8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

ถ้าจะให้พูดถึงรถยนต์ในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid นั้น ในงานมอเตอร์โชว์ 2022 (Motor Show 2022) ยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นเทรนด์ของโลกไปซะแล้ว แถมมีกระแสมาสูสีกับรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากความสะดวกของรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid คือการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่ต้องหาที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่หมด และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก อีกทั้งยังสามารถใช้งานในโหมด EV วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ ได้เช่นกัน

ซึ่งตลาดรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid ก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท อาทิ รถเก๋ง, รถ SUV, หรือรถ MPV เป็นต้น แต่ในหัวข้อนี้ เราจะขอนำเสนอถึงรถแบบ SUV และ Crossover ที่มาในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid กันครับ

CARRO ขอคัดสรรรถ Hybrid และ Plug-In Hybrid รุ่นเด่นๆ ในงาน Motor Show 2022 (งานมอเตอร์โชว์ 2022) ที่น่าซื้อน่าสนในราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท มาให้ชม 8 รุ่นครับ …

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

Toyota Corolla Cross Hybrid

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover ของโตโยต้าซึ่งได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัว สร้างยอดขายสูงสุดในตลาดรถ Sub-Compact SUV ที่สำคัญ ยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด มีสัดส่วนถึง 85% ของยอดจำหน่ายรวม และเป็นยอดขายสูงสุด ในตลาดรถ Hybrid SUV

แข็งแกร่งด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) มั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

ส่วนห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และกล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic View Monitor)

ซึ่งในงาน Motor Show 2022 นี้  Toyota Corolla Cross GR Sport (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส จีอาร์ สปอร์ต) ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ชมงานอย่างต่อเนื่อง เติมเต็มด้วย DNA ของมอเตอร์สปอร์ต ด้วยจิตวิญญาณของ Gazoo Racing ที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งแพ็กเกจชุด GR ทั้งคัน

นอกจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดาแล้ว ยังมีในส่วนของเครื่องยนต์ Hybrid ที่มาพร้อมชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

ราคาของ Toyota Corolla Cross Hybrid

  • รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium ชุดแต่ง Modellista ราคา 1,130,500 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ชุดแต่ง Modellista ราคา 1,240,500 บาท
  • รุ่น HEV GR Sport ราคา 1,249,000 บาท

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม
***สำหรับสี Platinum White Pearl/Black Roof เพิ่มเงิน 15,000 บาท
****สำหรับสี Red Mica Metallic/Black Roof เพิ่มเงิน 10,000 บาท

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

Toyota C-HR Hybrid

Toyota C-HR HEV GR Sport (โตโยต้า ซีเอชอาร์ จีอาร์ สปอร์ต) ใหม่ “Race Your Irresistible Ambition” ความเร้าใจที่ยากเกินต้านทาน เสริมทัพ GR Series พร้อม Fun to drive ไปกับ Sub-Compact SUV ใหม่ล่าสุด

สำหรับ Toyota C-HR ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่ชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต ด้วยยอดจองรวมทุกรุ่นกว่า 9,000 คัน (ข้อมูลถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565) พร้อมแนะนำ “C-HR HEV GR Sport ใหม่” สายพันธุ์ Racing เครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 1.8 ลิตร ผสาน 2 พลังขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ พร้อมประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 24.4 กม./ลิตร

ดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตกับแพ็กเกจชุด GR Sport ประกอบด้วย สเกิร์ตรอบคัน, ชุดตกแต่งกันชนหน้า, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, ไฟตัดหมอกแบบ LED, พร้อมสัญลักษณ์ GR ที่กันชนหน้า และ GR Sport บริเวณท้ายรถ

ภายในตกแต่งด้วยสีดำ Total Look และสี Gun Metallic สไตล์ GR เบาะนั่งดีไซน์พิเศษ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR , พวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรูพร้อมสัญลักษณ์ GR, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR

ช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ต Upgrade คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ ทรงตัวดีขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและขับสนุกมากยิ่งขึ้น จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และช่วงล่างด้านหลัง Double Wishbone

ราคาของ Toyota C-HR

  • รุ่น HV Premium Safety ราคา 1,139,000 บาท
  • รุ่น HEV GR Sport ราคา 1,189,000 บาท

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

Honda HR-V e:HEV

All-New Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 2 ด้วยรูปแบบ e:HEV ขุมพลังไฮบริดในทุกรุ่นย่อย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย กับรุ่นย่อย RS เปิดตัวในไทยที่แรกของโลก!

มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่สะท้อนตัวตนสไตล์ SUV ได้อย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยตัวถังที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ ดึงดูดทุกสายตา ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย กว้างขวาง

มอบความสะดวกสบายในทุกที่นั่งและทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม โดดเด่นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC มอบกำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 131 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25.6 กม./ลิตร

พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟและช่วยให้การชาร์จไฟได้ประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่

ราคาของ Honda HR-V e:HEV

  • รุ่น E ราคา 979,000 บาท
  • รุ่น EL ราคา 1,079,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 1,179,000 บาท

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

Nissan Kicks

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) รถ Crossover ไฮบริด ที่มีจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

โดยมีให้เลือกในรุ่นย่อย E, V และ VL พร้อมเสริมความอุ่นใจของลูกค้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการขยายเงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็น 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง

และขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

ราคาของ Nissan Kicks e-POWER

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท
  • รุ่น VL (ภายในสีทูโทน) ราคา 1,059,000 บาท

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

Mitsubishi Outlander PHEV

Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) เป็นรถ SUV ระดับพรีเมียมที่ประกอบในประเทศ ผสาน DNA และเทคโนโลยีรถยนต์ระดับตำนานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มด้วย “Pajero” สุดยอดตำนานแห่งรถเอสยูวี “Mitsubishi Lancer Evolution” เจ้าแห่งสนาม “เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ” (WRC) ที่มีเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่เป็นหนึ่งในตำนานแห่งสมรรถนะ รวมทั้งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายจริงรุ่นแรกของโลกอย่าง “i-MiEV” (ไอ-มีฟ)

ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น โฉบเฉี่ยว และหรูหราเหนือระดับ ดีไซน์ภายในประณีตทุกรายละเอียด ห้องโดยสารกว้างขวาง ทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 305 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดอีวี (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ) โหมด ไฮบริด (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่) และโหมดพาราเรล ไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน)

พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม./ลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

ราคาของ Mitsubishi Outlander PHEV

  • รุ่น GT ราคา 1,640,000 บาท
  • รุ่น GT-Premium 2WD ราคา 1,759,000 บาท

New MG HS PHEV 2022

MG HS PHEV

MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) โฉมใหม่เปิดตัวในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด Refinement โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมรูปโฉมใหม่ที่ผสานความหรูหราทันสมัยและความสปอร์ตอย่างลงตัว มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องเบนซินเทอร์โบ และ ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid)

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR Navigation ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทาง ร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ Realtime ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม

และระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ และระบบช่วยผู้ขับขี่หรือระบบ ADAS ที่เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2

พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน Turbo ขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า

มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบโมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 kWh ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

ราคาของ MG HS PHEV

  • รุ่น PHEV D ราคา 1299,000 บาท
  • รุ่น PHEV X ราคา 1,379,000 บาท

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

Haval Jolion Hybrid SUV

All-New HAVAL Jolion Hybrid SUV (ฮาวาล โจไลอ้อน) นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ของ Haval จากสายการผลิตที่โรงงานระยอง เปิดตัวในไทยคันแรกของโลก (ที่เป็นรุ่นพวงมาลัยขวา) เรียกคนดูเข้าบูธในงาน Motor Show 2022 ได้แน่นเช่นเคย ด้วยราคาสุดเร้าใจและการออกแบบรถ คุณภาพวัสดุ ที่ดูดีไม่แพ้รถเจ้าตลาดหลายๆ ยี่ห้อ

ความพิเศษของรถรุ่นนี้ อยู่ที่การใช้แพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะเช่นเดียวกับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV และพกพาความหรูหรามารอบคันทีเดียว ห้องโดยสารภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” กว้างขวาง สะดวกสบาย

พร้อมการขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT และเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว

ราคาของ Haval Jolion

  • รุ่น Tech ราคา 879,000 บาท
  • รุ่น Pro ราคา 939,000 บาท
  • รุ่น Ultra ราคา 999,000 บาท

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid น่าซื้อ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน! ในงาน Motor Show 2022

Haval H6 Hybrid SUV

All-New Haval H6 Hybrid SUV (ฮาวาล เอช6) ยังคงเป็นรถ SUV Hybrid ยอดฮิตอีกหนึ่งรุ่นที่คนมางาน Motor Expo 2021 ต้องแวะไปดู ก็ได้เสียงตอบรับจากคนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 2 รุ่นย่อย โดยเป็นราคาแบบ “One Price” ราคาเดียวกันในทุกๆ ช่องทางการขาย

อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ ผสานการการออกแบบที่สวยงาม พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางและสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย และยังสามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ตัวรถผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ และการสั่งการและควบคุมรถผ่าน GWM Application

กับขุมพลังเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส GW4B15 GDIT EVO พ่วงระบบเทอร์โบแปรผันและซูเปอร์ชาร์จ รวมกำลังสูงสุดมากถึง 243 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์แบบ DHT ที่รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด

ราคาของ Haval H6 HEV

  • รุ่น Pro ราคา 1,149,000 บาท
  • รุ่น Ultra ราคา 1,249,000 บาท

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รวม 5 รถเก๋ง Hybrid และ PHEV ราคาไม่เกิน 2 ล้าน น่าซื้อ! ในงาน Motor Show 2022

ในงาน Motor Show 2022 (งานมอเตอร์โชว์ 2022) นี้รถยนต์ในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid นั้น แม้ว่าปัจจุบันกระแสอาจจะตกไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในท้องตลาด รวมไปถึงกลุ่มคนที่ยังชื่นชอบรถสไตล์เก๋งอยู่

สำหรับจุดเด่นของรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid นั่นคือการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่ต้องหาที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่หมด และช่วยประหยัดน้ำมันได้มาก อีกทั้งยังสามารถใช้งานในโหมด EV วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ ได้เช่นกัน

CARRO ขอคัดเลือกรถเก๋ง รถยนต์นั่งแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid รุ่นเด่นๆ ในงาน Motor Show 2022 (งานมอเตอร์โชว์ 2022) ที่น่าซื้อน่าสนในราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท รุ่นยอดนิยมทั้งแบบมือหนึ่งและมือสอง มาให้ชมด้วยกัน 5 รุ่นครับ …

รวม 5 รถเก๋ง Hybrid และ PHEV ราคาไม่เกิน 2 ล้าน น่าซื้อ! ในงาน Motor Show 2022

Toyota Corolla Altis Hybrid

Toyota Corolla Altis (โคโรลล่า อัลติส) รถยนต์เก๋ง Hybrid ตลาด C-Segment บนสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ (Fun-to-drive) สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ตัวรถมาพร้อมระบบ Full Hybrid System ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในการขับขี่ และตอบสนองต่อการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ อัดออพชั่นแจ๋วๆ อย่าง ระบบปรับระดับกระจกข้างอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (Outer Mirror Reverse Function) และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) มาให้ด้วย

พร้อมระบบ Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด ที่มีระบบการทำงานเพิ่มเติม คือ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed Range ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้า และระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เอง แม้ในขณะเข้าโค้ง

ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 กับขุมพลังเครื่องยนต์รหัส 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ รวมกำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ E-CVT เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น

ราคาของ Toyota Corolla Altis Hybrid

  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 994,000 บาท
  • รุ่น HEV GR Sport ราคา 1,114,000 บาท

รวม 5 รถเก๋ง Hybrid และ PHEV ราคาไม่เกิน 2 ล้าน น่าซื้อ! ในงาน Motor Show 2022

Toyota Camry Hybrid

Toyota Camry Hybrid (โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด) รุ่นไมเนอร์เชนจ์ สมบูรณ์แบบด้วยภาพลักษณ์หรูหรา ดีไซน์กระจังหน้าแบบใหม่ มาพร้อมคิ้วโครเมียม ชุดไฟหน้าเพิ่มความโฉบเฉี่ยว เพิ่มขนาดล้ออัลลอยใหญ่ 18 นิ้ว ให้ความสปอร์ต มั่นใจในทุกการขับขี่และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจากสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA

ห้องโดยสารภายใน ฉีกแนวการออกแบบเดิมๆ ทิ้งไป เล่นเส้นสายรูปตัว “Y” ตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้แบบใหม่ หนังหุ้มเบาะหนังแท้พร้อมวัสดุสังเคราะห์แบบนุ่มพิเศษที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน พวงมาลัยปรับไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งคนขับ เบาะนั่งคู่หน้า Ventilator พร้อมพัดลมจากใต้เบาะและพนักพิงให้ความรู้สึก Premium เบาะนั่งด้านหลังปรับไฟฟ้า พร้อมแผงควบคุมที่คอนโซลด้านหลัง หน้าจอแบบ Floating Type ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถยนต์โตโยต้า “Toyota Safety Sense” เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด

เครื่องยนต์สำหรับรุ่นไฮบริด…ผสาน 2 พลัง มอเตอร์ไฟฟ้า x เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Dynamic Force ทำงานร่วมกันอัตโนมัติ ให้การตอบสนองเต็มกำลัง กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที

มอเตอร์ไฟฟ้าชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 88 กิโลวัตต์ / แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตร และเกียร์ E-CVT ขีดสุดแห่งพลังขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ประสิทธิภาพสูงขึ้น ทนทานและประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 23.8 กม./ลิตร

พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย ชุดแต่ง Modellista package ที่ออกแบบจากญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิด Tokyo Style มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในราคา 41,000 บาท โดยสามารถติดตั้งกับคัมรี รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ได้ทุกรุ่น

ราคาของ Toyota Camry Hybrid

  • รุ่น 2.5 HEV Premium ราคา 1,659,000 บาท
  • รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury ราคา 1,809,000 บาท

รวม 5 รถเก๋ง Hybrid และ PHEV ราคาไม่เกิน 2 ล้าน น่าซื้อ! ในงาน Motor Show 2022

Honda City e:HEV

Honda City e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ อีเอชอีวี) ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ City Car ในประเทศไทย มีให้เลือกทั้งในแบบตัวถัง Sedan 4 ประตู และแบบ Hatchback 5 ประตู ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive i-MMD ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 98 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เป็นระบบ Full Hybrid 109 แรงม้า ที่ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบ/นาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กม./ลิตร และรองรับน้ำมัน E20

พร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “Honda SENSING” (ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง) ดีไซน์สปอร์ตโดดเด่น ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS เสริมเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) และโลโก้ e:HEV

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกมิติ ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม เช่น มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) เป็นต้น

ราคาของ Honda City e:HEV

  • รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
  • รุ่น e:HEV RS Hatchback ราคา 849,000 บาท

All-New Honda Civic eHEV 2022

Honda Civic e:HEV

Honda Civic e:HEV (ฮอนด้า ซีวิค อีเอชอีวี) เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ไทย ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ใหม่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมดีไซน์เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายความสปอร์ตพรีเมียม ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตพรีเมียม ด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัย สำหรับรุ่น e:HEV RS อาทิ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรู ล็อกและปลดล็อกรถได้ เพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เป็นต้น

ขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ โดยมีทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ EV Drive Mode, Hybrid Drive Mode และ Engine Drive Mode

ราคาของ Honda Civic e:HEV

  • รุ่น EL+ ราคาไม่เกิน 1,150,000 บาท
  • รุ่น RS ราคาไม่เกิน 1,270,000 บาท

*ราคาที่แสดงเป็นราคาประมาณการ ซึ่งราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการอาจมีการเปลี่ยนแปลง / เปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2565

รวม 5 รถเก๋ง Hybrid และ PHEV ราคาไม่เกิน 2 ล้าน น่าซื้อ! ในงาน Motor Show 2022

Honda Accord e:HEV

Honda Accord e:HEV (ฮอนด้า แอคคอร์ด อีเอชอีวี) โฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งด้านการขับเคลื่อน ขุมพลัง Full Hybrid และด้านความปลอดภัย มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ซึ่งผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า

ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียม เส้นสายปราดเปรียวและเฉียบคม ผสานความหรูหราและสปอร์ตไว้ลงตัว มาพร้อมกระจังหน้าแบบโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า และไฟ Daytime Running Light แบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED

ตอกย้ำเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยนตรกรรมไฮบริดใน แอคคอร์ด e:HEV ด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลัง และซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง ผสานดีไซน์ความหรูหราและประณีตไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยเบาะหนังดีไซน์พรีเมียมสีน้ำตาลและสีดำ พร้อมชุดตกแต่งลายไม้ ระบบแอร์อัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster Technology) ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD)

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ (Memory Seat with Easy Entry/Exit)

รุ่น e:HEV มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า จากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กม./ลิตร อีกทั้งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 97 กรัม/กม. ระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดถึง 3 โหมด ได้แก่ EV Drive Mode, Hybrid Drive Mode และ Engine Drive Mode

ราคาของ Honda Accord e:HEV

  • รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,639,000 บาท
  • รุ่น e:HEV TECH ราคา 1,799,000 บาท

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

10 ที่สุด ในงาน Motor Show 2022

“งานมอเตอร์โชว์ 2022” หรือ “Motor Show 2022” ในยุค New Normal ที่มีรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ รุ่นใหม่ๆ ที่แต่ละค่ายต่างเลือกมาโชว์มาขาย รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ทั้งโปรโมชั่น แคมเปญผ่อนดาวน์ และพริตตี้สาวสวยในยุคมีหน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัย หลายคนเห็นกันชินตาแล้ว นับจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ปีที่สอง …

แต่ในงานมอเตอร์โชว์ Motor Show 2022 การขับเคลื่อนในเชิงธุรกิจ ก็ยังต้องดำเนินต่อไป ด้านผู้ร่วมงานนอกจากจะต้องทำการขายให้ได้มากที่สุดแล้ว บางรายอาจสร้างสีสันให้กับบูธตัวเอง เพื่อเรียกลูกค้า สร้างความจดจำไม่ลืม แม้ว่างานจะจบไปแล้วก็ตาม ด้วยการนำจุดเด่นๆ ของผลิตภัณฑ์ที่มี มาร่วมโชว์ในงานครั้งนี้

ซึ่งจุดเด่นบางอย่าง เราถือได้ว่ามีความเป็น “ที่สุด” ที่มีมาโชว์หรือขายภายในงานครั้งนี้ CARRO จึงรวบรวม “10 ที่สุด” ที่เกี่ยวกับยานยนต์ในงาน “Motor Show 2022” มาให้ทุกท่านได้ว้าวกัน ว่ามีด้วยหรือเนี่ย!

10 รถ Eco-Car น่าซื้อ! สำหรับวัยรุ่น เด็กจบใหม่ ราคาไม่ถึง 6 แสน ในงาน Motor Show 2022

ถูกที่สุด

รถที่ “ถูก” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ไม่มีใครล้มตำแหน่งของเขาไปได้เป็นเวลาหลายปี นั่นคือ Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car (รถอีโคคาร์) ขนาดเล็กของซูซูกิขาย มาในราคาเพียง 328,000 บาท ที่ขายกันมายาวนานหลายปี

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

New Rolls-Royce Ghost Black Badge 2022

รถยนต์นั่งแพงที่สุด

รถยนต์นั่ง “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ก็คงเป็นแบรนด์เดิมเหมือนแทบทุกปี นั่นคือ Rolls-Royce Black Badge Ghost (โรลส์-รอยซ์ แบล็กแบดจ์ โกสต์) ในราคา 37,900,000 บาท!

อัครยนตรกรรมยุคใหม่ที่มาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะ สะท้อนตัวตนของผู้ครอบครองที่มีรสนิยมพิเศษ ตัวถังพ่นสีขาวอาร์คติกไวท์ (Arctic White) ตัดกันกับโค้ชไลน์ (Coachline) ด้านข้างเป็นเส้นสีดำที่ลากยาวจรดตัวถัง โดยเป็นงานแฮนด์เมดผ่านปลายพู่กันของ มร.มาร์ค คอร์ต ผู้รับผิดชอบการวาดโค้ชไลน์เพียงหนึ่งเดียวของ โรลส์-รอยซ์

ขณะที่ชิ้นส่วนสแตนเลสชุบโครเมียมต่างๆ อาทิ ขอบกระจก ปลายท่อไอเสีย รวมไปถึงสัญลักษณ์นางฟ้าหรือ Spirit of Ecstasy (สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี) บนฝาประโปรง ถูกทำเป็นโครเมียมสีดำ ด้วยกรรมวิธีชุบโลหะด้วยกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้มีสีเข้มและดูเงางาม ผสานความอลังการของล้อแม็กคาร์บอนคอมโพสิต ขอบ 21 นิ้ว ที่ผลิตมาโดยเฉพาะ

ห้องโดยสารสุดหรูหรา แดชบอร์ดประดับด้วยแผงวีเนียร์ (Veneer) Technical Fibre ลวดลายสามมิติ เป็นงานแฮนด์เมด ผลิตจากเส้นใยคาร์บอนและโลหะ เคลือบด้วยเรซิน พร้อมเพิ่มความพิเศษด้วยสัญลักษณ์อินฟินิตี้ (Infinity) บริเวณนาฬิกาบนแดชบอร์ด, กลางเบาะหลัง และแผ่นกันรอยบริเวณประตู สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัด

เครื่องยนต์เบนซิน Turbo V12 สูบ 6.75 ลิตร ปรับแต่งเพิ่มประสิทธิภาพให้มีกำลังระดับ 600 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ตอบสนองแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ผสานเสียงคำรามหนักแน่นจากชุดท่อไอเสียแบบพิเศษ ขณะที่ช่วงล่างปรับปรุงให้สปอร์ตมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจด้วยระบบเบรกที่อัพเกรดให้เหมาะสมกับสมรรถนะที่สูงขึ้น

Maserati MC20 2022

รถ Super Car แพงที่สุด

รถ Super Car ที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ขอยกให้ Maserati MC20 (มาเซราติ เอ็มซี20) สะท้อนความเป็นสปอร์ตของ มาเซราติ ยุคใหม่ โดยอักษร “MC” ย่อจากคำว่า Maserati Corse ขณะที่ตัวเลข 20 ก็สื่อถึงปี 2020 ซึ่งเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแบรนด์ มาเซราติ

Maserati MC20 ยังคว้ารางวัล “Most Beautiful Supercar of the Year 2021” และ “Super Sports Car of the Year” อีกทั้งยังเป็นซูเปอร์คาร์ ซึ่งผลิตในโรงงานที่เมืองโมเดนา อิตาลี 100%

ตัวรถดีไซน์พลิ้วไหว ผสานจิตวิญญาณสปอร์ตของขุมพลัง Nettuno แบบ V6 สูบ Twin Turbo 630 แรงม้า แรงบิด 730 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 325 กม./ชม. ซึ่งขุมพลังบล็อคนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่ มาเซราติ ผลิตขึ้นด้วยตนเองอีกครั้งในรอบ 20 ปี

Maserati MC20 มาในราคาที่เป็นเจ้าของได้ เริ่มต้นที่ 21,500,000 บาท!

Brabus 800 Adventure XLP 2022

รถ SUV แพงที่สุด

ส่วนรถ SUV ที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ได้แก่ Brabus 800 Adventure XLP (บราบัส 800 แอดเวนเจอร์ เอ็กซ์แอลพี) เป็นการนำ Mercedes-AMG G63 รุ่นใหม่ล่าสุด มาปรับแต่งและขนานนามว่า Brabus 800 ในราคา 38,900,000 บาท!!! พร้อม Option เพิ่มเติมที่สามารถจัดใส่ในรถได้ถึง 50 ล้านบาท! เศรษฐีสายรถแต่งห้ามพลาด!

Brabus 800 Adventure XLP มาพร้อมความพิเศษและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยโลโก้ Brabus แบบเรืองแสงที่กระจังหน้า กับชุดแต่ง Widestar ของ Brabus ทำให้มีความกว้างกว่าเดิม 100 มม. ออกแบบกันชนหน้า-หลังใหม่ พร้อมไฟ LED เสริมที่ชายล่างกันชนและบนหลังคา ส่วนฝากระโปรงหน้ายกชุดใหม่ พร้อมสปอยเลอร์หลังคา ชุดฝาครอบล้ออะไหล่แบบคาร์บอนไฟเบอร์

Brabus ยังใช้ชุดล้อ BRABUS “Platinum Edition” Monoblock ขนาด 23 นิ้ว ที่หุ้มด้วยยางประสิทธิภาพสูงขนาด 305/35R23 ส่วนการออกแบบภายใน เจ้าของรถสามารถออกแบบได้ตามต้องการ ที่ Brabus จะนำเสนอทางเลือกการตกแต่งที่หลากหลาย ตั้งแต่ตัวเลือกหนังชั้นดี Alcantara ไปจนถึงคาร์บอนไฟเบอร์ในสีต่างๆ หรือตามที่ลูกค้าต้องการแบบไม่มีที่สิ้นสุด

ด้วยเครื่องยนต์จาก Mercedes-AMG G63 ที่ทาง Brabus ปรับแต่งจนมีกำลัง 789 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที และแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที อัปเกรดระบบท่อไอเสียสแตนเลสแบบสปอร์ตพร้อมวาล์วควบคุมได้ ด้วยแพ็คเกจปรับแต่งของ Brabus ทำให้คันนี้วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.1 วินาที เท่านั้น

ซื้อมั้ย! 15 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเด่น ในงาน Motor Show 2022

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูกที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ที่ถูกที่สุดในงาน Motor Show 2022 ต้องยกให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนั่นเอง กับ Pocco Duoduo (ป๊อคโค่ ตั่วตั่ว) หรือ 朋克多多 เป็นรถภายใต้แบรนด์ 朋克 (เผิงเค่อ) มาจากภาษาอังกฤษคำว่า Punk (พังก์) เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ Tall Boy 4 ประตู (ดูคล้ายกับรถ K-Car ของญี่ปุ่น) นั่งได้ 4-5 ที่นั่ง ผสมผสานการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ จุดชาร์จไฟอยู่บริเวณด้านหน้ารถ โดยใช้สีทูโทนเพื่อให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพิ่งเปิดตัวไปในจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 10.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 128 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 14.5 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 178 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จ (ไฟบ้าน 0-100%) หนึ่งครั้ง ให้เลือก ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

รุ่น L ราคาเริ่มต้นที่ 389,000 บาท! (รุ่นแบตเตอรี่ 10.3 kWh) และรุ่น K ราคา 449,000 บาท (รุ่นแบตเตอรี่ 14.5 kWh)

New Porsche Taycan GTS 2022

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาแพงที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) (ที่มาโชว์) และราคาแพงที่สุดในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ ต้องยกให้ Porsche Taycan GTS (ปอร์เช่ ไทคานน์ จีทีเอส) ใหม่ ด้วยตำแหน่งทางการตลาดที่วางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ สไตล์สปอร์ตเต็มพิกัด ระหว่าง Taycan 4S (ไทคานน์ โฟร์เอส) กับ Taycan Turbo (ไทคานน์ เทอร์โบ)

สำหรับ Porsche Taycan GTS คันนี้ คือเวอร์ชั่นที่สปอร์ตที่สุด เร้าใจที่สุด มาพร้อมพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 504 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) นี่คือ Taycan รุ่นแรกที่ทำลายขีดจำกัดระยะทาง 500 กิโลเมตรได้สำเร็จ

รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุด มีดีไซน์ที่แตกต่างจากพี่น้องร่วมตระกูล: ชุดแต่งตัวถัง Sports Design Package เสริมภาพลักษณ์ดุดัน ตกแต่งกันชนหน้า-ท้าย และสเกิร์ตข้าง รวมไปถึงไฟหน้ารมดำ 3D Track Graphics ที่ได้รับการติดตั้ง Daytime Running Light แบบ LED

นับเป็นครั้งแรกกับการติดตั้งหลังคากระจก Panoramic Roof พร้อมเทคโนโลยี “Sunshine Control” อุปกรณ์พิเศษสำหรับ Taycan GTS ใหม่ แบ่งพื้นที่กระจกออกเป็น 9 ส่วน โดยแต่ละส่วนสามารถควบคุมการทำงานได้อิสระ เพิ่มฟังก์ชั่นในการกรองแสงจากภายนอกด้วยระดับการทำงานที่ปรับได้หลากหลาย ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุ Race-Tex สีดำ ชิ้นงานอลูมิเนียมปัดเงา

พกพาพละกำลังมหาศาลติดตัวมากว่า 598 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ Launch Control ขณะที่ใช้งานในโหมด Normal จะให้กำลังที่ 517 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.

Sakun.C EV Aluminum Bus

รถใหญ่ที่สุด

ถ้านับถึงสิ่งที่มีล้อ ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้แล้วในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ต้องยกให้ Sakun.C (สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น) เปิดตัวผลงาน “EV Aluminum Bus” พร้อมโชว์ตัวในงาน Motor Show 2022

Sakun C ได้ร่วมกับ สวทช. พัฒนา “EV Aluminum Bus” สัญชาติไทย ตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียมขึ้นรูปผสมพิเศษ แข็งแรงกว่าเหล็กและอะลูมิเนียมทั่วไปถึง 4 เท่า ซึ่งเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตรถ Super Car แต่บริษัทนำมาใช้ผลิตรถเมล์ไฟฟ้า สำหรับคนไทย ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าเหล็กครึ่งนึง ทำให้ใช้งานได้นานถึง 30 ปี

วิ่งได้ไกล ไม่ผุกร่อนหรือเป็นสนิม และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ลดฝุ่นควัน PM 2.5 มีค่า CO2 เป็นศูนย์ ด้านแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบการชาร์จไฟจะจัดทำไว้ให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่ ขสมก. กำหนด

Siam Watercraft Motor Show 2022

ใหญ่ที่สุด

สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ต้องขอยกให้เรือจากบูธ Siam Watercraft และ Siam Motor Boats & Yachting ที่นำเรือสปีดโบ๊ต Cranchi และ Cobalt รวมถึงเรือเซิร์ฟอย่าง Malibu Boats และเจ็ทสกี Seadoo โมเดลใหม่ 2022 มาโชว์ในงาน ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว

Harley-Davidson Road Glide Special ST 2022

มอเตอร์ไซค์แพงที่สุด

มอเตอร์ไซค์แพงที่สุดในงาน Motor Show 2022 ต้องยกให้กับ Harley-Davidson Road Glide Special ST (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน โรด กริด สเปเชี่ยล เอสที) ที่มาพร้อมความโดดเด่นเรื่องงานดีไซน์ สไตล์แฟร์ริ่งทรงจมูกฉลามแบบแอโรไดนามิกที่มีช่องระบายอากาศแบบแยกส่วนคงที่ (Fixed) พร้อมไฟหน้าแบบคู่

ใช้เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 ขนาด 1,923 ซีซี แบบ 2 สูบ V-Twin 4 จังหวะ 2 วาล์ว/สูบ ในราคา 1,649,900 บาท

Nissan Skyline R30 Motor Show 2022

เท่ที่สุด

ในงาน Motor Show 2022 น่าจะเรียกได้เลยว่าบูธ ROD นี้ เอารถแปลกมาโชว์ที่สุดแล้ว ตั้งแต่ไปเดินชมงานมา นั่นคือ Nissan Skyline (R30) คันนี้ ที่แต่งในแนวของ Zokusha (族車) หรือ Shakotan (車高短) รถเตี้ยติดดิน ตีโป่ง ใส่ล้อแม็กออฟเซ็ตลึกๆ สไตล์แก๊งรถซิ่งของญี่ปุ่นช่วงยุค 70 – 80 นั่นเอง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

CARRO พาชมรถใหม่ เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2022

“Motor Show 2022” (มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43) หรือ The 43rd Bangkok International Motor Show 2022 ภายใต้แนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” หรือ “Keep Moving Forward Together” พร้อมนำรถรุ่นใหม่มาโชว์ให้ดูกันเต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศการจัดงานแบบวิถีชีวิตใหม่-New Normal ปลอดภัยไร้กังวลจากโควิด-19 และในปีนี้ พิเศษ! ด้วยโซน Smart EV City ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคนยุคใหม่

โดยงานมอเตอร์โชว์ 2022 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

CARRO ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ รถรุ่นเด่นๆ และรถยนต์ไฟฟ้า ที่เปิดตัวกันตั้งแต่ก่อนงาน และในงาน Motor Show 2022 แม้ว่าในปีนี้ บริษัทรถยนต์หลายค่าย อาจจะมีรถใหม่มาเผยโฉมกันไม่มากนัก … เอาล่ะ CARRO ขอแนะนำรถในงาน Motor  Show 2022 ให้ได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ กันเลยครับ …

New Toyota C-HR GR Sport 2022

Toyota C-HR GR Sport

Toyota C-HR HEV GR Sport (โตโยต้า ซีเอชอาร์ จีอาร์ สปอร์ต) ใหม่ “Race Your Irresistible Ambition” ความเร้าใจที่ยากเกินต้านทาน เสริมทัพ GR Series พร้อม Fun to drive ไปกับ Sub-Compact SUV ใหม่ล่าสุด

สำหรับ Toyota C-HR ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่ชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต ด้วยยอดจองรวมทุกรุ่นกว่า 9,000 คัน (ข้อมูลถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565) พร้อมแนะนำ “C-HR HEV GR Sport ใหม่” สายพันธุ์ Racing เครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 1.8 ลิตร ผสาน 2 พลังขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ พร้อมประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 24.4 กม./ลิตร

ดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตกับแพ็กเกจชุด GR Sport ประกอบด้วย สเกิร์ตรอบคัน, ชุดตกแต่งกันชนหน้า, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, ไฟตัดหมอกแบบ LED, พร้อมสัญลักษณ์ GR ที่กันชนหน้า และ GR Sport บริเวณท้ายรถ

ภายในตกแต่งด้วยสีดำ Total Look และสี Gun Metallic สไตล์ GR เบาะนั่งดีไซน์พิเศษ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR , พวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรูพร้อมสัญลักษณ์ GR, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR

ช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ต Upgrade คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ ทรงตัวดีขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและขับสนุกมากยิ่งขึ้น จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และช่วงล่างด้านหลัง Double Wishbone

Toyota C-HR HEV GR Sport มาในราคา 1,189,000 บาท

Toyota bZ4X 2022

Toyota bZ4X

นับตั้งแต่ Toyota (โตโยต้า) เผยโฉมรถ Crossover SUV หรือ C-SUV พลังงานไฟฟ้า 100% จากค่ายโตโยต้า Toyota bZ4X (โตโยต้า บีแซดโฟร์เอ็กซ์) ใหม่ ก็เป็นที่สนใจอย่างมากของชาวโลก และมีข่าวว่าในงาน Motor Show 2022 (มอเตอร์โชว์ 2022) นี้ Toyota ได้นำเข้ามาให้ได้ชื่นชมกัน ก่อนเตรียมขายในไทยเร็วๆ นี้

Toyota bZ ชื่อรุ่นเป็นคำย่อมาจากคำว่า “Beyond Zero” และยังเป็นรุ่นแรกของตระกูล bZ Series ที่โตโยต้าจะใช้ชื่อ bZ นี้ เพื่อสื่อถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม e-TNGA ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มใหม่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ ร่วมพัฒนากับทาง Subaru และ Daihatsu รวมจุดเด่นด้านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของโตโยต้า และความเชี่ยวชาญด้านระบบ AWD ของ Subaru ไว้

ขุมพลังมีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว แบบ AC Synchronous Electric Motor ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 71.4 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม. วิ่งได้ไกลสุด 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)

ส่วนแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ แบบ AC Synchronous Electric Motor ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 336 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 71.4 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 160 กม./ชม. สามารถขับได้ไกลสุด 460 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)

รองรับการชาร์จไฟทั้งแบบกระแสสลับ AC กำลังไฟ 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง และกระแสตรง DC กำลังไฟ 150 kW จาก 0-80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

All-New Toyota Veloz 2022

Toyota Veloz

All-New Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง สไตล์ Premium Crossover ดีไซน์ล้ำสมัย ห้องโดยสารกว้างขวางเทียบเท่ารถระดับ C-Segment ใช้แนวคิดการสื่อสารการตลาดว่า “ใช้ชีวิตไปด้วยกัน” หรือ “Better Together”

ภายนอกดูโดดเด่น กระจังหน้าดีไซน์ขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้าแบบ LED ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง พร้อมแผ่นกันใต้ท้องรถสไตล์ Crossover มีแนวเส้นขอบโครเมียมด้านหน้าตัวรถยาวถึงด้านหลัง ล้อและซุ้มล้อขนาดใหญ่แบบ SUV

ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งปรับได้หลากหลายถึง 7 แบบ เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยด้วยแผงหน้าปัด TFT ปรับได้ 4 รูปแบบ ระบบเครื่องเสียง หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเสียบ USB 4 จุด และที่วางแก้วน้ำมากถึง 15 จุด

ที่สำคัญยังเพียบพร้อมด้วยระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในรถระดับเดียวกัน ด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS พร้อมแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ และเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร 106 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 17.9 กม./ ลิตร หยุดรถมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า

มีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Premium และ รุ่น Smart ในราคา 875,000 – 975,000 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงานเท่านั้น)

New Mitsubishi Xpander 2022

Mitsubishi Xpander

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) เปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ ในงาน Motor Show 2022 นี้แต่ยังไม่เปิดราคาจำหน่าย

ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงตัวรถใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 95 มม. และความสูงจากพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 15 มม. ทำให้รถมีความสูงมากถึง 220 มม. พร้อมติดตั้งและเพิ่มเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า

ด้านหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Advanced Dynamic Shield ด้านหลังดีไซน์ใหม่ ติดตั้งกันชนท้ายและแผ่นกันกระแทกแบบใหม่ ดีไซน์ 3 มิติ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สีทูโทนขนาด 17 นิ้ว

ห้องโดยสารสีทูโทน สีน้ำตาล-ดำ ดีไซน์ใหม่แบบ Horizontal Axis จัดเรียงแผงควบคุมที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ใช้งานง่าย พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ทรงสปอร์ต วัสดุหนังสังเคราะห์หุ้มเบาะนั่ง มีหน้าจอระบบสัมผัส รุ่นใหม่ ขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับการใช้งานแอปเปิล คาร์เพลย์ ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมกันนี้ยังติดตั้ง ที่วางขวดน้ำขนาด 600 มล. มากถึง 4 ขวด บริเวณที่พักแขนอีกด้วย

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร MIVEC 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องรุ่นใหม่ Eco-Dynamic CVT

All-New Subaru BRZ 2022

Subaru BRZ

The All-New Subaru BRZ (ซูบารุ บีอาร์แซด) รถสปอร์ตคูเป้ระดับตำนาน ที่ครั้งนี้พลิกโฉมการออกแบบใหม่หมดทั้งคันในเจเนอเรชันที่ 2 ตั้งแต่เครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ จนถึงดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว พร้อมอัดแน่นเทคโนโลยีความปลอดภัย EyeSight Advanced Driver Assist Technology เป็นครั้งแรก จนได้รับการยกย่องให้เป็น “สุดยอดสปอร์ตคูเป้ยอดนิยมแห่งปี” จากหลายเวทีระดับโลก

B – BOXER สปอร์ตคูเป้เจเนอเรชั่น 2 ของซูบารุที่สานต่อ DNA อันเป็นเอกลักษณ์ ของ Subaru BRZ รถสปอร์ตที่คล่องตัวและมีน้ำหนักเบา กับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ปรับขุมพลังใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร มอบอัตราเร่งที่ดุดันด้วยพละกำลัง 237 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตันเมตร

R – Rear Wheel Drive เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่วางเครื่องยนต์ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำงานประสานกับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมแพดเดิลชิฟต์ ตอกย้ำนิยามความเป็นรถสปอร์ตที่ขับสนุก ตอบสนองการขับขี่ทุกรูปแบบได้ดังใจ

Z – Zenith ที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ต น้ำหนักเบา ให้การควบคุมและการตอบสนองที่ดีเยี่ยม ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมีส่วนร่วมกับรถได้เป็นหนึ่งเดียว

ห้องโดยสารและแผงคอนโซลดีไซน์ใหม่ เบาะนั่งคู่หน้าบุด้วยหนังและวัสดุพิเศษ (Ultrasuede) แผงหน้าปัดเรือนไมล์แบบ LCD หน้าจอระบบสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เสริมระบบควบคุมเสถียรภาพแบบสปอร์ต Track mode ที่ให้อิสระแก่ผู้ขับขี่มากขึ้น และเพิ่มความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย EyeSight Advanced Driver Assist Technology

The All-New Subaru BRZ 2.4 MT ราคาขายปลีกแนะนำ 2,283,800 บาท ราคาออพชันแพค 415,200 บาท ราคารวม 2,699,000 บาท และรุ่น 2.4 AT EyeSight ราคาขายปลีกแนะนำ 2,433,800 บาท ราคาออพชันแพค 415,200 บาท ราคารวม 2,849,000 บาท

New Hyundai Creta2022

Hyundai Creta

Hyundai Creta (ฮุนได เครต้า) ใหม่ รถอเนกประสงค์รุ่นแรกของฮุนได ในไทย นำเข้าจากโรงงาน Hyundai ในอินโดนีเซีย

ชื่อรุ่น เครต้า คือความเชื่อมโยง จากชื่อของหมู่เกาะครีต ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของบรรยากาศที่สงบ ผ่อนคลาย ขณะเดียวกันเต็มไปด้วยพลังงาน และความคึกคักของกิจกรรมบนเกาะ

ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เส้นหลังคาและเสา C เน้นความมั่นคง ส่วนภายในออกแบบเน้นความพรีเมี่ยม และร่วมสมัย บริเวณด้านหน้าแผงหน้าปัดแนวยาวเชื่อมต่อไปกับแผงด้านข้างประตู เสมือนปีกที่โค้งรับกัน ดูเข้ม และมีพลังเหมือนโอบอุ้มผู้โดยสาร ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอลบนจอ LED ขนาด 10.25 นิ้ว ความละเอียดสูง บริเวณแผงด้านหน้าติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Android Auto และ Apple CarPlay

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว มอบพละกำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์ IVT พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 แบบ คือ อีโค (Eco), คอมฟอร์ท (Comfort), สปอร์ต (Sport) และสมาร์ท (Smart) พร้อมปุ่มปรับการขับขี่เฉพาะสภาพถนนหิมะ, ทรายหรือโคลน

Hyundai Creta มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ SE และ SEL มาในราคา 949,000 – 999,000 บาท

All-New Neta V 2022

NETA V

ปตท. จับมือ Hozon เตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้า NETA (เนต้า) ในรุ่น NETA V (เนต้า วี) (哪吒V) สไตล์ Crossover พวงมาลัยขวา ภายใต้บริษัท NETA Auto Thailand ผ่านบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% ร่วมกับ บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ร่วมกัน เปิดตัวรถในงาน Motor Show 2022 นี้

Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบ Crossover ขนาดเล็กแบบ 5 ประตู ตัวรถภายนอกได้แรงบันดาลในมาจาก “โลมา” ด้านหน้ารถยื่นแหลมเหมือนปากโลมา ด้านข้างมีสันนูน เน้นความลู่ลม ส่วนจุดชาร์จไฟติดตั้งที่ซุ้มล้อด้านหน้า ใช้ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 15 นิ้ว ด้านท้ายมีสปอยเลอร์หลังคาและไฟเบรกดวงที่ 3 มาให้

ภายในห้องโดยสารดูเรียบง่ายสไตล์มินิมอล แผงคอนโซลแบบเล่นระดับพร้อมตกแต่งลายไม้ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ฝั่งผู้ขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 2 ก้านขนาดใหญ่แบบหัวตัดและท้ายตัด หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่เป็นแบบดิจิทัลทรงเหลี่ยมยาว มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 13 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมสั่งงานด้วยเสียง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติและระบบกรองอากาศ N95 มีกุญแจ Keyless แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย

ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่เพลาคู่ล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมแบตเตอรี่มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ รุ่น Standard ใช้แบตเตอรี่แบตลิเธียม LFP ขนาด 40 kW แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ให้ระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 301 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ส่วนในรุ่น Lone Range ใช้มีแบตเตอรี่ขนาด 55 kW มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ไกล 401 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)

อัตราเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ในรุ่น Standard จะอยู่ที่ 5.9 วินาที ส่วนในรุ่น Lone Range จะอยู่ที่ 4.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงุสดจะถูกจำกัดไว้ที่ 100 กม./ชม.

รองรับการชาร์จไฟขนาด 3.3 kW ใช้เวลาประมาณ 10-12 ชม. และขนาด 6.6 kW จะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชม. มาพร้อมระบบ Fast Charging ที่ชาร์จไฟแบบ DC ตั้งแต่ 30-80% ในเวลาเพียง 30 นาที

NETA V ราคาคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 750,000 บาท

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 403 กิโลเมตร

MG ZS EV

New MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) รถยนต์ไฟฟ้า 100% โฉมใหม่ ที่มาพร้อมกับ Concept “Truly Easy” เรียบหรู ล้ำสมัยภายใต้แนวคิด BRIT Dynamic ลงตัวสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งสมรรถนะ (Performance) การควบคุม (Handing) การออกแบบ (Design) และความปลอดภัย (Safety) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทันสมัย ขับขี่ง่าย มั่นใจในทุกเส้นทาง

ภายในมาพร้อมการใช้งานที่ “ง่าย” และ สบาย ยิ่งขึ้น กว้างขวาง เรียบหรู แฝงความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยคอนโซลหน้าลายคาร์บอนไฟเบอร์ และเบาะหนังดำเดินด้ายแดง พร้อมวัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน บวกกับหน้าจอสีระบบสัมผัสดีไซน์ใหม่ ขนาด 10 นิ้ว มีระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เป็นต้น

ตอบโจทย์เอาท์ดอร์ไลฟ์สไตล์ด้วยฟีเจอร์ V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 2,200 วัตต์ สมรรถนะสูง ด้วยมอเตอร์ขนาด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 8.6 วินาที และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 50.3 kWh สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) พร้อมมีระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า

New MG ZS EV มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D รุ่นเริ่มต้น ราคา 949,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรกาส่งเสริมจากภาครัฐ 240,000 บาท) และรุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ในราคา 1,023,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรกาส่งเสริมจากภาครัฐ 246,000 บาท)

New MG HS และ MG HS PHEV 2022

MG HS / MG HS PHEV

New MG HS (เอ็มจี เอชเอส) และ New MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเฮชอีวี) โฉมใหม่ ภายใต้แนวคิด Refinement โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมรูปโฉมใหม่ที่ผสานความหรูหราทันสมัยและความสปอร์ตอย่างลงตัว มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องเบนซินเทอร์โบ และ ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid)

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR Navigation ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทาง ร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ Realtime ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม

และระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ และระบบช่วยผู้ขับขี่หรือระบบ ADAS ที่เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2

พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน Turbo ขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด

และเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบโมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 kWh ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

New MG HS และ New MG HS PHEV มี 5 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นเครื่องยนต์สันดาปจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่น X และรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PHEV D และ รุ่น PHEV X ในราคาตั้งแต่ 939,000 – 1379,000 บาท

All-New ORA Good Cat GT 2022

ORA Good Cat GT

ORA Good Cat GT (โอร่า กู๊ด แคท จีที) เจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ ORA มาเผยโฉมครั้งแรกในงาน Motor Show 2022 ด้วยดีไซน์อันโฉบเฉี่ยว สปอร์ตดุดัน และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

เริ่มตั้งแต่กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยลายคาร์บอนและแถบสีแดง ซุ้มล้อลายคาร์บอน สปอยเลอร์หลังพร้อมสัญลักษณ์ GT ส่วนกันชนท้ายมีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ในตัว ล้ออัลลอยเป็นแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว ซึ่ง ORA ระบุว่าได้แรงบันดาลใจการออกแบบจาก “กรงเล็บแมว” ตกแต่งด้วยแถบสีแดง ใส่ยาง Giti ขนาด 215/50R18

ห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตด้วยโทนสีดำ-แดง เบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังกลับสีแดง พร้อมระบบนวด มีหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว, ระบบแสดงสภาพอากาศออนไลน์ ระบบสั่งงานด้วยคำสั่งเสียง ฯลฯ รวมถึงมีระบบอัปเกรดซอฟท์แวร์แบบออนไลน์ (FOTA) และประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าพร้อมเซ็นเซอร์เท้า

ORA Good Cat GT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลัง 171 แรงม้า มากกว่ารุ่นปกติ 28 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม. ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที

ส่วนชุดแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต ขนาด 59.1 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 480 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ขนาด 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 8 ชม. และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 0-80% ในเวลา 45 นาที และ 30-80% ในเวลา 32 นาที

พร้อมเปิดรับจองผ่าน Application GWM ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม – 30 เมษายน 2565 ใครอยากเป็นเจ้าของเจ้าเหมียว GT คันนี้ เตรียมจองได้เลย

All-New Tank 300 HEV 2022

Tank 300 HEV

Tank 300 HEV (แทงก์ 300 เอชอีวี) รถยนต์ออฟโรดสไตล์โมเดิร์น มาพร้อมรูปทรงสง่างามและเครื่องยนต์ทรงพลัง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ภายในเมืองครบครัน และการผจญภัยของผู้ขับขี่ขาลุยอย่างลงตัว ถ่ายทอดคุณสมบัติของแบรนด์ในการสร้าง “แบรนด์ออฟโรดที่โฉบเฉี่ยวทันสมัยระดับโลก” สำหรับ “Tank” เป็นแบรนด์หลักลำดับที่ 5 ที่เปิดตัวโดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ในปี 2564 นำมาโชว์ในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ด้วย

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จแบบฉีดตรง มีกำลังสูงแม้ขณะทำงานเต็มที่ การใช้เกียร์ 8AT ไม่เพียงช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังรับประกันการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย พร้อมความสามารถแบบออฟโรด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โหมดเกาะถนน” อันทรงพลัง โดยที่เพลาไขว้สามารถวิ่งได้อย่างราบรื่นและเบรกได้อย่างรวดเร็วเมื่อขับขึ้นทางลาดชัน

เทคโนโลยีอัจฉริยะ เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันอันทรงพลังของ รถยนต์รุ่น GWM Tank 300 ด้วยระบบวิดีโอ 360 องศา ที่ปรับเปลี่ยนมุมมองได้หลากหลาย แม้ว่าจะขับรถในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ฟีเจอร์ตรวจจับทัศนียภาพรอบตัว (Surround View Monitor) จะแสดงภาพชัดเจนบนหน้าจอ LCD ได้ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถสั่งงานฟังก์ชันบางอย่างด้วยเสียงเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด

All-New Mercedes-Benz C-Class W206 2022

Mercedes-Benz C-Class (W206)

The New Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) เจเนอเรชั่นที่ 6 รหัส W206 คือเดอะนิว Baby Luxury ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ต และตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ

ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางแบบ LED จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว ที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ยกระดับขึ้นอีกขั้น

มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ กับขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร พัฒนาใหม่พร้อมระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ แบบ 48V Technology ทำให้ได้กำลังรวมมากถึง 200 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที และทำความเร็วได้สูงสุด 245 กม./ชม. พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC)

The New Mercedes-Benz C-Class มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น C 220 d Avantgarde และ รุ่น C 220 d AMG Dynamic

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe Special EDITION 2022

Mercedes-AMG C43 4Matic Coupé Special Edition

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ซี43 4แมติก คูเป้ สเปเชี่ยล เอดิชั่น) คือสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบที่พิเศษเหนือใครของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ดีไซน์ภายนอกสะท้อนความเร้าใจตามแบบฉบับ AMG ได้อย่างลงตัว

ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 BITURBO มอบกำลังสูงสุด 390 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที เร็ว แรง และเร้าใจในชั่วพริบตาด้วยอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที

เร้าใจเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC ที่ออกตัวพุ่งทะยานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เข้าโค้งได้เฉียบคม ส่วนระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G Transmission แบบใหม่ยังมาพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ

All-New Ford Ranger 2022

Ford Ranger

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เจเนอเรชั่นใหม่ สุดยอดรถกระบะที่แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และชาญฉลาดที่สุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ โดดเด่นด้วยดีไซน์โฉมใหม่ที่ดุดัน โฉบเฉี่ยว ยกระดับความแข็งแกร่งภายนอกพร้อมความหรูหราสะดวกสบายภายใน โดยในระยะแรก สมนิยาม “เกิดมาแกร่ง” อย่างแท้จริง มีให้เลือกเฉพาะรุ่น Sport และ Wildtrak เท่านั้น พร้อมเปิดให้จองแล้วผ่านเวบไซต์ของ Ford

ดีไซน์ภายนอกของ All-new Ford Ranger 2022 โดดเด่นด้วยไฟหน้ารูปตัว C และกระจังหน้าแบบใหม่ พร้อมระบบไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก และบันไดเหยียบด้านข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง ขึ้น-ลงกระบะท้ายได้ง่ายขึ้น เสริมด้วยฐานล้อที่มีความยาวและความกว้างเพิ่มขึ้น 50 มม.

ภายในห้องโดยสารเน้นความหรูหรายิ่งขึ้น แผงหน้าปัดใหม่ พร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 10.1 นิ้ว และ 12 นิ้ว ที่เชื่อมเข้ากับกล้อง 360 องศา รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รุ่นใหม่ล่าสุด รองรับ Apple CarPlay/Android Auto พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง และแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถได้เต็มรูปแบบ

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล Turbo 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

Ford Ranger ใหม่ เคาะราคารุ่น Sport เริ่มต้นที่ 929,000 บาท และรุ่น Wildtrak เริ่มต้นที่ 999,000 บาท

All-New Ford Ranger Raptor 2022

Ford Ranger Raptor

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) เจเนอเรชั่นใหม่ รถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลเรนเจอร์ อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา มาพร้อมดีไซน์ที่ดุดันยิ่งกว่าเคย พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนทางเรียบในชีวิตประจำวัน หรือเส้นทางออฟโรดสุดหฤโหด

ตัวรถภายนอกมาพร้อมความดุดัน และจุดเด่นหลายๆ อย่าง เช่น ติดตั้งระบบไอเสียแบบแปรผันควบคุมไฟฟ้าครั้งแรกในรถกระบะ ช่วยให้ผู้ขับขี่ตั้งค่าเสียงท่อไอเสีย มีระดับความดังด้วยกันถีง 4 โหมด ได้แก่ โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮา เสริมด้วยระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮา จะรักษาการหมุนของ Turbo ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที ช่วยให้เร่งได้ทันใจขณะออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร EcoBoost V6 Twin Turbo มอบกำลังสูงสุดถึง 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบ/นาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งทั้งหมดถูกปรับจูนตามมาตรฐานของ Ford Performance ถ่ายทอดกำลังได้เต็มพิกัดทั้งบนทางกรวด ดิน โคลน และทราย ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร Twin Turbo จะยังคงมีอยู่

Ford Ranger Raptor ใหม่ มาในราคา 1,869,000 บาท!

All-New Ford Everest 2022

Ford Everest

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เจเนอเรชั่นใหม่ ออกแบบและพัฒนาเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักการผจญภัยตัวจริง ผสานสมรรถนะอันโดดเด่นพร้อมลุยเข้ากับความสะดวกสบายเหนือระดับได้อย่างลงตัว มาพร้อมโฉมใหม่ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูล้ำสมัยแข็งแกร่ง ภายในสะดวกสบายเป็นส่วนตัว ในระยะแรกจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Sport และ Titamium+

ขุมพลังของรุ่น Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 405 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขณะที่รุ่น Titanium+ ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Bi-Turbo 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยการขับขี่และฟีเจอร์อำนวยความสะดวกยิ่งกว่าเคย เช่น หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ 12.4 นิ้ว, หน้าจอสี Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay/Android Auto พร้อมส่งมอบความสนุกในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในชีวิตประจำวัน การขับไปทำกิจกรรมงานอดิเรกยามว่าง ไปจนถึงการออกเดินทางผจญภัยเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่

Ford Everest ใหม่ มาในราคา 1,464,000 – 1,854,000 บาท

Audi Q7 Q8 60 TFSi e 2022

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (ออดี้ คิว7) และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition (ออดี้ คิว8) พรีเมียม SUV ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา โดยในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปเป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร

เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็นรถยนต์พรีเมียม SUV ปลั๊กอินไฮบริด ที่มีกำลังสูงสุดในตลาดประเทศไทยตอนนี้ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.

ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนแรงดันสูง มีความจุ 17.9 kW สามารถรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 7.4 kW/ชม. ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชม. แบตเตอรี่ถูกบรรจุไว้ในบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ซึ่ง Audi ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระยังคงมีขนาดความจุสัมภาระสูงมากถึง 650 ลิตร ในรุ่น Audi Q7 และ 505 ลิตร ในรุ่น Audi Q8 สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 40 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สอดรับจากการวิจัยของ Audi ที่พบว่าลูกค้าส่วนมากจะใช้งานรถไฟฟ้าในเมืองไม่เกินวันละ 30 กิโลเมตร

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ได้รับการออกแบบให้ลุคสปอร์ต ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง S line และอัพเกรดการตกแต่งเป็นแบบ Black Edition เปลี่ยนคิ้วโครเมียมรอบคันเป็นสีดำ และฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงทั้งหน้า-หลัง

ส่วนภายใน Audi Q7 ได้เพิ่มอุปกรณ์การตกแต่งเป็นแบบ S line Interior พวงมาลัยท้ายตัดพร้อมเบาะนั่งพร้อมตราสัญลักษณ์ S line ส่วนในรุ่น Audi Q8 ตกแต่งให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกด้วย เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ Super Sport ลาย Diamond Cut ในแบบฉบับ RS Full Bucket Seat วัสดุหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง นุ่มสบาย พวงมาลัย Multifunction แบบสปอร์ตท้ายตัด ระบบ MMI Navigation plus พร้อม MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว และจอควบคุม Multifunction แบบสัมผัส

พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อม Paddle shift จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 17 ตำแหน่ง 730 วัตต์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และเพิ่มฟังก์ชั่นเปิดแอร์ได้ขณะดับเครื่อง (Stationary Air-conditioning) ช่วงล่างระบบถุงลม (Adaptive air suspension) ในรุ่น Audi Q7 และช่วงล่างระบบถุงลมแบบ Sport ในรุ่น Audi Q8

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาในราคา 4,799,000 บาท และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาในราคา 4,899,000 บาท (จำนวนจำกัด)

New Audi RS7 Sportback 2022

Audi RS7 Sportback

The New Audi RS 7 Sportback (ออดี้ อาร์เอส7 สปอร์ตแบ็ค) สุดยอดนวัตกรรมสปอร์ต 4 ประตูตัวแรงสมรรถนะ Supercar 600 แรงม้า สมรรถนะ Supercar ออฟชั่นจัดเต็ม ผลงานอันยอดเยี่ยมจากทีม Audi Sport ที่สุดแห่งสมรรถนะจาก Racing Sport

โดดเด่นด้วยรูปทรง Sportback ท้ายลาด ดีไซน์สปอร์ตเต็มตัว ตัวรถกำยำมัดกล้ามสวยงาม ล้ำหน้าทั้งดีไซน์ ฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีการใช้งาน แต่ดุดันแข็งแกร่งตามแบบฉบับรถยนต์ในตระกูล RS

ภายในห้องโดยสารที่สปอร์ตสุดๆ ตกแต่งด้วย Carbon Twill Structure พร้อมไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร (Contour / Ambient Lighting) ปรับได้มากถึง 30 เฉดสี เบาะนั่งคู่หน้าแบบ RS Sports หุ้มหนัง Valcona ตกแต่งแบบ Honeycomb เดินด้ายสีแดงสไตล์ RS Sports พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้ม Alcantara แบบสปอร์ตท้ายตัดพร้อมสัญลักษณ์ RS และ Paddle shift คอนโซลกลางหุ้มหนัง Fine Nappa สีดำ ด้านข้างคอนโซลกลางตกแต่งด้วย Dinamica สีดำ ด้ายสีแดง

จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus แบบ RS Monitor ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลแบบ Runway เครื่องบิน รวมถึงการแสดงค่าแรง G ที่เกิดขึ้นขณะขับขี่ ล้ำสมัยด้วยระบบ MMI Navigation plus พร้อมจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว และจอมัลติฟังก์ชั่นแบบสัมผัสตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อม Audi drive select ปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือจะซิ่งสนุกกับ “RS MODE” ก็ได้อย่างง่ายดาย กระหึ่มด้วยระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 16 ลำโพง 705 วัตต์ พร้อมระบบปรับอากาศแยกอิสระ 4 โซน

ทรงพลังและแรงจัดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 Turbo 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 280 กม./ชม. จากออฟชั่นพิเศษ Dynamic Package ติดตั้งเป็นมาตรฐานสำหรับรถที่นำเข้ามาขายในไทยโดยเฉพาะ

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro with Sports Differential ในการขับขี่ปกติ ระบบจะกระจายกำลังไปยังล้อหน้า-หลังในอัตรา 40:60 และในลักษณะการขับขี่รูปแบบอื่น ระบบจะกระจายไปยังล้อหน้าได้สูงสุดถึง 70% หรือกระจายน้ำหนักไปยังล้อหลังได้สูงสุดถึง 85%

ในส่วนเฟืองท้ายพิเศษ Sport Differential อาวดี้ ประเทศไทย ได้สั่งอุปกรณ์พิเศษนี้มาเป็นมาตรฐานใน RS 7 Sportback ที่นำเข้ามาขายในไทย โดย Sport Differential จะสามารถถ่ายกำลังไปยังล้อซ้าย/ขวา ได้อย่างอิสระและฉับไว ช่วยให้การเข้าโค้งมีความสนุกสนาน เหมาะกับการขับขี่แบบสปอร์ตเป็นอย่างยิ่ง

The New Audi RS 7 Sportback มาในราคา 10,700,000 บาท

New BMW M440i xDrive Coupe 2022

BMW M440i xDrive Coupe

BMW M440i xDrive Coupé (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม440ไอ เอ็กซ์ไดรฟ์ คูเป้) ใหม่ รถสปอร์ตรุ่นท็อปของตระกูลซีรีส์ 4 คูเป้ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ด้านวิศวกรรมจาก BMW M

หน้ารถเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้าเทคโนโลยี BMW Laserlight ที่ติดตั้งระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติมาด้วย ส่วนหน้าต่างทั้งสองข้าง เนี้ยบด้วยกรอบดำวาวจากชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line เข้ากับเส้นสายด้านข้าง เช่นเดียวกับอุปกรณ์เสริมสไตล์ M ที่จัดมาครบชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่ง M Aerodynamics สปอยเลอร์แบบ M ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วในแบบ Double-spoke และเบรก M Sport พร้อมคาลิเปอร์สีแดงแบบ High-Gloss

พร้อมมอบบรรยากาศความแรงในสไตล์ M ในทุกอณูด้วยพวงมาลัยหนังและเข็มขัดนิรภัยแบบ M พร้อมตกแต่งพื้นผิวภายในแบบ Aluminium Tetragon ตัดกับเพดานหลังคาภายในแบบ BMW Individual สีดำ Anthracite ส่วนแผงคอนโซลด้านหน้า เต็มตากับแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอ Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบ BMW Live Cockpit Professional และ BMW ConnectedDrive ได้ รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน และความบันเทิงจากระบบเสียงแบบเซอร์ราวด์ Harman Kardon

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเพ่งสมาธิไปที่ท้องถนนได้แบบไม่ต้องละสายตา ด้วยระบบ BMW Head-Up Display รุ่นใหม่ล่าสุด มีพื้นที่การแสดงข้อมูลใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 70%

มอบพลังเต็มพิกัดจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุดถึง 387 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,000 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับเกียร์ 8 สปีดแบบ Steptronic Sport เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม.

ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive ก็ทำงานผสานกับช่วงล่างระบบ adaptive M เฟืองท้ายแบบ M Sport และระบบบังคับเลี้ยวแบบแปรผันตามการหมุนของพวงมาลัย (Variable Sport Steering) ตอบสนองทุกการควบคุมรวดเร็วฉับไว คล่องตัวและแม่นยำสูงสุด

BMW M440i xDrive Coupé ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยอีกมากมาย ทั้งระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus), ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go (Active Cruise Control with Stop & Go) รวมถึงระบบกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera)

บีเอ็มดับเบิลยู M440i xDrive Coupé ใหม่ จะเปิดจองภายในไตรมาสที่สองของปี 2565 ผ่านช่องทางออนไลน์ ในราคาประมาณ 5,300,000 – 5,500,000 บาท

New BMW X4 xDrive20d M-Sport 2022

BMW X4 xDrive20d M Sport

BMW X4 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์4) รถยนต์ที่นิยามความเป็น Sport Activity Coupé กลับมาอีกครั้งกับความสดใหม่ในรุ่น BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่ ที่เสริมความเฉียบของรุ่นก่อนหน้าด้วยคุณสมบัติและการตกแต่งแบบรอบด้าน

BMW X4 xDrive20d M Sport มาพร้อมกับโฉมใหม่ นับจากกระจังหน้าไตคู่สไตล์ M ด้านหน้า จับคู่กับไฟหน้าแบบ Adaptive LED และชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line ด้วยกรอบและซี่กระจังหน้าสีดำ ส่วนท้ายรถใช้ไฟท้าย LED ทรง 3 มิติที่เข้าคู่กับกันชนดีไซน์ใหม่และปากท่อไอเสียทรงกว้าง

ส่วนล้อแม็กอัลลอยใหม่สไตล์ M ขนาด 20 นิ้วแบบ Double-spoke แมทช์กับความมั่นใจบนท้องถนนจากช่วงล่างแบบ adaptive พร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus)

ส่วนภายในห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วยหลังคาซันรูฟ กับพื้นผิวที่ตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ต และระบบ BMW Head-Up Display ขณะที่ระบบ BMW Live Cockpit Professional ก็พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานระบบต่าง ๆ ขณะเดินทาง

BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เช่นเคย ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที ทำงานผสานกับระบบเกียร์ Steptronic 8 จังหวะ พร้อมส่งให้ตัวรถทะยานสู่ 100 กม./ชม. ใน 8.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 213 กม./ชม.

BMW X4 xDrive20d M Sportมาในราคา 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

New BMW X4 M Competition 2022

BMW X4 M Competition

BMW X4 M Competition (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 4 เอ็ม คอมเพทิชั่น) ใหม่ เติมพลังให้เหนือกว่า X4 M รุ่นเดิมด้วยชุดแต่ง Competition เสริมให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 3.0 ลิตร 510 แรงม้า ขณะที่การเร่งจาก 0-100 กม./ชม ได้ในเวลาเพียง 4.0 วินาทีเท่านั้น ประสิทธิภาพเต็มพิกัดนี้ เป็นการผนึกรวมนวัตกรรมรถแข่งของ BMW M3 และ M4 เช่น เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบาที่ช่วยส่งแรงบิดและพละกำลังรอบเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น และระบบทำความเย็นเครื่องยนต์ที่ผ่านการทดสอบบนสนามแข่ง

ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ช่วยให้คล่องตัวสูง โดย M xDrive จะทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) ส่งแรงบิดไปยังเพลาหน้าเฉพาะในกรณีที่ได้ส่งกำลังเต็มพิกัดไปที่ล้อหลังผ่านระบบเกียร์ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic ขณะที่ระบบเบรกประสิทธิภาพสูง BMW M Compound Brake พร้อมเติมมาดเข้มด้วยคาลิเปอร์สีดำขลับ

รูปลักษณ์ของ BMW X4 M Competition ใหม่ ได้แรงบันดาลใจจากรถสปอร์ตคูเป้ กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ที่เสริมด้วยชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line with Extended Contents ส่วนไฟหน้า LED มาในทรงที่แบนราบกว่ารุ่เดิม ตกแต่งสีดำแบบ BMW M Light Shadow Line พร้อมด้วยท่อไอเสีย 4 ท่อ 2 คู่ ในสีดำโครเมียม ติดตั้งประกบอยู่ทั้งสองข้างของดิฟฟิวเซอร์ รับกับล้อแม็ก 21 นิ้วแบบ M light alloy ในดีไซน์ Double-spoke แบบสลับสี

ภายในห้องโดยสารใช้เบาะหนังสปอร์ตแบบ M เข็มขัดนิรภัยแบบ M และพื้นผิวภายในที่ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมหลังคากระจก Panorama นอกจากฟังก์ชันมากมายในระบบ BMW Live Cockpit Professional แล้ว X4 M Competition รุ่นนี้ยังมีระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant รุ่น Professional ติดตั้งมาให้ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go) นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเข้าถึงฟังก์ชันบางอย่างของตัวรถได้จากระยะไกล ผ่านกุญแจ BMW Display Key

BMW X4 M Competition มาในราคา 8,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

BMW X5 xDrive30d M Sport

BMW X5 xDrive30d M Sport

BMW X5 xDrive30d M Sport (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 5 เอ็กซ์ไดรฟ์30ดี เอ็ม สปอร์ต) ใหม่ รถยนต์ตระกูล Sports Activity Vehicle รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมด้วยเทคโนโลยี mild hybrid ด้วยการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าแรงดัน 48 โวลต์ เสริมพละกำลังขึ้นมาอีก 11 แรงม้า ในขณะสตาร์ทรถและเร่งความเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ AdBlue สารพิเศษที่ช่วยลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสีย โดยทำปฏิกิริยาเคมีเพื่อแตกสารดังกล่าวให้กลายเป็นไนโตรเจนและน้ำ ซึ่งไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo แรงกว่าเดิมด้วยพลังสูงสุด 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที เร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 6.1 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม.

มาในมาดขรึมสง่างามยิ่งกว่าเดิม ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics พร้อมด้วย M High-Gloss Shadow Line และ M Roof Rails High-Gloss Shadow Line ส่วนห้องโดยสารสปอร์ตด้วยพื้นผิวที่แต่งสไตล์ M ด้วยลาย Aluminium Tetragon เพดานภายในสีดำ anthracite แบบ M และพวงมาลัยหนัง M Sport

BMW X5 xDrive30d M Sport มาในราคา 4,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

Mini Electric Collection Edition 2022

Mini Electric Collection Edition

Mini Electric Collection Edition (มินิ อิเลคทริค คอลเลคชั่น เอดิชั่น) ใหม่ ออกมาโลดแล่นให้แฟนมินิได้ยลโฉมและตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของในงาน Motor Show 2022 โดยในไทย มีรุ่นพิเศษนี้จำหน่ายแค่ 40 คันเท่านั้น

Mini Electric Collection Edition แต่ละคันล้วนมีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยโทนสีหลากเฉดของ Multitone Roof ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากเทคนิคการพ่นสีแบบใหม่ของมินิที่โรงงานในอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ

กระบวนการนี้ จะเริ่มลงสีหลังคาด้วยสีฟ้าอ่อน Pearly Blue เป็นสีแรก ต่อด้วยสีน้ำเงินเข้ม San Marino Blue ด้านหน้า และสีดำ Jet Black ที่ด้านหลัง ทำให้เกิดการไล่สีที่สวยสะดุดตา นอกจากนี้ การไล่โทนสีในแต่ละคันอาจแตกต่างกันเล็กน้อยจากขั้นตอนการลงสี จึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใครในแต่ละคันของมินิรุ่นพิเศษนี้นั่นเอง

Mini Electric Collection Edition ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับสนุก ส่งกำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.3 วินาที ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และความปลอดภัยก็จัดมาอย่างรอบด้าน เดินทางอย่างมีสไตล์ด้วยลูกเล่นพิเศษอย่างวิทยุ มินิ Visual Boost ผิวภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งแบบ มินิ Yours ชุดลำโพง 12 ตัวจาก Harman Kardon และอื่นๆ

โดยมีให้เลือกในสีน้ำเงิน Island Blue และสีเทา Rooftop Grey มาในราคา 2,459,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard)

New Bentley Flying Spur Hybrid 2022

Bentley Flying Spur Hybrid

Bentley Flying Spur Hybrid (เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด) อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดาน 4 ประตู แบบ 4 ที่นั่ง ที่ได้รับการขนานนามจากสื่อชั้นนำทั่วโลกว่าเป็น “ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานที่ดีที่สุดในโลก” ตัวรถเพิ่มความยาวขึ้น 130 มม. ส่งผลให้มีห้องโดยสารกว้างขึ้น เพิ่มความหรูหราและพื้นที่ให้กับภายในห้องโดยสาร

ตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้าในแบบ Executive พร้อมสัมผัสเทคโนโลยี City Specification ประกอบด้วย ระบบช่วยจอดรถ ระบบภาพจากกล้องมุมมองด้านบน ระบบเตือนคนข้ามถนน ระบบเตือนด้านหลังตัวรถ ระบบไฟหน้าแบบ Full Matrix LED ปรับลำแสงอัตโนมัติ และโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 4 โหมด

อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอดิจิทัลความคมชัดสูงแบบสัมผัส (HD Digital) บริเวณคอลโซลกลางขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียงเบนท์ลีย์ จำนวน 10 ลำโพง ขนาด 650 วัตต์

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานรุ่น V6 ขนาด 2.9 ลิตร Twin Turbo แบบไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 536 แรงม้า พร้อมแรงบิดกว่า 750 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดถึง 285 กม./ชม. ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.3 วินาที

Bentley Flying Spur Hybrid ราคาเริ่มต้นที่ 14,200,000 บาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

New Bentley Bentayga Hybrid 2022

Bentley Bentayga Hybrid

New Bentley Bentayga Hybrid (เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด) อัครยนตรกรรมเอสยูวีอเนกประสงค์แบบ 5 ที่นั่ง มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานรุ่น V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร แบบไฮบริดวิวัฒนาการล่าสุด

ผลิตพละกำลังสูงสุด 443 แรงม้า พร้อมแรงบิดกว่า 700 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดถึง 247 กม./ชม. ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลาเพียง 5.9 วินาที

Bentley Bentayga Hybrid ราคาเริ่มต้นที่ 13,200,000 บาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

New Porsche Taycan GTS 2022

Porsche Taycan GTS

Porshce Taycan GTS (ปอร์เช่ ไทคานน์ จีทีเอส) คือเวอร์ชั่นที่สปอร์ตที่สุด เร้าใจที่สุด มาพร้อมพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 504 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) นี่คือ Taycan รุ่นแรกที่ทำลายขีดจำกัดระยะทาง 500 กิโลเมตรได้สำเร็จ

รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุด มีงานออกแบบดีไซน์ที่สร้างความแตกต่างจากพี่น้องร่วมตระกูล ด้วยชุดแต่งตัวถัง Sports Design Package เสริมภาพลักษณ์ดุดันจากชิ้นงานกันชนหน้า กันชนท้าย และสเกิร์ตข้าง รวมไปถึงโคมหน้าไฟ รมดำ 3D Track Graphics ที่ได้รับการติดตั้ง Daytime Running Light แบบ LED

ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุ Race-Tex สีดำ ชิ้นงานอลูมิเนียมปัดเงา เสริมความหรูหราสง่างาม และความสปอร์ตดุดันได้อย่างลงตัว และนับเป็นครั้งแรกกับการติดตั้งหลังคากระจก Panoramic Roof พร้อมเทคโนโลยี “Sunshine Control” อุปกรณ์พิเศษ แบ่งพื้นที่กระจกออกเป็น 9 ส่วน โดยแต่ละส่วนสามารถควบคุมการทำงานได้อย่างอิสระ พร้อมฟังก์ชั่นกรองแสงภายนอกด้วยระดับการทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย

พกพาพละกำลังมหาศาลติดตัวมากว่า 598 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ Launch Control ขณะที่ใช้งานในโหมด Normal จะให้กำลังที่ 517 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.

New-Volvo C40 Recharge Pure Electric 2022

Volvo C40 Recharge Pure Electric

Volvo C40 Recharge Pure Electric (วอลโว้ ซี40 รีาร์จ เพียว อิเล็กทริค) เป็นรถยนต์แบบ Crossover SUV รุ่นที่ 2 ต่อจาก Volvo XC40 Recharge Pure Electric ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ใช้แพล็ตฟอร์ม CMA (Compact Modular Architecture) สำหรับรถ Compact แบบเดียวกับ XC40 แต่รูปลักษณ์ตัวรถแบบ Coupe

ด้านหน้ารถดูเรียบหรู มินิมอลแบบสวีเดน ด้วยตะแกรงแบบฝาครอบปิดสีเดียวกับตัวถัง มีแผง Aero Optimised Spoiler ช่วยในเรื่องของการทรงตัวและการยึดเกาะถนน และไฟท้ายแบบเส้นปะ ที่เดินเส้นไปสู่แผงไฟหลักด้านหลัง สะท้อนการผสมผสานความโมเดิร์นและความคลาสสิกได้อย่างลงตัว

แผงคอนโซลหน้าในสไตล์ Topography Translucent Decor ที่ได้แรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ของเทือกเขาในประเทศสวีเดน ใส่ลูกเล่นซ้อนวัสดุที่แตกต่างกันถึง 3 เลเยอร์ ให้มุมมอง 3 มิติบนผิวสัมผัสที่เรืองแสง และยังมีหลังคา Panoramic Glass Roof

พร้อมเพลิดเพลินกับระบบ Infotainment ของ Volvo with Google Built in ที่ให้คุณใช้แอปจากกูเกิ้ลอย่าง Google Maps, Google Assistant รวมทั้ง Google Play หรือจะควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Volvo Cars App บนสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้ ฝากระโปรงหลังยังเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมจัดเก็บสัมภาระได้มากถึง 413 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลง จัดเก็บได้มากถึง 1,205 ลิตร

ขุมกำลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ ติดตั้งด้านหน้า-หลัง ให้กำลังรวม 408 แรงม้า ที่ 4,350 – 13,900 รอบ/นาที* แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Dual Motor AWD ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาทีเท่านั้น* จำกัดความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม.

แบตเตอรี่มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ ขนาด 58 kWh และ 72.6 kWh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบ Ultra-Fast รองรับแรงดันไฟสูงสุด 400 โวลต์ และ 800 โวลต์

ให้ระยะทางวิ่งมากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% ในเวลาเพียง 37 นาที (หากชาร์จไฟบ้าน 0-100% ที่กำลังไฟ AC 11kW Fast Charging (Type2) 3-phase 16A ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง)

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

ทุกครั้งเวลาที่มีงาน Motor Show ในช่วงต้นปี หรือในงาน BIG Motor Sale ที่จัดกันในช่วงกลางปี และในงาน Motor Expo ในช่วงปลายปี มักจะมีผู้คนถามไถ่กันมาเสมอว่า ผมมีงบประมาณเท่านี้ สนใจรถแนวนี้ น่าซื้อหรือไม่? จองรถในงาน ต่างจากจองที่ดีลเลอร์หรือเปล่า? หรือซื้อรถก่อนงาน กับซื้อรถในงาน อันไหนดีกว่ากัน?

ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้เขียนได้รับมาเป็นประจำ สำหรับคนทั่วไป การจะเป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ป้ายแดงได้สักคัน หลายคนต้องทำงานเก็บเงินกันนานหลายปีก็มี กว่าจะได้รถที่ตัวเองชอบและรัก จึงต้องรอบคอบในการตัดสินใจซื้อ เพื่อความคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่เสียไป บางที มีทั้งโปรโมชั่นเด็ดๆ ดอกเบี้ยต่ำ เงินดาวน์ต่ำ หรือของแจกของแถมมากมาย ทำให้ย่อมมีผลในการตัดสินใจซื้อรถใหม่สักคัน

โดยบางคน อาจจะอยากเปลี่ยนรถที่ตัวเองมีอยู่แล้วเป็นรถใหม่ หรือบางคน อาจจะอยากซื้อรถเพิ่มใหม่อีกหนึ่งคัน ในงาน Motor Show 2022 (มอเตอร์โชว์ 2022) … แต่จะซื้ออย่างไร ให้คุ้มค่าเงินที่คุณต้องจ่ายไป ยิ่งในปีนี้ เจอโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กันไปอีกถ้วนหน้า ทั้งเงินฝืดและหายาก แถมน้ำมันแพง ต้องหาเงินผ่อนรถอีก เอาเข้าไป …

การซื้อรถไปแล้วควรไม่เป็นทุกข์ และมีความสุขกับรถใหม่ของคุณ MR.CARRO ขอแนะนำ 6 หัวข้อ

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

1. หาข้อมูล ดูกำลังทรัพย์ และ วัตถุประสงค์ในการซื้อรถ

ก่อนจะไปงาน Motor Show หรืองาน Motor Expo ต้องใช้สื่อออนไลน์ให้คุ้ม ด้วยการค้นหาข้อมูลรถที่คุณสนใจ ดูรีวิวจากผู้ใช้จริง หรือเปรียบเทียบออพชั่นต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนไปดูรถของจริง

ไม่ว่าจะเป็นงาน Motor Show หรืองาน Motor Expo ถือเป็นการนัดพบกันระหว่างผู้อยากซื้อรถ และผู้อยากขายรถ คือคุณสามารถเดินดูรถยนต์รุ่นที่คุณสนใจได้ภายในงาน และเลือกเปรียบเทียบถึงคุณสมบัติของรถรุ่นต่างๆ ได้จนกว่าคุณจะพอใจ หลายคนมักมีรถที่สนใจอยู่หลายรุ่น ถือเป็นโอกาสดีในการทดลองนั่ง ทดลองขับ จากของจริงๆ ที่มีโชว์ภายในงาน และได้เปรียบเทียบรถรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะความคุ้มค่าของออพชั่น ของรถยนต์แต่ละคัน กับเงินที่ต้องจ่ายไป

สิ่งสำคัญคือกำลังทรัพย์ของคุณ ต้องวางแผนทางการเงินก่อน ประเมินรายได้ดูว่ามีความสามารถในการผ่อนรถกี่ปี (ซึ่งเดี๋ยวนี้ มีให้ผ่อนได้สูงถึง 84 งวดเลย แต่ดอกเบี้ยก็ต้องจ่ายมากตามไปด้วย) วางดาวน์เท่าไหร่ (ยิ่งดาวน์มาก ก็จะยิ่งผ่อนน้อยลง และดอกเบี้ยไม่มี 0% ตลอดไป)

และวัตถุประสงค์ในการซื้อรถนั้น ซื้อไปเพื่ออะไร เช่น ซื้อไปอวดสาว ซื้อไปขับรถแค่คนเดียว หรือคนในบ้านใช้ขับกันด้วย มีรถไว้ใช้ทำงานหาเงิน ใช้ในกิจการบริษัท ใช้ในเมือง หรือใช้ในต่างจังหวัด หรือไว้ใช้แค่ขับไปซื้อของจ่ายตลาด รับส่งลูก เป็นต้น ก็จะช่วยให้การเลือกรถนั้น “เหมาะ” กับไลฟ์สไตล์และ “ความชอบ” ของคุณยิ่งขึ้น โดยรถที่คนไทยนิยมหลักๆ ก็จะเป็นประเภท รถกระบะ, รถ SUV, รถเก๋ง และรถ Eco-Car เป็นต้น

โปรโมชั่นรถยนต์ ประจำ มี.ค. 2565 และงาน Motor Show 2022

2. ดูราคา และ โปรโมชั่น

ช่วงงาน Motor Show หรือในงาน Motor Expo ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากมีรถใหม่ เพราะหลายบริษัทเตรียมจัดของแถมอย่างมากมาย ถือเป็นโอกาสทองของผู้อยากซื้อรถ อาทิเช่น ประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี หรือดอกเบี้ยผ่อนรถที่ถูกลง รวมทั้งของแต่งรถและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ในช่วงเวลาปกติ อาจจะมีให้แค่บางอย่าง และโปรโมชั่นของสถาบันการเงินต่างๆ ที่พร้อมให้บริการภายในงานด้วย

ถ้าหากคุณสนใจที่อยากจะซื้อรถใหม่ในเวลานี้ ผมแนะนำให้รีบศึกษาข้อมูล และ ดูโปรโมชั่นรถใหม่กันแต่เนินๆ (คลิก “ดูโปรโมชั่นรถใหม่ในงาน Motor Show 2022“) ได้เลยครับ

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

3. ค่ายรถยอดนิยม

รู้หรือไม่ว่า … แบรนด์รถ และรุ่นรถ มีผลต่อการขายต่อ เมื่อคุณเบื่อรถคันเก่าแล้ว

ค่ายรถยอดนิยมในบ้านเรา คงหนีไม่พ้นรถจากค่ายญี่ปุ่น และค่ายยุโรป (จากเยอรมนี) เป็นส่วนใหญ่ ที่ถือเป็นรถยอดนิยมของคนไทย ในด้านความคุ้มค่าคุ้มราคา ราคาขายต่อตกไม่มากนัก มีศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

ถ้าฟากฝั่งรถญี่ปุ่นก็ยกให้ Toyota (โตโยต้า) ที่ออกอะไรมาก็ขายได้หมด ในส่วนของรถกระบะก็ต้องยกให้ Isuzu (อีซูซุ) ถ้าความโดดเด่นของรถเก๋งก็ต้องยกให้ Honda (ฮอนด้า) หรือความโดดเด่นของรถยนต์ที่มีระบบไฟฟ้าก็ต้อง Nissan (นิสสัน) ในตอนนี้

ในส่วนของ Mazda (มาสด้า), Mitsubishi (มิตซูบิชิ), Suzuki (ซูซูกิ) หรือ Subaru (ซูบารุ) ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป แต่ก็ถือได้ว่าทุกค่ายนั้นมีของดีเหมือนกันหมด

ส่วนฟากฝั่งรถยุโรป ในบ้านเราต้องให้ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) และ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้านการขายกันมานาน และเป็นที่นิยมมากๆ สำหรับคนชอบรถยุโรปในบ้านเรามานาน ขับแล้วดูดีมีระดับ ส่วนที่รองลงมาก็จะเป็น Audi (อาวดี้) เป็นต้น

ส่วนรถยนต์แบรนด์เกาหลี แบรนด์อังกฤษ แบรนด์ฝรั่งเศส แบรนด์สวีเดน แบรนด์อเมริกัน แบรนด์มาเลเซีย หรือแบรนด์จีน ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป จากผู้ใช้รถ ซึ่งบางแบรนด์อาจจะเป็นรถกลุ่ม Niche หรือ Ultra Luxury อันนั้นมีลูกค้าเฉพาะอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงคนขายว่าจะขายไม่ได้

แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ที่มาแรงมากเวลานี้ ก็คงหนีไม่พ้นค่ายรถจากจีน ก่อนซื้อก็ต้องดูความชอบ ความต้องการ การใช้งานรถมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงลักษณะที่อยู่อาศัย ว่าถ้าอยู่บ้าน เราจำเป็นต้องติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หัวชาร์จ ระบบไฟ มิเตอร์ไฟ สายไฟฟ้า ตู้ควบคุมในบ้าน ว่าพร้อมหรือไม่ (คลิก ข้อควรรู้ ก่อนใช้รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) : 5 สิ่ง ที่ต้องเตรียมในบ้าน และค่าไฟที่ต้องจ่ายต่อครั้ง )

หรือถ้าอาศัยอยู่คอนโดมิเนียม ก็ต้องดูว่าทางคอนโดมิเนียมมีจุดชาร์จ หรือ EV Charging Station เพียงพอหรือยัง เพราะไม่อย่างนั้นอาจต้องแย่งจุดชาร์จกับลูกบ้านคนอื่นๆ ได้

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

4. เลือกเซลส์ขายรถ

คนที่ทำให้ฝันของคุณเป็นจริงและราบรื่นในการซื้อรถ นั่นก็คือ “เซลส์ขายรถ” อย่าดูกันแค่เพียงความสวยหล่อ แต่ขอให้ดูสิ่งที่เซลส์ขายรถ Offer ให้กับท่านด้วย … คุยกับ “ที่ปรึกษาการขาย” (เรียกแบบหรูๆ หน่อย) ให้แน่ชัดถึงของแถมต่างๆ หรือส่วนลดต่างๆ ที่คุณควรจะได้เมื่อตัดสินใจจองรถไปแล้ว

หากเป็นไปได้ ควรจะหาเซลล์ที่มาจากโชว์รูมที่ใกล้บ้านคุณมากที่สุด เพื่อสะดวกในการรับบริการหลังการขาย

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

5. ทดลองขับ

การทดลองขับหรือ Test Drive ในงาน Motor Show 2022 หลายคนอาจกังวลเพราะความไม่คุ้นเคยกับรถ อาจจะคิดว่าต้องขับรถออกไปวิ่งถนนด้านนอก บอกได้เลยว่า ไม่ต้องกังวลครับ เพราะมีสนามทดสอบชั่วคราวอยู่บริเวณลานทะเลสาบ จัดเตรียมไว้ให้ลูกค้า

พร้อมกับมีเซลส์ขายรถ และ Instructor ของทางบริษัทรถยนต์ คอยอธิบายและให้คำแนะนำกับคุณในระหว่างการทดลองขับด้วย ทำให้คุณตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น เกี่ยวกับรถคันที่คุณอยากซื้อ …

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

6. อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ

ถ้าคุณกำลังจะตัดสินใจซื้อรถใหม่จริงๆ ผมแนะนำว่า ให้ไปที่งานสักสองครั้งครับ ไป “ดู” รถรุ่นที่คุณอยากซื้อให้แน่ใจก่อน อย่ารีบตัดสินใจภายในวันเดียว เพราะเซลล์ขายรถส่วนใหญ่ มักจะพยายามปิดการขายให้เสร็จหลังจากที่นั่งโต๊ะคุยกัน เพื่อสร้างยอดจองยอดขาย แต่เราก็สามารถนำข้อเสนอต่างๆ ที่เซลส์ขายรถ Offer ให้มานั้น ไปตัดสินใจดูก่อน แล้วค่อยมาที่งานใหม่ หรือติดต่อเซลส์ขายรถที่เราคุยด้วยในภายหลัง เพื่อผลประโยชน์ของคุณ และรถที่คุณอยากได้ ก็ยังคงไม่หนีไปไหนแน่นอน …

ที่สำคัญ ใบจองรถต้องตรวจให้ละเอียด ระบุข้อมูลที่ชัดเจนถึงวันรับรถ และของแถมที่ได้รับทั้งหมด และระบุถึงส่วนลดเงินสดด้วย ซึ่งถ้าขาดอะไรไป อาจจะทำให้เซลล์มีลูกเล่นกับเราภายหลังได้ และที่สำคัญ ต้องให้เซลล์เขียนระบุส่วนลด ในใบจองให้ละเอียดครับ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้าทุกอย่างลงตัวและสามารถตอบโจทย์ทุกข้อได้ ก็ถือว่าดีครับ ได้รถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไป ในงาน Motor Show 2022 …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ไหนๆ จะไปดูรถ ซื้อรถใหม่ในงาน Motor Show 2022 ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก:

  • Bangkok-Motorshow
  • Nissan Auto Gallery – รามอินทรา
  • Ford VP Phetkasem 77 – ฟอร์ด วี.พี. เพชรเกษม 77
รวม 5 วิธี เดินทางไป-กลับ งาน Motor Show 2022

“Motor Show 2022” หรือ The 43th Bangkok International Motor Show 2022 ภายใต้แนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” หรือ “Keep Moving Forward Together” พร้อมนำรถรุ่นใหม่ รวมทั้งรุ่นยอดนิยม มาจัดแสดงอย่างเช่นเคย แม้ว่าจะดูน้อยลงไปบ้างก็ตาม

โดยงานมอเตอร์โชว์ 2022 ปีนี้เจอศึกโควิด-19 สายพันธุ์บุกไทยอีกรอบ แต่ยังดีที่คนไทยส่วนใหญ่ได้ฉีดวัคซีนไปเยอะ และสายพัธุ์ใหม่ “โอมิครอน” อาการไม่รุนแรงมากนัก ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดลง โดยทางงาน Motor Show 2022 ปีนี้ ได้กำนหดจัดกันในวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565

CARRO ขอแนะนำ 5 วิธีการเดินทางไปงาน Motor Show 2022 ไม่ว่าจะเป็นการขับรถไปเอง รวมไปถึงการใช้บริการระบบขนส่งมวลชนต่างๆ เพื่อความสะดวก (และไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ) ของผู้อยากมาชมงาน มอเตอร์โชว์ 2022 ครับ

IMPACT-เมืองทองธานี

ผังการเข้าออก อิมแพค เมืองทองธานี

รถไฟฟ้า MRT

ภาพจาก MRT Bangkok Metro

1. รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)

รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ลงสถานีสวนจตุจักร เดินทางต่อไปยังปลายทางด้วย :

รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีสวนจตุจักร เดินทางต่อไปยังปลายทางด้วย :

1. รถประจำทางสาย 52 (ปากเกร็ด – บางซื่อ)
2. รถตู้ปรับอากาศสาย สวนจตุจักร-เมืองทองธานี
3. IMPACT Link Shuttle Bus (เสียค่าบริการ)

รถไฟฟ้า BTS

2. รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS)

รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) ลงสถานีหมอชิต เดินทางต่อไปยังปลายทางด้วย :

1. รถประจำทางสาย 52 (ปากเกร็ด – บางซื่อ)
2. รถตู้ปรับอากาศสาย สวนจตุจักร-เมืองทองธานี
3. IMPACT Link Shuttle Bus (เสียค่าบริการ)

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รฟท.

ภาพจาก Red Line SRTET

3. รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (Red Line SRTET)

รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (Red Line SRTET) ลงสถานีหลักสี่ เดินทางต่อไปยังปลายทางด้วย :

1. รถประจำทางสาย 52, 150, 356

รถตู้ Cosmo Bazaar

ภาพจาก Cosmo Bazaar

4. รถตู้

ระหว่างการจัดแสดงงาน Motor Show 2022 จะมีรถตู้ (เสียค่าบริการ) จากเมืองทองธานี ไปจุดสำคัญต่างๆ ได้แก่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สีลม, เพลินจิต, มีนบุรี, รามคำแหง, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และ จตุจักร

รถตู้-เมืองทองธานี-Price-Rate-2020

สำหรับรถตู้สาธารณะ เมืองทองธานี มีรถให้บริการอยู่ 7 เส้นทาง ได้แก่

  • เมืองทองธานี – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ราคา 35 บาท (ประตู 1)
  • เมืองทองธานี – ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ราคา 35 บาท (ประตู 2)
  • เมืองทองธานี – เพลินจิต ราคา 65 บาท (ประตู 3)
  • เมืองทองธานี – สีลม ราคา 65 บาท (ประตู 3)
  • เมืองทองธานี – สนามหลวง ราคา 46 บาท (ประตู 4)
  • เมืองทองธานี – เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ราคา 28 บาท (ประตู 5)
  • เมืองทองธานี – จตุจักร ราคา 36 บาท (ประตู 6)

รถเมล์ ขสมก.

ภาพจาก ขสมก. พร้อมบวก

5. รถเมล์

รถเมล์ (Bus)

บริเวณแยกแจ้งวัฒนะ / วิภาวดี-รังสิต
– สาย 29, 59, 95, 95ก, 504, 510, 538 (มุ่งสู่ทิศเหนือ)
– สาย 29, 52, 59, 504, 510 (มุ่งสู่ทิศใต้)
– สาย 95ข, 150 (มุ่งสู่ทิศตะวันออก)

บริเวณห้าแยกปากเกร็ด
– สาย 33, 90, 359, 367 (มุ่งสู่ทิศเหนือ)
– สาย 32, 33, 51, 90, 104 (มุ่งสู่ทิศใต้)

ถนนแจ้งวัฒนะ
– สาย 52, 150, 356
– สาย 166 (ทางด่วน เมืองทองธานี – ปากเกร็ด – อนุสาวรีย์ชัยฯ) เข้าถึงเมืองทองธานี

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ไหนๆ จะไปดูรถ ซื้อรถใหม่ในงาน Motor Show 2022 ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Motor Show 2022 - งานมอเตอร์โชว์ 2022 ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล 23 มี.ค. - 3 เม.ย. 2565 นี้!

“Motor Show 2022” (มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43) หรือ The 43th Bangkok International Motor Show 2022 ภายใต้แนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” หรือ “Keep Moving Forward Together” ค่ายรถยนต์-จักรยานยนต์ชั้นนำเข้าร่วมงานคับคั่ง บนพื้นที่กว่า 170,960 ตร.ม.

พร้อมนำรถรุ่นใหม่มาเปิดตัวในงาน หลังจากต้องเผชิญศึกโควิด-19 ไปอย่างหนักตลอดสองปีที่ผ่านมา ต้อนรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงต้นปีนี้ คาดมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 12 วันของการจัดงาน

งาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43” กำหนดจัดงานในวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 ยังคงไว้ซึ่งการจัดงานจัดแสดงรถยนต์ตามรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal วางมาตรการด้านสุขอนามัยตามข้อกำหนดของหน่วยงานรัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

Motor Show 2022 / งานมอเตอร์โชว์ 2022

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และทั่วโลกในช่วงระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่ถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสำคัญของบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลก อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ และเอกชนในการรับมือวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ทำให้ความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเริ่มมีสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัว

บรรยากาศในงาน Motor Show 2021

สำหรับบริษัทรถยนต์ ที่เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ประกอบไปด้วย Ford, BMW, MINI, Suzuki, Rolls-Royce, Aston Martin, Jeep, Maserati, Peugeot, Mazda, Hyundai, Mercedes-Benz, Great Wall Motors, Nissan, Toyota, Lexus, Honda, Audi, MG, Isuzu, Mitsubishi, Porsche, Bentley, Volvo, Kia, Subaru และ Takano

ด้านผู้จำหน่ายอิสระ และสำนักแต่งรถก็มี อาทิ Barbus, Rojam, Tachart หรือ BRG Group เป็นต้น

และในส่วนของค่ายรถมอเตอร์ไซค์ ได้แก่ Thai Honda, Suzuki Motosales, Kawasaki, Yamaha, Ducati, Royal Enfield และ Harlay-Davidson เป็นต้น

ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะจัดแสดงในงานครั้งนี้ ได้แก่ Audi e-tron, Audi e-tron Sportback, Audi e-tron GT, BMW iX, BMW iX3, BMW i4, Lexus UX 300e, Mercedes-Benz EQS, MG EP Plus, MINI Cooper SE, Nissan Leaf, ORA Good Cat, Porsche Taycan, Porsche Taycan Cross Turismo, Volvo XC40 Pure Electric, Volvo C40 Pure Electric และยังมีรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายรุ่น ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในตอนนี้

มุม Motorsport ในงาน Motor Show 2021

ภายในงานปีนี้จะมีการนำเสนอโซน EV Smart City เพื่อจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ที่ล้ำสมัย ตอบรับเทรนด์ของผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยที่สนใจเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น โดยมีการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) และระบบขับเคลื่อน Plug-In Hybrid (PHEV) จำนวน 8 รุ่น จากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง BMW, Great Wall Motor, MG, MINI, Mitsubishi Motors, Nissan, Porsche และ Volvo รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐเพื่อแนะนำข้อมูล และให้ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในงานอีกด้วย

นอกจากนี้บริษัทอรุณ พลัส ในเครือ ปตท. จะเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2022 เป็นครั้งแรก เพื่อนำเสนอแพล็ตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า และนำเสนอธุรกิจในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า บนพื้นที่จัดแสดงมากกว่า 1,085 ตร.ม.

รวมทั้งการนำเทคโนโลยีเสมือนจริง Metaverse จากการร่วมมือกับบริษัท ฟินน์ โซลูชั่น เข้ามาใช้เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ในงานปีนี้สามารถเลือกรถยนต์ และทดลองขับในรูปแบบ Interactive ผ่านทางโทรศัพท์มือถือส่วนตัว ซึ่งถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าชมงาน

นอกจากนี้ในส่วนของผู้ที่สนใจกีฬามอเตอร์สปอร์ต ผู้จัดงานฯ มีการจัดแสดงรถแข่งฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก จากการแข่งขัน Honda City Hatchback One Make Race, โซนกิจกรรมดิจิตัล มอเตอร์สปอร์ต GP e Racing, บูธ Grand Prix Motor Park และโซนขายของที่ระลึก ROD ที่จะมีทั้งสินค้าออริจินัล-ลิมิเต็ด มาจำหน่ายให้กับผู้เข้าชมงานได้เลือกซื้อ

งานแถลงข่าว Motor Show 2022

สำหรับมาตรฐานการคัดกรองผู้เข้าชมเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังจำเป็นต้องขอความร่วมมือผู้เข้าชมงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในฮอลล์จัดแสดง และใช้สเปรย์แอลกอฮอล์พ่นมือทำความสะอาดทุกครั้ง ก่อนเข้าไปทดลองนั่งรถยนต์เหมือนการจัดงานในปีที่ผ่านมา

ในส่วนของมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย การจัดงานมอเตอร์โชว์ 2022 ผ่านการรับรองตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว (Amazing Thailand Safety and Health Administration: SHA) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงสาธารณสุข

รวมทั้งขอความร่วมมือจากทางสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ตั้งจุดคัดกรองผู้เข้าชมงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม ซึ่งการจัดงานในปีนี้ทางผู้จัดงานฯ ได้มีการยกระดับมาตรการเพื่อให้ทุกบริษัทที่เข้าร่วมจัดแสดง และผู้เข้าชมงานทุกท่านมั่นใจในความปลอดภัยตลอดการเข้าชมงาน

กำหนดการจัดงาน

  • รอบ VIP (VIP Day) วันที่ 21 มีนาคม 2565
  • รอบสื่อมวลชน (Press Day) วันที่ 22 มีนาคม 2565
  • รอบบุคคลทั่วไป (Public Day) วันพุธที่ 23 มีนาคม – วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 2565 รวมระยะเวลา 12 วัน
  • จันทร์ – ศุกร์ เวลา 12.00 – 22.00 น.
  • เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 22.00 น.
  • บัตรเข้าชมงาน ราคา 100 บาท รับสิทธิ์ลุ้นชิงรางวัลรถยนต์ MG EP Plus, ORA Good Cat (400 Tech), รถจักรยานยนต์ Kawasaki W175, รถจักรยานยนต์ Honda Super Cub, รถจักรยานยนต์ Yamaha GT125, และรถจักรยานยนต์ Suzuki Smash 115 FI พร้อมของรางวัลที่ระลึกจากผู้จัดงานฯ อีกมากมาย มูลค่ารวมกว่า 2,940,370 บาท เพียงตอบคำถามจากการสแกน QR Code ด้านหลังบัตร

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

8 รถ SUV Hybrid และ Plug-In Hybrid ไม่เกิน 3 ล้านใน Motor Expo 2021

ถ้าจะให้พูดถึงรถยนต์ในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid นั้น ตอนนี้ถือว่าได้รับความนิยมสุดๆ จากผู้ใช้รถ ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกไปแล้ว ที่ทุกค่ายต้องมีรถแนวนี้ผลิตออกมาขายกันหมด ซึ่งกระแสอาจจะสูสีกับรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากความสะดวกของรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid คือการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่ต้องหาที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่หมด และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก อีกทั้งยังสามารถใช้งานในโหมด EV วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ ได้เช่นกัน

ซึ่งตลาดรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid ก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท อาทิ รถเก๋ง, รถ SUV, หรือรถ MPV เป็นต้น แต่ในหัวข้อนี้ เราจะขอนำเสนอถึงรถแบบ SUV และ Crossover ที่มาในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid กันครับ

CARRO ขอคัดสรรรถ Hybrid และ Plug-In Hybrid รุ่นเด่นๆ ในงาน Motor Expo 2021 (งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2021) ที่น่าซื้อน่าสนในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มาให้ชม 8 รุ่นครับ …

Toyota Corolla Cross GR Sport

Toyota Corolla Cross Hybrid

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover ของโตโยต้าซึ่งได้รับความนิยมจนยอดจองทะลุ 4,200 คัน ภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่เปิดตัว (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2563) มียอดขายสะสมตั้งแต่เปิดตัว รวมทั้งสิ้น 27,794 คัน ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดในตลาดรถ Sub-Compact SUV (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2563 – พฤศจิกายน 2564)

ที่สำคัญ ยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด มีสัดส่วนถึง 85% ของยอดจำหน่ายรวม และเป็นยอดขายสูงสุด ในตลาดรถ Hybrid SUV

แข็งแกร่งด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) มั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

ส่วนห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และกล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic View Monitor)

ซึ่งในงาน Motor Expo นี้ แนะนำ Toyota Corolla Cross GR Sport (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส จีอาร์ สปอร์ต) ที่เติมเต็มด้วย DNA ของมอเตอร์สปอร์ต ด้วยจิตวิญญาณของ Gazoo Racing ที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งแพ็กเกจชุด GR ทั้งคัน

นอกจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดาแล้ว ยังมีในส่วนของเครื่องยนต์ Hybrid ที่มาพร้อมชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

ราคาของ Toyota Corolla Cross Hybrid

  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid GR Sport ราคา 1,249,000 บาท***/****

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม
*** สำหรับสี Platinum White Pearl/Black Roof เพิ่มเงิน 15,000 บาท
****สำหรับสี Red Mica Metallic/Black Roof เพิ่มเงิน 10,000 บาท

Honda HR-V e:HEV

Honda HR-V e:HEV

All-new Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) ใหม่ เจเนอเรชันที่ 2 ด้วยรูปแบบ e:HEV ขุมพลังไฮบริดในทุกรุ่นย่อย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย กับรุ่นย่อย RS เปิดตัวในไทยที่แรกของโลก!

มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่สะท้อนตัวตนสไตล์ SUV ได้อย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยตัวถังที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ ดึงดูดทุกสายตา ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย กว้างขวาง

มอบความสะดวกสบายในทุกที่นั่งและทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม โดดเด่นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC มอบกำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 131 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25.6 กม./ลิตร

พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟและช่วยให้การชาร์จไฟได้ประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่

ราคาของ Honda HR-V e:HEV

  • รุ่น E ราคา 979,000 บาท
  • รุ่น EL ราคา 1,079,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 1,179,000 บาท

Nissan Kicks Sky Edition

Nissan Kicks

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) รถ Crossover ไฮบริด ที่มีจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ในงาน Motor Expo 2021 นี้ Nissan นำเสนอรุ่นพิเศษของ Kicks กับ Nissan Kicks Sky Edition (นิสสัน คิกส์ สกาย อิดิชั่น) กับ Concept “Fabulous Forward” ซึ่งมีจำนวนจำกัด ด้วยสีภายนอกสีฟ้า-หลังคาขาว พร้อมชุดแต่งรอบคัน ล้ออัลลอย 17 นิ้วสีดำ ภายในติดตั้งแป้นวางเท้าแบบสปอร์ต ซึ่งเข้ากันกับชุดพรมพร้อมผ้ายางปูพื้นที่มีโลโก้ “Sky Edition”

พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

โดยมีให้เลือกในรุ่นย่อย E, V และ VL พร้อมเสริมความอุ่นใจของลูกค้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการขยายเงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็น 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง

และขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

ราคาของ Nissan Kicks e-POWER

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท
  • รุ่น VL (ภายในสีทูโทน) ราคา 1,059,000 บาท
  • รุ่น Sky Edition ราคา 1,074,000 บาท

Mitsubishi Outlander PHEV

Mitsubishi Outlander PHEV

Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) เป็นรถ SUV ระดับพรีเมียมที่ประกอบในประเทศ ผสาน DNA และเทคโนโลยีรถยนต์ระดับตำนานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มด้วย “Pajero” สุดยอดตำนานแห่งรถเอสยูวี “Mitsubishi Lancer Evolution” เจ้าแห่งสนาม “เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ” (WRC) ที่มีเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่เป็นหนึ่งในตำนานแห่งสมรรถนะ รวมทั้งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายจริงรุ่นแรกของโลกอย่าง “i-MiEV” (ไอ-มีฟ)

ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น โฉบเฉี่ยว และหรูหราเหนือระดับ ดีไซน์ภายในประณีตทุกรายละเอียด ห้องโดยสารกว้างขวาง ทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 305 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดอีวี (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ) โหมด ไฮบริด (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่) และโหมดพาราเรล ไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน)

พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม./ลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

ราคาของ Mitsubishi Outlander PHEV

  • รุ่น GT ราคา 1,640,000 บาท
  • รุ่น GT-Premium 2WD ราคา 1,759,000 บาท

MG HS PHEV

MG HS PHEV

MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) รถยนต์ SUV รุ่นยอดฮิตจากค่าย MG ชูแนวคิด “Refinement” พร้อมขับเคลื่อนทุกคุณค่าของชีวิต โดยสะท้อนถึงความเหนือระดับ ทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบายความปลอดภัย และการแนะนำเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ผสานพลังสุดยอดแห่งระบบขับเคลื่อน 2 ระบบ เข้าด้วยกัน ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จากขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิน Turbo ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล มีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh

ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ที่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที ตอบสนองได้อย่างทันใจ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

ราคาของ MG HS PHEV

  • รุ่น PHEV ราคา 1,359,000 บาท

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

All-New HAVAL Jolion Hybrid SUV (ฮาวาล โจไลอ้อน) นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ของ Haval จากสายการผลิตที่โรงงานระยอง เปิดตัวในไทยคันแรกของโลก (ที่เป็นรุ่นพวงมาลัยขวา) เรียกคนดูเข้าบูธในงาน Motor Expo 2021 ได้มหาศาลทีเดียว ด้วยราคาสุดเร้าใจและการออกแบบรถ คุณภาพวัสดุ ที่ดูดีไม่แพ้รถเจ้าตลาดหลายๆ ยี่ห้อ

ความพิเศษของรถรุ่นนี้ อยู่ที่การใช้แพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะเช่นเดียวกับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV และพกพาความหรูหรามารอบคันทีเดียว ห้องโดยสารภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” กว้างขวาง สะดวกสบาย

พร้อมการขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT และเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว

ราคาของ Haval Jolion

  • รุ่น Tech ราคา 879,000 บาท
  • รุ่น Pro ราคา 939,000 บาท
  • รุ่น Ultra ราคา 999,000 บาท

Haval H6 Hybrid SUV

Haval H6 Hybrid SUV

All-New Haval H6 Hybrid SUV (ฮาวาล เอช6) ยังคงเป็นรถ SUV Hybrid ยอดฮิตอีกหนึ่งรุ่นที่คนมางาน Motor Expo 2021 ต้องแวะไปดู ก็ได้เสียงตอบรับจากคนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 2 รุ่นย่อย โดยเป็นราคาแบบ “One Price” ราคาเดียวกันในทุกๆ ช่องทางการขาย

อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ ผสานการการออกแบบที่สวยงาม พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางและสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย และยังสามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ตัวรถผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ และการสั่งการและควบคุมรถผ่าน GWM Application

กับขุมพลังเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส GW4B15 GDIT EVO พ่วงระบบเทอร์โบแปรผันและซูเปอร์ชาร์จ รวมกำลังสูงสุดมากถึง 243 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์แบบ DHT ที่รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด

ราคาของ Haval H6 HEV

  • รุ่น Pro ราคา 1,149,000 บาท
  • รุ่น Ultra ราคา 1,249,000 บาท

Volvo XC60 Recharge

Volvo XC60 Recharge

Volvo XC60 Recharge (วอลโว่ เอ็กซ์ซี 60 รีชาร์จ) สุดยอดนวัตกรรมเอสยูวีระบบไฟฟ้าแนวสปอร์ต สไตล์สแกนดิเนเวียนที่วอลโว่ภาคภูมิใจ นอกจากนี้ความพิเศษของรุ่นอัพเกรด Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid ยังได้รับการอัพเกรดรูปลักษณ์ทั้งภายในและภายนอก

เพื่อยกระดับความทรงพลังในสไตล์สปอร์ต แต่ยังคงมาพร้อมสมรรถนะแรงสูงด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ, Drive-E Powertrain Turbo อัดอากาศด้วย Supercharged โดยผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ กำลังรวมทั้งระบบ 407 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 47.6 กม./ลิตร และวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางมากถึง 45 กิโลเมตร

พร้อมนำเสนอเฉดสีใหม่ล่าสุดอย่าง Silver Dawn Metallic เพื่อเพิ่มลูกเล่นในการไล่เฉดสี แสง และเงาได้อย่างโดดเด่น สะกดทุกสายตา

ราคาของ Volvo XC60 Recharge

  • รุ่น XC60 Recharge Plug-in Hybrid R-Design Expression ราคา 2,990,000 บาท
  • รุ่น XC60 Recharge Plug-in Hybrid R-Design ราคา 3,490,000 บาท
  • รุ่น XC60 Recharge Plug-in Hybrid Inscription ราคา 3,490,000 บาท

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ จะได้ผ่อนดาวน์กันน้อยลง มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถของเราทุกคันผ่านการตรวจสภาพ 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนาน 1 ปี หรือสูงสุด 30,000 กิโลเมตร อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Eco-Car-In-Motorshow-2021

รถ Eco-Car (อีโคคาร์) ถือเป็นรถที่ยอดนิยมของชาวไทยมานานนับสิบปี ที่แม้ว่าจะเป็นรถเล็ก แต่ก็ให้พลังเครื่องยนต์เหลือเฟือ เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองเลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติที่ประหยัดน้ำมัน ขับง่าย หาที่จอดรถก็ง่าย และยังซ่อมง่าย ใช้งานได้อเนกประสงค์ อีกทั้งมีราคาเริ่มต้นที่ไม่แพง วัยรุ่น นักศึกษา หรือเด็กจบใหม่ ที่รายได้ยังไม่มากนัก ก็สามารถวางดาวน์ และผ่อนต่อเดือนได้สบายๆ

ในงาน Motor Show 2021 นี้ ผู้ผลิตรถ Eco-Car หลายเจ้าอย่าง โตโยต้า, นิสสัน, มิตซูบิชิ, มาสด้า, ซูซูกิ หรือ เอ็มจี ก็ยังนำเสนอรถในแบบ Eco-Car ที่มีการปรับโฉมเล็กๆ น้อยๆ กระตุ้นให้เกิดความสนใจอย่างต่อเนื่อง

โดยในงาน Motor Show 2021 จะมีรถ Eco-Car รุ่นใดที่น่าซื้อนั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันครับ …

Nissan-March-2021

Nissan March

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือได้ว่าเป็นรถ “Eco-Car” รุ่นแรกของไทย เปิดตัวผลิตขายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2553 มาพร้อม Concept “ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอีก” มียอดสะสมรวมมากนับหลักแสนคัน และยังคงขายในบ้านเราเข้าสู่ปีที่ 11 โดยปรับราคาขึ้นไปบ้าง ณ ปัจจุบัน มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก แต่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย

ภายในเพิ่มความมีระดับ ด้วยสีภายในสีดำ แผงคอนโซลหน้าตกแต่ง Piano Black สีดำ และทันสมัยมากขึ้นด้วยแผงแสดงผลหน้าจอล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยม สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB ไฟในห้องเก็บสัมภาระ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ และกุญแจอัจฉริยะ พร้อมระบบ Immobilizer

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร ขับขี่ก็ง่าย จอดรถก็คล่องตัว ราคาอะไหล่ไม่แพง คุ้มค่า

ราคาของ Nissan March

  • รุ่น 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท
  • รุ่น 1.2 E MT ราคา 480,000 บาท
  • รุ่น 1.2 S CVT ราคา 495,000 บาท
  • รุ่น 1.2 EL CVT ราคา 510,000 บาท

Nissan-Almera-2021

Nissan Almera

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) จัดเป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู เครื่อง Turbo รุ่นแรกที่ออกมาในตลาด “Intelligent Urban Sedan” โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ใหม่โฉบเฉี่ยว และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า-ไฟท้าย ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (Kick-Up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) เป็นต้น

ภายในออกแบบใหม่หมด ใช้วัสดุคุณภาพสูง เน้นความประณีตในการประกอบ พร้อมพื้นที่ว่างเหนือศีรษะ พื้นที่วางขาที่กว้างขวาง คงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในด้านความกว้างขวางที่สุด ในรถยนต์ระดับเดียวกัน และหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ AIVI สะดวกสบายในการใข้งานทั้งระบบนำทาง ระบบความปลอดภัย ระบบรักษาความปลอดภัย และอื่นๆ ภายใต้การเชื่อมต่อที่ราบรื่นผ่านสมาร์ทโฟน

วางขุมพลังขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 152 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งความเร็วสูงจากแรงบิดแบบต่อเนื่อง (Flat Torque) มีประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic แถมยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility

ราคาของ Nissan Almera

  • รุ่น S ราคา 499,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 509,000 บาท
  • รุ่น EL ราคา 559,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 599,000 บาท
  • รุ่น VL ราคา 639,000 บาท

Mitsubishi-Mirage-2021

Mitsubishi Mirage

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ยิ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับโฉมใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน มากับภาพลักษณ์ดูหรูหราขึ้นด้วยกระจังหน้า Advanced Dynamic Shield แบบรถรุ่นอื่นๆ ในค่าย และตกแต่งด้วยเส้นสีแดง ชุดกันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daytime Running Light สำหรับวิ่งกลางวัน และสปอยเลอร์หลังแบบใหม่ให้เพิ่มเติม

พร้อมกับตกแต่งภายในใหม่ เบาะหนัง มีจอแสดงข้อมูลการขับแบบ High Contrast และลายคาร์บอนแบบใหม่ พร้อมเพิ่มวัสดุแบบผิวนุ่มบริเวณแผงประตู สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจอแสดงผลส่วนกลางด้วยระบบ Smartphone – Link Display Audio (SDA) หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri และการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ มีระบบ Cruise Control กับอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกเพียบ

มาคู่กับขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทั้งหรูและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

ราคาของ Mitsubishi Mirage

  • รุ่น 1.2 GLX CVT ราคา 509,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Special Edition ราคา 523,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Smart ราคา 579,000 บาท

Mitsubishi-Attrage-2021

Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car 4 ประตู ที่ดีไซน์ได้สปอร์ตรอบคัน มากับภาพลักษณ์ที่ดูหรูหราขึ้นด้วยกระจังหน้า Advanced Dynamic Shield แบบรถรุ่นอื่นๆ ในค่าย และตกแต่งด้วยเส้นสีแดง ชุดกันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daytime Running Light สำหรับวิ่งกลางวัน

พร้อมกับตกแต่งภายในใหม่ เบาะหนัง มีจอแสดงข้อมูลการขับแบบ High Contrast และลายคาร์บอนแบบใหม่ พร้อมเพิ่มวัสดุแบบผิวนุ่มบริเวณแผงประตู สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจอแสดงผลส่วนกลางด้วยระบบ Smartphone – Link Display Audio (SDA) หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri และการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ มีระบบ Cruise Control กับอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกเพียบ

มาคู่กับขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทั้งหรูและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

ราคาของ Mitsubishi Attrage

  • รุ่น 1.2 GLX CVT ราคา 529,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Special Edition ราคา 543,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Smart ราคา 584,000 บาท

Suzuki-Celerio-2021

Suzuki Celerio

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กในตระกูล Suzuki สำหรับตลาดเมืองไทย พัฒนามาจาก Suzuki A: Wind Concept ต้นแบบรถยนต์ประหยัดพลังงานระดับโลก ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกของโลก (World Premier) ในไทย ได้ชื่อว่าคุณภาพเกินตัว ตอกย้ำภาพลักษณ์ของซูซูกิ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถอีโคคาร์

มียอดจำหน่ายรวมนับตั้งแต่เปิดตัวอยู่ที่ 13,732 คัน (เดือนพฤษภาคม 2557 – พฤศจิกายน 2562) อัดแน่นด้วยคุณภาพ ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาที่สูง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร อีกทั้้งยังเป็นมาตรฐานใหม่ ของรถยนต์นั่งมาตรฐานโลก ส่งออกไปขายในเอเชียและยุโรปด้วย

ราคาของ Suzuki Celerio

  • รุ่น GA MT ราคา 328,000 บาท
  • รุ่น GL MT ราคา 408,000 บาท
  • รุ่น GLX CVT ราคา 437,000 บาท

Suzuki-Swift-2021

Suzuki Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) ปรับโฉมใหม่ เพิ่มลุคสปอร์ตปราดเปรียว กระจังหน้าโครเมียมแบบใหม่ และล้อแม็กใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมไฟหน้า LED Projector และไฟท้าย LED

ภายในมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับทุกการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth พื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 265 ลิตร ปรับพับเบาะหลังแบบ 60:40 พร้อมด้วย Keyless Entry เปิด-ปิดล็อกประตูได้โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมท สะดวก ทันสมัย กับ Keyless Push Start ปุ่มสตาร์ทในรถ

โดดเด่นด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิ ให้ความแข็งแรง ลดน้ำหนักทุกส่วนของรถยนต์ แต่คงความแข็งแกร่ง ทนทาน ขับขี่ได้คล่องตัว รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT พร้อมระบบ NVH ช่วยกันการสั่นสะเทือน และลดเสียงรบกวนจากภายนอก

แรงสุดขีด สปีดเร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12M 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ หรือ DUALJET เพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบหัวฉีดคู่ ฉีดน้ำมันเข้าไปที่กระบอกสูบพร้อมกันทั้ง 2 หัวฉีด ทำให้น้ำมันมีละอองที่ละเอียดขึ้น ได้กำลังและแรงบิดที่ดียิ่งขึ้น จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากกว่า 23 กม./ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

ราคาของ Suzuki Swift

  • รุ่น GL CVT ราคา 557,000 บาท
  • รุ่น GLX CVT ราคา 629,000 บาท

Suzuki-Ciaz-2021

Suzuki Ciaz

Suzuki CIAZ (ซูซูกิ เซียส) เพิ่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ภายในแนวคิด “สัมผัสใหม่ สบายทุกมิติ” สุดยอดสปอร์ตอีโคซีดานที่หลายคนรอคอย

ด้านภายนอก ไม่ทิ้งลวดลายความเป็นสปอร์ต อีโอคาร์ กระจังหน้าใหม่สไตล์สปอร์ต ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟหรี่แบบ LED ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคันพร้อมสปอยเลอร์หลังไดนามิก

ภายใน คอนโซลหน้าดีไซน์สปอร์ต พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และสั่งการโทรศัพท์บนพวงมาลัย มาตรวัดสไตล์สปอร์ต Suzuki Smart Connect จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay กับเบาะหนังคุณภาพสูง ช่องวางเครื่องดื่มมากถึง 8 ตำแหน่ง พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างถึง 565 ลิตร

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรหัส K12B ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลือง 20 กม./ลิตร รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20

ราคาของ Suzuki Ciaz

  • รุ่น GL MT ราคา 523,000 บาท
  • รุ่น GL CVT ราคา 559,000 บาท
  • รุ่น GLX CVT ราคา 625,000 บาท
  • รุ่น RS CVT ราคา 675,000 บาท

Toyota-Yaris-ATIV-Play-2021

Toyota Yaris / Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) และ Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) อีโคคาร์แฮทช์แบ็ค Yaris และ อีโคคาร์ซีดานยอดนิยม ATIV เอาใจคนรุ่นใหม่ ที่มีรุ่นพิเศษเปิดตัวในงาน Motor Show 2021 ด้วยอย่างรุ่น PLAY (Limited Edition) จำนวนจำกัดเพียง 1,500 คันโดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกภายใน เพิ่มสีภายนอกใหม่ “Ice Pink Metallic” พร้อมกระจังหน้าด้านบนสีดำเงา ล้ออัลลอย “Dark Mulberry” ปัดเงาสีทูโทนขาว-ดำ ลายใหม่ ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยโทนสีใหม่ สวยเด่นสะกดสายตา

มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศพร้อมแผ่นกรองอากาศ PM 2.5 กระจกหน้า “Acoustic Glass” แบบช่วยดูดซับพลังงานความร้อน (High Solar Energy Absorption) สะดวกยิ่งกว่าด้วย “Trunk Organizer” ที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถ เป็นต้น

เพิ่มความมั่นใจเมื่อจอดรถ กับกล้องมองรอบคัน “Panoramic View Monitor” มุมมอง 360 องศา ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน แสดงภาพแบบเรียลไทม์ พร้อมเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อผู้ขับและรถ ด้วยแอปพลิเคชัน “PLAY CONNECT Car Telematics” และฟังก์ชั่นความปลอดภัยครบครัน

สมรรถนะเหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ขนาด 1.2 ลิตร Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที กับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock ที่ปรับจูนเกียร์ให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น

ราคาของ Toyota Yaris

  • รุ่น 1.2 Entry ราคา 549,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport ราคา 609,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport Premium ราคา 679,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport Premium with Black Roof ราคา 684,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport ราคา 634,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport Premium with Black Roof ราคา ราคา 709,000 บาท

ราคาของ Toyota Yaris ATIV

  • รุ่น 1.2 Entry ราคา 539,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport ราคา 599,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport Premium ราคา 674,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport ราคา 624,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport Premium ราคา ราคา 699,000 บาท

Mazda2-Sports-2021

Mazda2

Mazda2 (มาสด้า2) 2021 Collection ยกระดับความคุ้มค่ากับออพชั่นที่เกินราคา อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ขับสนุก และปลอดภัยยิ่งขึ้น ดีไซน์เรียบหรูสง่างามดุจงานศิลปะชิ้นเอก ตามแนวคิด Kodo Design (โคโดะ ดีไซน์) ที่เรียบง่าย แต่งดงามตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

ภายในห้องโดยสาร ออกแบบจัดวางอย่างเหมาะสม กับการใช้งานของมนุษย์เป็นหลัก ตาม Concept – HMI (Human Machine Interface) ได้แก่ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ Active Driving Display และ Center Commander จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ลงตัว, Mazda Connect ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto™ เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รวมถึงระบบ Infotainment ที่มีให้เลือกมากมาย

จัดเต็มกับระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense และยังมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และกล้องมองหลัง รวมถึงระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP เพิ่มการขับขี่ไร้กังวลที่ทั้งประหยัดและปลอดภัย

ในงบไม่เกิน 6 แสนบาท เลือกได้เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร

ราคาของ Mazda2 / Mazda2 Sports

  • รุ่น 1.3 E / E Sports ราคา 546,000 บาท (MY2019)
  • รุ่น 1.3 C / C Sports ราคา 596,000 บาท
  • รุ่น 1.3 S / S Sports ราคา 627,000 บาท
  • รุ่น 1.3 S Leather / S Leather Sports  ราคา 648,000 บาท
  • รุ่น 1.3 SP / SP Sports ราคา 690,000 บาท
  • รุ่น XD Sports ราคา 782,000 บาท
  • รุ่น XDL Sports ราคา 799,000 บาท
  • รุ่น Mazda 100th Anniversary Edition ราคา 677,000 บาท

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Sedan-Hybrid-And-Plug-In-Hybrid-In-Motorshow-2021

ถ้าจะให้พูดถึงรถยนต์ในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid นั้น นอกจากรถในรูปแบบ SUV และ Crossover ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนเป็นเทรนด์ของโลกไปแล้ว แต่ในส่วนของตลาดรถเก๋ง ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในท้องตลาด และก็ยังเป็นรถประเภทแรก ที่ค่ายรถส่วนใหญ่เลือกผลิตในรูปแบบ Hybrid (ไฮบริด) และ Plug-In Hybrid (ปลั๊กอินไฮบริด) อีกด้วย

เนื่องจากความสะดวกของรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid คือการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่ต้องหาที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่หมด และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก อีกทั้งยังสามารถใช้งานในโหมด EV วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ ได้เช่นกัน

CARRO จึงขอเลือกรถเก๋ง รถยนต์นั่งแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid รุ่นเด่นๆ ในงาน Motor Show 2021 (งานมอเตอร์โชว์ 2021) ที่น่าซื้อน่าสนในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มาให้ชม 7 รุ่นครับ …

Toyota-Corolla-Altis-Hybrid-2021

Toyota Corolla Altis Hybrid

Toyota Corolla Altis (โคโรลล่า อัลติส) กับครั้งแรกในรูปแบบของรถยนต์เก๋ง Hybrid ในตลาด C-Segment บนสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ (Fun-to-drive) สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งในงานครั้งนี้ ยังนำ Corolla Altis Hybrid Premium (ชื่อเดิมคือ Hybrid Mid) ที่เพิ่งเปิดตัวปรับปรุงใหม่ไปในเดือนมกราคม 2564 มาโชว์อีกด้วย

ตัวรถมาพร้อมระบบ Full Hybrid System ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในการขับขี่ และตอบสนองต่อการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ อัดออพชั่นแจ๋วๆ อย่าง ระบบปรับระดับกระจกข้างอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (Outer Mirror Reverse Function) และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) มาให้ด้วย

พร้อมระบบ Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด ที่มีระบบการทำงานเพิ่มเติม คือ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed Range ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้า และระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เอง แม้ในขณะเข้าโค้ง

ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 กับขุมพลังเครื่องยนต์รหัส 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ รวมกำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ E-CVT เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น

ราคาของ Toyota Corolla Alris Hybrid

  • รุ่น Hybrid Smart (เดิม Hybrid Entry) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 939,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium (เดิม Hybrid Mid) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 994,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium Safety (เดิม Hybrid High) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,099,000 บาท

Toyota-Camry-Hybrid-2021

Toyota Camry Hybrid

Toyota Camry Hybrid (โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด) มาในภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร พัฒนาภายใต้แนวคิด “Unprecedented Change” จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยผสานยนตรกรรมกับผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ห้องโดยสารภายใน ฉีกแนวการออกแบบเดิมๆ ทิ้งไป เล่นเส้นสายรูปตัว “Y” พร้อมลาย Hybrid Onyx บริเวณแผงคอนโซลกลาง ดุจสายน้ำไหล แต่ยังคงหรูหราเหมือนเดิม มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ มีเครื่องเล่น DVD แบบหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง

และยังมีระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายแบบ Qi เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร Hybrid แบบ Dynamic Force ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Lithium-ion ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า และแรงบิด 202 นิวตันเมตร โดยทั้งสองระบบ ให้แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า

ราคาของ Toyota Camry Hybrid

  • รุ่น 2.5 HV ราคา 1,649,000 บาท
  • รุ่น 2.5 HV Premium ราคา 1,809,000 บาท

Honda-City-eHEV-2021

Honda City e:HEV

Honda City e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ อีเอชอีวี) ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ City Car ในประเทศไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive i-MMD ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 98 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เป็นระบบ Full Hybrid 109 แรงม้า ที่ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบ/นาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กม./ลิตร และรองรับน้ำมัน E20

พร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “Honda SENSING” (ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง) ดีไซน์สปอร์ตโดดเด่น ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS เสริมเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) และโลโก้ e:HEV

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกมิติ ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม เช่น มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) เป็นต้น

ราคาของ Honda City e:HEV

  • รุ่น RS ราคา 839,000 บาท

Honda-Accord-Hybrid-2021

Honda Accord Hybrid

Honda Accord Hybrid (ฮอนด้า แอคคอร์ด) นับเป็น Accord เจเนอเรชั่นที่ 10 จัดว่าเป็นรุ่นที่ปฏิวัติดีไซน์จากทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก “Absolute Confidence” เพื่อสร้างมาตรฐานยนตรกรรมพรีเมียมซีดานให้เหนือระดับไปอีกขั้น โดยมีหลัก 3 ประการในการพัฒนา ได้แก่ Dynamics, Captivating และ Upscale แถมยังป็นครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า Laser Blaze ในการออกแบบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคารถและตัวถัง

สะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นระดับพรีเมียม อาทิ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display : HUD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเปิดแอร์ได้จากกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) เป็นต้น

มาพร้อมครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) กับมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 2 ตัว และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า

พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ ได้แก่ EV Drive Mode, Hybrid Drive Mode และ Engine Drive Mode

ราคาของ Honda Accord Hybrid

  • รุ่น Hybrid ราคา 1,639,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Tech ราคา 1,799,000 บาท

Lexus-IS300h-2021

Lexus IS300h

Lexus IS (เลกซัส ไอเอส) รถสปอร์ตซีดานหรู ที่นำเสนอการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส หรือ Lexus Driving Signature ด้วยสมรรถนะที่ทรงพลัง เกาะถนนเป็นเยี่ยม ภายใต้การพัฒนาด้วยการใช้ถนนออกแบบรถ และทดสอบในสนามแข่ง Shimoyama ประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากสนาม Nurburgring ประเทศเยอรมนี

ดีไซน์ภายนอกออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยเส้นสายที่เฉียบคม โฉบเฉี่ยว ดุดัน กว้างขวางและยาวขึ้น ติดตั้งไฟหน้า 3-LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมล้อขนาด 18 นิ้ว และ 19 นิ้ว ช่วยการเกาะถนนเป็นเยี่ยม

ภายในห้องโดยสาร ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Smooth Leather พร้อมปรับไฟฟ้าคู่หน้า 8 ทิศทาง, ระบบปรับอากาศเบาะนั่งคู่หน้า, มาตรวัดแสดงผลรวม TFT ขนาด 8 นิ้ว มีหน้าจออินโฟเทนเมนท์ EMV ขนาด 10.3 นิ้ว (รุ่น Luxury ขนาด 8 นิ้ว) พร้อมปุ่มควบคุมกลางระบบสัมผัส Frameless Touch Pad พร้อมระบบเสียง Lexus Premium 10 ลำโพง

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 223 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.5 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 200 กม./ชม. รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20

ราคาของ Lexus IS300h

  • รุ่น Luxury ราคา 2,690,000 บาท
  • รุ่น Premium ราคา 3,370,000 บาท

BMW-330e-M-Performance-2021

BMW Series-3

BMW 330e M Sport (บีเอ็มดับเบิลยู 330อี เอ็ม สปอร์ต) มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวกับชุดแต่ง M Sport รอบคัน และยังมีเทคโนโลยีเจ๋งๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กม./ชม.ได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมโดยอัตโนมัติ ระบบ Parking Assistant Plus กับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera ที่มีมุมมองด้านบน มุมมองรอบทิศทาง และมุมมอง 3D และระบบ BMW ConnectedDrive ที่คนขับสามารถดูภาพของรถที่จอดผ่านมือถือได้อีก

ส่วนในรุ่นพิเศษ M Performance Edition ปลั๊กอินไฮบริดในรุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 15 คัน ลงตัวกับชุดแต่ง M Performance ด้านหน้าตัวรถกระจังหน้ Iconic Glow ที่เปล่งแสงสว่างตั้งแต่ปลดล็อกรถไปจนถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ และตั้งแต่ดับเครื่องไปจนล็อกรถ รวมถึงไฟ LED โปรเจคเตอร์ฉายโลโก้ BMW ติดบริเวณประตูรถ เสริมความสปอร์ตด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ ได้แก่ ฝาครอบกระจกข้าง สปอยเลอร์หลัง และดิฟฟิวเซอร์หลัง ร่วมกับลิ้นกันชนหน้าซ้ายและขวา เน้นย้ำถึงหรูหราควบคู่ไปกับการขับขี่สไตล์สปอร์ต

มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมกับเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงสุด 292 แรงม้า และสามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเดียว ทำระยะทางได้สูงสุดอยู่ที่ 55-68 กิโลเมตร

และสามารถเพิ่มกำลังให้ตัวรถเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost ซึ่งสามารถปลดปล่อยพละกำลังเพิ่มขึ้นอีก 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ทำให้ BMW 330e M Sport ใหม่ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กม./ชม.

ส่วนในรุ่นพิเศษ M Performance Edition สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นปกติ 30 กม./ชม.

ราคาของ BMW Series-3

  • รุ่น 330e M Sport ราคา 2,769,000 บาท
  • รุ่น 330e M Sport (M Performance Edition) ราคา 2,969,000 บาท

Mercedes-Benz-C300e-2021

Mercedes-Benz C-Class

Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) กับความเป็นรถในตระกูล EQ Power รุ่นประกอบในประเทศไทย ซึ่ง C 300 e Avantgarde และ C 300 e AMG Dynamic แม้ว่าจะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2562 ส่วนรุ่นย่อย AMG Sport ก็เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2563 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงยอดนิยมในหมู่แฟนๆ ค่ายดาวสามแฉกเช่นเคย

สำหรับ Mercedes-Benz C 300 e ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน Plug-In Hybrid ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-1,400 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 122 แรงม้า โดยมีกำลังรวมสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 4,500-5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC

สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม.

ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 13.5 kWh เพิ่มจากเดิม 111% พร้อมเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) สามารถชาร์จประจุไฟจนเต็มได้ในเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที (จากระดับแบตเตอรี่ 10% ด้วยเครื่องประจุไฟฟ้า Wall Box)

ราคาของ Mercedes-Benz C-Class

  • รุ่น C 300 e Avantgarde ราคา 2,599,000 บาท
  • รุ่น C 300 e AMG Sport ราคา 2,739,000 บาท
  • รุ่น C 300 e AMG Dynamic ราคา 2,990,000 บาท

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน