เช็คราคารถมือสอง Toyota Fortuner

รถยนต์อเนกประสงค์ที่ขายดีมากๆ อีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า นั่นคือ “Toyota Fortuner” (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2548 ของโครงการ IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถยนต์อย่างล้นหลาม ยอดจองมากมาย อีกทั้งความทนทาน อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง ราคามือสองไม่ตกมาก Fortuner ยังคงเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ ประเภท PPV ในประเทศไทย และยังเป็นรถยอดฮิตในตลาดต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันขายมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว

ย้อนไปเวลานั้น … หลายคนอาจจะซื้อรุ่นนี้ ในตอนที่ยังเป็นรถป้ายแดงไม่ไหว เนื่องจากมีราคาอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านกว่าบาทได้ ก็ต้องมามองหารถมือสองดู เพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า และสามารถนำเงินไปต่อยอดทำธุรกิจ หรือจับจ่ายใช้สอยอย่างอื่นได้ อีกทั้งเวลาขายต่อก็ไม่ขาดทุนมาก เนื่องจากเป็นรถที่คนนิยมอยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นรถที่หลายคนมักบอกว่าไฟหน้าชอบแยงตารถคันอื่นก็ตาม เพราะตัวรถสูงนั่นเอง ฮ่า ฮ่า

ที่นี้เรามาดูกันครับว่า เช็คราคารถมือสอง Toyota Fortuner (ประจำปี 2564) ตอนนี้ มีราคาในท้องตลาดที่ประมาณเท่าใดบ้าง? ไปเช็คราคากันได้เลยครับ

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2004 (ปลายปี) – 2008

  • 2.7 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 400,000 บาท
  • 3.0 V 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 380,000 – 500,000 บาท
  • 3.0 V 4WD Exclusive (ปี 2005-2006) ราคามือสองโดยประมาณ 400,000 – 500,000 บาท
  • 3.0 V 4WD Smart (ปี 2006-2007) ราคามือสองโดยประมาณ 430,000 – 500,000 บาท
  • 3.0 G 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 370,000 – 420,000 บาท

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2008 – 2011

  • 2.5 G 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 580,000 – 730,000 บาท
  • 2.7 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 495,000 – 780,000 บาท
  • 3.0 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 590,000 – 950,000 บาท
  • 3.0 G 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 600,000 – 800,000 บาท
  • 3.0 V 2WD Aperto (ปี 2009) ราคามือสองโดยประมาณ 680,000 – 750,000 บาท
  • 3.0 V 2WD Aperto II ปี 2010) ราคามือสองโดยประมาณ 750,000 – 850,000 บาท
  • 3.0 V 4WD TRD Sportivo I / II (ปี 2009-2010) ราคามือสองโดยประมาณ 625,000 – 800,000 บาท

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2011 – 2015

  • 2.5 G 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 540,000 – 650,000 บาท
  • 2.5 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 580,000 – 700,000 บาท
  • 2.7 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 450,000 – 600,000 บาท
  • 3.0 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 570,000 – 760,000 บาท
  • 3.0 V 2WD 50 ปี โตโยต้า (ปี 2012) ราคามือสองโดยประมาณ 570,000 – 700,000 บาท
  • 3.0 V 4WD TRD Sportivo (ปี 2012 – 2015) ราคามือสองโดยประมาณ 680,000 – 850,000 บาท

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2015 – 2020

  • 2.4 G MT 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 780,000 – 1,000,000 บาท
  • 2.4 V 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 850,000 – 1,150,000 บาท
  • 2.7 V 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 870,000 – 1,150,000 บาท
  • 2.8 V 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 870,000 – 1,250,000 บาท
  • 2.8 V 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 880,000 – 1,250,000 บาท
  • 2.8 V 4WD TRD Sportivo ราคามือสองโดยประมาณ 1,050,000 – 1,450,000 บาท

Toyota-Fortuner-Legender

Toyota Fortuner โฉมปี 2020 – ปัจจุบัน

  • ราคามือสองโดยประมาณ 1,100,000 – 1,450,000 บาท

หมายเหตุ:

ราคานี้ เป็นราคาต่ำสุด – สุดสุด โดยประมาณ ตรวจสอบ ณ เดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งตามหลักแล้ว ราคาประเมิน ราคารับซื้อจากผู้ประกอบการรถมือสอง อาจจะต่ำกว่านี้ หรือสูงกว่านี้ ก็ได้ ซึ่งแตกต่างไปตามคุณลักษณะของสภาพรถ ปีที่ออกรถ ปีที่จดทะเบียน หรืออุปกรณ์ตกแต่งที่มี รวมไปถึงพื้นที่ในการขายรถของแต่ละภูมิภาค และรุ่นย่อยในแต่ละรุ่น ซึ่งมีผลต่อค่าเฉลี่ยของราคารถมือสอง

ใครที่กำลังอยากได้ Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) รุ่นไหนอยู่ในใจ ลองคำนวณงบประมาณที่ตัวเองมี คำนวณเงินผ่อนและอัตราดอกเบี้ย ก่อนซื้อนะครับ จะได้ขับรถไปไหนมาไหนอย่างมีความสุข และไม่กระทบเรื่องเงินในกระเป๋าตังค์ แต่ถ้าเงินไม่พอ! เอารถคันเดิมของคุณมาขายที่ CARRO สิ ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

สถิติการขายรถยนต์ ยอดขายรถ ตลาดรถยนต์ไทย ปี 2564

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2564 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 79,969 คัน เพิ่มขึ้น 25.6% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 30,183 คัน เพิ่มขึ้น 24.7% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 49,786 คัน เพิ่มขึ้น 26.1% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 38,106 คัน เพิ่มขึ้น 25.8%

ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 (โควิด-19) ที่ยังคงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโดยรวม และตลาดรถยนต์ เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ ยังเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

Mercedes-Benz-C300e-2021

แต่ด้วยมารตรการต่างๆ จากภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เพิ่มเติม และที่สำคัญตลาดรถยนต์ในเดือนนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากข้อเสนอพิเศษ และกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ในงาน Motor Show 2021 ที่เพิ่งจบสิ้นลง มีส่วนกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมในเดือนมีนาคม ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบปี

ตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายนเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID 19 ระลอกใหม่ มีความรุนแรงกว่าระลอกที่ผ่านมา ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งอารมณ์ในการซื้อของลูกค้าลดลง

Motorshow-2021-Sightseeing

แต่ปัจจัยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังคงดำเนินอยู่ เช่น โครงการ “เราชนะ” และ “ม33 เรารักกัน” ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้บ้าง โดยยังคงมีแรงส่งจากการนำเสนอแคมเปญ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” ของค่ายรถยนต์ และการทยอยส่งมอบรถยนต์ที่จองในงานมอเตอร์โชว์ ที่ยังพยุงยอดขายรถยนต์ให้เดินหน้าต่อไปได้

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมีนาคม 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 79,969 คัน เพิ่มขึ้น 25.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 22,276 คัน เพิ่มขึ้น 28.5% ส่วนแบ่งตลาด 27.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 17,523 คัน เพิ่มขึ้น 28.6% ส่วนแบ่งตลาด 21.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 10,295 คัน เพิ่มขึ้น 37.2% ส่วนแบ่งตลาด 12.9%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 30,183 คัน เพิ่มขึ้น 24.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 8,953 คัน เพิ่มขึ้น 47.5% ส่วนแบ่งตลาด 29.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,380 คัน ลดลง 0.5% ส่วนแบ่งตลาด 17.8%
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,785 คัน เพิ่มขึ้น 28.9% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 49,786 คัน เพิ่มขึ้น 26.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 17,523 คัน เพิ่มขึ้น 28.6% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 16,896 คัน เพิ่มขึ้น 41.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,199 คัน เพิ่มขึ้น 45.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 38,160 คัน เพิ่มขึ้น 25.8%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,801 คัน เพิ่มขึ้น 25.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,443 คัน เพิ่มขึ้น 39.6% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,199 คัน เพิ่มขึ้น 45.0% ส่วนแบ่งตลาด  8.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,850 คัน
โตโยต้า 2,588 คัน – อีซูซุ 1,892 คัน – มิตซูบิชิ 914 คัน – ฟอร์ด 433  คัน – นิสสัน 23 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 32,256 คัน เพิ่มขึ้น 18.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,909 คัน เพิ่มขึ้น 16.0% ส่วนแบ่งตลาด 43.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,855 คัน เพิ่มขึ้น 26.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,766 คัน เพิ่มขึ้น 54.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มีนาคม 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 194,137 คัน ลดลง 3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
55,931 คัน ลดลง 0.4% ส่วนแบ่งตลาด 28.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 49,248 คัน เพิ่มขึ้น 16.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
24,959 คัน ลดลง 13.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.9%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 65,256 คัน ลดลง 16.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 21,347 คัน ลดลง 10.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
14,509 คัน ลดลง 22.2% ส่วนแบ่งตลาด 22.2%
อันดับที่ 3 มาสด้า 6,390 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 128,881 คัน เพิ่มขึ้น 5.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 49,248 คัน เพิ่มขึ้น 16.2% ส่วนแบ่งตลาด 38.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
41,422 คัน เพิ่มขึ้น 10.5% ส่วนแบ่งตลาด 32.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 8,096 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 99,382 คัน เพิ่มขึ้น 2.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
45,399 คัน เพิ่มขึ้น 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
34,718 คัน เพิ่มขึ้น 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 8,096 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 14,944 คัน
โตโยต้า 6,502 คัน – อีซูซุ 5,177 คัน – มิตซูบิชิ 1,967 คัน – ฟอร์ด 1,249 คัน – นิสสัน 49 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 84,438 คัน ลดลง 3.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
40,222 คัน เพิ่มขึ้น 6.2% ส่วนแบ่งตลาด 47.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
28,216 คัน ลดลง 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 6,847 คัน เพิ่มขึ้น 16.0% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

ส่วนถ้าใครตอนนี้อยากขายรถคันเดิม แล้วไปซื้อรถป้ายแดงมาใช้ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แหล่งที่มาจาก:

สถิติการขายรถยนต์ ยอดขายรถ ตลาดรถยนต์ไทย ปี 2564

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 58,960 คัน ลดลง 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 18,969 คัน ลดลง 25% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 39,991 คัน ลดลง 2.3% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 31,169 คัน ลดลง 6.6%

สืบเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 (โควิด-19) ที่ยังคงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโดยรวม และตลาดรถยนต์ เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ

Great-Wall-Motor-Motorshow-2021

ตลาดรถยนต์ในเดือนมีนาคมมีแนวโน้มที่ขยับตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าการระบาดของไวรัส Covid-19 (โควิด-19) ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน อย่างไรก็ดี โครงการ “คนละครึ่ง” “เราเที่ยวด้วยกัน” “ช้อปดีมีคืน” “เราชนะ” และล่าสุดกับ “ม33 เรารักกัน” ของรัฐบาล ส่งผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

ตลอดจนการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เพิ่มเติม ช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น โดยตลาดรถยนต์ เริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถใหม่ การปรับโฉมใหม่ การนำเสนอรถยนต์รุ่นพิเศษ (Limited Edition) รวมถึงข้อเสนอพิเศษ

และกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ เพื่อปูทางสู่งาน Motor Show 2021 (งานมอเตอร์โชว์ 2021) ภายใต้การสื่อสารการตลาด “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” มีแนวโน้มผลักดันตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม เติบโตต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน …

Toyota-Fortuner-2021

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกุมภาพันธ์ 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 58,960 คัน ลดลง 10.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 16,477 คัน เพิ่มขึ้น 13.8% ส่วนแบ่งตลาด 27.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 15,897 คัน ลดลง 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 27.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 9,007 คัน ลดลง 7.7% ส่วนแบ่งตลาด 15.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 18,969 คัน ลดลง 25%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 7,868 คัน ลดลง 6.4% ส่วนแบ่งตลาด 41.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 4,056 คัน ลดลง 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 21.4%
อันดับที่ 3 มาสด้า 1,826 คัน ลดลง 22.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.6%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 39,991 คัน ลดลง 2.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 16,477 คัน เพิ่มขึ้น 13.8% ส่วนแบ่งตลาด 41.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,826 คัน ลดลง 3.4% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,592 คัน ลดลง 9.4% ส่วนแบ่งตลาด  6.5%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 31,169 คัน ลดลง 6.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,400 คัน เพิ่มขึ้น 13.2% ส่วนแบ่งตลาด 49.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,781 คัน ลดลง 7.7% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,592 คัน ลดลง 9.4% ส่วนแบ่งตลาด  8.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,800 คัน
โตโยต้า 1,939 คัน – อีซูซุ 1,851 คัน – มิตซูบิชิ 531 คัน – ฟอร์ด 473  คัน – นิสสัน 6 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 26,369 คัน ลดลง 11.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,549 คัน เพิ่มขึ้น 4.6% ส่วนแบ่งตลาด 51.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,842 คัน ลดลง 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 29.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,119 คัน ลดลง 12.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 114,168 คัน ลดลง 16.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
33,655 คัน ลดลง 13.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 31,725 คัน เพิ่มขึ้น 10.3% ส่วนแบ่งตลาด 27.8%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
14,664 คัน ลดลง 30.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.8%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 35,073 คัน ลดลง 35.3%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 12,394 คัน ลดลง 30.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
9,129 คัน ลดลง 31.1% ส่วนแบ่งตลาด 26.0%
อันดับที่ 3 มาสด้า 3,605 คัน ลดลง 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 10.3%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 79,095 คัน ลดลง 3.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 31,725 คัน เพิ่มขึ้น 10.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
24,496 คัน ลดลง 4.2% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,897 คัน ลดลง 2.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.2%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 61,276 คัน ลดลง 8.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
29,598 คัน เพิ่มขึ้น 9.7% ส่วนแบ่งตลาด 48.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
20,275 คัน ลดลง 9.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,897 คัน ลดลง 2.0% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 9,094 คัน
โตโยต้า 3,914 คัน – อีซูซุ 3,285 คัน – มิตซูบิชิ 1,053 คัน – ฟอร์ด 816  คัน – นิสสัน 26 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 52,182 คัน ลดลง 12.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
26,313 คัน เพิ่มขึ้น 1.7% ส่วนแบ่งตลาด 50.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
16,361 คัน ลดลง 18.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,081 คัน ลดลง 0.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%

หากช่วงนี้ใครอยากซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Pickup-In-Motorshow-2021

รถกระบะ ถือเป็นรถที่ยอดนิยมอย่างยิ่งของชาวไทยมานานนับหลายสิบปี ในปัจจุบันเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ที่สมรรถนะดีมากกว่าในอดีตมาก และออพชั่นติดรถสุดทันสมัย ไม่แพ้รถยนต์นั่งเลยทีเดียว ซึ่งคาวมนิยมในบ้านเรากับความเป็นรถสารพัดประโยชน์ ทั้งในเชิงพาณิชย์ การใช้งานที่อเนกประสงค์ ขนของได้ ลุยน้ำได้ ไปกันได้หลายคน ใช้ทำเป็นรถรับจ้างหาเงินได้อีกด้วย

ในงาน Motor Show 2021 นี้ ผู้ผลิตรถกระบะหลายเจ้าอย่าง โตโยต้า, อีซูซุ, นิสสัน, มิตซูบิชิ, ฟอร์ด หรือ เอ็มจี ต่างส่งรถกระบะโฉมใหม่ หรือรุ่นพิเศษของตัวเองออกมาเพื่อกระตุ้นตลาด ช่วงชิงยอดจองและยอดขาย โดนใจผู้บริโภคที่อยากเปลี่ยนรถกระบะคันใหม่

โดยในงาน Motor Show 2021 จะมีรถกระบะรุ่นใดที่น่าซื้อนั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันครับ …

Toyota-Hilux-Revo-Z-Edition-2021

Toyota Hilux Revo

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) แม้ว่ากระแสจะดูไม่เปรี้ยงปร้างเลย นับตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้ว ในงาน Motor Show 2021 ครั้งนี้ ยังชูจุดขายอย่างรุ่น Z-Edition Wild Body กระบะตัวเตี้ย “หน้าหล่อแต่งซิ่ง กระบะตัวจริงที่ใครก็มอง” ปรับดีไซน์ภายนอกใหม่ ให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น และแนะนำชุดแต่งพิเศษ สำหรับกระบะรุ่นตัวเตี้ย “Razer Package” ที่ปรับโป่งล้อดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอย 16 นิ้ว สามารถตกแต่งเพิ่มได้ตามความต้องการจากร้านประดับยนต์หรือร้านรถแต่งชั้นนำ

และชุดแต่งสำหรับกระบะรุ่นยกสูง “Modellista Black Prime” ด้วยสปอยเลอร์หน้า ชุดตกแต่งกระจังหน้า แต่งไฟตัดหมอกและคิ้วซุ้มล้อ ด้วยสไตล์เรียบหรูแต่ดุดัน

และสำหรับรุ่นพิเศษ Rocco นอกจากจะมีชุดตกแต่งพิเศษ อาทิ สปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ พร้อมยางแบบ White Letters และยังเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense อีกด้วย

ส่วนภายในห้องโดยสาร มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay พ่วงด้วย T-Connect และมาตรวัดดีไซน์ใหม่ ปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ในรุ่น 2.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดถึง 204 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบ/นาที

และสำหรับรุ่น Off-Road เครื่องยนต์ได้ปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบ/นาที เป็น 680 รอบ/นาที) เพื่อให้ลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง

ราคาของ Toyota Hilux Revo มีดังนี้

  • Hilux Revo Z-Edition มี 12 รุ่น ราคา 609,000 – 809,000 บาท
  • Hilux Revo ยกสูง แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ Pre-Runner มี 12 รุ่น ราคา 707,000 – 1,009,000 บาท
  • Hilux Revo แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มี 5 รุ่น ราคา 862,000 – 1,159,000 บาท
  • Hilux Revo Rocco มี 4 รุ่น ราคา 949,000 – 1,239,000 บาท

Isuzu-D-Max-V-Cross-2021

Isuzu D-Max

Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) โฉมใหม่! ครั้งแรกของโลก! ผลงานความสมบูรณ์แบบล่าสุดจาก DNA ของ Isuzu ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทุกมิติ ทั้งภายนอกภายใน มิติตัวรถใหญ่ บึกบึนยิ่งขึ้น ดูทรงพลัง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีเส้นสายพริ้วไหว ช่วยให้ตัวรถดูปราดเปรียว และสปอร์ต แรงสะใจ กับแพลตฟอร์มใหม่ ระบบความปลอดภัยใหม่เต็มรูปแบบ เทคโนโลยีใหม่ในทุกฟังก์ชั่น

ห้องโดยสารภายใน เน้นเส้นสายที่เฉียบคม คอนโซลหน้าเล่นระดับแบบ Sharp Horizontal Layers ใช้วัสดุพรีเมี่ยมหลากหลาย พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ใช้งานง่ายตามหลัก Usability Design พร้อมระบบความบันเทิง ISUZU Ultimate Entertainment หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว คมชัดระดับ HD รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง Dynamic Surround Sound 8 ลำโพง

มีให้เลือกครอบคลุมทั้งรุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู พร้อมเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ 190 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีดพัฒนาใหม่สไตล์สปอร์ต ขับสนุก แม่นยำยิ่งขึ้น และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดใหม่ ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล พร้อมโหมดขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic

ราคาของ Isuzu D-Max อยู่ที่ 510,000 – 1,157,000 บาท

Nissan-Navara-PRO-4X-2021

Nissan Navara

Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) รถกระบะที่ กล้า… เพื่อคนแกร่ง ดีไซน์คอนเซ็ปต์ “Unbreakable Design” คำนึงถึงการใช้งาน และความชื่นชอบของลูกค้า โดดเด่นด้วยด้วยดีไซน์ใหม่ดุดัน และเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะเต็มรูปแบบจาก Nissan Intelligent Mobility

นาวารา ใหม่ มีเครื่องยนต์ 3 แบบได้แก่

  • เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ Twin Turbo เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
  • เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ VGS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร
  • เครื่องยนต์ YD25DDTTi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร

นอกจากนี้ ยังคงความสมบูรณ์แบบที่สามารถลุยได้ทุกที่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเทคโนโลยีที่เสริมความมั่นใจในทุกสภาวะของเส้นทาง อาทิ ระบบป้องกันการลื่นไถล (Brake Limited Slip Differential: B-LSD) และ ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (Electronic Rear Locking Differential)  รวมถึงเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) ที่เสริมฟังก์ชัน Off-Road Meter เมื่ออยู่ในโหมด 4L

นอกจากนี้ นาวารา ใหม่ ยังนำรุ่นพิเศษ PRO-4X และ PRO-2X ใหม่ ถ่ายทอดดีเอ็นเอมาจาก Nissan Titan สำหรับลูกค้าที่ชอบการเดินทางแบบผจญภัยพร้อมลุยไปในเส้นทางแปลกใหม่ ที่เสริมความดุดันของดีไซน์ภายนอก จากกระจังหน้า และอุปกรณ์ตกแต่งโทนสีดำ ปรับแต่งช่วงล่างใหม่ให้สามารถลุยไปได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ด้วยล้ออัลลอยพร้อมยางแบบ All-Terrain

โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมสีพิเศษ สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) เสริมด้วยชุดแต่งที่มีแอคเซนท์สีส้มแดง ภายในห้องโดยสารเสริมด้วยเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต ในราคาเริ่มต้นที่ 999,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-2X และ 1,149,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-4X

ราคาของ Nissan Navara อยู่ที่ 599,000 – 1,149,000 บาท

Mitsubishi-Triton-Double-Cab-2021

Mitsubishi Triton

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมไมเนอร์เชนจ์ มาในแนวคิด “Engineered Beyond Tough” หน้าตาภายนอกใช้ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น และกระจังหน้าแบบ Dynamic Shield มาพร้อมไฟท้ายแบบ LED Tube กับกันชนดีไซน์ใหม่ ลงตัวกับล้อแม็กลาย 6 ก้านคู่ และด้วยระยะความสูงจากพื้นถึง 700 มม. ช่วยลดความเสี่ยงที่ไฟหน้าและไฟตัดหมอกจะได้รับความเสียหายขับรถลุยน้ำท่วม หรือถูกหินกระเด็นใส่ตัวรถ

ส่วนออพชั่นภายใน และดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ปรับเปลี่ยนเยอะพอสมควร ช่องแอร์แบบใหม่ ใช้วัสดุภายในดูโดดเด่นขึ้น และยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครันที่สุดในระดับเดียวกัน รวมไปถึงกล้องมองภาพรอบคัน ที่ใช้กล้อง 4 ตัวจับภาพรอบคันพร้อมภาพมุมสูงที่แสดงสิ่งกีดขวางรอบคัน และเซ็นเซอร์กะระยะจอด เพื่ออำนวยความสะดวกในการจอดรถ

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VG Turbo Clean Diesel ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที รองรับการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด แบบใหม่พร้อม Sport Mode

ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II พร้อมฝ่าอุปสรรคในทุกสภาพเส้นทาง ด้วย 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และโหมด 4H ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control พ่วงด้วยโหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง

ราคาของ Mitsubishi Triton อยู่ที่ 659,000 – 1,109,000 บาท

Mazda-BT-50-2021

Mazda BT-50

All-New Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) เจเนอเรชั่นใหม่ ผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ดีไซน์ที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดในโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด

การออกแบบที่สง่างาม สไตล์ปิกอัพยุคใหม่ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย ให้ความสะดวกสบายเทียบเท่ารถเอสยูวี ยังตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกโอกาส หรือ “Built for Dress and Jeans” ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบด้วย Signature Wing ขนาดใหญ่ รูปทรงด้านหน้าที่สง่างามในสไตล์รถเอสยูวี ดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว

ภายในห้องโดยสาร ประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด ใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง คอนโซลหน้าถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายในและเพดานเลือกใช้โทนสีดำตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่ง ให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง และแผงประตูดูหรูหรา ด้วยการตกแต่งสไตล์เดียวกับรถ SUV

การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์โดยให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักการ Human Machine Interface ทุกฟังก์ชันง่ายต่อการใช้งาน การรับรู้ข้อมูลการขับขี่รวมถึงสายเรียกเข้าหรือชื่อเพลงบนหน้าจอแบบสี MID (Multi-Information Display) ขนาด 4.2 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ อ่านง่าย มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ TFT (Thin-film Transistor Technology)

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ซึ่งประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาส กับตัวเลข 16.1 กม./ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร มีทั้งแบบส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมรองรับน้ำมันดีเซลได้ถึง B20

ราคาของ Mazda BT-50 อยู่ที่ 569,000 – 1,153,000 บาท

Ford-Ranger-FX4-Max-2021

Ford Ranger FX4 Max / Ranger Raptor

Ford Ranger FX4 Max (ฟอร์ด เรนเจอร์ เอฟเอ็กซ์ 4 แม็กซ์) ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2021 มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่เหนือไปอีกขั้น อัดแน่นด้วยฟีเจอร์อันโดดเด่น ตั้งแต่ระบบช่วงล่างและโช๊คอัพของ FOX Shocks และยาง All-Terrain รวมทั้งการออกแบบภายในที่รองรับทุกการรูปแบบเดินทาง ไปจนถึงช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch ที่มีช่องต่อ AUX 6 ตำแหน่ง

ได้รับแรงบันดาลใจในด้านความโดดเด่น และดีไซน์ภายนอกจาก Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง ทั้งกระจังหน้าสะกดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ F-O-R-D บันไดข้างโลหะผิวกันลื่นสีดำ ล้ออัลลอยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ และโรลบาร์ขนาดเต็ม

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Bi-Turbo ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 981 กก. และลากจูงได้สูงสุดถึง 3,500 กก.

พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC3 ภาษาไทย รองรับ Apple CarPlay ให้ผู้ขับขี่ก้าวข้ามทุกความท้าทาย ออกไปใช้ชีวิตให้สนุกพิชิตทุกเป้าหมายอย่างมีความสุข ตามนิยามการใช้ชีวิตแบบเรนเจอร์ “Live The Ranger Life”

มาในราคา 1,189,000 บาท!

Ford-Ranger-Raptor-2021

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเตอร์ แรพเตอร์) ถูกสร้างมาไม่ซ้ำใคร เพราะนี่คือรถกระบะออฟโรดคันแรกของเอเชีย ที่ตั้งใจสร้างมาแบบไร้ข้อจำกัด สร้างและพัฒนายนตรกรรมออฟโรดทั้งคัน ทำใหม่หมด! ส่งตรงจากโรงงานของฟอร์ด นี่แหละกระบะพันธุ์โหดออฟโรดตัวจริงที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง

โครงสร้างทั้งหมดประกอบไปด้วยเหล็ก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรด เพื่อให้พร้อมรับทุกความโหด และเข้าถึงสมรรถนะขั้นสุด แชสซีส์ถูกปรับโครงสร้างใหม่หมด มาพร้อมโช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ Fox Racing Shox ที่มาพร้อมระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass) และระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และคอยล์โอเวอร์ช็อค ที่เน้นสมรรถนะการขับขี่บนทางออฟโรดเป็นพิเศษ

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร (1,996 ซีซี) Twin Turbo (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift มาพร้อมระบบ Terrain Management System (TMS) สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 แบบ รวมถึงโหมดการขับขี่บาฮาสำหรับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูง

ราคาของ Ford Ranger ทั้งหมด อยู่ที่ 569,000 – 1,295,000 บาท

ราคาของ Ford Ranger Raptor อยู่ที่ 1,699,000 บาท

MG-Extender-2021

MG Extender

MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดในงาน Motor Show 2021 นี้ ใน Concept “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าใหม่ ตั้งแต่การจัดวาง Daytime Running Light ไว้ด้านบน

พร้อมชุดไฟส่องสว่างเป็นแบบ LED Projector จัดวางเรียงเป็น 3 ระดับ ตามแนวตั้งด้านข้างของกันชนหน้า โดยไฟส่องสว่างลดระดับต่ำลงกว่าเดิม ทำให้ไม่รบกวนรถที่สวนทางมา พร้อมล้ออัลลอยด์แบบ Bi-Colour ขนาด 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายใน เสริมความพรีเมี่ยมด้วยสีทูโทน สีน้ำตาลสลับสีดำ คอนโซล และแผงประตูตกแต่งพิเศษ ด้วยวัสดุแบบ Soft Touch พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าเอนได้ถึง 150 องศา และตกแต่งเบาะด้วยวัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์

ตอกย้ำความเป็นสมาร์ทปิกอัพ ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ครบครันถึง 9 ระบบ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมมอบความคุ้มค่าที่เหนือกว่า

วางสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซล Commonrail Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ให้ทั้งพละกำลังโดดเด่น การประหยัดน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ มั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นรถกระบะที่มาพร้อมระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อในเกือบทุกรุ่น พร้อม Option ต่างๆ ที่ให้มากกว่ารถทุกรุ่นเมื่อเทียบในระดับราคาเดียวกัน

สำหรับ MG Extender ใหม่ ราคาอยูที่ 559,000 – 1,039,000 บาท

… ถูกใจรุ่นไหน ไปสัมผัสตัวจริงได้ที่งาน Motor Show 2021 กันได้เลยนะครับ …

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Thailand-Car-Sales-Volume-2021

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2563 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2564

สำหรับยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายลดลง 21.4% โดยมียอดขายอยู่ที่ 792,146 คัน”

สถิติการขายรถยนต์ในประเทศปี 2563 ยอดขายปี 2563 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2562

ปริมาณการขายรวม 792,146 คัน      -21.4%
รถยนต์นั่ง  274,789 คัน -31.0%
รถเพื่อการพาณิชย์ 517,357 คัน -15.1%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 409,463 คัน -16.8%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 364,887 คัน -15.5%

https://www.toyota.co.th/media/news/gallery/bffd17b5144496bbe2c0fad20ecf7d2ef525d20b.jpg

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2564 คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอีกครั้งสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เนื่องจากยังคงต้องเผชิญกับหลายปัจจัย จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 การพัฒนาวัคซีน และการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ กิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ จะมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นยอดขายรถยนต์  ดังนั้น เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว จึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 850,000 – 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 7-14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 ยอดขาย

ประมาณการปี 2564

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ปริมาณการขายรวม 850,000 900,000 คัน     + 7-14%
รถยนต์นั่ง 290,000 318,000 คัน + 5-15%
รถเพื่อการพาณิชย์ 560,000 582,000 คัน + 8-13%

สำหรับยอดขายโตโยต้า ในปี 2563 ยอดขายรวมลดลง 26.5% หรือคิดเป็นจำนวน 244,316 คัน อย่างไรก็ตาม แต่ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 30.8% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด เนื่องจากมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่าง Corolla Cross, Yaris ATIV, Fortuner Legender, Hilux Revo และ Innova Crysta ส่งผลให้โตโยต้าสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2563 ยอดขายปี 2563 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2562

ส่วนแบ่งตลาด
ปริมาณการขายโตโยต้า 244,316 คัน      -26.5% 30.8%
รถยนต์นั่ง  68,152 คัน -42.1% 24.8%
รถเพื่อการพาณิชย์ 176,164 คัน -17.9% 34.1%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 149,635 คัน -21.9% 36.5%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 129,893 คัน -21.5% 35.6%

สำหรับเป้าหมายของโตโยต้าในปี 2564 โตโยต้ามีเป้าหมายการขายอยู่ระหว่าง 280,000 – 300,000 คัน หรือคิดเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 15 – 23% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ 33.3%

ปริมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 ยอดขาย

ประมาณการปี 2564

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ส่วนแบ่งตลาด
ปริมาณการขายโตโยต้า 280,000 – 300,000 คัน      + 15-23% 33.0%
รถยนต์นั่ง    82,500 – 92,000 คัน      + 21-35% 29.0%
รถเพื่อการพาณิชย์ 197,500 – 208,000 คัน      + 12-18% 36.0%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 168,500 – 181,000 คัน      + 13-21% 38.0%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 144,000 – 153,000 คัน      + 11-18% 38.0%

ด้านการส่งออกในปี 2563 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 215,277 คัน ลดลง 18.7% ปริมาณการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 442,822 คัน ลดลง 22.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป

และการผลิตของโตโยต้าปี 2563

ปริมาณปี 2563 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2562

ปริมาณการส่งออก 215,277 คัน      -18.7%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 442,822 คัน -22.4%

ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 254,000 คัน เพิ่มขึ้น 18% จากปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากภูมิภาคหลัก เช่น เอเชียและโอเชียเนีย

ทั้งนี้โตโยต้าตั้งเป้าการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 527,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 19% จากปี 2563 ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายของทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป

และการผลิตของโตโยต้าปี 2564

ปริมาณปี 2564 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ปริมาณการส่งออก 254,000 คัน      18%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 527,000 คัน 19%

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2563

  1.   ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 104,089 คัน เพิ่มขึ้น 11.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 33,197 คัน เพิ่มขึ้น 12.6% ส่วนแบ่งตลาด 31.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
22,917 คัน เพิ่มขึ้น 45.3% ส่วนแบ่งตลาด 22.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 10,075 คัน เพิ่มขึ้น 5.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.7%
  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 38,130 คัน เพิ่มขึ้น 3.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,811 คัน ลดลง 12.6% ส่วนแบ่งตลาด 23.1%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 8,378 คัน เพิ่มขึ้น 22.4% ส่วนแบ่งตลาด 22.0%
อันดับที่ 3 มาสด้า 3,475 คัน ลดลง 3.1% ส่วนแบ่งตลาด  9.1%
  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 65,959 คัน เพิ่มขึ้น 16.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 24,386 คัน เพิ่มขึ้น 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 22,917 คัน เพิ่มขึ้น 45.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,595 คัน เท่าเดิม ส่วนแบ่งตลาด  7.0%
  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 51,516 คัน เพิ่มขึ้น 14.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,566 คัน เพิ่มขึ้น 46.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.9% 
อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,123 คัน เพิ่มขึ้น 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 39.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,595 คัน เท่าเดิม ส่วนแบ่งตลาด 8.9%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 7,512 คัน
อีซูซุ 2,806 คัน – โตโยต้า 2,709 คัน – มิตซูบิชิ 1,118 คัน – ฟอร์ด 856 คัน – นิสสัน 23 คัน 

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 44,004 คัน เพิ่มขึ้น 11.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,760 คัน เพิ่มขึ้น 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 42.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 17,414 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,739 คัน ลดลง 3.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2563

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 792,146 คัน ลดลง 21.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า
244,316 คัน ลดลง 26.5% ส่วนแบ่งตลาด 30.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 181,194 คัน เพิ่มขึ้น 7.7% ส่วนแบ่งตลาด 22.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
93,041 คัน ลดลง 26.1% ส่วนแบ่งตลาด 11.7%
  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 274,789 คัน ลดลง 31.0%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า 77,419 คัน ลดลง 19.5% ส่วนแบ่งตลาด 28.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
68,152 คัน ลดลง 42.1% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน 27,120 คัน ลดลง 24.3% ส่วนแบ่งตลาด 9.9%
  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 517,357 คัน ลดลง 15.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 181,194 คัน เพิ่มขึ้น 7.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
176,164 คัน ลดลง 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 35,046 คัน ลดลง 29.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%
  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 409,463 คัน ลดลง 16.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ
168,467 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% ส่วนแบ่งตลาด 41.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
149,635 คัน ลดลง 21.9% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
35,046 คัน ลดลง 29.0% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 44,576 คัน
โตโยต้า 19,742 คัน – มิตซูบิชิ 9,342 คัน – อีซูซุ 8,139 คัน – ฟอร์ด 5,343 คัน –  นิสสัน 1,338 คัน – เชฟโรเลต 672 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 364,887 คัน ลดลง 15.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ
160,328 คัน เพิ่มขึ้น 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 43.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
129,893 คัน ลดลง 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
25,704 คัน ลดลง 28.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 79,177 คัน เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 25,437 คัน ลดลง 7.2% รถเพื่อการพาณิชย์ 53,740 คัน เพิ่มขึ้น 8.2% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 42,763 คัน เพิ่มขึ้น 6.8%

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 688,057 คัน ลดลง 24.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 34.5% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 18.3% เป็นผลกระทบมาจากโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี

แต่อย่างไรก็ตาม ภาครัฐฯ ยังออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจในด้านต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของคนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดรถยนต์ บรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ มอบข้อเสนอพิเศษ รวมถึงเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และปรับปรุงใหม่ ในงาน Motor Expo 2020 เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อรถได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมมีทิศทางดีขึ้น

All-New-Honda-City-Hatchback-2021

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2563

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 79,177 คัน เพิ่มขึ้น 2.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 28,279 คัน เพิ่มขึ้น 4.0% ส่วนแบ่งตลาด 35.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
17,577 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% ส่วนแบ่งตลาด 22.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 8,908 คัน เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนแบ่งตลาด  11.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 25,437 คัน ลดลง 7.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,420 คัน ลดลง 23.6% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,376 คัน เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.0%
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,746 คัน ลดลง 6.7% ส่วนแบ่งตลาด  10.8%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 53,740 คัน เพิ่มขึ้น 8.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,859 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 17,577 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,727 คัน เพิ่มขึ้น 5.5% ส่วนแบ่งตลาด  6.9%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 42,763 คัน เพิ่มขึ้น 6.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,305 คัน เพิ่มขึ้น 10.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 16,578 คัน เพิ่มขึ้น 24.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,727 คัน เพิ่มขึ้น 5.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.7%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,318 คัน
โตโยต้า 2,766 คัน – อีซูซุ 1,108 คัน – มิตซูบิชิ 838 คัน – ฟอร์ด 465 คัน – นิสสัน 141 คัน  

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 37,445 คัน เพิ่มขึ้น 3.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,470 คัน เพิ่มขึ้น 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 41.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,539 คัน เพิ่มขึ้น 3.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,889 คัน เพิ่มขึ้น 6.7% ส่วนแบ่งตลาด 7.7%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2563

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 688,057 คัน ลดลง 24.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
211,119 คัน ลดลง 30.3% ส่วนแบ่งตลาด 30.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 158,277 คัน เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนแบ่งตลาด 23.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
82,966 คัน ลดลง 28.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.1%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 236,659 คัน ลดลง 34.5%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 69,041 คัน ลดลง 22.7% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
59,341 คัน ลดลง 44.9% ส่วนแบ่งตลาด 25.1%
อันดับที่ 3 นิสสัน 24,666 คัน ลดลง 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 451,398 คัน ลดลง 18.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 158,277 คัน เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
151,778 คัน ลดลง 22.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 31,541 คัน ลดลง 29.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 357,947 คัน ลดลง 19.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
146,901 คัน เพิ่มขึ้น 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
129,512 คัน ลดลง 25.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
31,541 คัน ลดลง 29.5% ส่วนแบ่งตลาด8.8%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 37,064 คัน
โตโยต้า 17,033 คัน – มิตซูบิชิ 8,224 คัน – อีซูซุ 5,333 คัน – ฟอร์ด 4,487 คัน – นิสสัน 1,315 คัน –เชฟโรเลต 672 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 320,883 คัน ลดลง 18.2%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
141,568 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
112,479 คัน ลดลง 25.3% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
23,317 คัน ลดลง 28.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%

หากช่วงนี้ใครอยากซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนตุลาคม 2563 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 74,115 คัน ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 22,461 คัน ลดลง 20.7% รถเพื่อการพาณิชย์ 51,654 คัน เพิ่มขึ้น 10.4% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 40,837 คัน เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศกำลังไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ประกอบกับการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” โครงการ “คนละครึ่ง” และมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ทำให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น และกำลังซื้อมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งส่งผลในเชิงบวกกับตลาดรถยนต์

Nissan-Navara-Pro-4X-2021

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 9 เดือน มีปริมาณการขาย 534,765 คัน ลดลง 29.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 38.2% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 24.2% เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 10 เดือน มีปริมาณการขาย 608,880 คัน ลดลง 27.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 36.8% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 20.9% เป็นผลกระทบมาจากโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี

บรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ พยายามอย่างเต็มที่ในช่วงปลายปี ให้เกิดการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ทั้งการแนะนำรถใหม่ๆ การออกกลยุทธ์ต่างๆ คาดหวังว่าตลาดรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายนจะมีทิศทางที่ดีขึ้น

All-New-Isuzu-MU-X-2020

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตุลาคม 2563

1.     ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 74,115 คัน ลดลง 1.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 25,709 คัน ลดลง 3.6% ส่วนแบ่งตลาด 34.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
17,174 คัน เพิ่มขึ้น 44.8% ส่วนแบ่งตลาด 23.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 9,011 คัน ลดลง 7.2% ส่วนแบ่งตลาด  12.2%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 22,461 คัน ลดลง 20.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 7,233 คัน ลดลง 6.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 6,245 คัน ลดลง 32.0% ส่วนแบ่งตลาด 27.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน 2,602 คัน เพิ่มขึ้น 0.0% ส่วนแบ่งตลาด  11.6%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 51,654 คัน เพิ่มขึ้น 10.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,464 คัน เพิ่มขึ้น 11.3% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 17,174 คัน เพิ่มขึ้น 44.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,985 คัน ลดลง 23.8% ส่วนแบ่งตลาด  5.8%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 40,837 คัน เพิ่มขึ้น 9.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 16,622 คัน เพิ่มขึ้น 6.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 16,010 คัน เพิ่มขึ้น 51.5% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,985 คัน ลดลง 23.8% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,127 คัน
โตโยต้า 2,783 คัน- มิตซูบิชิ 816 คัน – ฟอร์ด 452 – คัน- อีซูซุ 70 คัน – เชฟโรเลต 6 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 36,710 คัน เพิ่มขึ้น 11%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,940 คัน เพิ่มขึ้น 59.8% ส่วนแบ่งตลาด 43.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 13,839 คัน เพิ่มขึ้น 1.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,198 คัน ลดลง 29.6% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ตุลาคม 2563

1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 608,880 คัน ลดลง 27.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
182,840 คัน ลดลง 33.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 140,700 คัน เพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนแบ่งตลาด 23.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
74,058 คัน ลดลง 31.0% ส่วนแบ่งตลาด 12.2%

2.  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 211,222 คัน ลดลง 36.8%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 61,665 คัน ลดลง 25.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
51,921 คัน ลดลง 47.0% ส่วนแบ่งตลาด 24.6%
อันดับที่ 3 นิสสัน 21,951 คัน ลดลง 27.9% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

3.  ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 397,658 คัน ลดลง 20.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 140,700 คัน เพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
130,919 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 32.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 27,814 คัน ลดลง 32.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%

4.  ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 315,184 คัน ลดลง 22.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
130,323  คัน เพิ่มขึ้น 4.2% ส่วนแบ่งตลาด 41.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
112,207 คัน ลดลง 29.4% ส่วนแบ่งตลาด 35.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
27,814 คัน ลดลง 32.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.8%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 31,746 คัน
โตโยต้า 14,267 คัน – มิตซูบิชิ 7,386 คัน – อีซูซุ 4,225 คัน – ฟอร์ด 4,022 คัน – นิสสัน 1,174 คัน –เชฟโรเลต 672 คัน

5.  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 283,438 คัน ลดลง 20.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
126,098 คัน เพิ่มขึ้น 7.7% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
97,940 คัน ลดลง 28.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
20,428 คัน ลดลง 31.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 77,943 คัน ลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 29,245 คัน ลดลง 22.7% รถเพื่อการพาณิชย์ 48,698 คัน เพิ่มขึ้น 13.5%ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 38,196 คัน เพิ่มขึ้น 11.6%

จะเห็นได้ว่า ยอดขายโดยรวมของเดือนกันยายนปรับตัวดีขึ้น และธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาฟื้นตัว อาทิเช่น ธุรกิจด้านการขนส่ง (Logistic) และการส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งส่งผลในเชิงบวกให้กับตลาดรถยนต์

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 9 เดือน มีปริมาณการขาย 534,765 คัน ลดลง 29.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 38.2% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 24.2% เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

All-New-Isuzu-D-Max-X-Series-2020

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกันยายน 2563

1.     ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 77,943 คัน ลดลง 3.5%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 23,757 คัน ลดลง 3.6% ส่วนแบ่งตลาด 30.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
15,438 คัน เพิ่มขึ้น 44.8% ส่วนแบ่งตลาด 19.8%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 9,077 คัน ลดลง 12.4% ส่วนแบ่งตลาด  11.6%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 29,245 คัน ลดลง 22.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 7,598 คัน ลดลง 8.4% ส่วนแบ่งตลาด 26.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,430 คัน ลดลง 44.0% ส่วนแบ่งตลาด 18.6%
อันดับที่ 3 นิสสัน 2,240 คัน ลดลง 16.7% ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 48,698 คัน เพิ่มขึ้น 13.5%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 18,327 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 15,438 คัน เพิ่มขึ้น 44.8% ส่วนแบ่งตลาด 31.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,124 คัน ลดลง 22.5% ส่วนแบ่งตลาด  6.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)  ปริมาณการขาย 38,196 คัน เพิ่มขึ้น 11.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 15,332 คัน เพิ่มขึ้น 13.9% ส่วนแบ่งตลาด 40.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,143 คัน เพิ่มขึ้น 51.4% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,124 คัน ลดลง 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,903 คัน
โตโยต้า 2,147 คัน- มิตซูบิชิ 959 คัน – ฟอร์ด 514 – คัน- อีซูซุ 268 คัน – เชฟโรเลต 14 คัน – นิสสัน 1 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 34,293 คัน เพิ่มขึ้น 15.7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,875 คัน เพิ่มขึ้น 59.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 13,185 คัน เพิ่มขึ้น 13.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,331 คัน ลดลง 24.5% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กันยายน 2563

1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 534,765 คัน ลดลง 29.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
157,131 คัน ลดลง 36.9% ส่วนแบ่งตลาด 29.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 123,526 คัน ลดลง 1.9% ส่วนแบ่งตลาด 23.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
65,047 คัน ลดลง 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 12.2%

2.  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 188,761 คัน ลดลง 38.2%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 54,432 คัน ลดลง 27.2% ส่วนแบ่งตลาด 28.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
45,676 คัน ลดลง 48.5% ส่วนแบ่งตลาด 24.2%
อันดับที่ 3 นิสสัน 19,349 คัน ลดลง 30.6% ส่วนแบ่งตลาด 10.3%

3.  ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 346,004 คัน ลดลง 24.2%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 123,526 คัน ลดลง 1.9% ส่วนแบ่งตลาด 35.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
111,455 คัน ลดลง 30.5% ส่วนแบ่งตลาด 32.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 24,829 คัน ลดลง 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

4.  ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 274,347 คัน ลดลง 25.8%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
114,313  คัน ลดลง 0.2% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
95,585 คัน ลดลง 33.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
24,829 คัน ลดลง 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.1%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 27,619 คัน
โตโยต้า 11,484 คัน – มิตซูบิชิ 6,570 คัน – อีซูซุ 4,155 คัน – ฟอร์ด 3,570 คัน – นิสสัน 1,174 คัน –เชฟโรเลต 666 คัน

5.  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 246,728 คัน ลดลง 23.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
110,158 คัน เพิ่มขึ้น 2.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
84,101 คัน ลดลง 31.5% ส่วนแบ่งตลาด 34.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
18,259 คัน ลดลง 32.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%
ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม มีปริมาณการขาย 68,883 คัน ยังลดลง 12.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 30.3% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพราะยังเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19

Toyota-Yaris-ATIV-2020

อย่างไรก็ตาม ยอดขายโดยรวมของเดือนสิงหาคมปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีชึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หลังจากที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ และมีมาตรการเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ทั้งมาตรการด้านการเงินและการคลัง

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 8 เดือน มีปริมาณการขาย 448,006 คัน ลดลง 32.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 40.7% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 28.1% ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลก

Nissan-Kicks-e-Power

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2563

1.     ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 68,883 คัน ลดลง 12.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,599 คัน ลดลง 31.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
16,557 คัน เพิ่มขึ้น 11.9% ส่วนแบ่งตลาด 24.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 8,610 คัน ลดลง 45.3% ส่วนแบ่งตลาด  12.5%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 21,300 คัน ลดลง 30.3%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 7,099 คัน ลดลง 39.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,278 คัน ลดลง 43.5% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน 2,332 คัน ลดลง 19.4% ส่วนแบ่งตลาด 10.9%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 47,583 คัน ลดลง 0.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 16,557 คัน เพิ่มขึ้น 11.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 16,321 คัน ลดลง 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 34.3%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,189 คัน ลดลง 21.7% ส่วนแบ่งตลาด  6.7%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick Up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)  ปริมาณการขาย 37,035 คัน ลดลง 3.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,280 คัน เพิ่มขึ้น 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 13,565 คัน ลดลง 30.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,189 คัน ลดลง 21.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,752 คัน
โตโยต้า 1,750 คัน- มิตซูบิชิ 934 คัน – ฟอร์ด 533 – คัน- อีซูซุ 422 คัน – นิสสัน 106 คัน – เชฟโรเลต 7 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,283 คัน เพิ่มขึ้น 0.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 14,858 คัน เพิ่มขึ้น 17.7% ส่วนแบ่งตลาด 46.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,815 คัน ลดลง 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,255 คัน ลดลง 28.1% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2563

1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 448,006 คัน ลดลง 32.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
133,374 คัน ลดลง 43.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 108,088 คัน ลดลง 11.1% ส่วนแบ่งตลาด 24.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
55,970 คัน ลดลง 37.5% ส่วนแบ่งตลาด 12.5%

2.  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 150,700 คัน ลดลง 40.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 46,834 คัน ลดลง 30.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
40,246 คัน ลดลง 49.5% ส่วนแบ่งตลาด 26.7%
อันดับที่ 3 นิสสัน
17,109 คัน ลดลง 34.8% ส่วนแบ่งตลาด 11.4%

3.  ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 297,306 คัน ลดลง 28.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
108,088 คัน ลดลง 11.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
93,128 คัน ลดลง 40.0% ส่วนแบ่งตลาด 31.3%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
21,705 คัน ลดลง 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%

4.  ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 236,151 คัน ลดลง 29.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
100,170 คัน ลดลง 10.1% ส่วนแบ่งตลาด 42.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
80,253 คัน ลดลง 41.6% ส่วนแบ่งตลาด 34.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
21,705 คัน ลดลง 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 23,716 คัน
โตโยต้า 9,337 คัน – มิตซูบิชิ 5,611 คัน – อีซูซุ 3,887 คัน – ฟอร์ด 3,056 คัน – นิสสัน 1,173 คัน –เชฟโรเลต 652 คัน

5.  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 212,435 คัน ลดลง 27.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
96,283 คัน ลดลง 7.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
70,916 คัน ลดลง 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
16,094 คัน ลดลง 35.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.6%
ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume
สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 59,335 คัน ลดลง 26.8% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 18,500 คัน ลดลง 43.6% รถเพื่อการพาณิชย์ 40,835 คัน ลดลง 15.4% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 32,707 คัน ลดลง 15.9%

โดยตลาดรถยนต์นั่ง มีอัตราการเติบโตลดลง 43.6% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลง 15.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา

Toyota-Corolla-Cross-2020

จะเห็นได้ว่ายอดขายของเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มดีขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 5 ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ รวมถึงการเริ่มมีการจัดงานส่งเสริมการขายรถยนต์ ได้แก่ งาน Motor Show 2020 และงาน Big Motor Sale 2020 อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการช่วยเหลือการท่องเที่ยวในประเทศ “เราเที่ยวด้วยกัน” ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลในเชิงบวกกับตลาดรถยนต์

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 7 เดือน มีปริมาณการขาย 387,939 คัน ลดลง 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 42.2% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 31.7% จากปัญหาโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

Honda-CR-V-2020

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฎาคม 2563

1.     ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 59,335 คัน ลดลง 26.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,553 คัน ลดลง 31.9% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
15,477 คัน เพิ่มขึ้น 11.9% ส่วนแบ่งตลาด 26.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 6,034 คัน ลดลง 45.3% ส่วนแบ่งตลาด  10.2%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 18,500 คัน ลดลง 43.6%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 5,217 คัน ลดลง 39.6% ส่วนแบ่งตลาด 28.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,042 คัน ลดลง 43.5% ส่วนแบ่งตลาด 27.3%
อันดับที่ 3 นิสสัน 2,136 คัน ลดลง 19.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,835 คัน ลดลง 15.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,477 คัน เพิ่มขึ้น 11.9% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,511 คัน ลดลง 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,100 คัน ลดลง 21.7% ส่วนแบ่งตลาด  7.6%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)  ปริมาณการขาย 32,707 คัน ลดลง 15.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 14,317 คัน เพิ่มขึ้น 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 43.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,423 คัน ลดลง 30.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,100 คัน ลดลง 21.7% ส่วนแบ่งตลาด 9.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,987 คัน
โตโยต้า 944 คัน- มิตซูบิชิ 859 คัน – อีซูซุ 517 – คัน- ฟอร์ด 425 คัน – นิสสัน 235 คัน – เชฟโรเลต 7 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,720 คัน ลดลง 13.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,800 คัน เพิ่มขึ้น 17.7% ส่วนแบ่งตลาด 46.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,479 คัน ลดลง 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 31.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,241 คัน ลดลง 28.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2563

1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 387,939 คัน ลดลง 35.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
111,775 คัน ลดลง 43.3% ส่วนแบ่งตลาด 28.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 91,531 คัน ลดลง 11.1% ส่วนแบ่งตลาด 23.6%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
47,360 คัน ลดลง 37.5% ส่วนแบ่งตลาด 12.2%

2.  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 138,216 คัน ลดลง 42.2%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 39,735 คัน ลดลง 30.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
34,968 คัน ลดลง 49.5% ส่วนแบ่งตลาด 25.3%
อันดับที่ 3 นิสสัน
14,777 คัน ลดลง 34.8% ส่วนแบ่งตลาด 10.7%

3.  ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 249,723 คัน ลดลง 31.7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
91,531 คัน ลดลง 11.1% ส่วนแบ่งตลาด 36.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
76,807 คัน ลดลง 40.0% ส่วนแบ่งตลาด 30.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
18,516 คัน ลดลง 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%

4.  ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 199,116 คัน ลดลง 33.0%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
84,890 คัน ลดลง 10.1% ส่วนแบ่งตลาด 42.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
66,688 คัน ลดลง 41.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
18,516 คัน ลดลง 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 19,964 คัน
โตโยต้า 7,587 คัน – มิตซูบิชิ 4,677 คัน – อีซูซุ 3,465 คัน – ฟอร์ด 2,523 คัน – นิสสัน 1,067 คัน –เชฟโรเลต 645 คัน

5.  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 179,152 คัน ลดลง 31.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
81,425 คัน ลดลง 7.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
59,101 คัน ลดลง 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
13,839 คัน ลดลง 35.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.7%
ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคโควิด-19 ระบาด สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก: