขณะที่ยอดผลิตรถ 4 เดือนแรกของปี (ม.ค.-เม.ย. 2563) ทำได้ 478,000 คัน ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังนี้

1. ขอลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 50% ช่วยให้รถยนต์ราคาถูกลง

2. เปิดโครงการ รถเก่าแลกคันใหม่ รัฐบาลสนับสนุน 1 แสนบาท

3. เลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานไอเสียยูโร 5 และ ยูโร 6 ออกไป ซึ่งเดิมจะเริ่มปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ

Purchase-Car-In-Motor-Show

ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมฯได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก สอท.เรียบร้อยแล้ว แต่ขอพิจารณาในรายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าวก่อน ซึ่งตามหลักการแล้วกรมสรรพสามิตพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด- 19 ทุกราย จึงเร่งพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปให้ได้โดยเร็วที่สุด

MG-ZS-EV-2019

อย่างไรก็ตาม หากให้มองถึงเหตุผลของผู้ประกอบการรถยนต์ที่ระบุว่า ยอดขายในประเทศและการส่งออกรถยนต์ชะลอตัวลงมากนั้น การช่วยเหลือด้านการ “ลดภาษีรถยนต์” ไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากรถยนต์ที่ค้างสต๊อกอยู่นั้น ถูกเรียกเก็บภาษีแล้ว ดังนั้นคงต้องพิจารณาว่า หากจะต้องให้ความช่วยเหลือจะต้องเป็นในลักษณะใดถึงจะเหมาะสม

“กรมจัดเก็บภาษีตั้งแต่หน้าโรงงาน ตอนรถยนต์ผลิตออกมาขายที่โชว์รูมหรือเพื่อรอส่งออกแล้ว ดังนั้นไม่รู้ว่ายอดขายของรถยนต์กลุ่มนี้ลดลง กรมจะช่วยอะไรได้ ดังนั้นต้องไปดูก่อนว่าข้อเสนอของเขาคืออะไร และเราจะช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งตามหลักการแล้ว กรมอยากช่วยเต็มที่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นเรื่องวิกฤต” นายพชร กล่าว

สรุป ถ้าหากกรมสรรพสามิต มีผลสรุปลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 50% ตามข้อเสนอ ก็ต้องหารือเรื่องนี้กับ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และท้ายที่สุด ก็ต้องให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในเรื่องนี้ด้วย

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณข่าวจาก:

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

กระทรวงพลังงาน เตรียมผลักดันการใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ให้เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศ เพื่อช่วยยกระดับราคามันสำปะหลังและอ้อย คาดเริ่มประกาศใช้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินหลัก และยกเลิกผลิตแก๊สโซฮอล์ 91 ในเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนจะยกเลิกจำหน่ายในวัยที่ 1 กันยายน 2563

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดให้กรมธุรกิจพลังงาน เตรียมพร้อมที่จะให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซิน ได้ภายในมิถุนายนนี้ เพื่อยกระดับราคามันสำปะหลังและอ้อย ที่ปัจจุบันมีการนำมาใช้ผลิตเป็นเอทานอลคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 27 ของการผลิตเอทานอลทั้งหมด หลังจากก่อนหน้านี้ประกาศให้ดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานเมื่อ 1 มกราคม 2563 เพื่อสนับสนุนราคาปาล์ม

ทั้งนี้ กรมธุรกิจพลังงานได้หารือกับน้ำมันของเอกชน เบื้องต้นสรุปที่จะกำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันเลิกการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 ก่อนจะยกเลิกการจำหน่ายหน้าปั๊มน้ำมัน มีผลภายในวันที่ 1 กันยายน 2563 เพื่อผลักดันให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเบนซินฐานของประเทศ

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

โดย น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 คือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่มาจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว มาผสมกับเอทานอล หรือเอทิแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 10 % จึงได้ออกมาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอลออกเทน 91 และยังคงคุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 91

นับตั้งแต่ภาครัฐ ประกาศยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ไปในปี 2556 มาจนถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ยกเลิกในปี 2563 แล้ว รถเก่า รถมือสองของใครหลายๆ คน ที่ไม่ได้รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีปัญหาหรือไม่? ในการใช้งาน

มาดูกันว่า 3 ทางออกของรถเก่า ต้องทำอย่างไรกันบ้าง

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

1. เปลี่ยนชนิดน้ำมัน เป็นแก๊สโซฮอล์ 95 หรือจูนเครื่องยนต์ให้รองรับ E20/E85

หากน้ำมันรถคุณเป็นรถรุ่นเก่า (หลังปี 1995 ขึ้นไป หรือเครื่องยนต์หัวฉีด) MR.CARRO ขอแนะนำให้รถคุณใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ทดแทน เนื่องจากยังคงมีการจำหน่ายตามปกติ และมีราคาที่สูงกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เพียงนิดเดียว แถมให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นด้วยซ้ำไป เนื่องจากมีออคเทนที่มากกว่า

น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 คือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่มาจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว มาผสมกับเอทานอล หรือเอทิแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 10 % เพื่อทดแทนสาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) จึงได้ออกมาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 และยังคงคุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 95

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

บางคันอาจจะต้องการความประหยัด ก็สามารถไปติดกล่องจูนเครื่องยนต์ ให้สามารถรองรับ น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 หรือ E85 ได้ การติดกล่องก็เพื่อจ่ายน้ำมันให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแก๊สโซฮอล์ E85 ก็เป็นราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดในเวลานี้ (15.29 บาท ณ วันที่ 20 มีนาคม 2563) ช่วยให้สามารถประหยัดเงินได้มาก

แต่ก็แลกกับการสิ้นเปลืองที่มากขึ้น และท่อน้ำมันที่เสื่อมสภาพไวขึ้นด้วย เพราะแอลกฮอลล์ สามารถกัดซึมเข้ารอยปริแตกของท่อน้ำมันได้มากกว่า และต้องเปลี่ยนหัวฉีดใหม่เพื่อลดการอุดตันอีกด้วย

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

2. ติดแก๊ส LPG

การติดแก๊ส LPG ในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงฮวบๆ แบบนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าเพื้ยนหรือเปล่า? ติดแก๊สแล้วเวลาขายต่อ คนมองว่ารถต้องใช้งานเยอะแน่ๆ ราคาตก เครื่องยนต์ร้อนมากกว่าปกติ ต้องดูแลระบบแก๊ส หม้อต้ม เครื่องยนต์ ต้องตั้งวาล์ว เปลี่ยนซีลวาล์ว แหวนลูกสูบ ฯลฯ เร็วกว่ารถทั่วไป ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องไวขึ้น แถวกลัวรถไฟไหม้ด้วย

แต่ที่จริงแล้ว การติดแก๊สก็มีข้อดีอยู่หลายอย่างเช่นกัน เช่น ราคาที่ถูกกว่าน้ำมันมาก (คุณคิดหรือ ว่าราคาน้ำมันจะลงต่ำแบบนี้ตลอดไป) รวมถึงให้ออคเทนเครื่องยนต์ที่มากกว่า (ประมาณออคเทน 105) ทำให้การเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่า

ซึ่งมันจะคุ้มค่ามาก ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้รถเยอะๆ เมื่อหักลบรายจ่ายแล้ว การติดแก๊สรถยนต์ อาจทำให้คุณเหลือเงินส่วนต่างไว้ดูแลเครื่องยนต์อีกเยอะเลย ยังไงก็คุ้ม

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

3. เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่

สำหรับรถยนต์รุ่นที่เก่ามากๆ จนน้ำมันไม่รองรับการใช้งานของเครื่องยนต์สักอย่าง อีกทั้งถังน้ำมันยังเป็นเหล็กอีก การเปลี่ยนเครื่องยนต์ก็ดูจะเป็นทางออกที่ดี ของคนที่ไม่ยึดกับกับการ “เน้นเดิมๆ” นัก หรือเครื่องยนต์ที่หาอะไหล่เริ่มยาก กำลังตก ถังน้ำมันแบบเหล็ก ไม่รองรับกับการเติมแก๊สโซฮอล์

เพราะเครื่องยนต์รถรุ่นใหม่ แม้ว่าจะเป็นของเก่าเซียงกงก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้หัวฉีดในการจ่ายน้ำมัน มากกว่าเครื่องยนต์แบบเก่าที่ใช้ระบบคาร์บูเรเตอร์จ่าน้ำมัน ที่ต้องหาคนจูนเก่งๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และก็ให้กำลังเครื่องยนต์ กับการดูแลรักษาที่ง่ายกว่าเครื่องยนต์แบบเก่าๆ

ส่วนใครที่อยากขายรถเก่า เพื่อไปซื้อรถปีใหม่ขึ้น ที่รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Siang-Kong-And-Car-Parts

ในการเดินทางจากบ้านเกิดของ “คนจีน” เข้ามายังอุษาคเนย์นั้น มีมานานหลายร้อยปีจนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่ประเทศจีนจะเป็นคอมมิวนิสต์ในปี 2492 มีคนจีนอพยพเข้ามาอาศัย และทำมาหากินอยู่ในแผ่นดินไทยมากพอสมควรเลยทีเดียว

เมื่อมาถึงสยามแล้ว ต่างคนก็ต่างประกอบอาชีพที่ตัวเองถนัด หรือมีญาติพี่น้องทำกันอยู่แล้ว บ้างก็หาโอกาสกระจายไปอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ที่มีทางรถไฟผ่าน หรือมีการค้าขายที่สามารถตั้งตัวเป็นพ่อค้าคนกลางได้

Siang-Kong-And-Car-Parts

แต่ในมุมเล็กๆ ของย่าน Chinatown ของกรุงเทพฯ อีกมุมหนึ่ง ที่เรียกว่า “เซียงกง” หรือเรียกเพี้ยนไปเป็นคำว่า “เชียงกง” จะมีกลุ่มคนจีนที่ประกอบอาชีพค้าขายอะไหล่รถยนต์เก่า ขายจักรยานเก่า ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เนื่องจากมีรถที่ใช้ในสงครามปลดประจำการอยู่มาก จนธุรกิจขยายตัวต้องมีการนำเข้าอะไหล่จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอะไหล่ใช้แล้วยังนำไปสร้างรถตุ๊กตุ๊ก รถอีแต๋น ได้อีกด้วย

MR.CARRO จะมาพูดถึง “เซียงกง” ครับ ว่าทำไม จากชื่อเทพ ถึงได้มาเป็นชื่อย่านขายอะไหล่รถเก่ากัน

Siang-Kong-And-Car-Parts

คำว่า เซียงกง มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว คำว่า 仙公 ถ้าแปลเป็นไทย ก็แปลว่า “ปู่เทวดา” ((เซียง) แปลว่า = เซียน ส่วน (กง) = แปลว่า ปู่ หรือสาธารณะ) เป็นชื่อของศาลเจ้าเซียงกงเกง (仙公宮) ที่ตั้งอยู่ถนนทรงวาด ใกล้เคียงกับซอยวานิช 2

ประวัติของศาลเจ้าเซียงกงเกง สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 2414 โดยชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพเข้ามาในกรุงเทพฯ ร่วมกันสร้างศาลเจ้า และได้นำรูปปั้นของท่านจากมณฑลฮกเกี้ยน มาประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้

Siang-Kong-And-Car-Parts

ภาพจาก ลุงอ้า สุวิทย์ วงศ์รุจิราวาณิชย์

เนื่องจากในย่านรอบๆ ของศาลเจ้าเซียงกงเกง มีร้านขายของเก่า ขายอะไหล่รถยนต์ รถจักรยาน และอะไหล่เครื่องจักรต่างๆ มาก เมื่อคนจะไปซื้ออะไหล่ ก็มักจะเรียกติดปากกันว่า “ไปเซียงกง” ซึ่งคนในย่านนั้นรู้ว่าไปแถวๆ ศาลเจ้าแห้งนี้ พอนานๆ ไปเข้า คนส่วนใหญ่ จึงตีความหมายไปเป็นไปย่านซื้อขายอะไหล่รถเก่าไปแทน โดยน้อยคนนักที่จะนึกถึงชื่อ “เซียงกง” ในชื่อของศาลเจ้า นอกเสียจากว่าเป็นคนที่อยู่ในย่านนั้น

Siang-Kong-And-Car-Parts

และเมื่อในย่านไชน่าทาวน์ เริ่มมีความแออัดมากขึ้น จึงมีการย้ายเซียงกงออกไปเปิดกันใหม่ในย่านชานเมืองจุดต่างๆ เช่น เซียงกงรังสิต เซียงกงสวนหลวง, เซียงกงพระราม 3, เซียงกงบางนา, เซียงกงบางพลี หรือแม้กระทั่งในต่างจังหวัดก็มี

Siang-Kong-And-Car-Parts

สำหรับอะไหล่รถยนต์ที่มีขายตามเซียงกงในย่านต่างๆ โดยมากก็จะมีทั้งหน้าตัด ท้ายตัด แก้มข้าง ประตู ช่วงล่าง โช็คอัพ เครื่องยนต์ เกียร์ เพลาขับ หลังคา หลังคาซันรูฟ แผงคอนโซล พวงมาลัย เบาะนั่ง ท่อไอเสีย ล้อแม็ก ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากญี่ปุ่น เพราะเป็นรถพวงมาลัยขวาเหมือนกัน และมีรุ่นที่ขายในบ้านเราเยอะ ซึ่งในญี่ปุ่นรถยนต์ถ้าเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่มักไม่ซ่อม เพราะค่าใช้จ่ายแพง รวมถึงอายุการใช้งานของรถที่น้อย อะไหล่ที่แยกชิ้นส่วนขายส่วนใหญ่จึงมีสภาพที่ดี ราคาไม่แพงนัก

Siang-Kong-And-Car-Parts

แต่บางส่วนก็มีการนำเข้ามาจากสิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง หรือไกลหน่อยอย่างสหรัฐอเมริกาก็มี

และนี่อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคำภาษาแต้จิ๋ว ที่คนไทยรู้จักกันดีอีกหนึ่งคำ ที่จากชื่อศาลเจ้า กลายมาเป็นคำไทยโดยมีความหมายไปในทางธุรกิจ รวมไปถึงการเปรียบเปรยเกี่ยวกับของเก่า อะไหล่เก่า อีกด้วย!

ส่วนถ้ารถใครที่ใช้บริการอะไหล่จากเซียงกงบ่อยแล้ว อยากขายรถคันเดิมเพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่ สามารถมาขายได้ที่ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Popular-Cars-In-Iran-From-Iranian

เริ่มต้นช่วงปีใหม่มานี้ ก็มีข่าวให้ได้ระทึกโลกกันอีกครั้ง จากการที่ ประธานาธิบดี Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) แห่งสหรัฐฯ สั่งสังหาร Qasem Soleimani (พลตรี คาเซ็ม โซไลมานี) วัย 62 ปี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard Corps) โดยการใช้โดรนถล่มด้วยจรวดหลายลูก ที่สนามบินในกรุงแบกแดด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ม.ค. ตามเวลาของอิรัก

ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน เข้าสู่จุดเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่อิหร่านจับชาวอเมริกัน 52 คน เป็นตัวประกันเมื่อปี 1979 ทำให้หลายประเทศทั่วโลกก็เกิดความหวั่นวิตก กลัวมีสงครามโลกครั้งที่ 3

Total-Export-Iran-Automotive-2005-2013

การส่งออกรถยนต์นั่งของอิหร่านไปยังต่างประเทศ ในช่วงปี 2005 – 2013 ช่วงที่ยังโดนสหรัฐฯ และหลายๆ ชาติ คว่ำบาตร (แหล่งที่มา ILIA-Corporation)

และนอกจากสงครามการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อจีนช่วงก่อนหน้า ก็ได้สร้างผลกระทบกระเทือนไปในระบบเศรษฐกิจทั่วโลกแล้ว รวมถึงของไทยด้วย ซึ่งทางอิหร่านตอนนี้ก็ประกาศจะล้างแค้นสหรัฐฯ แน่ๆ ถึงขั้นให้รางวัลนำจับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 80 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (หรือ 2.4 พันล้านบาท) เลยทีเดียว! หากใครนำหัวของ โดนัลด์ ทรัมป์ มาได้!

แต่เนื่องจากในอดีตนั้น อิหร่าน ได้ให้ให้ความสำคัญกับโครงการนิวเคลียร์ จนถูกสหรัฐฯ และประชาคมโลกคว่ำบาตรอิหร่านอย่างหนัก การส่งออกน้ำมัน และเศรษฐกิจของอิหร่าน ได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล ทำให้เทคโนโลยีต่างๆ จึงหยุดชะงักตามไปด้วย

และก็มีผลกระทบมาถึงอุตสาหกรรมยานยนต์เช่นกัน ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ในอิหร่านก็ยังมีการแข่งขันค่อนข้างสูงกว่าแต่ก่อนมาก จึงอาจไม่กระทบมากนัก MR.CARRO ขอยกตัวอย่างรถยอดนิยมของคนอิหร่าน ว่าในปัจจุบันยังคงนิยมใช้รถอะไรกันบ้าง?

Paykan-Iran-Khodro

1. Paykan

รถยนต์ยี่ห้อ Paykan ซึ่งเป็นรถยนต์ประจำชาติอิหร่าน ผลิตขึ้นโดยบริษัท Iran Khodro (อิหร่าน โคดรู) (ในอดีตเรียกว่า Iran National) เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกกลาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 29 สิงหาคม 1962 เน้นผลิตรถขายกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

ซึ่งได้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์การผลิตมาจากรถยนต์ Hillman Hunter รุ่นปี 1966 ของค่าย Rootes ในเครือ Chrysler Europe มาผลิต (ซึ่งต่อมา กลุ่ม Rootes ก็ล้มละลาย จนโดน Peugeot เข้าควบรวมกิจการไปในปี 1978) ตั้งแต่ในปี 1967 ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วนเข้าผลิตในรูปแบบ CKD

ต่อมาในช่วงกลางยุค 70 จึงเริ่มประกอบขายในอิหร่านมาจนถึงปี 2005 และในปี 2015 สำหรับรุ่นกระบะ โดยมีทั้งรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร, 1.7 ลิตร และ 1.8 ลิตร

แม้ว่ารัฐบาลอิหร่านจะหยุดผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Paykan ในปี 2548 แต่รถรุ่นนี้ ในอิหร่านก็ยังคงมีวิ่งอยู่อย่างมากมาย

Peugeot-405-SLX-Iran

2. Peugeot 405 / Safir / Pars / RD / ROA

นับได้ว่าเป็นรถยอดนิยมสุดๆ ของชาวอิหร่านอีกหนึ่งรุ่นเลย สำหรับ Peugeot 405 (เปอโยต์ 405) ที่ออกมาตั้งแต่ปลายยุค 80 และเลิกจำหน่ายในตลาดโลกไปนานแล้ว แต่ที่นี่ยังมีผลิตขายอยู่! โดยบริษัท Iran Khodro

ต่อมาได้ถูกปรับปรุงรูปโฉมใหม่ ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมกับแตกชื่อรุ่นออกไปเป็น Peugeot Safir และ Peugeot Pars มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร, 1.8 ลิตร และ 1.9 ลิตร (เครื่อง 1.9 ลิตร ปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว)

แต่รถ Peugeot รุ่นอื่นๆ ก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากด้วยเช่นเดียวกันในอิหร่าน เช่น 206, 206 SD, 207i, 207i SD หรือ 406 เป็นต้น

IKCO-Dena-Iran

3. IKCO

IKCO หรือ Iran Khodro ได้ตัดสินใจผลิตรถออกมาขายในแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งมีการปรับรูปโฉมตัวรถใหม่หมดทั้งคัน ใน 4 รุ่น ได้แก่ Samand / Soren / Dena / Dena Plus แต่ยังคงใช้พื้นฐานของ Peugeot 405 อยู่เช่นเดิม แถมยังมีการส่งออกไปจำหน่ายในบางประเทศอีกด้วย อาทิ จีน, ยูเครน, อาเซอร์ไบจาน, เซเนกัล, ซีเรีย หรือ เวเนซุเอลา เป็นต้น

เครื่องยนต์ของทั้ง 4 รุ่นนี้ ยังคงมีทั้งแบบของ PSA Peugeot ขนาด 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตร และเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร ที่ทาง IKCO ผลิตขึ้นมาเอง ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เท่านั้น

Saipa-131-Iran

4. Saipa

สำหรับ Saipa (ชื่อบริษัทรถนี้ ย่อมาจากภาษาฝรั่งเศส Société Anonyme Iranienne de Production des Automobiles Citroën) ก่อตั้งขึ้นในปี 1965 จัดเป็นบริษัทคู่แข่งที่สำคัญของ Iran Khodro เพราะเน้นผลิตรถเจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเช่นกัน และรับจ้างผลิตรถยนต์ให้กับหลายๆ แบรนด์ด้วยเช่นกัน อาทิ Nissan, Renault, KIA, Changan และ Dongfeng

สำหรับรถยอดนิยมของผู้ผลิตค่ายนี้ ก็มีอยู่หลากหลายรุ่น เช่น Saipa 111, 131, 132, Ario, Quick หรือ Tiba รวมไปถึงรถกระบะโบราณของ Nissan Junior ที่ยังมีผลิตมาจนถึงทุกวันนี้ อย่าง Z24

บริษัท Iran Khodro และบริษัท Saipa เป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุด คือร้อยละ 96 ของตลาดรถยนต์ภายในประเทศทั้งหมด ส่วนบริษัทผลิตรถยนต์อื่นๆ ที่เป็นค่ายผู้ผลิตรถยนต์อิสระ เช่น Bahman Group, Kerman Motors, Kish Khodro, Runiran, Traktorsazi, Shahab Khodro และอื่นๆ (ยอดสำรวจในปี 2009)

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

The-Excise-Department-Deny-Tax-Idea-In-Thailand

อันนี้น่าจะถือว่าเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ 2563 ปีแห่งความตื่นเต้นในสังคมไทยอีกปีในหลายๆ เรื่อง อีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่สร้างความน่าสนใจให้กับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่มีกำลังมากพอ ที่จะเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงได้ทุกๆ 5-10 ปี

นั่นคือ “กรมสรรพสามิต” ดับฝันนายทุนค่ายรถยนต์ในไทยทั้งหลาย ที่ทางโฆษกกรมสรรพสามิตชี้แจงไปก่อนหน้าว่า กรมสรรพสามิต และรัฐบาลไม่เอาด้วย เพราะเสียงต่อต้านจากประชาชนมากแน่ๆ

The-Excise-Department-Deny-Tax-Idea-In-Thailand

ซึ่งนโยบายที่ทางกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นำเสนอความต้องการให้รัฐบาลตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมกำจัดรถยนต์เก่า 10 ปี เก็บค่าธรรมเนียมซากรถเก่าที่ไม่ใช้งาน หรือมีมาตรการสนับสนุนให้ซื้อรถใหม่ในราคาพิเศษ โดยผู้ใช้รถยนต์สามารถนำซากรถเก่ามาแยกชิ้นส่วน

ถ้าเห็นข่าวแล้วรู้สึกว่า อยากขายรถเก่า เพื่อเปลี่ยนรถใหม่ หรือรถมือสองที่ปีใหม่ขึ้นมาหน่อย นำรถมาขายที่ CARRO ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

ดูข่าวเก่า >>> สรุป ข้อดี ข้อเสีย เก็บภาษีรถเก่าอายุเกิน 10 ปี เพื่อกระตุ้นยอดขายรถใหม่ 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ครรชิต ไชยสุโพธิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้มีนัดหมายว่า จะนำเรื่องนี้เสนอไปยังกรมสรรพสามิต เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่มีเหตุขัดข้อง โดยทางโฆษกกรมสรรพสามิตชี้แจงว่า กรมสรรพสามิต และรัฐบาลไม่มีนโยบายสนับสนุน

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในการประชุมกลุ่มอุตฯยานยนต์ ครั้งหน้า ทางกลุ่มจะหารือเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา ทุกฝ่ายได้คุยกันจนตกผลึกต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน ให้มีการกำจัดรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน หรือซากรถเก่าให้หมดไป รวมถึงรถเก่าเครื่องยนต์เก่ามากๆ ซึ่งปล่อยค่าไอเสียจำนวนมาก เพื่อช่วยลดมลพิษบนท้องถนน และที่สำคัญ หากเจ้าของรถเก่ามีแรงจูงใจทางด้านภาษี หรือสิทธิพิเศษกรณีต้องการเปลี่ยนรถคันใหม่ ก็จะช่วยให้ตลาดรถใหม่มียอดขายมากขึ้น

“เรื่องนี้ทำเองไม่ได้ รัฐบาลต้องให้ความร่วมมือและเข้ามาสนับสนุน เพราะเราวางแนวทางเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ขยับจาก กทม. ไปต่างจังหวัด รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ถ้ารัฐบาลเพิกเฉย ทุกอย่างก็จบ ไอเดียที่ระดมสมองกันมาก็คงต้องพับไป อย่าลืมว่าทุกวันนี้รถเก่ามีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน ข้อมูลจากกรมขนส่งฯระบุว่า ตั้งแต่ปี 2532 จนถึงสิ้นปี 2562 รถยนต์ในบ้านเรามียอดจดทะเบียนสะสมถึง 40 ล้านคันเข้าไปแล้ว ส่วนรถใหม่ปีหนึ่งๆ ขายเป็นล้านคัน ถ้าไม่มีแนวทางการจัดการที่ดี คงวุ่นวายแน่ๆ”

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวท้ายที่สุดแล้วคงจะต้องรอดูการประชุมกลุ่มในวาระต่อไป ว่าจะมีการนำมาหารือกันอีกรอบหรือไม่ หรือจะพับเก็บไปเลย

ส่วนยอดการผลิตรถยนต์ในปี 2562 ที่ผ่านมานั้น มียอดผลิตรวมราวๆ 2 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตสำหรับตลาดในประเทศ 1 ล้านคัน และส่งออกอีก 1 ล้านคัน จากเดิมคาดว่าการผลิตเพื่อส่งออกจะอยู่ที่ 1.1 ล้านคัน แต่จากสถานการณ์ภาวะสงครามการค้า ทำให้มียอดส่งออกลดลง 20%

ส่วนปี 2563 ประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อน แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูวันที่ 15 ม.ค. นี้ ที่อเมริกาและจีนจะมีการเซ็นสัญญายุติสงครามการค้าระหว่างกันว่า จะมีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด ประกอบกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของค่ายรถต่างๆ โดยเฉพาะ Eco-Car (อีโคคาร์) และกระบะ ว่าจะมีผลขับเคลื่อนกับตลาดได้มากน้อยเพียงใด

The-Excise-Department-Deny-Tax-Idea-In-Thailand

“ปีที่แล้วหลายยี่ห้ออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสินค้า ทำให้ยอดส่งออก Eco-Car และกระบะหดลง แต่ปีนี้ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น รวมทั้งในส่วนของรถจักรยานยนต์เองก็ยังคงได้อานิสงส์จากกลุ่มรถบิ๊กไบค์ ที่ช่วยทำให้มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังสูงอยู่ แม้ว่าจำนวนจะลดลง”

ขณะที่ตลาดในไทย ยังต้องดูสถานการณ์ภัยแล้งว่ารุ่นแรงแค่ไหน แต่เบื้องต้นกลุ่มประเมินว่า ยอดผลิตรถยนต์ของปี 2563 นั้น ใกล้เคียงปีที่แล้ว คือประมาณ 2 ล้านคัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พชร อนันตศิลป์ excise.go.th

ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ข้อเสนอเรื่องกองทุนรถยนต์เก่า เป็นแนวคิดจากภาคเอกชนที่คิดขึ้นมา โดยมองว่าหากเอกชนต้องการทำ ก็ควรใช้หลักการตลาด ส่วนการจะให้แรงจูงใจด้านภาษีสรรพสามิตคงทำไม่ได้ เนื่องจากหลักการของภาษีสรรพสามิต จะจัดเก็บจากผู้ผลิต ณ โรงงานอุตสาหกรรม เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถไปเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นรายปีได้

“รถยนต์เก่าจะใช้กระบวนการต่อทะเบียนผ่านทางกรมการขนส่งทางบกอยู่แล้ว ซึ่งอัตราที่ขนส่งเก็บก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี จนถึงอัตราสูงสุด หลังจากนั้นก็จะเป็นอัตราเดียวต่อไป ส่วนการจะใช้ภาษีสรรพสามิตไปสร้างแรงจูงใจคงทำไม่ได้ เพราะผิดหลักการ” นายพชรกล่าว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก “ประชาชาติธุรกิจ”https://www.prachachat.net/finance/news-407669

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ช่วงไม่กี่วันมานี้ ในโลกโซเชียลมีเดีย มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด ถึงการที่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ตบเท้าหารือกรมสรรพสามิต 16 ธ.ค. นี้ เสนอตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมกำจัดรถยนต์เก่า 10 ปี พร้อมให้สิทธิพิเศษผู้ใช้ซื้อรถใหม่ หวังกระตุ้นยอดขาย ลดมลพิษ …

แนวคิดนี้ เกิดขึ้นจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ ในช่วง 10 เดือน ที่ผ่านมา (ม.ค. -ต.ค.) ตัวเลขยอดขายตกลงมาก ทำได้เพียง 838,847 คัน ขยายตัว 0.6%

จนผู้คนออกมาโจมตี ทั้งฝ่ายเอกชนที่ต้องการให้รัฐบาลตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมกำจัดรถยนต์เก่า 10 ปี และภาพลักษณ์ของรัฐบาลตอนนี้ที่เป็นอย่างไร ทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่ เลยกลายเป็นกระแสของคนเล่นรถเก่า รักรถเก่า รักรถมือสอง ออกมาด่ารัฐบาลกันเป็นชุด

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ถ้าคุณคิดอยากขายรถเก่ามาก ขยับมาซื้อรถใหม่ หรือรถมือสองที่ปีใหม่ขึ้นมาหน่อย เพราะไม่อยากรับภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาในอนาคต ก็นำรถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ CARRO ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี นั้น มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

การจัดเก็บภาษีรถยนต์ประจำปี ของ กรมการขนส่งทางบก

แนวคิดในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ตั้งแต่ในยุคของกองทะเบียน กรมตำรวจ มาจนถึงยุคกรมการขนส่งทางบก ในอดีตนั้น จัดเก็บภาษีตามน้ำหนักรถยนต์ (ทั้งรถเก๋ง, รถกระบะ และรถตู้) ต่อมา ช่วงประมาณปี 2525 กรมการขนส่งทางบก จึงปรับรูปแบบการจัดเก็บภาษีของรถยนต์นั่ง (เฉพาะรถเก๋ง) ใหม่ ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่เก็บตามความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์

ปัจจุบัน มีการจัดเก็บภาษี 4 ประเภทด้วยกัน คือดังนี้

1) จัดเก็บตามกระบอกสูบ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน

600 ซีซีแรก ซีซี ละ 0.50 บาท
601 – 1,800 ซีซีๆ ละ 1.50 บาท
เกิน 1,800 ซีซีๆ ละ 4.00 บาท

หากเป็นรถที่จดทะเบียนมาแล้ว 5 ปี ให้ได้รับการลดหย่อนภาษีประจำปีในปีต่อๆ ไป ดังนี้

– ปีที่ 6 ร้อยละ 10
– ปีที่ 7 ร้อยละ 20
– ปีที่ 8 ร้อยละ 30
– ปีที่ 9 ร้อยละ 40
– ปีที่ 10 และปีต่อๆ ไป ร้อยละ 50

2) จัดเก็บเป็นรายคัน ได้แก่ รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร

– รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
– รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
– รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
– รถพ่วงนอกจากข้อข้างต้น คันละ 100 บาท
– รถบดถนน คันละ 200 บาท
– รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท

3) จัดเก็บตามน้ำหนัก ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถยนต์รับจ้าง

น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัดรถยนต์บริการ รถยนต์รับจ้าง รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลรถลากจูงรถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร
ไม่เกิน 500 150 450 185 300
501 – 750 300 750 310 450
751 – 1,000 450 1,050 450 600
1,001 – 1,250 800 1,350 560 750
1,251 – 1,500 1,000 1,650 685 900
1,501 – 1,750 1,300 2,100 875 1,050
1,751 – 2,000 1,600 2,550 1,060 1,350
2,001 – 2,500 1,900 3,000 1,250 1,650
2,501 – 3,000 2,200 3,450 1,435 1,950
3,001 – 3,500 2,400 3,900 1,625 2,250
3,501 – 4,000 2,600 4,350 1,810 2,550
4,001 – 4,500 2,800 4,800 2,000 2,850
4,501 – 5,000 3,000 5,250 2,185 3,150
5,001 – 6,000 3,200 5,700 2,375 3,450
6,001 – 7,000 3,400 6,150 2,560 3,750
7,001 ขึ้นไป 3,600 6,600 2,750 4,050

4) รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า

– รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตรารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน
– รถอื่นนอกจาก 4.1 ให้เก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของรถตามข้อ 2 และ 3

รถใครภาษีขาดเกิน 3 ปี ดูวิธีการต่อภาษี พร้อมจดทะเบียนใหม่ ได้ใน Link นี้ – 3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการต่อทะเบียนรถ “ภาษีขาดเกิน 3 ปี”

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

แล้วภาษีสรรพสามิต ของรถยนต์ป้ายแดงที่ออกใหม่จากโรงงานล่ะ?

ปัจจุบัน กรมสรรพสามิต จัดเก็บภาษีเฉพาะรถยนต์ใหม่ ที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือนำเข้าจากต่างประเทศ โดยจัดเก็บภาษีตามหลักสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดอัตราภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประหยัดพลังงาน และลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม จากการปล่อย CO2 อันเป็นสาเหตุหลักให้เกิดสภาวะโลกร้อน และฝุ่น PM 2.5

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ข้อดี ของ แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี

  • ปริมาณรถยนต์เก่าในบ้านเราลดลง เพราะผู้คนส่วนหนึ่ง ยอมขายรถเก่าทิ้ง เนื่องจากสู้กับภาษีที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว
  • ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่ปล่อยออกจากเครื่องยนต์รถยนต์ น้อยลง
  • ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ มียอดขายรถยนต์ใหม่มากขึ้น กับบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
  • ซากรถคันเก่า จะเข้าสู่กระบวนการกำจัดซากที่ได้มาตรฐาน แบบโรงงานรีไซเคิลรถยนต์ เช่นในประเทศจีน หรือ ญี่ปุ่น และได้รับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนคืนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะเป็นการลดภาษีสรรพสามิตของรถใหม่ ที่จะซื้อออกไป

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ข้อเสีย ของ แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี

  • ผู้บริโภคต้องยอมซื้อรถยนต์ป้ายแดงคันใหม่ ในราคาจำหน่ายที่แพงกว่าหลายประเทศทั่วโลกพอสมควร ทั้งๆ ที่ ซื้อรถมือสองคุณภาพดี (แต่อายุมากหน่อย) ซึ่งคุ้มค่าเงินกว่า
  • ไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รายได้ของคนไทยส่วนใหญ่ มิได้มากพอที่จะสามารถเปลี่ยนรถยนต์ได้ทุกๆ 5-10 ปี เนื่องจากรถยนต์ใหม่ ก็มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
  • บางคนอาจใช้เวลาในการผ่อนรถยนต์ นานถึง 6-7 ปี พอผ่อนหมด ใช้งานได้อีก 3 ปี ก็ต้องเจอการปรับภาษีรถยนต์ที่สูงขึ้น ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
  • ในต่างประเทศ ที่เป็นทั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง สามารถทำราคาจำหน่ายรถยนต์ที่เหมาะสมได้ ซึ่งต่างไปจากบ้านเรา
  • รถเก่าหลายคัน อายุมากแล้ว แต่ถ้าได้รับการดูแลรักษาที่ดี ก็ยังน่าใช้ไม่แพ้รถใหม่ๆ
  • คนที่มีรถยนต์มากกว่า 1 คัน และถ้าเป็นรถยนต์เก่า ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่อปีมากขึ้น
  • ระบบขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ ที่มีอายุมากถึง 20-40 ปี สภาพเก่าโทรม ควันดำ ยังวิ่งให้บริการผู้คนในเมืองใหญ่ ค่อนข้างย้อนแย้งกับข้อเสนอในการลดมลพิษ

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

สำหรับตัวเลขของ กรมการขนส่งทางบก พบว่า รถยนต์เก่าอายุเกิน 10 ปี ที่จดทะเบียนก่อนปี 2552 ในปัจจุบัน มีอยู่ประมาณ 26 ล้านคัน จำนวนนี้ เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลประมาณ 9 ล้านคัน แยกออกได้เป็น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 4.07 ล้านคัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 3.8 แสนคัน และรถกระบะ 4.6 ล้านคัน

คือต้องบอกก่อนว่า แนวคิดนี้ “ดี” ในประเทศที่ “พัฒนาแล้ว” คุณภาพชีวิตประชาชนดี มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง มีค่าครองชีพสูง และมีระบบขนส่งมวลชนที่ได้คุณภาพ จนทำให้รู้สึกว่า ไม่มีรถยนต์ใช้งาน ชีวิตก็ไม่ลำบากในการเดินทาง

【短期連載】「ユーザー車検」必勝マニュアル『初心者は検査ラインでハザードを点灯』(その3)

การตรวจสภาพรถ ของประเทศญี่ปุ่น

เช่น ในประเทศญี่ปุ่น รถยนต์ใหม่มีราคาถูกกว่าในไทยมาก แต่เมื่อคุณใช้รถยนต์ไปจนถึงปีที่ 4 นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียน คุณก็ต้องนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ (ของญี่ปุ่นเรียกว่า “車検” Shaken = ชาเกง) ซึ่งคล้ายกับ ตรอ. ในบ้านเรา เป็นการตรวจสภาพรถยนต์ทุกๆ 2 ปี แต่มีความละเอียดในการตรวจสอบรถยนต์มากกว่ามาก และค่าตรวจสภาพที่ค่อนข้างแพงมาก ครั้งนึงต้องจ่ายหลายหมื่นเยนเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าตรวจสภาพรถไม่ผ่าน ก็ต้องกลับไปซ่อมแซมแก้ไข เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก (โดยการตรวจสภาพรถนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ภาษีรถยนต์ ที่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของรถ, ประกันภัยรถยนต์ 24 เดือน, ภาษีค่าใช้ถนน และค่าอากร เป็นต้น)

https://img.bestcarweb.jp/wp-content/uploads/2019/11/29220240/40ac879c58a8b005491a1f3d4ed1ec38.jpg

อัตราค่าตรวจสภาพรถ ของประเทศญี่ปุ่น

และยิ่งรถเก่ามากเท่าไหร่ ค่าตรวจสภาพก็ยิ่งสูงมากขึ้น ทำให้คนญี่ปุ่นหลายคนรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ค่าซ่อมก็ไม่คุ้ม เพราะค่าซ่อมแพงกว่าซื้อรถใหม่ แถมตอนลากเอาไปทิ้ง ต้องเสียเงินค่ากำจัดขยะอีก

https://www.ft.com/__origami/service/image/v2/images/raw/https%3A%2F%2Fs3-ap-northeast-1.amazonaws.com%2Fpsh-ex-ftnikkei-3937bb4%2Fimages%2F3%2F7%2F5%2F9%2F8909573-1-eng-GB%2F20140609_Myanmar1.jpg?source=nar-cms

รถมือสองเก่าจากญี่ปุ่น ที่อยู่ในประเทศพม่า

ด้วยเหตุนี้ จึงมีพ่อค้ารถมือสอง ทำธุรกิจส่งรถยนต์เก่าจากญี่ปุ่น ไปขายที่ภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย พม่า หรือแถบโอเชียเนีย แถบแคริเบียน หรือประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวากันมากมาย จนบางทีก็ตัดขายเป็นอะไหล่ แบบเชียงกงในบ้านเรา หรือขับไปทิ้งเป็นซาก อยู่ตามป่าตามเขาในต่างจังหวัด ยังดีกว่า (คนญี่ปุ่นขี้เหนียวก็เยอะนะ! รู้ว่าค่าใช้จ่ายแพง ทิ้งแล้วซื้อใหม่คุ้มกว่า)

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จึงใช้รถยนต์เฉลี่ยประมาณ 5-7 ปี ก็เปลี่ยนคันใหม่แล้ว

แต่ถ้าในบ้านเรา หากมีการบังคับใช้จริงๆ แล้วล่ะก็ คนที่จะเดือดร้อนจำนวนมาก ก็คงหนีไม่พ้นคนไทยส่วนใหญ่ ที่ใช้รถเก่า และรถมือสอง นี่ล่ะครับ …

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Classic-Car-Scrapped-Project

“ซากรถ” ถ้าจะให้พูดถึงโดยภาพรวม ก็จะหมายความว่า รถยนต์ที่หมดสภาพ หรือหมดประโยชน์ในการใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุหนักๆ ที่ซ่อมแล้วไม่คุ้มกับมูลค่าตัวรถ หรือคืนทุนประกันแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ขายซากรถยนต์ ทิ้งซะดีกว่า

หรือถ้าจะซ่อม ก็คงไม่เหมือนเดิม เพราะโครงสร้างตัวถังที่เสียรูปไปแล้ว จะทั้งดึงทั้งดัด ก็คงไม่เหมือนเดิม 100% หรือรถที่พังจนใช้งานไม่ได้ เช่น โดนน้ำท่วมมา เป็นต้น

แต่ซากรถในอีกประเภทหนึ่ง อาจจะไม่ได้เคยเกิดอุบัติเหตุอะไร เช่น เป็นรถที่จอดทิ้งไว้เฉยๆ จนผุพังไปตามกาลเวลา หรือเป็นรถแปลกๆ หายากๆ ที่นำเข้ามาใช้งานตั้งแต่ในอดีต แล้วหาอะไหล่ หรือซ่อมไม่ได้ จนเจ้าของหมดปัญญาจะใช้

พอเวลาผ่านไป ด้วยความที่รถเหล่าอาจจะมีน้อย รถรุ่นนั้นเกิดเป็น “เทรนด์ฮิต” ขึ้นมาอีกครั้ง เช่น ซากรถอเมริกันบางรุ่น หรือ ซากรถยุโรปในอดีต อย่าง “โฟล์คเต่า” หรือ “โฟล์คตู้” ที่จัดอยู่ในระดับรถคลาสสิค หายาก และที่เป็นต้องการของตลาด ราคาที่เคยตกต่ำกลับสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้ใครต่อใครหลายคน เริ่มมองหาซากรถเก่า เพื่อขึ้นมาปั้นใหม่อีกครั้ง!

Mr.Carro จะมาพูดถึงซากรถประเภทนี้ ต้องเตรียมตัวอย่างไร? เตรียมงบกันเท่าไหร่? เอาข้อมูลต่างๆ มาเล่าให้ฟังกัน

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก Victer Ounlum

เล่มทะเบียน สัญญาซื้อขาย สำคัญ!

หากคุณจะซื้อ ซากรถยนต์มาทำใหม่ แล้วนำมาจดทะเบียน ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลตัวรถให้ดีก่อนว่า เล่มทะเบียน เอกสารชุดโอนของเจ้าของเดิม สัญญาซื้อขาย มีครบถ้วนหรือไม่? ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ก็ไม่น่าไว้วางใจนัก เพราะบางทีอาจจะเป็น ซากรถที่ถูกขโมยมา โดนสวมทะเบียนจากรถคันอื่น หรือรถที่ผ่านการก่อคดี หรือทำผิดกฏหมายมา แล้วอำพรางเป็นซากมานานก็เป็นได้

เรื่องภาษีรถยนต์ ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ! ซากรถหลายคัน ถูกทิ้งมานานมาก ตั้งแต่ภาษีประจำปีรถยนต์ ยังมีค่าปรับในการเสียภาษีล่าช้า ในอัตราร้อยละ 20

ต่อมาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2546 ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ปรับลดอัตราค่าปรับของการไม่เสียเสียภาษีรถยนต์ประจำปีใหม่ ตาม พรบ. รถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 จากเดิมร้อยละยี่สิบ เหลือเพียงร้อยละหนึ่ง

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก Na Boyd และ โต้งคลาสสิค ผู้ชนะสิบทิศ

และหากรถขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ทะเบียนรถนั้นจะถูกระงับทันที (ซึ่งถ้าเกิดไปจ่ายภาษี คุณจะเสียค่าปรับย้อนหลังแค่ 3 ปี + และสามารถจดทะเบียนรถใหม่ พร้อมกับจ่ายภาษีรถยนต์ปีปัจจุบันเพียงอย่างเดียว)

ดังนั้น ควรเช็คดูด้วยว่าซากรถที่คุณจะเอามาปั้นนั้น เสียภาษีปีล่าสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ (ถ้าไม่ได้แจ้งจอดไว้แต่แรก) เพราะถ้าหากภาษีรถคุณขาดตั้งแต่ก่อนปี 2547 คุณอาจต้องจ่ายภาษีย้อนหลังก่อนหน้านั้นทุกปี! และค่าปรับในอัตราร้อยละ 20!

แล้วอีกหนึ่งข้อควรจำนั่นก็คือ หลังจากวันที่ 5 ม.ค. 2558 เป็นต้นไป “รถที่ยกเลิกการใช้รถในกรณีซากรถ ไม่สามารถจดทะเบียนใหม่” ได้แล้วครับ

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก YP Garage

งบประมาณในการปั้น

ถ้าจะให้กะงบประมาณในการปั้น ก็ต้องดูพื้นฐานของซากรถที่คุณได้มาก่อนว่า เป็นรถรุ่นไหนแบบไหน สภาพแย่น้อยหรือแย่มาก อะไหล่หายากหรือไม่ ในต่างประเทศ ยังมีการผลิตอะไหล่รถแบบ Reproduction (อะไหล่ของใหม่ แต่ทำเลียนแบบของเก่า) อยู่หรือไม่?

เพราะในวงการรถคลาสสิค รถโบราณ มีคนปั้นซากรถหลายคัน หมดเงินในการเสาะแสวงหาอะไหล่ต่างๆ ในการฟื้นฟูรถ จะทำรถให้เดิมๆ หมด หรือจะเป็นแนว Custom ก็ตาม บางคนหมดเงินไปหลายแสน หรือหมดเงินไปหลักล้านบาทเลยก็มี

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก YP Garage

เวลาในการปั้น

รถคลาสสิคที่ปั้นจากซากรถบางรุ่น อาจจะต้องใช้ชิ้นส่วนหรืออะไหล่ที่หายากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจจะหาซื้อในบ้านเราไม่ได้ หรือต้องใช้เวลาสั่งจากเมืองนอกนาน ทำให้เวลาในการทำรถนั้น อาจจะนานตั้งแต่หลายเดือน ไปจนถึงหลายปี ซึ่งหลายคนงบหมด เวลาไม่มี ก็ต้องล้มโปรเจค ขายรถให้คนอื่นไปปั้นต่อแทน

สุดท้ายนี้ก็ขอนำ Quote เด็ดๆ จาก “ปั้นจากซาก” มาเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังทำรถของตัวเองกันครับ

“ความสุขของคนเก็บรถโบราณอย่างผม ไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือความสวยงามของตัวรถ แต่อยู่ที่ความภาคภูมิใจที่สามารถซ่อมจากซากรถจนกลับมาเป็นสภาพเดิมที่มันเคยเป็น มันทำให้ผมมีความพยายามและความอดทนครับ” – ศิริพงษ์ บูรณะพันธุ์

สำหรับใครที่มีซากรถครอบครองอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายทิ้ง หรือเอาซากรถไปทำอะไรต่อดี เชิญมาขายได้ที่ Carro ง่ายนิดเดียว เพียงแค่กรอกรายละเอียดใน Link นี้ —> https://th.carro.co/sell-car/express/scrapcar

หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

กับ Add Line มาสอบถามรายละเอียดก็ได้เช่นกัน ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก