8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

8 รถอีโคคาร์มือสอง ประหยัดน้ำมัน ราคาไม่แพง ที่น่าเป็นเจ้าของ!

ในปัจจุบัน “รถมือสอง” นั้นจะมีตัวเลือกในท้องตลาดอย่างมหาศาล และมีรถหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่สภาพเก่าๆ ราคาเพียงหลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงราคาหลายล้านบาท ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ใช้แล้วไม่ถูกใจ ใช้แล้วเบื่อ อยากขายแล้วซื้อใหม่ หรือครอบครัวขยายขึ้น ต้องเปลี่ยนรถใหญ่ขึ้นก็มี

แต่อีกหนึ่งในรถที่ให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน ในยุคเศรษฐกิจขาขึ้นก่ายหน้าผากแบบนี้ นั่นคือรถยนต์ “Eco-Car” ที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ แม่บ้าน หรือนักศึกษา เป็นต้น อยากได้รถมือสองประหยัดน้ำมัน หาที่จอดง่าย ไว้ใช้งานในเมือง ไปจ่ายตลาด หรือขับไปมหาวิทยาลัย ในงบประมาณจำกัด และมีราคารถมือสองที่ไม่แพงมาก ซื้อขายง่าย

ตัวเลือกอย่างรถยนต์ Eco-Car (อีโคคาร์) ถือได้ว่าเหมาะสมกับงบประมาณและสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ … Carro ขอแนะนำ 8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้ มีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง รับชมกันได้เลยครับ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

1. Toyota Yaris

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) ในอดีตถือเป็นรถ Sub-Compact ที่ยอดนิยมที่สุดอีกหนึ่งรุ่นในท้องตลาด ซึ่งรุ่นแรกก่อนหน้านั้น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แต่ในเจเนอเรชั่นที่เป็น Eco-Car ตอนนี้ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ เน้นกลุ่มวัยรุ่น ความปลอดภัยครบครัน

และผ่านการปรับโฉมมาหลายครั้ง แถมยังมีรถใหม่ป้ายแดงขายในตอนนี้อยู่ด้วย เป็นรถที่ดูแลง่าย ทนทาน ค่าซ่อมไม่แพง ศูนย์บริการหาง่าย ของแต่งก็มีเยอะ ขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานในเมือง

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i 86 แรงม้า ปัจจุบัน Yaris มีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 240,000 – 540,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

2. Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) จัดเป็นรถ Sedan ในรูปแบบ Eco-Car รุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นในท้องตลาด ที่ทาง Toyota ตั้งใจออกมาขายเพื่อชนกับ Eco-Car ซีดานค่ายอื่นๆ โดยเฉพาะ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ต เจาะกลุ่มวัยรุ่น ความปลอดภัยครบครัน แถมยังมีรถใหม่ป้ายแดงขายอยู่ด้วย เป็นรถที่ดูแลง่าย ทนทาน ค่าซ่อมไม่แพง ใช้อะไหล่ร่วมกับ Yaris โฉม Hatchback ได้พอสมควร

โดยทั้ง Yaris และ Yaris ATIV ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i 86 แรงม้า ปัจจุบัน Yaris ATIV มีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 350,000 – 540,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

3. Nissan March

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือเป็นรถ Eco-Car รุ่นแรกที่ทำตลาดในโครงการนี้ ซึ่งในยุคของสยามกลการ เคยทำรุ่นนี้ขายเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เปิดตัวเมื่อ 12 มีนาคม 2553 มีราคาจำหน่ายที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ได้รับความนิยมอย่างมากและมียอดขายสะสมรวมหลายแสนคัน แถมยังส่งออกไปขายในญี่ปุ่นอีกด้วย และปัจจุบันยังมีแบบรถป้ายแดงขาย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอะไหล่นัก

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ประหยัดนํ้ามันได้มากถึง 20 กม./ลิตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 130,000 – 330,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

4. Nissan Almera

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) เป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู รุ่นแรกที่ผลิตออกมาในตลาดประเทศไทย เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 พร้อมทั้งมีรุ่นพิเศษออกมาหลายครั้ง รวมไปถึงการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ และเวอร์ชั่นใส่ชุดแต่ง NISMO ด้วย มีความโดดเด่นด้วยขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่ารถรุ่นเดียวกันมาก

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 20 กม./ลิตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 160,000 – 360,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

หรือถ้ามีงบประมาณมากหน่อย จะเลือก Almera โฉมปัจจุบันในรูปแบบรถมือสอง ที่เปิดตัวสู่ตลาดบ้านเรามาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ก็ได้เช่นกัน

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 100 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 450,000 – 500,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

5. Suzuki Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) สำหรับโฉมนี้ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2555 เป็นรุ่นที่ประกอบในบ้านเรา ด้วยรูปแบบ Eco-Car ที่ขายดีของซูซูกิ นำเสนอด้วยรูปทรงน่ารักเหมือนรถ Hatchback จากฝั่งยุโรป ออพชั่นแพรวพราว แต่งสวย ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 20 กม./ลิตร และมีรุ่นพิเศษออกมากระตุ้นตลาดอยู่เรื่อยๆ

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 180,000 – 350,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

หรือถ้ามีงบประมาณมากหน่อย จะเลือก Swift โฉมปัจจุบันในรูปแบบรถมือสอง ที่เปิดตัวสู่ตลาดบ้านเรามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ก็ได้เช่นกัน

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12M แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 83 แรงม้า กับเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 350,000 – 460,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

6. Suzuki Ciaz

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) (ชื่อรุ่น มาจากคำว่า “City A-Z”) เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 เป็นรถซีดาน 4 ประตู ที่มีอะไรร่วมกันกับ Swift หลายๆ อย่าง แต่งสวย สปอร์ต ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง ประหยัดน้ำมันมากถึง 20 กม./ลิตร และตอนนี้ก็ยังมีรถป้ายแดงขายอยู่

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 240,000 – 400,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

7. Mitsubishi Mirage

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) ชื่อที่คนรุ่นก่อนคุ้นเคยตั้งแต่ 30 กว่าปีที่แล้ว ในรูปแบบของรถ 4 ประตู และ 5 ประตู ก่อนจะกลับมาเป็นรถ Eco-Car ขายในตลาดบ้านเราอีกครั้ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2555 ชูรูปทรงขนาดเล็กน่ารัก ปรับโฉมกันมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังมีในรูปแบบรถป้ายแดงให้เลือกเช่นกัน

มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้ถึง 20-23.8 กม./ลิตร ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 150,000 – 390,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

8. Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวที่แรกในโลกในไทย อีกหนึ่งในรถ Eco­-Car แบบ 4 ประตู แบรนด์ที่สอง ที่ออกแนะนำสู่ท้องตลาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ชูจุดเด่นด้วยการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถ อีโคคาร์ ซีดาน จากเทคโนโลยีการออกแบบชั้นสูง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีให้ครบครัน แล้วก็ยังมีในรูปแบบรถป้ายแดงให้เลือกเช่นกัน

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 180,000 – 390,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

Mr.Carro หวังว่า รถ Eco-Car ที่เรานำมาเสนอนี้ น่าจะถูกใจคุณผู้อ่านนะครับ …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : *ราคาในตลาดรถมือสอง 8 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคามือสองดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

กระแสของ “รถยนต์ไฟฟ้า” ยังคงมาแรงมากในทั่วโลกเวลานี้ แต่ยักษ์ใหญ่ยานยนต์อย่าง “ญี่ปุ่น” ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของโลก ยังขับเคลื่อนวงการรถยนต์ไฟฟ้าไปอย่างช้าๆ แต่ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นที่น่าสนใจจากแดนปลาดิบ ให้คนเล่นรถได้ตื่นเต้นกันเรื่อยๆ ล่าสุดก็ Nissan (นิสสัน) และ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) นั่นเอง!

สำหรับ Nissan และ Mitsubishi เราต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทั้งสองค่ายนี้เป็นพันธมิตรทางการค้ากัน จากการที่ Nissan เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 34% ของ Mitsubishi รวมมูลค่า 237 พันล้านเยน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2016 จึงทำให้รถทั้งสองค่ายนี้ในบางรุ่นใช้รถตัวเดียวกัน ทำตลาดในกลุ่มเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่ชื่อรุ่นและการตกแต่ง เสมือนเป็นรถฝาแฝดกัน

Nissan Sakura (นิสสัน ซากุระ) และ Mitsubishi eK X EV (มิตซูบิชิ อีเค เอ็กซ์ อีวี) ต่างก็พัฒนาขึ้นมาจาก Mitsubishi eK Wagon (มิตซูบิชิ อีเค แวกอน) ซึ่งเป็นรถ K-Car รุ่นยอดนิยมจากมิตซูบิชินั่นเอง

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

โดย Nissan นำชื่อรุ่นมาจากต้นซากุระ (คันจิแบบญี่ปุ่น 桜 หรือตัวอักษรจีน และคันจิดั้งเดิม 櫻) ซึ่งเป็นตัวแทนของดอกไม้ญี่ปุ่นอีกหนึ่งดอกไม้ ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี เปิดตัวไปในวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ตัวรถภายนอก พัฒนามาจาก Nissan IMk Concept (นิสสัน ไอเอ็มเค คอนเซ็ปต์) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบที่ Nissan นำออกโชว์เมื่อปี 2019 ถอดแบบการดีไซน์มาจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่อย่าง Nissan Ariya (นิสสัน อริยะ) เป็นรถ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ในสไตล์รถ Kei Car (หรือรถ K-Car)

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

การออกแบบ Nissan Sakura 2022 นั้น Satoru Tai (田井悟) ผู้อำนวยการแผนกการออกแบบของนิสสัน ได้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านั้นว่า การออกแบบเน้นผสมผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบอนุรักษ์นิยม แต่ไม่ได้มีขีดจำกัดอยู่กับแค่รถประเภท Kei Car ซึ่งทำให้รถรุ่นนี้ ออกมาดูหรูหรานั่นเอง

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า V-Motion สีดำ รับกับไฟหน้าดีไซน์เรียวบาง และไฟท้ายพร้อมแผงทับทิมเชื่อมกันทั้งสองฝั่ง และตกแต่งเสา C ด้านหลังด้วยวัสดุสีดำ ให้ดูต่อเนื่องกันตลอดคัน ลงตัวกับล้อแม็กขนาด 14 นิ้ว

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

มีมิติตัวรถตามแบบฉบับรถ Kei Car นั่นคือยาว 3,395 มม. กว้าง 1,475 มม. สูง 1,655 มม. และระยะฐานล้อ 2,495 มม.

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

ห้องโดยสารถูกดูหรูหราทันสมัย แต่แฝงไปด้วยความคลาสสิคสไตล์ญี่ปุ่น มีหน้าจอมาตรวัดขนาด 7 นิ้ว พร้อมหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อม NissanConnect ส่วนชุดระบบแอร์ติดตั้งไว้ทางซ้ายมือ ใกล้กับคันเกียร์แบบ Joystick

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ ProPilot ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ProPilot Parking เสริมด้วยแป้นคันเร่งแบบ e-Pedal Step ที่ช่วยให้คนขับสามารถเร่งและหยุดรถได้ในแป้นเดียว

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส MM48 ให้กำลังสูงสุด 64 แรงม้า (PS) ที่ 2,302 – 10,455 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 195 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,302 รอบ/นาที ทำความเร็วได้สูงสุด 130 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 20 kWh ติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ

สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 180 กม. ต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTC) รองรับการชาร์จด่วนจาก 0-80% ในเวลาประมาณ 40 นาที และการชาร์จไฟบ้านจนเต็ม 100% ใช้เวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง

Nissan Sakura 2022 ใหม่ วิ่งไกล 180 กม.

Nissan Sakura 2022 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น X และ G ในราคา 2,399,100 – 2,940,300 เยน (ประมาณ 641,000 – 786,000 บาท) มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้นจ้า

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ราคารถใหม่ Mitsubishi ปี 2022 ทุกรุ่น

รวมราคารถใหม่ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ทุกรุ่น Update 20/4/2022

CARRO นำเสนอราคารถใหม่ 2022 Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ทุกรุ่น Update ล่าสุด ครบถ้วน

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองยี่ห้อ/รุ่นที่ต้องการ มาซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ที่ CARRO Automall สิ! โทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line @carroautomall

แต่ถ้าคุณอยาก “ขายรถ” คันเดิม เพื่อซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถด่วนกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

Mitsubishi Mirage / มิตซูบิชิ มิราจ

New Mirage 2020

  • 1.2 GLX 5MT ราคา 474,000 บาท
  • 1.2 GLX CVT ราคา 509,000 บาท
  • 1.2 GLS CVT ราคา 574,000 บาท
  • 1.2 GLS-LTD CVT ราคา 619,000 บาท

*หมายเหตุ : สีขาวมุก White Diamond เพิ่ม 7,000 บาท

Mitsubishi Attrage / มิตซูบิชิ แอททราจ

New Attrage 2020

  • 1.2 GLX 5MT ราคา 494,000 บาท
  • 1.2 GLX CVT ราคา 529,000 บาท
  • 1.2 GLS CVT ราคา 579,000 บาท
  • 1.2 GLS-LTD CVT ราคา 624,000 บาท

*หมายเหตุ : สีขาวมุก White Diamond เพิ่ม 7,000 บาท

Mitsubishi Xpander / เอ็กซ์แพนเดอร์

Xpander

  • GLS-LTD ราคา 789,000 บาท
  • GT ราคา 863,000 บาท

หมายเหตุ : สีขาว Quartz White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท

New Mitsubishi Xpander 2022

New Xpander 2022

  • GLS-LTD ราคา 799,000 บาท
  • GT ราคา 895,000 บาท

หมายเหตุ : สีขาว Quartz White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท

Mitsubishi Xpander Cross

Xpander Cross

  • Cross ราคา 919,000 บาท

หมายเหตุ : สีขาว Quartz White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท

Mitsubishi Outlander PHEV

Outlander PHEV

  • GT ราคา 1,640,000 บาท
  • GT-Premium 2WD ราคา 1,759,000 บาท

Mitsubishi Triton 2021

Triton

Single Cab

  • Single Cab 2.5D GL 5MT ราคา 539,000 บาท
  • Single Cab 4WD 2.4D GL 6MT ราคา 659,000 บาท
  • Single Cab 4WD 2.4D GL 6AT ราคา 704,000 บาท
  • Single Cab 4WD 2.4D (SWB) 6AT ราคา 689,000 บาท

Mega Cab

  • Mega Cab 2.5D GL 5MT ราคา 602,000 บาท
  • Mega Cab 2.5D GLX 5MT ราคา 637,000 บาท
  • Mega Cab Plus 2.4D MIVEC GLX 6MT ราคา 694,000 บาท
  • Mega Cab Plus 2.4D MIVEC GLS 6MT ราคา 734,000 บาท
  • Mega Cab Plus 2.4D MIVEC GT 6MT ราคา 784,000 บาท
  • Mega Cab Plus 2.4D MIVEC GT 6AT ราคา 834,000 บาท

Double Cab

  • Double Cab 2.5D GLX 5MT ราคา 682,000 บาท
  • Double Cab Plus 2.4D MIVEC GLX 6MT ราคา 779,000 บาท
  • Double Cab Plus 2.4D MIVEC GLS 6MT ราคา 824,000 บาท
  • Double Cab Plus 2.4D MIVEC GLS 6AT ราคา 887,000 บาท
  • Double Cab Plus 2.4D MIVEC GT 6MT ราคา 883,000 บาท
  • Double Cab Plus 2.4D MIVEC GT 6AT ราคา 933,000 บาท
  • Double Cab Plus 2.4D MIVEC GT-Premium 6AT ราคา 995,000 บาท
  • Double Cab 4WD 2.4D MIVEC GLS 6MT ราคา 945,000 บาท
  • Double Cab 4WD 2.4D MIVEC GT-Premium 6AT ราคา 1,109,000 บาท
  • Athlete GT 6AT ราคา 985,000 บาท**
  • Athlete GT 6AT 4WD ราคา 1,156,000 บาท**

*หมายเหตุ : สีขาวมุก White Diamond เพิ่ม 10,000 บาท, รุ่น Athlete สีขาว White Diamond / หลังคาดำ เพิ่ม 10,000 บาท

**ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษดังกล่าวมิใช่อุปกรณ์พื้นฐานที่ติดตั้งจากโรงงาน แต่เป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ซึ่งจำหน่ายและติดตั้งโดยผู้จำหน่าย (รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 60,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

Mitsubishi Pajero Sport 2021

Pajero Sport

  • 2.4D GT 2WD ราคา 1,299,000 บาท
  • 2.4D GT Plus 2WD ราคา 1,349,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 2WD ราคา 1,469,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 4WD ราคา 1,599,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 2WD Elite Edition ราคา 1,524,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 4WD Elite Edition ราคา 1,629,000 บาท

*หมายเหตุ : สีขาวมุก White Diamond เพิ่ม 15,000 บาท, สีขาวมุก รุ่น Elite Edition เพิ่ม 20,000 บาท

ดูโปรโมชั่น Mitsubishi ทั้งหมดได้ที่นี่ – https://th.carro.co/blog/mitsubishi-new-car-promotion/

10 อันดับ รถ MPV ราคาดีในไทย ปี 2022

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ MPV” (Multi-Purpose Vehicle) แล้ว นี่ล่ะ ถือเป็นขวัญใจของคนมีครอบครัวใหญ่ ญาติพี่น้องเยอะ หรือลูกหลายคนเลยทีเดียว สำหรับรถ MPV ส่วนใหญจะมีนั่งได้ตั้งแต่ 5 – 11 คน เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีครอบครัวใหญ่ๆ มีเด็กๆ เป็นได้ทั้งรถผู้สูงอายุ และรถคันที่สองของบ้าน ใช้งานได้หลากหลาย

สำหรับรถ MPV ในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 3 แบบหลักๆ ได้แก่ รถ MPV ที่มีพื้นฐานแบบเดียวกับรถเก๋ง แต่ออกแบบรูปทรงใหม่ให้เป็นรถสไตล์มินิแวน, รถ MPV แนว Crossover ที่ดูลุยกว่า ส่วนมากมักจะเน้นซุ้มโป่งล้อสีดำรอบคัน หรือยกสูงขึ้นหน่อย

และอีกแบบนั่นคือแบบ Minivan อันนี้ส่วนใหญ่จะพัฒนาพื้นฐานของตัวรถขึ้นมาใหม่ มีตั้งแต่รถมินิแวนรุ่นเล็ก จนถึงมินิแวนขนาดใหญ่ ส่วนมากนิยมใช้ประตูสไลด์ไฟฟ้า เพื่อให้คนเข้า-ออก ง่าย

ปัจจุบันกระแสความนิยมรถ MPV ถือได้ว่ามากพอสมควร แม้ว่าหลายรุ่นจะเป็นรถนำเข้า มีราคาสูงถึงหลายล้านบาทก็ตาม ในส่วนของคนมีครอบครัว มีเด็กๆ รวมไปถึงบ้านที่มีผู้สูงอายุ เน้นความนั่งสบาย ขึ้น-ลงสะดวก

ด้วยเหตุนี้ CARRO จึงขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ MPV ราคาถูกสุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

Suzuki Ertiga / ซูซูกิ เออร์ติก้า

1. Suzuki Ertiga GL ราคา 659,000 บาท

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติกา) เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นรถอเนกประสงค์แบบ MPV 7 ที่นั่ง นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ที่ออกแบบตัวรถให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง คอนโซลลายไม้แบบเล่นระดับ และยังมีแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลังอีกด้วย

มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถัง TECT และระบบ NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Keyless Entry และ Keyless Push Start

ใช้เครื่องยนต์เบนซินใหม่ ตัวเดียวกับในรุ่น Swift รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

Honda Mobilio / ฮอนด้า โมบิลิโอ้

2. Honda Mobilio S ราคา 659,000 บาท

Honda Mobilio (ฮอนด้า โมบิลิโอ) รถแบบ Sub-Compact SUV ที่พัฒนาจากพื้นฐานของ Brio ยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น จัดเป็นรถอเนกประสงค์ของ Honda รุ่นแรก ที่ผลิตในประเทศไทย โดยฮอนด้าเรียกรถรุ่นนี้ว่า Metro Utility Vehicle (MUV)

เปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนพฤษภาคม 2560 ชูจุดเด่นห้องโดยสารกว้างสะดวกสบาย กับเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ล้ำสมัยด้วยคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอ MID, ระบบแอร์อัตโนมัติ, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่เชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI ได้ เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร จากในรุ่น City และ Jazz 117 แรงม้า พ่วงด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ให้สมรรถนะดี ประหยัดน้ำมัน และรองรับแก๊สโซฮอล์ E85

Toyota Sienta / โตโยต้า เซียนต้า

3. Toyota Sienta 1.5G ราคา 765,000 บาท

Toyota Sienta (โตโยต้า เซียนต้า) จัดเป็นรถในรูปแบบ MPV ราคาต่ำล้านเพียงรุ่นเดียวที่ใช้ประตูบานเลื่อนด้านข้างแบบไฟฟ้ามาให้ (ในรุ่นเริ่มต้น 1.5 G ราคา 765,000 บาท ประตูเลื่อนไฟฟ้าได้เฉพาะด้านซ้าย) เปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ก่อนจะปรับโฉมในช่วงเดือนสิงหาคม 2562 และเป็นรถที่นำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเคย

การออกแบบภายนอก ได้แรงบันดาลใจมาจาก “Urban Trekking Shoes” หรือ “รองเท้าเดินป่าสมัยใหม่” เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์หลากหลาย แต่เป็นรถที่ขับได้ทุกวัย และนั่งได้ถึง 7 ที่นั่ง พร้อมปรับรูปแบบการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ในรถมีระบบหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว เป็นมาตรฐาน รวมถึงระบบความปลอดภัยครบครัน

ขุมพลังใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 2NR-FE ขนาด 1.5 ลิตร 108 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 16.1 กม./ลิตร

Honda-BR-V / ฮอนด้า บีอาร์วี

4. Honda BR-V V ราคา 765,000 บาท

Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์วี) เป็นรถแนว Active Sport Crossover (หรือ Mini SUV) ที่ปรับโฉมล่าสุดไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่และไฟ LED สำหรับวิ่งกลางวัน, ไฟตัดหมอกใหม่ เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว แถมยังสีภายนอกเพิ่มสีใหม่ แดงมุก Passion Red

ชูจุดเด่นด้วยห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-แดงสไตล์สปอร์ต มีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับแยกแบบ 60:40 หรือพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) ปรับเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อให้ผู้โดยสาร แถวที่ 3 เข้า-ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น และพนักพิงปรับเอนได้ถึง 3 ระดับ

โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พนักพิงสามารถพับแยกแบบ 50:50 หรือพับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย และแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร แบบเดียวกับใน Honda City (รุ่นเก่า) ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85

Suzuki XL7 / ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7

5. Suzuki XL7 GLX ราคา 779,000 บาท

Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) Crossover MPV อีกรุ่นที่เปิดตัวในเดือนกรกฏาคม 2563 ด้วยรูปแบบ Multi-Dynamic Crossover ที่ชูแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต พัฒนามาจากรุ่น Ertiga และนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เอาใจชาวไทยที่ชอบรถแนวอเนกประสงค์ MPV ในรูปแบบ Crossover 7 ที่นั่ง ดีไซน์สปอร์ตเข้ม ดุดัน พร้อมลุย

ห้องโดยสารภายใน สไตล์สปอร์ตพรีเมียม ด้วยพวงมาลัย D-Shape แบบสปอร์ต มาพร้อมจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว พร้อม Apple CarPlay ระบบแอร์อัตโนมัติ พร้อมแอร์แถวหลัง, มี Keyless Push Start และชุดเบาะที่ปรับรูปแบบการใช้งานได้หลายอย่าง

มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เป็นที่คุ้นเคยกันดีจากในรุ่น Ertiga

Mitsubishi Xpander / เอ็กซ์แพนเดอร์

6. Mitsubishi Xpander GLS-LTD. ราคา 789,000 บาท

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) จัดเป็นรถ Crossover MPV ที่ยอดนิยมมากในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ นำมาเปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ด้วยคุณสมบัติที่ใหญ่กว่า สูงกว่า ในสไตล์รถ MPV ในระดับเดียวกัน และมีดีไซน์ตัวรถแบบ Advanced Dynamic Shield Design ที่ดูคล้ายกับรถ SUV มาก

กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สอง สามารถพับเบาะกลางลงเพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำให้ถึง 16 จุดรอบคัน มีแอร์สำหรับผู้โดยสารหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินรหัส 4A91 ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 และยังมี Mitsubishi Xpander Cross ให้เลือก ในราคา 919,000 บาท

All-New Toyota Veloz 2022

7. Toyota Veloz 1.5 Smart ราคา 795,000 บาท

All-New Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) เป็นรถ MPV รุ่นใหม่ที่ทาง Toyota นำมาขายทดแทนรุ่น Avanza นั่นเอง ซึ่งเปิดตัวไปในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ด้วยการชูจุดเด่น ดีไซน์ล้ำสมัย แบบฉบับ Premium Crossover ตามแนวคิดการออกแบบ “Proud Active” พื้นที่ภายในกว้างขวาง ปรับเบาะที่นั่งโดยสารได้ถึง 7 แบบ การขับขี่ที่มั่นคง อัตราเร่งดีเยี่ยม จาก Platform ขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ เจาะกลุ่มคนมีครอบครัว และกลุ่มธุรกิจ SME สมัยใหม่ ในราคาที่ง่ายต่อการเป็นเจ้าของ

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i 106 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ มอบอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.9 กม./ ลิตร ให้อัตราเร่งทันใจ ตอบสนองนุ่มนวล เงียบกว่าในทุกช่วงความเร็ว หยุดรถมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า

ระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS พร้อมฟังก์ชั่นเพิ่มเติม อาทิ ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control) ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert (LDA) With Steering Assist) ในรุ่น Premium

MG V80 / เอ็มจี วี80

8. MG V80 2.5 ราคา 988,000 บาท

MG V80 (เอ็มจี วี80) ถ้าใครจำแบรนด์ Maxus (แม็คซัส) ได้ ที่ทาง จะต้องนึกถึงเจ้า Maxus V80 (แม็คซัส วี80) ที่เคยนำเข้าจากจีนมาขายในบ้านเราเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 เพื่อหวังตีตลาดรถตู้แบบ MPV ให้กระจุยด้วยขนาดรถไซส์ยุโรปแบบฉบับอังกฤษ นั่งได้ตั้งแต่ 12 – 16 ที่นั่ง

กับการนำเสนอรถ Segment ใหม่อย่าง GPV (Grand Passenger Van) ขนาดกว้างใหญ่เหมือนมินิบัส บานประตูหลังขนาดใหญ่ แบบ Giant Swing แยก เปิด 2 บาน ด้านในตัวรถมีความสูงถึง 171 ซม. ทำให้ยืนได้สบาย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ทาง SAIC-CP ยังไม่ยอมแพ้ ในเดือนมีนาคม 2562 ได้เปิดตัว MG V80 สายพันธุ์ลูกครึ่งยุโรป-จีน ปรับที่นั่งใหม่เป็นขนาด 11 ที่นั่ง แถมลดราคาตัวรถลงมาอีก แต่ก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจากชาวรถตู้อยู่ดี

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ Eco-D ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร พร้อมระบบเทอโบชาร์จแปรผัน VNT Turbo (Variable Nozzle Vane Turbo) และ Intercooler 136 แรงม้า พร้อมชุดปั๊มแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงคอมมอนเรลของ Bosch ให้แรงดันสูงถึง 1,800 บาร์ มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ SeleMatic 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Toyota Innova Crysta / โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า

9. Toyota Innova Crysta 2.0 Entry ราคา 1,199,000 บาท

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) จัดเป็นรถ MPV ขนาดกลางยอดฮิตของคนมีครอบครัว คนขับรถโรงแรม หรือแท็กซี่ นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2559 จนถึงช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ดีไซน์รอบคัน ให้มีความโฉบเฉี่ยว ทันสมัย

ภายนอกมาพร้อมจุดเด่นใหม่ๆ ได้แก่ ไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว พร้อมระบบช่วยปิดประตูท้าย Door Easy Closer เป็นต้น

ส่วนภายในรถ มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay มีระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry กับระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start และกล้องมองภาพรอบทิศทาง Panoramic View Monitor

สำหรับรุ่นเริ่มต้น ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร 139 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลรหัส 1GD-FTV (High) ขนาด 2.8 ลิตร 174 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

Hyundai H-1 / ฮุนได เอชวัน

10. Hyundai H-1 Touring ราคา 1,329,000 บาท

Hyundai H-1 (ฮุนได เอชวัน) จัดเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ขายในบ้านเรามาอย่างยาวนานมาก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 สำหรับค่ายรถยนต์จากแดนเกาหลี Hyundai (ฮุนได) ซึ่งครองตลาดรถกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเลยทีเดียว

ด้วยตัวรถขนาดใหญ่ แต่นำเข้าจากอินโดนีเซีย ทำให้ราคาย่อมเยาว์กว่ารถประเภทเดียวกันแบรนด์อื่นๆ มาก และไม่ว่าจะให้ผู้บริหารนั่ง หรือให้คนในครอบครัวนั่ง … ได้หมด!

ด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซลรหัส D4CB Turbo คอมมอนเรล CRDi ขนาด 2.5 ลิตร ให้พลังขับเคลื่อนถึง 175 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด นุ่มนวล เกาะถนน และทรงตัวดี ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริง พร้อมจุดยึด 5 จุด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

**การจัดอันดับ หากเป็นรถ MPV รุ่นที่มีราคาเท่ากันในหลายยี่ห้อนั้น ทางเราจะจัดอันดับเรียงตามการเปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุด หรือการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ขึ้นเป็นอันดับแรก

10 อันดับ รถถูกสุดในไทย ปี 2022

ในยุคสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เมื่อคุณจะตัดสินใจออกรถใหม่ 2022 ไม่ว่าจะเพื่อมาใช้ในการเดินทาง ใช้ทำงาน หรือไว้ใช้งานในครอบครัว ให้ลูกขับไปมหาวิทยาลัย หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไปมากที่สุด

โดยคุณสมบัติต่างๆ ของรถนั้น ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจ และราคารถยนต์ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า จะเป็นรถยนต์ที่มีราคาถูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณภาพจะด้อยเสมอไป และต้องเป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงเป็นรถขายดี อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง ขายต่อเป็นรถมือสองก็ง่ายด้วย

ส่วนถ้าใครกำลังอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปออกรถใหม่มาใช้ ลองมาขายกับ CARRO Express ดูสิ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

ด้วยเหตุนี้ MR.CARRO จึงรวบรวมข้อมูลรถยนต์ใหม่ป้ายแดง รถใหม่ 2022 ที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน หลากหลายรูปแบบ 10 อันดับ ถูกที่สุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน.

Suzuki Celerio / ซูซูกิ เซเลริโอ้

1. Suzuki Celerio ราคา 328,000 บาท

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กในตระกูล Suzuki สำหรับตลาดเมืองไทย แม้ว่าจะขายมาหลายปี แต่ก็ยังได้รับความนิยม อัดแน่นคุณภาพ ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาที่สูง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร อีกทั้้งยังเป็นมาตรฐานใหม่ ของรถยนต์นั่งมาตรฐานโลก ส่งออกไปขายในเอเชียและยุโรปด้วย

TATA Super Ace Mint / ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์

2. TATA Super ACE Mint ราคา 375,000 บาท

TATA Super ACE Mint (ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์) รถบรรทุกขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ขนาดไม่เกิน 1 ตัน เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 1.4 ลิตร 70 แรงม้า รายแรกและรายเดียว ทรงพลังให้แรงบิดสูงสุด ในรอบเครื่องต่ำ ถือเป็นรถบรรทุกเล็กเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง

กระบะท้ายพื้นเรียบขนาดใหญ่ พร้อมเปิดได้ 3 ด้าน และวางเครื่องยนต์อยู่ใต้ที่นั่งคนขับ ทำให้พื้นที่กระบะท้ายยาวขึ้น เพิ่มพื้นที่บรรทุกและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่

Suzuki Carry / ซูซูกิ แครี่

3. Suzuki Carry ราคา 385,000 บาท

Suzuki Carry (ซูซูกิ แครี่) รถบรรทุกเล็กจอมพลัง เจเนอเรชั่นที่ 2 ภายใต้แนวคิด Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน ปรับโฉมใหม่หมดครั้งที่ 2 ตั้งแต่ผลิตรถรุ่นนี้นับตั้งแต่เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2549 กว่า 50,000 คัน เป็นรถขายดีในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงกลุ่มรถ Food Truck

มาพร้อมระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B 95 แรงม้า ประหยัดน้ำมันมากขึ้น มีระบบเบรก ABS ห้องโดยสารโทนสีเทาดำออกแบบใหม่ ใหญ่ขึ้น ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าช่วยลดแรงหมุนพวงมาลัยอีกด้วย และรับน้ำหนักได้มากถึง 945 กิโลกรัม

Nissan March / นิสสัน มาร์ช

4. Nissan March ราคา 420,000 บาท

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือได้ว่าเป็นรถ “Eco-Car” รุ่นแรกของไทยที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในปี 2553 โดยปรับราคาขึ้นไปบ้าง ณ ปัจจุบัน มียอดขายสะสมรวมได้หลายแสนคัน มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก แต่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร ขับขี่ก็ง่าย จอดรถก็คล่องตัว ราคาอะไหล่ไม่แพง คุ้มค่ามาก ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง

Mitsubishi Mirage / มิตซูบิชิ มิราจ

5. Mitsubishi Mirage ราคา 474,000 บาท

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ยิ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับโฉมใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน มาพร้อมกับออพชั่นใหม่ และอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกเพียบ

มาคู่กับขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ทั้งหรูและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

Mitsubishi Attrage / มิตซูบิชิ แอททราจ

6. Mitsubishi Attrage ราคา 494,000 บาท

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) โฉม Minorchange แต่งหน้าทาปากให้ดูสปอร์ตขึ้น ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mirage แต่ออกแบบเป็นรถ 4 ประตู ตัวรถภายในกว้างขวาง

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ขับง่าย คล่องตัว ออพชั่นเพียบ เหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหารถคันแรก เน้นความประหยัดคุ้มค่า

Nissan Almera / นิสสัน อัลเมร่า

7. Nissan Almera ราคา 509,000 บาท

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) จัดเป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู เครื่อง Turbo รุ่นแรกที่ออกมาในตลาด มีองค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า-ไฟท้าย ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (Kick-Up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) และภายในออกแบบใหม่หมด กว้างขวางมาก นั่งสบาย

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic แถมยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility

MG3 / เอ็มจี3

8. MG3 ราคา 519,000 บาท

MG3 (เอ็มจี 3) รถแฮทช์แบ็คหลากสีสันสดใส มิติใหม่ของความสนุกด้วยเอกลักษณ์ของ All-New MG3 ที่มาพร้อมนิยามใหม่ “WE ARE FUN” : มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถรองรับการสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมกับการอัพเดทฟังก์ชันใหม่บนแผนที่นำทางที่สามารถแนะนำร้านอาหาร และที่พัก พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร 112 แรงม้า ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode และยังจัดเต็มระบบความปลอดภัยอีกด้วย

Toyota Yaris ATIV / โตโยต้า ยาริส เอทีฟ

9. Toyota Yaris ATIV ราคา 539,000 บาท

Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) นับเป็นรถยนต์ Eco-Car Sedan ที่เป็นรถขายดีในบ้านเราอีกรุ่น นับตั้งแต่ปี 2560 และปรับโฉมครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน 2564 นี่เอง โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว กว้างขวาง ขับง่าย นั่งสบาย พร้อมฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FKE ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Super CVT-i ใหม่ พร้อม Shift Lock ขับขี่คล่องตัว ให้ความรู้สึกสนุกสนานในทุกการขับขี่ “Fun-To-Drive” พร้อมรองรับแก๊สโซฮอล์ E20

Mazda2 / มาสด้า2

10. Mazda2 Sedan / Hatchback ราคา 546,000 บาท

Mazda2 (มาสด้า2) นับเป็นรถยนต์ Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู ที่จำหน่ายในบ้านเรามาหลายปีอีกหนึ่งรุ่น นับตั้งแต่ปี 2558 และปรับโฉมครั้งล่าสุดมาในเดือนมกราคม 2565 เพิ่มอุปกรณ์ดีที่สุดในคลาส ขายราคาเท่าเดิม เพิ่มสีใหม่ Platinum Quartz (แพลตทินั่ม ควอตซ์) ทั้งในแบบ 4 ประตูและ 5 ประตู เอาใจลูกค้าเจนฯ ใหม่ ซึ่งยังติดอันดับรถขายดีในปัจจุบัน

ในรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ลิตร Skyactiv-G 93 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ให้ความคล่องตัว พร้อมให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงดีเยี่ยมถึง 23.3 กม./ลิตร ในรุ่นเบนซิน พร้อมรองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และ 26.3 กม./ลิตร ในรุ่นดีเซล

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ลองเลือกซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมกราคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

6 อันดับ รถเกียร์ธรรมดาที่ยังมีจำหน่ายในปีนี้

ถ้าจะให้พูดถึงการขับรถในปัจจุบัน เราต้องยอมรับว่า รถยนต์เกียร์ธรรมดา (ที่ไม่ใช่รถตู้ รถกระบะ หรือรถบรรทุก) ค่ายรถส่วนใหญ่มักเลิกผลิตกันแล้ว เนื่องจากตัวเลขยอดขายที่น้อยลงเรื่อยๆ ราคามือสองขายต่อตกมากกว่า อุปกรณ์มาตรฐานน้อย เพราะมักจะเป็นรุ่นเริ่มต้นเสมอ การใช้งานไม่เหมาะกับบรรยากาศรถติดๆ ในเมืองกรุงซะเลย ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ในไทย แต่เป็นแบบนี้ในหลายประเทศทั่วโลก

แม้ว่ารถเกียร์ธรรมดา จะทำให้บรรยากาศการขับรถของเราได้สนุกขึ้นมาบ้าง ขาซ้ายไม่ว่าง มือซ้ายไปสับเกียร์กันตลอด ซึ่งหลายคนก็อาจจะยังอยากสัมผัสอะไรแบบนี้กันอยู่

MR.CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 6 อันดับ รถเกียร์ธรรมดาป้ายแดง ที่ค่ายรถยังผลิตขายประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

Suzuki Celerio / ซูซูกิ เซเลริโอ้

1. Suzuki Celerio GL MT ราคา 328,000 บาท

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กจาก Suzuki ที่ขายในบ้านเรา ชู 3 จุดเด่น ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาตัวรถสูง ให้สมรรถนะเกินตัว ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม สูงถึง 22 กม./ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า และเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : กุญแจรีโมท, เซ็นทรัลล็อค, กระจกไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

Nissan March / นิสสัน มาร์ช

2. Nissan March 1.2S MT – 1.2E MT ราคา 420,000 – 480,000 บาท

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) จัดเป็น “Eco-Car” รุ่นแรกของไทยที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในปี 2553 มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ขับง่าย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : สปอยเลอร์หลัง, ไฟท้าย LED (เฉพาะรุ่น E), กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น E), เครื่องเสียง CD/MP3 พร้อมช่อง AUX/USB (เฉพาะรุ่น E), ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, กุญแจรีโมท (เฉพาะรุ่น E) และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ (เฉพาะรุ่น E)

Mitsubishi Mirage / มิตซูบิชิ มิราจ

3. Mitsubishi Mirage GLX MT ราคา 474,000 บาท

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน มาพร้อมกับออพชั่นใหม่ๆ และอุปกรณ์ความปลอดภัยเพียบ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้ายแบบ LED, มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast, จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ,ช่องต่ออุปกรณ์ USB และช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Mitsubishi Attrage / มิตซูบิชิ แอททราจ

4. Mitsubishi Attrage GLX MT ราคา 494,000 บาท

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mirage แต่ออกแบบเป็นรถ 4 ประตู ตัวรถดีไซน์สปอร์ต ภายในหรูหรา กว้างขวาง มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้ายแบบ LED, มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast, จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ,ช่องต่ออุปกรณ์ USB และช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Suzuki Ciaz / ซูซูกิ เซียส

5. Suzuki Ciaz GL MT ราคา 523,000 บาท

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) รถยนต์อีโคคาร์ 4 ประตูขนาดเล็ก ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ห้องโดยสารดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมากมาย ขับง่าย หาที่จอดง่าย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 86 แรงม้า และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, เครื่องเสียง CD/MP3 พร้อมช่องต่อ USB, กุญแจรีโมท, ที่เปิดฝาท้ายรถแบบไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และล้อกระทะ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Honda Jazz Thai 2021

6. Honda Jazz S MT ราคา 555,000 บาท

Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) รถยนต์หนึ่งเดียวของฮอนด้า ที่ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดาเหลืออยู่ ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ชูจุดเด่นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งปรับพับได้หลายรูปแบบ เหมาะอย่างยิ่งกับการใข้งานในเมือง ขนของก็ได้ มีออพชั่นแพรวพราว ขับง่าย มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E85 อีกด้วย ประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง ลงตัวสุดๆ

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้าย LED, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, กุญแจรีโมท, พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง, เครื่องเสียงวิทยุ, Bluetooth/USB/AUX, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และล้อกระทะ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

MR.CARRO หวังว่า 6 อันดับ รถธรรมดาป้ายแดงที่ยังมีผลิตขายอยู่ หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดง เกียร์ธรรมดาอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ก็มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ เราให้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express

หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังมองหารถเกียร์ธรรมดามาใช้สักคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถหารถเกียร์ธรรมดา และจองรถออนไลน์ได้ในเวลาเพียง 1 นาที เท่านั้น!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 6 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมกราคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport

ช่วงหน้าฝนนี้ บรรดารถ SUV นี่ถือว่ามีบทบาทสำหรับคนใช้รถในไทยมานานสามสิบปีแล้วก็ว่าได้ ทั้งความอเนกประสงค์ในการใช้งาน การบรรทุกสัมภาระ ตอบโจทย์คนมีครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานหลายคน ใช้รถเดินทางไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมญาติ ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ ล้วนออกแบบมาใช้ขับง่าย ใช้งานง่าย ออฟชั่นเพียบ และเพิ่มความหรูหรามากกว่าในอดีตเป็นเท่าตัว

แต่รถอีกประเภทหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มรถ SUV เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีแชสซีส์เหมือนรถกระบะ แล้วใช้ตัวถังรถครอบลงไป ที่ในไทยมักเรียกกันว่ารถ “PPV” (Pick-Up Passenger Vehicle = รถอเนกประสงค์ที่มีพื้นฐานมาจากรถกระบะ) โดยมากแล้วจะเป็นรถ 7 ที่นั่ง ซึ่งก็มียอดขายที่สูงมากต่อด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสองก็ตาม

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport

สำหรับรถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำให้คนที่กำลังมองหารถใช่วงหน้าฝนนี้ ได้ซื้อไว้ใช้งาน เป็นเจ้าของรถครอบครัวกันสักคัน โดยต้องเป็นรถที่มีที่เก็บของจุกจิกได้ เบาะพับได้หลายรูปแบบ แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์ตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

ไปรู้จักกับ Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต) รุ่นปี 2015 – ปัจจุบัน ที่ทาง CARRO Automall ภูมิใจเสนอ และอยากให้คุณได้เป็นเจ้าของกันครับ มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport

Mitsubishi Pajero Sport เจเนอเรชั่นที่ 2 (รุ่นปัจจุบัน) เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 มีความล้ำสมัยที่สุดและครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เริ่มจากการออกแบบตัวรถที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ด้วยการยกระดับงานดีไซน์ด้วยการถ่ายทอดเอกลักษณ์การออกแบบล่าสุด “Dynamic Shield” ตัวถังใหญ่ แข็งแกร่ง และบึกบึน งานออกแบบยังสะท้อนแนวคิด “รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน” ผสมผสานการปกป้อง สมรรถนะการขับขี่

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport

ภายในห้องโดยสารของ ปาเจโร สปอร์ต หรูหราและอเนกประสงค์ยิ่งขึ้น ด้วยคอนโซลกลางเสริมด้วยวัสดุนุ่มบริเวณด้านข้าง มาตรวัดแบบ High Contrast พร้อมการแสดงผลแบบอนิเมชั่น 3 มิติ และระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร เทคโนโลยีนาโนอิ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ยังรวมถึงช่องชาร์จไฟฟ้า 220V AC ช่องเก็บสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบรกมือไฟฟ้า ช่องระบบปรับอากาศดีไซน์ใหม่สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ตลอดจนระบบกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท และมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่กว้างขวางที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง

ความหรูหราและสะดวกสบาย ยังรวมถึงระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ Dual Zone แยกปรับซ้าย-ขวา พวงมาลัยแบบปรับขึ้นลงและเข้าออกได้ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หน้าจอบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติและระบบปรับอากาศด้านหลัง

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport

Pajero Sport รุ่นนี้ ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ ด้วย T-Shaped High Console ที่จัดวางทุกฟังก์ชั่นให้อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน รวมถึงหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว และระบบ Navigator พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นมีสวิตช์ควบคุมระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ และสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง พร้อม Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าถึงแม้รถคันหน้าจะชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ระบบนี้จะช่วยรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยไว้ได้

Pajero Sport ยังมาพร้อมระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอัจฉริยะ (ETACS) ระบบนี้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตัวรถ ทั้งใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนช่องทาง ระบบเตือนลืมปิดไฟหรี่ ระบบสัญญาณไฟกระพริบเมื่อหยุดรถฉุกเฉิน ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็ว ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์และเมื่อกดรีโมท ระบบกุญแจนิรภัยและกุญแจอัจฉริยะ

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC บล็อกอลูมิเนียม ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และระบบ INC (Idle Neutral Control) + G-Sensor

ระบบขับเคลื่อน Super Select 4WD-II ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีทั้งหมด 4 โหมด ประกอบด้วย โหมด 2H ระบบขับเคลื่อนสองล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time – All Wheel Control (4WD High-Range) โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-range with Locked Transfer) และโหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) ระบบนี้ ยังมาพร้อมโหมดออฟโรดที่หลากหลาย และเฟืองท้ายดิฟล็อก ที่สืบทอดมาจากตำนานในสนามแข่ง

สำหรับ Pajero Sport โฉมนี้ มีรุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่ 2.4 GT 2WD, 2.4 GT Premium 2WD และ 2.4 GT Premium 4WD

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition

ในเดือนพฤศจิกายน 2561 Mitsubishi เปิดตัวรุ่นพิเศษให้กับ Pajero Sport ด้วย “Elite Edition” มาพร้อมชุดหรูๆ ประกอบด้วยสัญลักษณ์ Pajero Sport บนฝากระโปรงหน้า, กระจังหน้าสีดำ, ชุดแต่งใต้กันชนหน้า-หลังสีดำ, ราวหลังคาสีดำ, สปอยเลอร์หลัง, ปลายท่อไอเสียสเตนเลส และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนตัวถังสีขาว White Pearl มาพร้อมหลังคาสีดำ Jet Black Mica

ห้องโดยสารภายใน มาพร้อมเบาะหนังแท้สีน้ำตาลแบบ Horizontal Stripe พร้อมกับเทคโนโลยี Quole Modure สะท้อนความร้อนจากแสงแดด, แผงข้างประตูและกล่องเก็บของคอนโซลกลางตกแต่งด้วยหนังสีน้ำตาล, กันรอยขอบประตูสเตนเลสพร้อมไฟ LED และพรมปูพื้นห้องโดยสาร

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport

ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 Mitsubishi เปิดตัว Mitsubishi Pajero Sport โฉมไมเนอร์เชนจ์ ครั้งแรกในโลก (อีกแล้ว) มาพร้อมหน้าตารูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เพิ่มชุดไฟหน้า Bi-LED ปรับลำแสงอัตโนมัติ ไฟตัดหมอก LED และไฟท้าย LED คู่กับล้ออัลลอย 18 นิ้ว หรูหราและทรงพลังยิ่งขึ้น

ส่วนภายในห้องโดยสารใช้จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเชื่อมต่อและแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA ปรับปรุงใหม่เพื่อง่ายต่อการอ่าน และประตูท้ายไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิด ด้วยสมาร์ทโฟน และระบบแฮนด์ฟรี

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition

ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2563 ตามมาติดๆ กับรุ่นพิเศษอย่าง Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต อีลิท เอดิชั่น) มีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีดำ (Jet Black Mica) และสีขาว (White Diamond) ตัดกับหลังคาสีดำ

มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมาตรฐาน ได้แก่ กระจังหน้ารถสีดำตกแต่งด้วยโลโก้ “Pajero Sport” บนฝากระโปรงหน้า และโลโก้ “Elite Edition” ที่ฝาประตูท้าย พร้อมปลายท่อไอเสียสเตนเลส ทั้งนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งสีดำทั้งหมด ได้แก่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว, ชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า-หลัง, ราวหลังคา, สปอยเลอร์หลัง และเสาอากาศแบบครีบฉลาม

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition

ภายในห้องโดยสารหรูกราด้วยเบาะนั่งสีน้ำตาล “Quole Modure” ที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด และตกแต่งพิเศษด้วยแผงข้างประตู กับคอนโซลกลาง บุด้วยวัสดุนุ่มสีน้ำตาล พร้อมสัญลักษณ์ “Pajero Sport” เหนือกล่องเก็บของด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร ฝาครอบสเตนเลสพร้อมไฟ LED พรมห้องโดยสารปักโลโก้ “Pajero Sport” และกล้องบันทึกภาพหน้ารถ DVR (Digital VDO Recorder)

สำหรับคนนั่งตอนหลังเพลิดเพลินกับระบบความบันเทิงตลอดการเดินทางด้วยจอภาพขนาด 12.1 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานรถ พร้อมรีโมทคอนโทรล รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และสมาร์ทโฟนผ่าน HDMI เป็นต้น

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนตุลาคม 2564 เดือนหน้าฝนนี้ เรามี Mitsubishi Pajero Sport รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 8 คันครับ ได้แก่ …..

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2010 ขาว

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2010 ขาว

1. Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GT ปี 2010 เลขไมล์ 178,136 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 389,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2010-GYPZNZ.html

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2012 ขาว

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2012 ขาว

2. Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GT ปี 2012 เลขไมล์ 156,898 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 459,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2012-DXOYM9.html

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2012 น้ำตาล

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2012 น้ำตาล

3. Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GT ปี 2012 เลขไมล์ 185,695 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 429,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2012-G6019R.html

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2013 ดำ

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.5 GT 2013 ดำ

4. Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GT ปี 2013 เลขไมล์ 149,159 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 429,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2013-EW86J2.html

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT PREMIUM 2WD 2015 น้ำตาล

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT PREMIUM 2WD 2015 น้ำตาล

5. Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT ปี 2015 เลขไมล์ 155,896 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 749,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2015-E40Z4X.html

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT PREMIUM 2WD 2016 ดำ

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT PREMIUM 2WD 2016 ดำ

6. Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT Premium 2WD ปี 2016 เลขไมล์ 102,216 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 779,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2016-DXO1LL.html

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT 2018 เทา

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT 2018 เทา

7. Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT ปี 2018 เลขไมล์ 58,091 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 859,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2018-DO1894.html

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT 2018 ขาว

MITSUBISHI PAJERO-SPORT 2.4 GT 2018 ขาว

8. Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT ปี 2018 เลขไมล์ 66,539 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 879,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-pajero-sport-2018-E15024.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Mitsubishi Pajero Sport มือสอง (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mitsubishi Pajero Sport ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย! 

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand  โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

Mitsubishi-New-Car-Promotion

รวมโปรโมชั่นรถใหม่ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ทุกรุ่น Update 18/8/2022

Carro นำเสนอโปรโมชั่นรถใหม่ 2022 Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ทุกรุ่น Update ล่าสุด ประจำเดือนสิงหาคม 2565

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองยี่ห้อ/รุ่นที่ต้องการ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ! สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แต่ถ้าคุณอยาก “ขายรถ” คันเดิม เพื่อซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถด่วนกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @carrothai  เช่นกัน หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

all-Model-Promotion-campaign

Mitsubishi Outlander PHEV

  • เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.95% (1)
  • รับฟรี แพคเกจบำรุงรักษา 5 ปี มูลค่าสูงสุด 20,200 บาท พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี มูลค่า 8,950 บาท (2)
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 34,300 บาท (3)
  • รับฟรี ค่าติดตั้งจุดชาร์จไฟ มูลค่าสูงสุด 20,000 บาท (4)
  • รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (5)
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี (6) พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี (7)
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive (8)

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ระหว่างวันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2565 รับ (1) (2) (3) (4) (5) และ (9)

all-Model-Promotion-campaign

New Attrage and New Mirage

  • ผ่อนเริ่มต้น 5,XXX บาท
  • ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี มูลค่าสูงสุด 21,963 บาท และ ฟรีช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี มูลค่า 8,950 บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 17,600 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ แอททราจ หรือ มิตซูบิชิ มิราจ รุ่น SMART ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

Mitsubishi Xpander

  • รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%
  • รับฟรี แพคเกจบำรุงรักษา 5 ปี มูลค่าสูงสุด 26,810 บาท และ ฟรีช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี มูลค่า 8,950 บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 22,000 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

Mitsubishi Xpander Cross

  • รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%
  • รับฟรี แพคเกจบำรุงรักษา 5 ปี มูลค่าสูงสุด 26,810 บาท และ ฟรี ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี มูลค่า 8,950 บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 22,800 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Pajero Sport และ New Pajero Sport Elite Edition

  • ดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%
  • เลือกรับ แพคเกจบำรุงรักษา 5 ปี มูลค่าสูงสุด 26,376 บาท และฟรี ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี มูลค่า 8,950 บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 29,300 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • รับฟรีอุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณภาพและเสียงระบบดิจิตอล (HDMI WiFi Dongle)
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ และ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Triton สำหรับ รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ (LR) 

  • เลือกรับ ผ่อนเริ่มต้น 5,XXX บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 18,900 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Triton สำหรับ รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ (4WD)

  • เลือกรับ ผ่อนเริ่มต้น 6,XXX บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 18,900 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Triton สำหรับ รุ่นเมกะ แค็บ (LR)

  • เลือกรับ ผ่อนเริ่มต้น 6,XXX บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 21,100 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Triton สำหรับ รุ่นเมกะ แค็บ (HR)

  • เลือกรับ ผ่อนเริ่มต้น 7,XXX บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 21,100 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Triton สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ (LR)

  • เลือกรับ ผ่อนเริ่มต้น 7,XXX บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 23,100 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Triton สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ (HR) ผ่อนเริ่มต้น 8,XXX บาท

  • เลือกรับ ผ่อนเริ่มต้น 8,XXX บาท
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 23,100 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

all-Model-Promotion-campaign

New Triton สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ (4WD) รับ ดอกเบี้ย 0.69%* นาน 48 เดือน

  • รับ ดอกเบี้ย 0.69% นาน 48 เดือน
  • รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี มูลค่าสูงสุด 23,100 บาท
  • รับประกันคุณภาพ 5 ปี พร้อมค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี
  • ครอบครัวมิตซูบิชิรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท ผ่าน M-Drive

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ตั้งแต่ ตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2565

ดู Promotion Mitsubishi เพิ่มเติมได้ที่ – https://www.mitsubishi-motors.co.th/th/buy/promotion

Mitsubishi-i-MiEV-End-Production

ย้อนกลับไปช่วงประมาณกลางยุค 2000 ค่าย Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ที่ตอนนั้นยังอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียวกับ DaimlerChrysler ได้ผลิตรถ K-Car ออกมาให้ชาวโลกให้ชอบใจกับการดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และใช้เครื่องยนต์ขนาด 660 ซีซี วางด้านท้ายของรถ อย่าง “Mitsubishi i (มิตซูบิชิ ไอ)” ผลงานการสร้างสรรค์ของ Olivier Boulay ชาวฝรั่งเศสที่เป็นผู้ออกแบบรถรุ่นนี้ ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบ “i” Concept ในปี 2003 ก่อนจะลุยตลาดทั่วโลก

Mitsubishi-i-Concept-2003

ชื่อรุ่น “i” นั้น มาตัวคันจิของภาษาญี่ปุ่น (และภาษาจีน) “愛” ที่แปลว่า “รัก” และยังสื่อในภาษาอังกฤษหมายถึง ฉัน หรือ เจ้าของรถ และยังตีความหมายไปเป็น Innovation, Intelligence และ Imagination ได้ด้วย

หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับเจ้า Mitsubishi i เวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาปภายในกันไปแล้ว Mitsubishi จึงริเริ่มผลิต รถ EV (Electric Vehicle) อย่างรถยนต์ไฟฟ้า Mitsubishi i-MiEV (MiEV ย่อมาจาก Mitsubishi innovative Electric Vehicle) ขึ้นมาจำหน่ายกับเขาบ้าง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่จำหน่ายกันเป็นกิจจะลักษณะรุ่นแรกของโลก

Mitsubishi-i-MiEV-Debut-2010

โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในวันที่ 5 มิถุนายน 2009 ก่อนจะส่งมอบรถให้ลูกค้า Corporate และหน่วยงานราชการของญี่ปุ่นเช่า ในเดือนกรกฏาคม 2009 และจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป ในเดือนเมษายน 2010 ด้วยราคาที่ถือว่าสูงพอสมควร 4,599,000 เยน

ก่อนจะผลิตส่งไปจำหน่ายกว่า 52 ประเทศทั่วโลก และให้ทาง PSA ใช้ติดยี่ห้อรถของตัวเองขายในชื่อ Peugeot iOn กับ Citroën C-Zero และจำหน่ายใน USA ในชื่อ Mitsubishi i ซึ่งยอดขายจนถึงปัจจุบัน มีอยู่ที่ประมาณ 32,000 คันทั่วโลก ซึ่งต่างจากยอดขายของ Nissan Leaf ที่ทำได้มากถึง 500,000 คัน!

การไฟฟ้านครหลวง-MEA-EV

ที่สำคัญ ทาง Mitsubishi Motors ประเทศไทย ก็ได้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ มาให้ลูกค้าได้ทดลองขับกันในปี 2553 รวมถึงมอบให้กับหน่วยงานต่างๆ ด้วย อาทิเช่น การไฟฟ้านครหลวง ที่ได้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ไปใช้งานหลายคัน

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ต่อมาในเดือนเมษายน 2018 Mitsubishi ได้ปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ ชุดกันชนหน้า-หลังใหม่ เพิ่มสีตัวรถใหม่ ให้เจ้า Mitsubishi i-MiEV อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ปรับปรุงอะไรใดๆ เลย จนดูล้าสมัยไปซะแล้ว โดยแบ่งออกเป็นรุ่นย่อย M ใช้แบตเตอรี่ความจุ 10.5 kWh (ต่อมาเลิกผลิตไป) และรุ่นย่อย X ใช้แบตเตอรี่ความจุ 16.0 kWh

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ตัวรถภายนอก หน้าตาดูจิ้มลิ้ม น่ารักน่าชัง รูปทรงแบบ 5 ประตู Hatchback นั่งได้ 4 คน ในราคาตัวรถ 3,003,000 เยน

มิติตัวรถยาว 3,480 มม. กว้าง 1,475 มม. สูง 1,610 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. ความสูงจากพื้นรถ 150 มม. และน้ำหนักตัวรถ 1,100 กก.

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้า รหัส Y51 ให้กำลังสูงสุด 47 กิโลวัตต์ (64 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร (16.3 กก.-ม.) ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที พร้อมระบบเกียร์แบบลดความเร็วรอบเดียว ส่งกำลังไปที่ล้อหลัง

กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 16.0 kWh ขนาด 330 โวลต์ ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ที่ 7-14 ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่ง 164 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

Mitsubishi-i-MiEV-2018

แต่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ก็มีข่าวใหญ่ทาง Nikkei Asia ซึ่งเป็นสื่อใหญ่ของญี่ปุ่น รายงานว่า Mitsubishi จำเป็นต้องยุติการผลิต Mitsubishi i-MiEV ในสิ้นปี 2020 นี้ เนื่องจากไม่มีเงินและบุคลากรเพียงพอ ที่จะลงทุนพัฒนาระบบ EV ต่อไป

ถือเป็นการปิดตำนานรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลก ที่จำหน่ายกันอย่างจริงจัง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับค่ายรถคู่แข่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างมากมาย อาทิ Nissan Leaf เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตาม Mitsubishi ก็ยังไม่ทิ้งตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งในตอนนี้ได้ร่วมมือกับ Nissan พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นใหม่ร่วมกัน โดยมีแผนเปิดตัวเร็วที่สุดภายในปี 2023

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

10 อันดับ รถเมล์ใช้งานมานานที่สุด ของ ขสมก.

ในปัจจุบัน ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในประเทศไทยทุกปี กำลังเป็นที่วิตกของหลายๆ ฝ่าย เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว ซึ่งอีกหนึ่งในแนวทางที่ภาครัฐ ขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันปฏิบัติตาม ได้แก่ “การออกมาใช้ระบบขนส่งมวลชน” เพื่อลดปัญหาฝุ่นและมลพิษ

แต่ทว่า … ระบบขนส่งมวลชนบ้านเราอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ ไม่สามารถจูงใจให้คนมาใช้บริการได้ เมื่อรถเมล์มีสภาพเก่ามาก ควันดำ สกปรก กะเวลารอไม่ค่อยได้ บริการไม่ค่อยดีในบางคัน และไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่

อีกทั้งรถไฟฟ้าก็ค่าโดยสารแพง และคนแน่น หลายคนที่บ้านอยู่ไกล เข้าซอยลึก หรือต้องไปติดต่อธุระ ส่งของหลายที่ต่อวัน จึงเป็นเหตุผลใหญ่ที่คนไทย สมัครใจและจำเป็นต้องซื้อรถยนต์ส่วนตัวมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสองก็ตาม ทำให้ในกรุงเทพฯ มีการจราจรที่ติดหนักทุกวัน

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า รถเมล์ ขสมก. หลายคันที่คุณๆ เห็นวิ่งกันอยู่ บางคันมีอายุมากกว่าเด็กเพิ่งเรียนจบ เพิ่งทำงานใหม่ๆ ซะอีก! MR.CARRO ขอนำเสนอข้อมูลของ รถเมล์ ขสมก. ที่มีอายุการใช้งานมากที่สุด 10 อันดับ ให้ทุกคนได้ตะลึงกันครับ!

Hino-AK176

ภาพจาก Ian Fuller

1. Hino AK176 (2 สิงหาคม 2534 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Hino AK176 นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อรถเมล์ใหม่ จำนวน 2,840 คัน ได้แก่ รถเมล์ครีมแดง 4 รุ่น (Hino, Isuzu, Mitsubishi และ Daewoo รุ่นประตูกลาง 12 เมตร) และรถปรับอากาศ Mercedes-Benz ครีมน้ำเงิน จำนวน 800 คัน และมีพิธีรับมอบกันในวันที่ 2 สิงหาคม 2534

โดย Hino AK176 ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส EH700 ขนาด 6.4 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 168 แรงม้า

สำหรับ Hino AK176 จัดหามาใช้ทั้งหมด จำนวน 540 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 40XXX (40001 – 40540) ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 1, 3, 4 และ 5

Isuzu-MT111QB

ภาพจาก Ian Fuller

2. Isuzu MT111QB (2 สิงหาคม 2534 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Isuzu MT111QB นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อรถเมล์ใหม่ จำนวน 2,840 คัน ได้แก่ รถเมล์ครีมแดง 4 รุ่น (Hino, Isuzu, Mitsubishi และ Daewoo รุ่นประตูกลาง 12 เมตร) และรถปรับอากาศ Mercedes-Benz ครีมน้ำเงิน จำนวน 800 คัน และมีพิธีรับมอบกันในวันที่ 2 สิงหาคม 2534

โดย Isuzu MT111QB ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 6BD1 ขนาด 5.8 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด แบบ MLH5B น้ำหนักรถ 9,140 กิโลกรัม

สำหรับ Isuzu MT111QB จัดหามาใช้ทั้งหมด จำนวน 540 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 50XXX (50001 – 50540) ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 1, 6, 7 และ 8

Mitsubishi-Fuso-RP118

ภาพจาก 

3. Mitsubishi Fuso RP118 (2 สิงหาคม 2534 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Mitsubishi Fuso RP118 นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อรถเมล์ใหม่ จำนวน 2,840 คัน ได้แก่ รถเมล์ครีมแดง 4 รุ่น (Hino, Isuzu, Mitsubishi และ Daewoo รุ่นประตูกลาง 12 เมตร) และรถปรับอากาศ Mercedes-Benz ครีมน้ำเงิน จำนวน 800 คัน และมีพิธีรับมอบกันในวันที่ 2 สิงหาคม 2534

และรุ่นนี้ ยังเป็นรุ่นที่มีราคาต่อคันแพงที่สุด เพราะเครื่องยนต์วางท้ายรถ แบบรถเมล์โดยสารที่นิยมใช้รถทั่วโลก รวมถึงตัวรถด้านหน้า ถอดแบบมาจากรถเมล์ Mitsubishi Fuso ของญี่ปุ่น ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 6D22-1A ขนาด 11.1 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 225 แรงม้า

สำหรับ Mitsubishi Fuso RP118 จัดหามาใช้ทั้งหมด จำนวน 510 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 80XXX (80001 – 80510) ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 2, 4 และ 8

Isuzu-LT112P

ภาพจาก Noltawat Rattanawan‎

4. Isuzu LT112P (2537 – 2564)

รถเมล์ Isuzu LT112P คันนี้ จัดว่าเป็นรถ Rare Item ของ ขสมก. เพราะมีไว้ใช้ในฐานะรถสแปร์ ซึ่งเป็นของบริษัท ออโต้เทคนิค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือของ ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ให้สำหรับไว้ยืมใช้ในระหว่างการนำรถเมล์คันใดคันหนึ่งเข้าศูนย์บริการ จัดได้ว่าเป็นรถเมล์ที่หายาก (เพราะมีทำออกมาแค่คันเดียว) และวนเวียนไปในหลายสาย หลายเขตที่มีรถเมล์ Isuzu ใช้งานอยู่

สำหรับความพิเศษของรถคันนี้คือ เครื่องยนต์วางด้านท้าย ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 6HE1 ขนาด 5.8 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 195 แรงม้า และใช้เกียร์อัตโนมัติ ของ Allison MTB643 ภายในเบาะนั่งขนาดใหญ่ กว้างขวาง น้ำหนักรถ 9,000 กิโลกรัม

สำหรับ Isuzu LT112P มีเลขข้างรถ 7-50542 ในอดีตเคยใช้งานในเขตการเดินรถที่ 1, 6, 7 และ 8 ซึ่งล่าสุดทางบริษัท ออโต้เทคนิค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เป็นเจ้าของรถเมล์คันนี้ ได้ประกาศขายจนเป็นข่าวดังในเดือนพฤษภาคม 2564

Hino-HU3KSKL

5. Hino HU3KSKL (6 มีนาคม 2538 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Hino HU3KSKL นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อไว้ด้วยกัน 80 คัน เพื่อใช้งานในเขตการเดินรถที่ 11 (เขตรถปรับอากาศ) ในสาย ปอ.2 มีนบุรี-สีลม , ปอ.12 จตุจักร-ปากคลองตลาด และ ปอ.18 จตุจักร-ลาดกระบัง

ต่อมาภายหลังจากการยุบเขตการเดินรถที่ 11 จึงเปลี่ยนเขตการเดินรถ เป็นเขตการเดินรถที่ 2 และย้ายไปใช้งานในเขตการเดินรถที่ 4 จนถึงปัจจุบัน โดย Hino HU3KSKL ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส K13U ขนาด 13.2 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 260 แรงม้า

สำหรับ Hino HU3KSKL มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 40XX (4001 – 4080) (และรถสำรองอีก 1 คัน 4081) ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 4

Isuzu-CQA650

6. Isuzu CQA650 (2538 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Isuzu CQA650 นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อไว้ด้วยกัน 100 คัน เพื่อใช้งานในเขตการเดินรถที่ 11 (เขตรถปรับอากาศ) ต่อมาภายหลังจากการยุบเขตการเดินรถที่ 11 จึงเปลี่ยนเขตการเดินรถ ไปใช้งานในเขตการเดินรถที่ 1 และ 7 จนถึงปัจจุบัน

โดย Isuzu CQA650 ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 6RB2 ขนาด 13.7 ลิตร แบบ 6 สูบ Boxer ให้แรงม้าสูงสุด 275 แรงม้า

สำหรับ Isuzu CQA650 มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 30XX (3001 – 3100)

Hino-RU1JSSL

ภาพจาก Express502

7. Hino RU1JSSL (15 พฤษภาคม 2541 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Hino RU1JSSL นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อรถเมล์ใหม่ จำนวน 797 คัน ได้แก่ รถเมล์ Hino, Isuzu, Mercedes-Benz และ Daewoo ใช้สีส้ม พร้อมเครื่องยนต์มาตรฐาน Euro II (ยูโรทู) มีพิธีรับมอบกันในวันที่ 15 พฤษภาคม 2541 ค่าโดยสารเริ่มแรกคิด 12 บาทตลอดสาย

โดย Hino RU1JSSL ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส J08C-TK ขนาด 8.0 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 250 แรงม้า ภายหลังจึงได้ดัดแปลงติดตั้งก๊าซ NGV เข้าไป

สำหรับ Hino RU1JSSL จัดหามาใช้ทั้งหมด จำนวน 200 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 44XXX (44001 – 44200) ผลิตที่อู่ธนบุรีบัสบอดี้ ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 1, 2, 3 และ 5

แต่ต่อมาในปี 2545 จึงได้จัดซื้อรถเมล์รุ่นเดียวกันนี้เพิ่มเติม อีก 125 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 45XXX (45001 – 45125)

Isuzu-LV223S

ภาพจาก Wikipedia

8. Isuzu LV223S (15 พฤษภาคม 2541 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Isuzu LV223S นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อรถเมล์ใหม่ จำนวน 797 คัน ได้แก่ รถเมล์ Hino, Isuzu, Mercedes-Benz และ Daewoo ใช้สีส้ม พร้อมเครื่องยนต์มาตรฐาน Euro II (ยูโรทู) มีพิธีรับมอบกันในวันที่ 15 พฤษภาคม 2541 ค่าโดยสารเริ่มแรกคิด 12 บาทตลอดสาย

โดย Isuzu LV223S ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 6SD1-TC ขนาด 9.8 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 270 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติของ ZF 4HP500 น้ำหนักรถ 11,600 กิโลกรัม

สำหรับ Isuzu LV223S จัดหามาใช้ทั้งหมด จำนวน 200 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 55XXX (55001 – 55200) ผลิตที่อู่เชิดชัย ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 6, 7 และ 8

Mercedes-Benz-OH1829-63

ภาพจาก Sira Sripairojkul

9. Mercedes-Benz OH1829/63 (15 พฤษภาคม 2541 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Mercedes-Benz OH1829/63 นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อรถเมล์ใหม่ จำนวน 797 คัน ได้แก่ รถเมล์ Hino, Isuzu, Mercedes-Benz และ Daewoo ใช้สีส้ม พร้อมเครื่องยนต์มาตรฐาน Euro II (ยูโรทู) มีพิธีรับมอบกันในวันที่ 15 พฤษภาคม 2541 ค่าโดยสารเริ่มแรกคิด 12 บาทตลอดสาย

สำหรับ Mercedes-Benz OH1829/63 ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส OM441LA ขนาด 11.0 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 285 แรงม้า

สำหรับ Mercedes-Benz OH1829/63 จัดหามาใช้ทั้งหมด จำนวน 397 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 66XXX (66001 – 66397) ผลิตที่อู่ธนบุรีบัสบอดี้ ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 6, 7 และ 8

แต่ทว่ารถเมล์รุ่นนี้ มีปัญหาในเรื่องของควันดำมาก และในเรื่องของการจัดหาอะไหล่ซ่อมแซม ทำให้ต้องถูกปลดระวางไปจนหมดในปี 2561 ในตอนนี้จึงเหลือใช้งานอยู่แค่เพียงคันเดียว นั่นคือ 8-66249 ซึ่งเป็นรถที่ปรับสภาพใหม่ และซ่อมแซมโดยช่างของ ขสมก.

Daewoo-BH115

ภาพจาก Wikipedia

10. Daewoo BH115 (2544 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Daewoo BH115 นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. จัดซื้อรถเมล์แบบ Euro II รอบสอง จำนวน 250 คัน เริ่มออกให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2544 มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 67XXX (67001 – 67250) ผลิตที่อู่ธนบุรีบัสบอดี้ เหลือใช้งานในเขตการเดินรถที่ 8 เพียงเขตเดียว

สำหรับ Daewoo BH115 ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส DE12 ขนาด 11.0 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 235 แรงม้า

แต่ทว่ารถเมล์รุ่นนี้ เคยมีปัญหาในเรื่องของควันดำมาก และถุงลมช่วงล่างที่ชอบแตก จนต้องปลดระวางรถที่มีปัญหาไปเกือบๆ 200 คัน แต่รถเมล์ที่เหลือภายหลังได้รับการแก้ไขซ่อมแซมแล้ว

Isuzu-LV423R

ภาพจาก nighteye

อันนี้แถมให้ … Isuzu LV423R (2545 – ปัจจุบัน)

รถเมล์ Isuzu LV423R นี้ เป็นรถล็อตที่ ขสมก. ได้จัดซื้อรถเมล์แบบ Euro II อีกครั้ง ในปี 2545 จำนวน 250 คัน ได้แก่ รถเมล์ Hino และ Isuzu ใช้สีส้ม พร้อมเครื่องยนต์มาตรฐาน Euro II (ยูโรทู)

โดย Isuzu LV423R ใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 6SD1 ขนาด 9.8 ลิตร แบบ 6 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 270 แรงม้า

สำหรับ Isuzu LV423R จัดหามาใช้ทั้งหมด จำนวน 125 คัน มีเลขข้างรถขึ้นต้นด้วย 56XXX (56001 – 56125) ผลิตที่อู่เชิดชัย ใช้งานในเขตการเดินรถที่ 6, 7 และ 8

*หมายเหตุ 10 อันดับ รถเมล์ใช้งานมานานที่สุด ของ ขสมก. เป็นข้อมูล ณ เดือนฤษภาคม 2564

ถ้าเบื่อรอรถเมล์แล้ว อยากซื้อรถใหม่ แต่มีงบไม่พอ หรืออยากขายรถเก่าออกแบบไวที่สุด ได้เงินเร็วที่สุด เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ ให้ CARRO เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: