Drive-Safely-In-Flooding

ในช่วงนี้มีหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโนอึล ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดภัยน้ำท่วม มีน้ำท่วมสูง และเกิดน้ำท่วมขัง ต้องขับรถลุยน้ำท่วมตามที่เห็นในภาพข่าวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างจังหวัด พายุถาโถมจนหลายเมือง หลายตำบลจมน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ถึงขนาดต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปส่งถุงยังชีพกัน เพราะว่าประชาชนติดอยู่ในบ้านไม่สามารถออกไปไหนได้

Drive-Safely-In-Flooding

ส่วนทางฝั่งคนกรุงเทพที่อยากจะร่วมด้วยช่วยกันเที่ยวเมืองไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้หายซบเซาจากพิษของโควิด 19 หากจะเดินทางไปพื้นที่ต่างจังหวัดในช่วงเวลานี้ ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารดีๆ ว่าพื้นที่ไหนที่ฝนตกหนักน้ำท่วมสูงมาก “รอระบาย” ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะในตอนขับหรือหลังขับรถลุยน้ำท่วมแล้ว สามารถสร้างความเสียหายให้กับรถอันเป็นที่รักของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าน้ำเข้าห้องเครื่องหรือห้องโดยสารแล้วละก็ ไม่แคล้วต้องเสียเงินซ่อมกันเป็นเรื่องใหญ่ได้

Roojai.com จึงอยากพาคุณไปดูวิธี “เอาตัวรอด” ให้กับรถของคุณเมื่อต้องเจอเส้นทางที่เปรียบเสมือนทะเลแบบนี้ จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้รถของคุณขับผ่านน้ำท่วมได้โดยที่ไม่มีความเสียหายตามมา ตามไปดูกันเลย

ขับรถลุยน้ำท่วม ว่าแย่แล้ว ลุยฝนไปด้วย เครียดกว่าเดิมอีกสองเท่า

ช่วงนี้เราเข้าสู่หน้าฝนกันแบบเต็มตัวแล้ว ไม่ว่าจะเจอน้ำท่วมหรือไม่ แต่สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แน่ๆ ก็คือสายฝนโปรยปราย ซึ่งในกรณีที่ไม่ได้ตกหนักมาก คุณก็ยังสามารถขับรถไปได้แบบชิลล์ๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเจอกับสายฝนโปรยปรายตกกระหน่ำเม็ดใหญ่ ๆ เปิดที่ปัดน้ำฝนเบอร์แรงสุดแล้วยังแทบไม่เห็นทาง วิสัยทัศน์ในการมองเห็นจะลดลงเป็นอย่างมาก แบบนี้ขับไปเครียดไปแน่นอน อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูงมากที่ฝนตกหนักลักษณะนี้ จะทำให้คุณเจอกับน้ำท่วมด้วย เพราะน้ำมักจะระบายออกไปได้ไม่ทัน จนสุดท้ายถนนทุกสายกลายเป็นทะเลกรุงเทพดี ๆ นี่เอง

การขับรถภายใต้การมองเห็นที่จำกัด วิสัยทัศน์ไม่ดี จำเป็นต้องใช้สมาธิในการเพ่งท้องถนนเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าหากเจอน้ำท่วมซ้ำอีกด้วยแล้วล่ะก็ สามารถทำให้เครียดได้เลยทีเดียว เพราะมองทางก็ไม่เห็น จะขับต่อก็กลัว แต่จะหยุดรถกลางทางก็ไม่ได้ ดังนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุดคือ พยายามอย่าขับรถฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำไปไหนถ้าไม่จำเป็น รอจนฝนซาสักนิดแล้วค่อยเริ่มออกรถจะปลอดภัยกว่า หรือหาปั๊มน้ำมันใกล้ๆ เข้าไปพักรถก่อน เพื่อรอเวลาขับต่อไปนั่นเอง

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน

อย่าลืมประเมินสถานการณ์

ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คงต้อง “ลุยน้ำ” กันไป โดยสิ่งที่คุณควรเตรียมตัว เริ่มจากขั้นตอนการประเมินสถานการณ์ก่อนเลย ซึ่งถ้าหากว่าน้ำสูงเกินที่จะลุยไปได้ ยังไงก็ต้องจอดรอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ ประเมินความสูงของน้ำ และ ประเมินความเตี้ยของรถคุณ

ต้องเข้าใจก่อนว่ารถคันอื่นวิ่งได้ไม่ได้หมายความว่ารถคุณจะวิ่งได้ด้วย สำหรับรถที่ได้เปรียบมากกว่าในการขับลุยน้ำท่วม ก็จะเป็นรถกระบะยกสูงหรือรถยนต์อเนกประสงค์ SUV หรือ PPV ต่างๆ โดยจะมีระดับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 22 เซนติเมตร เปรียบเทียบกับรถเก๋งทั่วไป จะมีระดับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถอยู่ที่ประมาณ 14-15 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ดังนั้นนอกจากคาดการณ์ว่าน้ำท่วมขังสูงแค่ไหนได้แล้ว ก็ต้องรู้ด้วยว่ารถของคุณมีระดับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถอยู่ที่เท่าไหร่อีกด้วย

Drive-Safely-In-Flooding

ขับรถลุยน้ำท่วม อย่างไรให้ปลอดภัยกับรถของคุณ

สำหรับระดับความสูงของน้ำท่วม ที่สามารถขับขี่และปลอดภัยอย่างแน่นอนก็คือ น้ำท่วมยังไม่ถึงใต้ท้องรถ หรือ ยังไม่ถึงขอบประตูรถ โดยข้อควรปฏิบัติให้รถลุยน้ำ ขับไปได้ มีดังนี้

  • ปิดแอร์

การเปิดแอร์เอาไว้จะทำให้พัดลมระบายความร้อนของหม้อน้ำทำงาน ซึ่งถ้าหากน้ำท่วมถึงพัดลมก็จะทำให้พัดลมตีน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่องได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ดับ หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้นอาจทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตได้ ดังนั้นเมื่อมีความจำเป็นต้องขับรถในขณะน้ำท่วมก็ควรปิดแอร์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง

  • ใช้เกียร์ต่ำ

การขับรถด้วยการใช้เกียร์ต่ำ เป็นสภาวะที่เครื่องยนต์ดับได้ยากที่สุด เนื่องจากใช้รอบเครื่องยนต์ 1,500-2,000 รอบ/นาที  โดยสำหรับรถธรรมาดาก็จะหมายถึงการใช้เกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น ส่วนรถเกียร์ออโต้ก็คือการขับด้วยเกียร์ L นั่นเอง

  • รักษาความเร็วคงที่

เมื่อใช้เกียร์ต่ำแล้วก็ควรรักษาความเร็วสม่ำเสมอด้วย ไม่เร่งเครื่องหรือเปลี่ยนความเร็วกะทันหัน เนื่องจากจะทำให้เกิดกระแสน้ำวิ่งไปกระทบกับฟุตพาท แล้วเกิดการตีกลับของกระแสน้ำเข้าสู่รถได้

  • ให้รถคันหน้านำทางให้

โดยการขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าประมาณ 50 เมตร เพื่อที่คุณจะได้เห็นว่ารถคันหน้าที่กำลังวิ่งบนเส้นทางเดียวกันกับคุณอยู่นั้น สามารถวิ่งได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ มีหลุมหรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ หรือเปล่า เพื่อที่คุณจะได้หลีกเลี่ยงได้ทันเวลานั่นเอง

  • หากเครื่องดับห้ามสตาร์ทเครื่องใหม่เด็ดขาด

กรณีเลวร้ายที่สุดก็คือ เมื่อตัดสินใจขับรถตอนน้ำท่วมไปแล้ว เกิดรถดับกลางทาง สิ่งที่คุณควรทำคือการเข็นรถเข้าข้างทาง โดยพยายามหาพื้นที่สูงเข้าไว้ เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้คลื่นน้ำที่เกิดจากรถยนต์คันอื่นไหลเข้าสู่รถของคุณ โดยคุณต้องไม่พยายามสตาร์ทรถใหม่เด็ดขาด เนื่องจากเสี่ยงที่จะทำให้น้ำไหลเข้าสู่เครื่องยนต์และทำให้เกิดความเสียหาย

  • หลีกเลี่ยงการ ขับรถลุยน้ำท่วม ในพื้นที่ที่คุณไม่คุ้นเคย

กรณีที่เป็นการขับรถไปในพื้นที่คุ้นเคยหรือเส้นทางที่คุณใช้เป็นประจำ คุณจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้ง่ายกว่า ว่าควรจะเสี่ยงขับรถลุยน้ำไปดีหรือไม่ เนื่องจากคุณจะรู้ว่าถนนเส้นนั้น ๆ เป็นเส้นที่น้ำท่วมขังเป็นระยะทางสั้นๆ หรือว่าท่วมยาวทั้งเส้นร่วมสิบกิโล รวมไปถึงการที่เคยเห็นสภาพถนนตอนที่น้ำไม่ท่วม ว่ามีตรงไหนต้องระวังหรือมีถนนช่วงไหนไม่ดี จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยกว่า

แต่ด้วยความจำเป็นที่ทำให้คุณต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย แล้วยังต้องไปเสี่ยงกับการขับรถน้ำท่วมบนถนนที่คุณไม่คุ้นเคยมาก่อน คุณจะไม่รู้เลยว่ายิ่งขับไปน้ำจะยิ่งท่วมสูงขึ้นหรือว่าจะลดลงนั่นเอง รวมทั้งทางข้างหน้ามีการก่อสร้างทาง หรือถนนมีหลุมมีบ่ออย่างไรบ้าง คุณก็ไม่สามารถรู้ได้เลย ถ้าเป็นไปได้เราอยากแนะนำให้คุณแวะหลบฝนหลบน้ำที่ปั๊มน้ำมันก่อนจะปลอดภัยกว่า

Drive-Safely-In-Flooding

เมื่อผ่านพ้นเส้นทางลุยน้ำวิบากมาแล้วต้องทำอย่างไร

หลังจากที่คุณรอดจากสถานการณ์หลังขับรถลุยน้ำท่วม ก็อย่าเพิ่งรีบจอดรถลงไปหาซื้อของกินมาฉลอง เพราะว่ายังมีข้อควรปฏิบัติที่คุณควรรู้ หลังจากฝ่าน้ำท่วมมาได้ คือ

  • หลังจากที่เพิ่งขับพ้นช่วงถนนที่น้ำท่วมสูง ให้ขับต่อไปโดยใช้ความเร็วต่ำ และให้ทำการไล่น้ำออกจากคาลิเปอร์-ผ้าเบรก โดยการเหยียบเบรกเบาๆ ย้ำๆ ไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่ขับด้วยความเร็วต่ำอีกสักระยะ ซึ่งจะช่วยไล่น้ำและความชื้นจากเครื่องยนต์ได้
  • ไม่หยุดพักรถและดับเครื่องโดยทันทีหลังจากที่เพิ่งลุยน้ำท่วมมาเสร็จ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้น้ำที่ค้างอยู่ที่ท่อไอเสียย้อนกลับเข้าไปได้ รวมทั้งความชื้นที่ยังมีอยู่อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ด้วย ที่สำคัญอีกอย่างก็อย่าลืมเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมด้วย ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า

รถลุยน้ำได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นระดับน้ำสูง จะขับรถลุยน้ำ จำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างสูง เพื่อที่จะประคองรถให้ฝ่าน้ำท่วมไปได้อย่างปลอดภัยทั้งรถและคุณ อีกทั้งยังมีโอกาสที่คุณจะเจอทั้งสายฝนกระหน่ำและน้ำท่วมในเวลาเดียวกัน ซึ่งทำให้คุณต้องใช้สมาธิจดจ่อในการขับรถมากกว่าเดิม การรู้เท่าทันและการเตรียมตัวที่ดี จะช่วยให้คุณสามารถประคับประคองสถานการณ์ หรือขับรถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ง่ายยิ่งขึ้น ง่ายเหมือนซื้อประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ที่ Roojai.com ไม่ซับซ้อน ราคาดี และเชื่อใจได้ มาพร้อมตัวเลือกที่หลากหลาย สามารถปรับแต่งแผนกรมธรรม์ได้ด้วยตัวคุณเอง เลือกความคุ้มครองที่ตอบโจทย์คุณได้มากที่สุด ที่สำคัญผ่อนสบายๆ ผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตได้นานสูงสุดถึง 10 งวด คลิกเช็คราคาออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. เลย