Motor-Expo-2017-Analysis

Motor Expo ปีนี้ มั่นใจยอดจองรถยนต์ 40,000 คัน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง

Motor-Expo-2016

เป็นที่ทราบกันดีสำหรับคนรักรถยนต์นะครับ ว่า ในบ้านเราตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา มีงานแสดงรถยนต์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของคนที่ชอบรถต้องไปเดินเที่ยวในงานสม่ำเสมอ นั่นคืองานต้นปีอย่าง “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ของค่ายกรังด์ปรีซ์ และงานปลายปี “มหกรรมยานยนต์” ของค่ายสื่อสากล และภายหลังก็มีงานกลางปีของ “BIG Motor Sale” หรืองาน “มหกรรมยานยนต์ เพื่อขายแห่งชาติ” จากค่ายยานยนต์ …

Motor-Expo-2016

และก็ยังมีงานยิบย่อยต่างๆ ที่จัดโชว์รถยนต์กันตามห้างบ้าง หรือตามภูมิภาคต่างๆ แทบทุกเดือน ขอร่วมลงมาแบ่งเค้กก้อนนี้จากการจัดงาน Event ด้วยคน …

แต่ฉันใดก็ฉันนั้น ยามเศรษฐกิจดี เงินสะพัด ผู้คนก็กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย กล้าที่จะซื้อรถมือหนึ่ง แต่เมื่อยามเศรษฐกิจซบเซา การปล่อยสินเชื่อและราคาของรถใหม่ และสถานะทางการเงิน ย่อมทำให้ผู้ที่ตัดสินใจซื้อต้องคิดหนัก ตัวเลือกอย่างรถมือสองในตลาด จึงเป็นที่หมายปองและสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน …

Motor-Expo-2016

สำหรับงาน Motor Expo นั้น จาก Concept ของการจัดงานแต่แรกเริ่มในปี 2527 “มหกรรมยานยนต์” เน้นโชว์รถยนต์และเทคโนโลยีเป็นหลัก ภายหลังจึงพัฒนามาเป็นงาน Thailand International Motor Expo คือเป็นทั้งงานโชว์รถยนต์ รถต้นแบบ และนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก และรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ต่างพร้อมใจกันขายรถอย่างดุเดือด จัดเต็มทั้งแคมเปญและโปรโมชั่น นับเป็นโอกาสดีของผู้บริโภคที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ และรถมือสอง ได้เข้ามาเลือกชมรถที่ตัวเองชอบ ได้ทดลองขับรถดูภายในงาน ก่อนจะตัดสินใจจองรถ หรือซื้อรถใหม่ภายในงาน

Motor-Expo-2017-Poster

แนวคิดของงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” คือ “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง” หรือ “New Age Vehicles … A Distant Dream Come True” เพื่อให้ผู้บริโภคได้ชมยานยนต์ที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่พวกเขาเคยฝันไว้ และเพื่อยืนยันว่า ทุกความฝันเป็นจริงได้ในโลกยานยนต์ …

ภายรวมของงาน Motor Expo 2016 ที่ผ่านมานั้น แม้ว่าจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามากของประเทศไทย แต่งานนี้ แสดงถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในงานรวม 4.5 หมื่นล้านบาท

Pretty-Mazda

อีกทั้งการแต่งกายของพริตตี้ในงาน มีความเรียบหรู เรียบร้อยกว่าปีก่อนๆ และเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองกับวัฒนธรรมที่งดงามของไทยอีกด้วย คาดว่าในงาน Motor Expo 2017 บรรดาน้องๆ พริตตี้ ก็ยังคง Concept ของความเรียบร้อย (คือไม่แต่งตัวโป๊) ไปมากจนเกินไปเฉกเช่นปีที่ผ่านมา

Motor-Expo

ด้านยอดจองรถในงานปีที่ผ่านมาของ Motor Expo 2016 มีตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ รถยนต์มียอดจองรวมอยู่ที่ 32,422 คัน ลดลงจากปีก่อน 17.1% เนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า รวมทั้งรถใหม่หลายรุ่นที่ประชาชนสนใจได้เลื่อนการเปิดตัวออกไป อย่างไรก็ตามในส่วนของรถจักรยานยนต์ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดจองสูงถึง 7,942 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 98.6 % ด้านราคาเฉลี่ยรถที่ขายได้ในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,177,393 บาท เนื่องจากปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคให้ความสนใจรถเก๋งหรู รถ SUV และรถกระบะ เพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้เข้าชมงานจำนวน 1,191,718 คน ลดลง 19.3%

Motor-Expo

สำหรับในงาน Motor Expo 2017 ตลาดรถยนต์บ้านเราปีนี้จะสดใสขึ้นเหมือนฟ้าหลังฝน แต่ทางผู้จัดงานก็คาดการณ์ยอดจองรถยนต์ในงานไว้สูงถึง 40,000 คัน! และยอดจองรถจักรยานยนต์ 7,000 คัน ส่วนจำนวนผู้ชมคาดว่าจะสูงถึง 1.5 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซึมๆ ทรงตัวอยู่ในขณะนี้ ก็ยังมีปัจจัยทางตรงที่ช่วยให้ตลาดรถปลายปีนี้คึกคักขึ้น อาทิ การสิ้นสุดเงื่อนไขครอบครอง 5 ปี ของผู้เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่เวลานั้นยังไม่ส่งผลต่อตลาด เนื่องจากเป็นช่วงทุกข์โศกของคนไทยทั้งประเทศพอดี พอปี 2560 นี้ เจ้าของรถคันแรกที่พ้นเงื่อนไข บางส่วนก็จะมองหารถใหม่กัน และปัจจัยทางอ้อม จากราคาสินค้าเกษตรหลายอย่าง มีราคาดีขึ้น

และในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ มีรถยนต์ที่รอเปิดตัวกันอยู่หลายรุ่น ซึ่งหนักไปทางรถแนว SUV หลายรุ่นจากค่ายญี่ปุ่นและค่ายยุโรป รอให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้ยอดขายรถปลายปีนี้ คึกคักมากยิ่งขึ้น

ยอดขายรถยนต์ในงาน Motor Expo 2017 ที่ตั้งไว้ 40,000 คัน และยอดขายรถจักรยานยนต์ 7,000 คัน คาดว่าจะทำได้ถึงเป้า … หรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปครับ

3-Truly-About-Home-Car

หลายคนที่ไม่ได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงรถยนต์มือสองคงได้มีงงกับคำว่า “รถบ้านมือสอง” กันบ้างแน่ๆ จริงๆ แล้วคำว่า “รถบ้าน” คืออะไร? แบบเดียวกับรถแคมป์เคลื่อนที่ที่สามารถลากไปจอดตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้หรือเปล่า? คำตอบคือ “ไม่ใช่” เพราะในวงการรถยนต์มือสอง คำว่า “รถบ้านมือสอง” หมายถึงรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป และเจ้าของรถนำมาขายต่อ ซึ่งอาจจะประกาศขายเอง หรือนำมาลงขายตามเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางซื้อขายรถยนต์ใช้แล้วก็ได้

ปัจจุบันนี้ รถบ้านถือเป็นรถประเภทที่ผู้สนใจซื้อรถยนต์มือสองจำนวนมากมองหา เพราะเชื่อมั่นว่าจะได้รถที่มีสภาพดีกว่า รวมถึงคาดหวังถึงการใช้งานที่ทะนุถนอมมากกว่าด้วย

แต่รู้ไหมว่า มีความจริงเกี่ยวกับรถบ้านมือสองหลายข้อทีเดียวที่หลายคนยังคงเข้าใจผิด! ที่อาจจะทำให้บางคนมองรถบ้านมือสองในแง่ลบไปอย่างน่าเสียดาย มาดูกันว่า 3 ข้อที่คนไทยมักเข้าใจผิดเรื่องรถบ้านมือสองมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

3-Truly-About-Home-Car

1. False: รถบ้านมักมีราคาแพง

    True: รถบ้านก็มีทั้งถูกและแพงตามสภาพ แถมต่อรองราคากับคนขายได้โดยตรงด้วย !

รถบ้านที่ราคาถูกมากๆ ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของรถรีบใช้เงิน คนซื้อก็จะยิ่งได้เปรียบเพราะมักจะได้รถทีี่มีคุณภาพเกินราคา ปกติแล้วรถบ้านที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ผู้ขายก็จะขายกันตามสภาพ รถสภาพดีก็ย่อมมีราคาสูงที่ขึ้น ซึ่งถือเป็นเหตุผลที่หลายคนน่าจะยอมรับได้ นอกจากนี้ การซื้อรถบ้านยังดีตรงที่คนซื้อสามารถต่อรองราคากับผู้ขายได้โดยตรงด้วย! ถ้าเจอคนขายใจดี คุณก็มีโอกาสจะได้ส่วนลดอีกมากเลย

3-Truly-About-Home-Car

2. False: รถบ้านจัดไฟแนนซ์ยาก

    True: ความยากง่ายในการจัดไฟแนนซ์ขึ้นอยู่กับประวัติการชำระหนี้ของผู้ขอจัดล้วนๆ !

เรื่องการขอสินเชื่อรถยนต์เป็นสิ่งที่ผู้ที่สนใจซื้อรถบ้านหลายคนกังวลมาก กลัวว่ารถบ้านจะจัดไฟแนนซ์ยาก ไปจนถึงกลัวว่าจะเจอดอกเบี้ยสูง อันที่จริงแล้วการขอจัดไฟแนนซ์รถบ้านนั้น โอกาสที่จะผ่านหรือไม่ผ่านขึ้นอยู่กับเครดิตทางการเงินของผู้จัดเอง ส่วนดอกเบี้ยก็ควรเปรียบเทียบกันให้ดีระหว่างองค์กรที่ให้สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วแต่ละแห่ง ส่วนใหญ่หากผู้ซื้อที่ไม่มีปัญหาด้านเครดิต รวมถึงสามารถบริหารจัดการการเงินของตัวเองได้ดีก็มักไม่มีปัญหาใดๆ กับการจัดไฟแนนซ์รถบ้าน

3-Truly-About-Home-Car

3. False: คนขายรถบ้านชอบหมกเม็ด ไม่บอกว่าอะไรเสียบ้าง

    True: ไม่จริงเสมอไป ตรวจสภาพรถก่อนซื้อเท่านั้นคือคำตอบ !

ต้องยอมรับว่าในสังคมคนรักรถบ้าน ก็มีทั้งคนดี และมิจฉาชีพ ซึ่งฝ่ายแรกแม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่ฝ่ายหลังมักสร้างกระแสทางลบให้บ่อยครั้ง ผู้ซื้อรถบ้านสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพได้ง่ายๆ ด้วยการขอตรวจสอบสภาพรถก่อนทำการตกลงซื้อขาย โดยทำการตรวจกับองค์กรที่เชื่อถือได้ โดยปัจจุบันเว็บไซต์สื่อกลางขายรถบ้านมือสองหลายแห่ง ก็มีบริการตรวจสภาพรถบ้านให้กับผู้ซื้อเช่นกัน

เรื่องรถจะถูกมิจฉาชีพนำมาย้อมแมวขายหรือไม่นั้น มักไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเมื่อผู้ซื้อรถยนต์ใช้แล้ว ก็ต้องไปทำการโอนรถที่กรมการขนส่งทางบก เจ้าพนักงานก็จะต้องทำการตรวจสอบรถให้อยู่แล้ว รถที่มีการสวมทะเบียน ปลอมเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ หรือปลอมแปลงเอกสาร จึงไม่น่าจะเล็ดลอดกระบวนการนี้ไปได้ (รายละเอียดการตรวจสอบสภาพรถของกรมขนส่งทางบกสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ )

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่รอบคอบกว่าหากผู้ซื้อรถบ้านขอนำรถเข้าตรวจสอบสภาพก่อนซื้อ เพื่อเช็คความพร้อมในการขับขี่จริงบนท้องถนน และยังเป็นการเตรียมความปลอดภัยเพื่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ซื้อรถเองด้วย

แต่ก็ต้องทำใจไว้อย่างหนึ่ง ถ้าหากคุณซื้อรถบ้านนั้น ส่วนใหญ่เป็นการขายรถ “ตามสภาพ” ซึ่งผู้ขายส่วนใหญ่มักไม่มีรับประกันอะไรให้ นอกเสียจากว่าความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา ก็ต้องควักกระเป๋าเงินซ่อมเอง แต่ถ้าหากเป็นรถมือสองปีใหม่ๆ (บางคัน) อาจจะยังมีการประกันตัวรถจากทางผู้ผลิตเหลืออยู่ ถ้าหากเกิดมีอะไรชำรุด หรือบกพร่องขึ้นมาในระยะรับประกัน ก็ยังสามารถเคลมกับทางศูนย์บริการได้

ส่วนใครที่สนใจซื้อรถบ้าน แต่ยังคงกังวลเรื่องราคา การจัดไฟแนนซ์ รวมถึงไม่มั่นใจเรื่องสภาพรถ ลองเข้าไปเลือกชมรถบ้านมือสองได้ที่ th.carro.co ศูนย์รวมรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีที่ให้ความมั่นใจกับคุณได้เรื่องสภาพรถที่มีคุณภาพสูง เป็นที่ปรึกษาในด้านการขอสินเชื่อรถมือสอง และมีรถบ้านมือสองจำนวนมากในหลายระดับราคา ให้คุณเลือกสรรอย่างจุใจแน่นอน

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้ในช่วงโควิด-19 ระบาด CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

10 รถมือสอง ที่คุณสามารถซื้อได้ในราคาของ "iPhone X"

เป็นที่ทราบกันแล้วนะครับว่า สำหรับ iPhone 8 / iPhone 8 Plus และ iPhone X ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ไปใน USA ตั้งแต่เมื่อคืนของวันที่ 13 กันยายน 2560 (ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งมีคุณสมบัติและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เพิ่มมามากขึ้น (ซึ่งจะถูกใจคุณผู้อ่านหรือเปล่านั้น … ไม่แน่ใจ!)

อีกทั้งราคาของ iPhone 8 / iPhone 8 Plus และ iPhone X ที่ขยับเพิ่มขึ้นมามากขึ้นในทุกรุ่น ทำให้ผู้บริโภคต้องคิดหนักว่า ถ้าวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว เมื่อตีราคาออกมาเป็นเงินไทยแล้ว ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว (รุ่น Top ปาเข้าไปประมาณ 4 หมื่นบาทได้) จะคุ้มค่ากับการใช้งานหรือไม่ หรือนำเงินนี้ ไปซื้อสิ่งของอย่างอื่นดี?

Mazda-323-Astina

MR.CARRO ขอแนะนำ 10 รถมือสอง ที่คุณสามารถซื้อได้ในราคาของ “iPhone X” ซึ่งตามจริงแล้ว มีรถมือสองปีเก่าๆ (ตั้งแต่ยุค 60 เป็นต้นมา) ที่มีราคาถูกกว่า iPhone 8 / iPhone 8 Plus และ iPhone X อยู่มาก แต่เนื่องจากราคาที่ถูกมากๆ นั้น ก็ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมที่มาก และใช้เวลาหาอะไหล่กันลำบากหน่อย

MR.CARRO จึงขอนำเสนอรถยนต์มือสอง ในช่วงประมาณยุค 80-90 ที่มีราคาตั้งแต่ 2 – 4 หมื่นบาท ที่มีความทนทาน ดูแลง่าย อะไหล่พอหาได้เยอะหน่อย จะมีรุ่นใดบ้าง … เชิญอ่านได้เลยครับ

Toyota-Corolla-AE92

1. Toyota Corolla 1.3 XL, GL, 1.6 SE Limited (EE90/AE92)

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) รุ่นที่ถือได้ว่า มีอุปกรณ์มาตรฐานมากมายราวกับของวิเศษของ “โดเรมอน” ต่างกับรถในคลาสเดียวกัน จึงเป็นที่มาของฉายานี้ (แต่ชาวต่างประเทศได้ยินแล้ว งงน่าดู) เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2530 มาพร้อมสโลแกน “เร้าใจทุกเส้นทาง ยุคหน้า TOYOTA” (คล้ายกับของญี่ปุ่น “Fun To Drive”)

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 2E และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-F, รหัส 4A-F คาร์บูเรเตอร์คู่ ในรุ่น Sporty รวมไปถึงเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร พลังแรงอย่างรหัส 4A-GE 130.5 แรงม้า ที่มาตอนไมเนอร์เชนจ์ ในรุ่น GTi

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 2 หมื่นกว่าบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว

Toyota-Corona-ST171

2. Toyota Corona 1.6 XL, GL / 2.0 GL, GLi (AT171/ST171)

Toyota Corona (โตโยต้า โคโรน่า) โฉมนี้เปิดตัวในไทยตั้งแต่ปี 2531 โดยโคโรน่ารุ่นนี้ ถือเป็นรถญี่ปุ่นรุ่นแรกในประเทศไทย (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร) ที่ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด EFI (Electronic Fuel Injection) แบบเดียวกับรถยุโรป

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-F, เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3S-F คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว 113 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3S-FE หัวฉีด EFi 128 แรงม้า

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 2 หมื่นกว่าบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้เช่นกัน

Honda-Civic-EF

3. Honda Civic 1.5 LX, LX-S / EX (EF)

Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) รุ่นนี้เปิดตัวเมื่อต้นปี 2531 ชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีการออกแบบรถให้เตี้ย แบน ลู่ลม และพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ เหมือนรถแข่ง Formula 1 รวมถึงระบบช่วงล่างแบบปีกนกอิสระ 4 ล้อ และเครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 90 แรงม้า (และยังมีรุ่นพิเศษ LX-S เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร คาร์บูเรเตอร์คู่ 105 แรงม้า) มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 2 หมื่นบาทปลายๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้เช่นกัน

Honda-Accord-CA

4. Honda Accord 2.0 LX / EX (CA)

Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) รุ่นนี้เปิดตัวเมื่อปี 2530 ซึ่งก็เซอร์ไพรส์ด้วยการสร้างยอดจองจนฮอนด้าผลิตขายไม่ทัน ชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีการออกแบบรถให้เตี้ย แบน ลู่ลม และพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ 12 วาล์ว พ่วงระบบ Cross Flow อันลือชื่อของฮอนด้า รวมถึงระบบช่วงล่างแบบดับเบิลวิชโบนอิสระ 4 ล้อ … ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปรับปรุงหน้าตาใหม่ พร้อมเพิ่มล้อแม็กเข้ามาแทนที่กะทะล้อพร้อมฝาครอบล้อ

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 106 แรงม้า มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 2 หมื่นบาทกลางๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับเท่ๆ ได้

Nissan-Sunny-B11

5. Nissan Sunny 1.3 / 1.5 GL (B11)

Nissan Sunny (นิสสัน ซันนี่) รถรุ่นยอดนิยมจากค่ายสยามกลการสมัยนั้น สำหรับ นิสสัน ซันนี่ FF เจเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวตั้งแต่เดือนมกราคม 2526 ขายกันมาอย่างยาวนานถึงสิบกว่าปี ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์กันก็หลายครั้ง เป็นรถยอดนิยมมากในยุคนั้น ในโฉมนี้มาพร้อมสโลแกน “รถที่ไว้ใจได้ตลอดกาล”

ยุคแรก มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส E13S 74 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส E15S ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประจำการทั้งในรุ่นซีดาน 4 ประตู และคูเป้ ภายหลังจึงตัดออกไป

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ ถ้าว่ากันตามตรง สภาพแบบต้องซ่อมทั้งคัน (แต่รถยังขับได้) เคยมีคนขายที่ราคา 9,500 บาท ก็ซื้อได้แล้ว แต่ตามสภาพแบบวิ่งได้ ใช้งานได้ปรกติ ราคา 1.5 – 4 หมื่นบาท ก็มีรถรุ่นนี้ให้เลือกซื้อเยอะแยะครับ

Nissan-Sentra-B13

6. Nissan Sentra 1.5 EX Saloon / 1.6 SuperSaloon e (B13)

Nissan Sentra (นิสสัน เซนทร้า) รุ่นที่ 2 ที่ขายในบ้านเรา เป็นรถยอดฮิตแท็กซี่ในยุคนั้นเลย เพราะสยามกลการ พยายามระบายรถล็อตใหญ่ ให้กับกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ ที่กำลังรีบหารถมาจดทะเบียนทำแท็กซี่มิเตอร์ (ป้ายทะเบียน 6ท) ในยุคแท็กซี่เปิดเสรีใหม่ๆ โดยในโฉมไมเนอร์เชนจ์ สังเกตได้จากชุดกระจังหน้าแบบใหม่ ชุดกันชนใหม่ และไฟท้ายเลนส์แบบใหม่ เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส GA15S 87 แรงม้า และขนาด 1.6 ลิตร รหัส GA16DE 110 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 3 หมื่นบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้เช่นกัน

Nissan-NV

Nissan-NV-Van

7. Nissan NV Pickup 1.6 / NV AD Resort 1.6 SLX, SGX (Y10)

Nissan NV (นิสสัน เอ็นวี) หลายคนจะรู้กันบ้างไหมว่า “NV” นี่ย่อมาจากคำว่า “National Vehicle” หรือ “รถยนต์แห่งชาติ” ที่ทางสยามกลการตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ที่จะเน้นการผลิตรถยนต์นั่งขนาดกลาง 1600 ซีซี แต่กลายมาเป็นรูปแบบของรถ Pickup และรถแวน Nissaan NV AD Resort ที่หยิบยืมพื้นฐานมาจาก Nissan AD Van (และ Sunny California เวอร์ชั่นญี่ปุ่น) โดยเปิดตัวในเดือนกันยายน 2536

สำหรับ Nissan NV Pickup มีขายกันมาหลายโฉมมาก ทั้งแบบธรรมดาในยุคแรก หลังจากนั้นเป็น Queen Cab (ต่อมาคือ Q-Cab) ขยายพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น เบาะปรับเอนนอนได้ ต่อมาภายหลังจึงกลายเป็นกระบะ Nissan Wingroad ไป

ทั้งสองแบบ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส GA16DS 95 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส GA16DNE 110 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (เพิ่มมาภายหลัง ทั้งในรุ่นกระบะ และรุ่นแวน AD Resort)

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 3 หมื่นบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้เช่นกัน ส่วนรุ่นแวนราคาอาจจะแพงกว่านั้นหน่อย แต่ราคานี้ก็มี ถ้าสภาพรถเน่าจริงๆ

Mitsubishi-Lancer-E-Car

8. Mitsubishi Lancer 1.3 GL, EL, 1.5 GLX, GLXi, 1.6 GLX, GLXi (E-Car)

Mitsubishi Lancer (มิตซูบิชิ แลนเซอร์) เป็น Lancer อีกหนึ่งรุ่น ที่ขายดีมากในบ้านเรา ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมจากคนชอบแต่งรถ และรถรุ่นนี้ยังถือเป็นต้นกำเนิดของรุ่น Evolution อีกด้วย (ช่วงล่างดี เครื่องทนทาน หลังคาชอบผุ อะไหล่แพงนิดๆ) เปิดตัวในปี 2535 ในรุ่น 1.3 GL, 1.5 GLX, 1.6 GLXi (นำเข้า) และ 1.8 GTi (นำเข้า)

ต่อมาเมื่อปี 2538 Lancer E-Car ได้ยกเลิกการจำหน่าย 1.3 และ 1.8 เปลื่ยนระบบจ่ายเชี้อเพลิงในรุ่น 1.5 จากคาร์บูเรเตอร์ เป็นระบบหัวฉีด ECi-MULTI และนำรุ่น 1.6 มาประกอบในประเทศ โดยคงเหลือรุ่นย่อย คือ 1.5 GLXi และ 1.6 GLXi

และในปี 2539 Lancer E-Car ได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปลื่ยนล้อแม็กลายใหม่ เปลื่ยนกันชนให้ยาวและหนาขึ้น รวมถึงเปลื่ยนกระจังหน้าใหม่ เปลื่ยนท่อร่วมไอดีในรุ่น 1.5 โดยตัวอักษรคำว่า ECi-MULTI จะเล็กลง และนำรุ่น 1.3 กลับมาเพื่อตอบสนองลูกค้าระดับล่าง โดยมีรุ่นย่อย อาทิ 1.3 EL, 1.5 GLXi และ 1.6 GLXi

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 3 หมื่นกว่าบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว

Mazda-323

Mazda-323-Astina

9. Mazda 323 1.6 GLX (BG) / 323 Astina 1.8 GT (BG)

Mazda 323 (มาสด้า 323) และ Mazda 323 Astina (มาสด้า 323 แอสติน่า) รุ่นยอดนิยม เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2533 มีวิ่งเป็นแท็กซี่กันเพียบ รวมไปถึง มาสด้า 323 แอสติน่า 5 ประตูแฮทช์แบค ก็มีเป็นแท็กซี่หลายคันอยู่ ถือเป็นรถยอดนิยมสำหรับครอบครัว และวัยรุ่นสุดๆ โดยเฉพาะ มาสด้า 323 แอสติน่า ไฟป๊อปอัพ สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 200 กม./ชม. ในตอนนั้นถือว่าไม่ธรรมดา! และโดดเด่นด้วยช่วงล่างหลังแบบปีกนกคู่สัมพันธ์ TTL

มาสด้า 323 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส B6 87 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ส่วนในรุ่น Astina ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส BPD 140 แรงม้า (รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ลดแรงม้าลงมาเหลือ 125 แรงม้า) ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรรมดา 5 สปีด

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 2 หมื่นกว่าบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้เช่นกัน ส่วน Astina อาจจะต้องเพิ่มเงินมาหน่อย เพราะราคารถตลาดสภาพ ก็อยู่ที่ 3 หมื่นปลายๆ แล้วครับ

BMW-E30

10. อันสุดท้าย เผื่อคนอยากได้รถยุโรป … BMW 316 / 318i (E30)

BMW ซีรี่ส์ 3 ในยุคที่บริษัท ยนตรกิจ จำกัด เป็นผู้จำหน่าย เริ่มเผยโฉมในปี 2527 มีทั้งแบบ 2 ประตู และ 4 ประตู ในรุ่น 316, 316i, 318i และ 318iA เกียร์อัตโนมัติ ในช่วงท้ายๆ อายุตลาด ตัวรถภายนอกสวยสปอร์ต เท่ ท้าทาย แน่นหนา ภายในโอ่อ่า หรูหรา ถูกใจวัยรุ่นวัยเฒ่าทั้งหลายที่โปรดปรานการขับอวดกันเพิ่มขึ้นอีก

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส M10 90 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 4 สปีด และ 5 สปีด, เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร รหัส M40 และเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส M10 105 แรงม้า ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 184 กม./ชม.

พอในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ จึงเพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส M40 115 แรงม้า เข้ามา ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงิน 2 หมื่นกว่าบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้เช่นกัน แต่ก็ต้องเตรียมงบไว้ปั้นต่อบานอยู่!

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ สามารถขายคันเดิมกับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

(บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์)

รถมือสอง

จะซื้อรถมือสองสักคันดีไหม ? คำถามนี้ต้องอยู่ในใจมนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพฯ

อย่างที่หลายคนรู้กันว่าระบบขนส่งสาธารณะของบ้านเรายังไม่ครอบคลุมมากนัก แถมเรื่องความสะดวกสบายนั้นไม่ต้องพูดถึง เผลอๆ การเดินทางไป – กลับจากที่ทำงานยังเหนื่อยกว่าการนั่งทำงานทั้งวันเสียอีก ! 

การมีรถเป็นของตัวเองสักคันน่าจะช่วยให้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนชาวกรุงฯ สบายขึ้นมากทีเดียว แต่การซื้อรถมือหนึ่งอาจจะเป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไปสำหรับพนักงานเบี้ยน้อยหอยน้อย ฉะนั้นซื้อรถมือสองดีกว่า ประหยัดกว่ากันเยอะ

ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อรถรุ่นไหนดีที่เหมาะกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน CARRO ได้รวบรวมรถมือสอง 5 รุ่นขวัญใจมนุษย์เงินเดือนมาให้ชมกันแล้ว! รับรองว่าราคาไม่พาช้ำใจ ประหยัดน้ำมัน และเหมาะกับชีวิตในเมืองอย่างแน่นอน

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 5 : Mazda 2

ถือเป็นรถที่ถูกถามถึงอย่างมากมายจากคนใช้รถมือสอง เพราะเป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ดีไซน์ที่ให้ความปลอดโปร่งภายในห้องโดยสารทำให้ไม่รู้สึกไม่อึดอัด Mazda 2 เป็นรถที่ขึ้นชื่อในเรื่องช่วงล่างดี เกาะถนนแน่น ตีวงเลี้ยวได้แคบ และไม่มีหลุด อีกทั้งยังเป็นรถที่ไม่ซดน้ำมันอีกด้วย ! แต่หากต้องการรถ Mazda 2 รุ่นที่ประหยัดน้ำมันมากกว่าก็เลือกรุ่นที่เป็น Eco Car ได้เลย 

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 4 : Toyota Corolla Altis

อันดับต่อมา มาพร้อมกับราคาที่ขยับขึ้นมาอีกเล็กน้อย Altis ถือเป็นรถยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปทั้งจากมนุษย์เงินเดือนและจาก Taxi (ของเค้าดีจริง!) ข้อดีของอัลติสที่หลายคนประทับใจคือ เครื่องยนต์เล็กแต่ขับสนุก เสียงเครื่องยนต์ไม่ดังหนวกหู ภายในรถโล่งโปร่ง เบาะนั่งสบาย สาดโค้งได้ดีพอใช้ และไฟท้ายสวยโดดเด่น ที่สำคัญคือพะยี่ห้อ Toyota มาแล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องศูนย์บริการและอะไหล่แน่นอน

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 3 : Nissan March

ใครชอบรถที่ดูน่ารักต้องไม่พลาด Nissan March แน่นอน! จัดว่าเป็นรถที่ได้ใจสาวๆ และหนุ่มๆ จำนวนมากทีเดียวด้วยดีไซน์ตัวถังที่กลมมนน่ารัก (แต่ March รุ่นใหม่ล่าสุดมีการเปลี่ยนดีไซน์ให้ดุขึ้นแล้ว) ห้องโดยสารกว้างโล่ง รวมถึงขนาดตัวถังที่กะทัดรัดปราดเปรียว สามารถจอดตามซอกตามหลืบได้ง่าย อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันมากอีกด้วยเพราะเป็น Eco Car แต่! ในทุกข้อดีย่อมมีข้อเสีย ข้อเสียของ March ก็คือ เป็นรถน้ำหนักเบา ไม่เหมาะแก่การสาดโค้งหรือเร่งเครื่องแรงๆ ไม่เหมาะแก่การขับแบบฮาร์ดคอร์ ขับทางไกล หรือขับขึ้นดอย และเป็นรถที่ไม่ค่อยจะเก็บเสียงอีกด้วย แต่ถ้าคุณกำลังมองหารถราคาไม่แพงไว้ขับชิลๆ ไปทำงาน มาร์ชนี่แหละใช่เลย!

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 2 : Suzuki Swift

ถ้า Nissan March ครองตำแหน่งรถน่ารัก Suzuki Swift ก็ต้องครองตำแหน่งรถสวย! Swift นั้นขึ้นชื่อมากในเรื่องของดีไซน์ ทั้งดีไซน์ตัวถัง และดีไซน์ภายในห้องโดยสาร เป็นรถที่ดูสวยแบบคลาสสิก แถมยังแต่งขึ้นด้วย! เหมาะกับคนที่มองหารถสำหรับใช้ไปยาวๆ จุดเด่นอื่นๆ ของสวิฟต์ก็คือช่วงล่างดี เข้าโค้งง่าย ไม่มีเป๋ เบาะสวยและนั่งสบาย อีกทั้งออพชั่นภายในก็จัดมาเต็มด้วย เช่น ปุ่ม Start Engine กระจกมองข้างพับไฟฟ้า ฯลฯ ถือว่าเกินคาดหมายในหลายด้านสำหรับรถ Segment นี้

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 1 : Toyota Vios

ตำแหน่งอันดับ 1 ตกเป็นของ Toyota Vios อย่างไม่มีการพลิกโผ! ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ขึ้นชื่อ ดีไซน์ตัวถังที่เรียบแต่หรู เครื่องยนต์แรง และทนทานสมชื่อโตโยต้า ศูนย์บริการและอะไหล่หาง่าย อายุการใช้งานยืนยาว อีกทั้งเป็นรถที่เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการรถสำหรับใช้งานนานๆ ขับขี่ประจำวันที่ไม่สมบุกสมบันมาก รวมถึงคนที่ต้องการติดแก๊สเพื่อเพิ่มความคุ้มค่า หากมองด้านความคุ้ม ความประหยัด ความทนทาน Vios คือคำตอบแน่นอน

Sale-Isuzu-D-Max-With-Carro-Express

รถมือสองทั้งหมดนี้ บอกเลยว่า เหมาะกับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างแน่นอน! หากคุณต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพ ทาง CARRO เราก็มีรถมือสองให้เลือกหลากหลาย สามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod ถ้าสนใจที่จะขายรถของคุณแบบด่วนๆ เชิญที่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือ Inbox สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage CARRO Thailand ครับ


ซื้อรถมือสองเถอะ แล้วชีวิตคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ !