mazda-2

Review Mazda 2 Eco Car สุดหรูทั้งดีไซน์ และขุมกำลังดีเซลแห่งอนาคต

มาสด้า 2 (Mazda2) หลายคนอาจจะรู้สึกผิดหวัง กับ ราคาเล็กน้อย กับ รถยนต์ที่บอกว่าเป็นรถอีโคคาร์ด้วยราคาค่าตัวที่ต้องซู๊ดดดดปากดังๆ เพราะถ้าเทียบราคา กับความเป็น อีโคคาร์แล้ว ต้องบอกว่ามาสด้า 2  ถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับบรรดารถอีโคคาร์ทั่วไป ทั้ง  8 รุ่นในบ้านเรา

จุดเด่น จุดด้อยของรถคันนี้จะมีอะไร ลองไปดูกันเริ่มต้นที่รุ่นสแตนดานซ์  1.5 Skyactiv-D XD ราคาเริ่มต้นที่  6.75 แสน รุ่นกลาง 1.5 Skyactiv-D XD High ราคา 7.35 แสนบาท และรุ่นท๊อป 1.5 Skyactiv-D XD High Plus+ ราคา 7.90 แสนบาท

แต่ถ้ามองในเชิงเทคโนโลยีและความคุ้มค่ากับการนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ  รวมทั้งการตัดสินใจน้ำเครื่อยนตฺดีเซลมาใส่ไว้ในเก๋งเล็กเป็นครั้งแรก หากจะชั่งน้ำหนักกับ เรื่อง “ราคา” ที่กระโดดไปสูงกว่าอีโคคาร์ทั่วแล้วถือว่า “รับได้”

หากจะมอง ให้ มาสด้า2 คันนี้ กระโดดขึ้นไปชกข้ามรุ่น เพราะถ้าเปรียบกับความเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว โดยส่วนตัว คู่แข่งที่ ตรงตัวมากที่สุด เห็นจะเป็นรถจากฝั่งยุโรปอย่าง “มินิ” ที่ทั้งด้านประสิทธิภาพขุมพลังของเครื่องยนต์ อัตราสิ้นเปลืองถือว่าพอสูสี แต่หากจะดูที่ระดับราคากับความคุ้มค่าและอัตราสินเปลื้องแล้ว ต้องให้มาสด้า2 ที่ กินขาดด้วยราคาที่เป็นมิตรภาพที่จับต้องได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับรถ “มินิ”

แต่อย่างที่บอก เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นระดับเดียวกันตรงๆ นั้น ไร้คู่เเข่ง แต่หากจะเทียบกับความเป็น “อีโคคาร์” ถือว่า ราคาสูงโดดไปอยู่ในระดับ “ซิตี้ คาร์” เเม้ว่ารถคันนี้จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เข้าช่วยถึง 17% แล้วก็ตาม

สาเหตุที่ต้องยก ประเด็นเรื่องของ “ราคา” มาอยู่ในอันดับต้นๆ นั้น เพราะ ประเด็นนี้กลายเป็น “โจทย์” สำคัญที่มาสด้าจะต้องเร่งเเก้ เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรับรู่ โปรดักส์ได้อย่างถูกต้องการวางราคา ขายของ มาสด้า 2 จะเห็นว่า มาสด้า ได้วางตำแหน่ง “ราคา” ตัวเองไว้ระดับ บี  คารื ระดับพรีเมี่ยม เเต่เอาเข้าจริง… ลูกค้าจะรับได้ กับ ความเป็นรถอีโคคาร์ ที่ราคากระโดด ขนาดนี้ได้หรือไม่คงต้องใช้เวลา…

ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา การออกแบบของรถคันนี้ ถือว่าสวยสุด ด้วยดีไซน์โคโดะ หรือการออกแบบที่สะท้อนจิตวิญญานแห่งการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้เราประทับใจกับรถรุ่นพี่อย่าง มาสด้า3 ที่มีทั้งความโฉบเฉี่ยว ความสปอร์ต ดุดัน โฉบเฉียว หรูหรา แน่นอน เมื่อมาสด้า ทำตคลอดมาสด้า2 ความสวยสะดุดตา เรื่อนร่าง รถคันนี้ จำลองมาสด้า3  มาเหมือนพิมพ์เเกะ เพียงเเต่ดีไซน์และขนาด ที่ผ่านการย่อส่วนมาอย่างลงตัว… ทั้งรุ่น ซีดาน และ เเฮทช์เเบค

หากเทียบกับ มาสด้า2 โฉมก่อน ถือว่า มาสด้าสอบผ่าน โดยเฉพาะรุ่น ซีดาน ที่ ช่วงด้านท้ายที่ โดง ไม่สวยสมกับความโฉบเฉี่ยวของการออกแบบในตอนหน้าและด้านข้าง ซึ่งหากจำไม่ผิดมาได้ได้แก้ปัญหา เนื่องดังกล่าวด้ยการ ลดส่วนสูงในตอนท้ายของโมเดลเก่าลงมาเล็กน้อย เเละช่วยได้พอสมควร ส่วน เเฮชท์เเบค โมเดลก่อนหน้า เรื่องการออกแบบ เรียกง่ายๆ ว่า “ไม่สุด” ในการดีไซน์ลงไปอย่างสิ้นเชิง หรือหากจะเทียบบรรดา อีโคคาร์ แอทช์แบค ที่พอฟัดพอเหวี่ยงได้ น่าจะมี โตโยต้า ยารีส ทีอาร์ ตัวเเต่ง  ที่ถือว่าออกแบบ เน้นความโฉบเฉียวพอฟัดพอเหวี่ยง เพียงเเต่ขนาดตัวของ ยารีส ดีจะหนากว่ามาสด้า2 เล็กน้อย

ส่วนรุ่นซีดาน โหวตให้มาสด้า2  มาเหนือไร้คู่เเข่งการออกแบบภายนอก ขอติงในส่วนไฟเลี้ยวท้าย ที่ออกแบบมาต้องการความโฉบเฉียว เเต่เวลาขับตามหลัง อาจจะมองไฟเลี้ยวได้ไม่ชัดเจน  เพราะมีขนาดเล็ก เป็นเส้นด้านท้าย

ภายในห้องโดยสาร มาสด้าใช้โทนสีดำเข้าช่วยขับความดุดันแปละความสปอร์ตภายในห้องโดยสารเบาะหนังสไตลล์บัคเก็ตซีท ตัดด้วยเส้นด้านสีเเดง เดินตะเข็บคู่ มาตัด กับสีดำ สะดุดตา และกระชากอารมณ์ความสปอร์ตออกมา ทั้งเบาะนั่ง และบริเวณ คอลโซลด้านหน้า แต่น่าเสียดายเเทนที่ มาสด้า จะเดิน ดายสีเเดงตัวขอบ ที่บริเวณเเผงประตู และพวงมาลัยด้วย  น่าจะช่วยให้การเคลื่อนไหวของ อารมณ์ความเร้าใจ ในห้องโดยสานไม่ไหลลื่น … จากการเดินเส้นดาย

อีกหนึ่งสิ่งที่ดูขัดเเย้งคือแผงช่องเเเอร์ บริเวณคอบโซลหน้าฝั่งคนนั้ง ที่ออกแบบมาให้เป็นเเนวนอนยาว  มองผาดๆอาจจะได้ในเรื่องของความเรียบงาน แต่โดยส่วนตัวแล้ว มองว่า คามเรียบง่ายนี้ถูกกลื่น ไปด้วยความรู้สึกว่า “เชย” แถมปุ่มกดไฟพาทสาด (ไฟฉุกเฉิน)  ที่อยู่ในระนาบเดียวกับช่องเเอร์เเนวนอน นั้น ก็ถูกกลื่นหายไป

อุปกรณ์การใช้งานอื่นๆในห้องโดยสาร  แม้ว่า จะใส่มาเต็มแต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ “เกิน” และไม่จำเป็นต้องมีก็ได้  ซึ่งช่วยเปลี่ยนองศา การมอง ด้วยHeads-up display หน้าจอแสดงความเร็ว ที่ด้านหลังพวงมาลัย  โดยส่วนตัวเเล้วรู้สึกว่า ไม่มีก็ได้ เเถมยังเเกะกะสายตา เพราะ เเค่เข็มไมลล์ที่หน้าปัดม์ บอกความเร็วนั้น เกินพอเเล้ว

สิ่งที่ต้องชม คือการนำ ปุ่มควบคุม Center Commander มาไว้ที่ ข้างๆ ผู้ขับ  ไม่ต้องเอื้อมมือไปสั่งการไกลนัก เพียงเเค่ความคุมหมุน ควบคุม คำสั่งต่างๆ   มีเหมือนเช่นเดียวกับรถหรูอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ส่วนระบบการทำงาน เพื่อใช้เเผนที่นำทางผ่านระบบ การติดต่อสื่อสาร MZD Connect นั้นไสามารถทำได้ ซึ่งลูกค้าจะต้องเข้าไปติดต่อกับทมางมาสด้าเพื่ออัพเดรสข้อมูล หรือ ของซื้อเพื่อรับโหลดข้อมูลการนำทางเข้าสู่ระบบอีกครั้ง เรียกว่า ถ้าลูกค้าอยากใช้ ก็ต้องเสียเงินเพิ่ม

ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า สำหรับคนที่กำลังมองหารถ อีโคคาร์ หรือ บี คาร์ โดยยังไม่ตั้งธงในใจว่า เป็นรุ่นอะไร ลอ งช่างน้ำหนัก และเปรียบเทียบความต้องการกับเงินในกระเป๋า แต่หากตั้งธงมาแล้วว่า ต้องเป็นมาสด้า2 ลองสาระตะ… ความคุ้มค่า กับความต้องการแต่หากจะให้เเนะนำ แค่  รุ่นเริ่มต้น นั้นถือว่าน่าเพียงพอแล้ว

3-Steps-For-Looking-Used-Car

ขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ซื้อต้องทำ เมื่อเจอรถยนต์มือสองคันที่ต้องการแล้ว

3-Step-For-Looking-Used-Car

เรามาทำความรู้จักกับประกาศขายรถยนต์มือสองบน Website ผู้ประกาศขายจะมี 2 ประเภท ได้แก่

– เจ้าของขายเอง (รถบ้าน)
– ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถเต็นท์)

ผู้ขายทั้งสองประเภทการติดต่อสอบถามจะแตกต่างกันไม่มาก ขั้นตอนง่ายๆ จะต้องทำอะไร ยังไงบ้างไปดูกัน

3-Step-For-Looking-Used-Car

1. โทรสอบถามรายละเอียดรถเบื้องต้น

เมื่อเจอประกาศขายรถ รุ่น-ปีตามที่ต้องการ สภาพถูกใจ ราคาเหมาะสมกับราคาในใจของผู้ซื้อแล้ว ที่ประกาศขายจะมีเบอร์โทรติดต่อไว้ให้ เพื่อสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับรถ เช่น
– รถยังขายอยู่ไหมหรือขายไปแล้ว
– สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถเพิ่มเติม ที่มีนอกเหนือจากที่ผู้ขายให้ข้อมูลไว้ใน Website เช่นรถมีประกันเหลืออยู่ไหมอยู่ไหม?, ใช้งานแล้วกี่ปี ฯลฯ
– นัดเวลา, สถานที่เพื่อขอดูรถ (ในกรณีที่เป็นรถบ้าน) หรือถ้าเป็นรถของผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถเต็นท์) ก็นัดเวลาเข้าไปดูรถที่เต็นท์ได้เลย

Tips :: การสอบถามข้อมูลรถ ข้อหนึ่งที่ควรจะสอบถามเบื้องต้นกับผู้ขายในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการกู้ไฟแนนซ์ ว่ารถคันนั้นจัดไฟแนนซ์ได้เท่าไร เพราะรถแต่ละคัน งบการจัดไฟแนนซ์ต่างกันขึ้นอยู่กับรุ่นและปีรถ เพื่อเป็นการประเมิน ความเป็นไปได้ของงบประมาณที่ผู้ซื้อมี และงบไฟแนนซ์ที่จัดให้ได้กับรถคันนั้น

3-Step-For-Looking-Used-Car

2. เจอรถจริง ดูสภาพรถ ตรวจเอกสาร

เมื่อไปเจอรถจริงก็เป็นขั้นตอนของการ “ตรวจสอบ” โดยการตรวจดูรถที่เราจะซื้อ ก็จะมีสองส่วน คือ

–  ฉลากรถมือสอง

ถ้าเป็นผู้ประกอบการรถยนต์มือสองหรือเต็นท์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกข้อบังคับการแสดงข้อมูลของรถมือสองที่จอดขายในเต็นท์ จำเป็นต้องระบุข้อมูลของรถ เครื่องยนต์ ปีจดทะเบียน เลขไมล์ ชื่อเต็นท์หรือชื่อผู้ขาย นี่คือสิ่งแรก ที่ผู้ซื้อต้องมองหา เมื่อไปเลือกซื้อรถมือสอง

3-Step-For-Looking-Used-Car

–  ตรวจดูสภาพรถที่จะซื้อดี

ส่วนสำคัญของการซื้อรถมือสอง คือขั้นตอนนี้เลยก็ว่าได้ การตรวจสภาพรถ จะตรวจภายนอกรถ สภาพสี สภาพตัวถัง (แชสซีส์) ตรวจสภาพภายในห้องโดยสาร ตรวจสภาพการใช้งานเครื่องยนต์ เลขไมล์ที่บอกถึงการใช้งานของรถ ไฟหน้าปัดแจ้งเตือนต่างๆ จะบอกปัญหาของรถได้ (ถ้ามี)

Tips :: สิ่งสำคัญที่สุดของการตรวจสภาพรถนี้คือ ตรวจภายนอกรถ โครงสร้างรถ และความหนาบางของสี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนการซื้อขายรถ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์ หรือ “มือใหม่” จะเพิ่มความมั่นใจได้กับรถคันนั้นๆ

– ตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับตัวรถ

เอกสารยืนยันการเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ เอกสารบอกรายละเอียดการจดทะเบียน เอกสารการทำประกันภันรถยนต์ ไปจนถึงเอกสารบันทึกการเข้าตรวจเช็คจากศูนย์บริการการ มีเอกสารยืนยันต่างๆ ของตัวรถ ต้องมีให้ผู้ซื้อได้ตรวจสอบเพื่อป้องกันการได้รถเถื่อน หรือรถผิดกฎหมาย รถจำนำ ภายหลังการซื้อ-ขาย

Tips :: เอกสารสำคัญที่ต้องมีคือ เล่มทะเบียนรถ ถ้าเป็นเต็นท์ จะต้องมีใบมอบอำนาจ หรือเอกสารโอนลอย หรือสัญญาการซื้อขาย ต้องระบุได้ชัดเจน ถึงที่มาของการเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ

3-Step-For-Looking-Used-Car 3. เจรจาต่อรอง จ่ายสดลดได้ หรือจะฟรีดาวน์ ไฟแนนซ์มี

เมื่อถูกใจรถหลังจากที่ได้มาเห็นคันจริงๆ แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง ถึงเงื่อนไขราคาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย การชำระเงินผู้ซื้อจะชำระแบบไหน มี 2 แบบดังนี้

– จ่ายสดลดได้
Tips :: ในการซื้อรถมือสองช่วยการต่อรองราคาสุดท้าย ถ้าจะซื้อเงินสดบอกกับผู้ขายสิว่า “ถ้าจ่ายเงินสด ช่วยลดหน่อยได้ไหม..?” ส่วนใหญ่แล้วผู้ขายจะลดราคาให้ ลองเทคนิคนี้นำไปใช้ดู

3-Step-For-Looking-Used-Car

– จะขอไฟแนนซ์ เต้นท์ช่วยเต็มที่   
Tips :: ในกรณีที่ต้องมีการกู้ไฟแนนซ์ ผู้ขายแบบรถบ้าน จะไม่มีบริการหรือดูแลเรื่องการขอไฟแนนซ์ ถ้าผู้ซื้อเงินไม่พอ ต้องหามาเอง แต่ข้อดีของการไปซื้อรถกับเต็นท์นั้น จะดีกว่า มีโปรโมชั่นมากมายที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อเต็มที่ ทั้งฟรีดาวน์ ดาวน์ต่ำ หรือจะฟรีประกันภัย ฟรีค่าจัด ฟรีค่าโอน หรือมีของแถมติดรถให้ เป็นต้น

ขั้นตอนของการไปดูรถจริงมีใหญ่ๆ เป็น 3 ข้อนี้ แต่ละข้อจะมีเทคนิคเพื่อนำไปใช้ในการดูรถในสถานการณ์จริง ลองนำไปใช้กันดู รับรองว่าจะช่วยให้ผู้ซื้อได้รถที่ถูกใจแน่นอน!!

สำหรับใครที่อ่านจบแล้ว รู้สึกอยากขายรถคันเดิมแบบด่วนๆ เพื่อนำเงินไปซื้อรถมือสองในฝันคันใหม่ ปรึกษา Carro หรือขายรถกับ Carro ได้ครับ โดยได้ราคาที่คุณพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง เชิญเข้าไปกรอกรายละเอียดได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “Carro Thailand” ครับผม

suzuki-ciaz

Review Suzuki Ciaz – หรูหราเหนือระดับฉีกคำนิยาม ECO Car

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) แม้จะเป็นอีโคคาร์ 4 ประตู แต่ด้วยขนาดที่เห็นแล้ว ต้องบอกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ารถขนาดบี-เซ็กเมนต์เลยแม้แต่น้อย  แถมยังอาจจะใหญ่กว่าในบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ เครื่องยนต์ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 116 นิวตัน-เมตร บล็อกเดียวกับซูซูกิ สวิฟท์ จะนำพาขนาดที่ใหญ่โตกว่าเยอะไปได้หรือ หลังจากขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมออกเดินทาง

กำลังในช่วงออกตัวดูดีน่าสนใจ บางจังหวะกดแรงไปนิด ถึงกับหลังติดเบาะ เพิ่มน้ำหนักที่คันเร่งมากขึ้น ความเร็วตามมาในทันที ไต่ระดับความเร็วขึ้นไปจนถึง 120 กิโลเมตต่อชั่วโมง ได้แบบชิล ชิล ด้วยความไหลลื่นของเครื่องยนต์ และช่วงล่างที่ให้ความมั่นคง เลยมั่นใจเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก แต่กาลกลับกลายว่า ช่างล่างค่อนข้างลอย จนต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งเพิ่มน้ำหนักที่มือ  เพื่อควบคุมตัวรถให้ไปไม่สั่นไหวจนเกินไป เกียร์อัตโนมัติ CVT ทำงานได้ค่อนข้างราบรื่นในจังหวะทำความเร็วไปเรื่อยๆ

ไม่มีอาการกระตุกให้ได้รู้สึก จะมีตอนถอนคันเร่งในช่วงรอบเดินเบา ความเร็วต่ำ มีอาการสะอึกนิดหนึ่ง คราวแรกไม่แน่ใจ ลองดูใหม่ ยังคงเป็นอยู่ แสดงว่าเป็นบุคลิกจริง  แม้จะรูปร่างใหญ่โต แต่ความคล่องตัวในการใช้ในตัวเมือง ยังคงมีให้อย่างเต็มที่ ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่เรียกมาใช้ในช่วงตีนต้นได้ดี และช่วงล่างที่ให้ความมั่นคงในการเปลี่ยนเลน หลบหลีกเพื่อนร่วมทางได้ค่อนข้างดี ดีไซน์ของ ซูซูกิ เซียส เน้นความโอ่อ่าภูมิฐาน สอดคล้องกับขนาดที่ใหญ่โต ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ สอดรับกับกระจังหน้าแถบห้าเส้น ที่มีโลโก้ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอก เส้นสายด้านข้างไหลลื่นต่อเนื่องถึงท้าย

ไฟท้ายเรียบหรู บางมุมดูคล้ายรถซีดานหรู ภายในออกแบบให้ดูเรียบเนียน อาจจะด้วยเพราะลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เพื่อไม่ต้องละสายตาจากถนน ชุดเครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก ผ่านช่องเชื่อมต่อ AUX  และ USB ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมความเย็นได้ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร แม้ช่องแอร์หลังไม่มีก็ตาม เข้าไปนั่งด้านหลังเป็นผู้โดยสาร อนุมานตัวเองว่าเป็นผู้บริหารหนุ่มมาดเท่ พื้นที่วางเท้ามีให้อย่างเหลือเฟือ ขนาดภายนอกทีมองว่าใหญ่

บอกเลยว่างานนี้ซูซูกิ เซียส ใหญ่จริง เพราะมีหลายครั้งหลายคัน ที่ดูภายนอกใหญ่โตมโหฬาร แต่พอเข้าไปนั่งด้านหลัง กลับอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เบาะนั่งนุ่มสบาย แต่สั้นไปนิดรองรับต้นขาไม่เต็มที่ นั่งระยะทางนานๆ อาจมีเมื่อย พนักพิงเบาะนั่งหลังตรงกลาง มีท้าวแขนให้ดึงออกมาใช้งาน และยังเป็นที่วางแก้วน้ำอีกด้วย

เติมเต็มความสบาย และหรูหราได้มากยิ่งขึ้น  ความนุ่มนวลของซูซูกิ เซียส ด้วยช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สัน สตรัท หลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการขับผ่านหลุมบ่อ เนินลูกระนาด หรือคอสะพาน  เบาะนั่งด้านหลังไม่มีอาการกระเด้งกระดอนเลยแม้แต่น้อย และรวมถึงจังหวะเลนเชนจ์ ที่แม้จะมีอาการเหวี่ยงอยู่บ้าง แต่ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความยาวของตัวรถด้วยความซนส่วนตัว ระหว่างนั่งเบาะหลังว่างๆ เลยล้วงแคะแกะเกาไปเรื่อย ปรากฎว่าพบกับสิ่งที่น่าสงสัย ทำไมถึงไม่ทำให้เนียนกว่านี้ คือกำมะหยี่ที่ปิดหลังคาด้านในช่วงลาดเสาซี หรือตรงรอยต่อกระจกหลัง
เมื่อลองกดดูมีอาการยุบตัว ประมาณว่าไม่เป็นเนื้อเดียวกับเหล็กหลังคา เหมือนจุดอื่นๆ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ติดตั้งผิดพลาด เพราะไม่ได้ล่อนหลุดออกมา

brio-amaze

Review Honda Brio Amaze สมการความสุข..ที่รอการเติมเต็ม!

Eco-Car (อีโคคาร์) 4 ประตูหลายรุ่น เน้นขายความใหญ่โตมโหฬาร เกินกว่าที่จะเป็นเก๋งเล็ก เพราะบางคันใหญ่กว่าคอมแพ็คคาร์เสียด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่กับ ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ เป็นแน่

เพราะดีไซน์ และขนาดของอีโคคาร์ 4 ประตูรุ่นนี้ ใหญ่กว่าแบบ 5 ประตู แฮทช์แบ็คเพียงเล็กน้อย เรียกว่าไม่หนีกันกี่มากน้อย คงความเป็นรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน

เบาะนั่งดีไซน์เท่ สัมผัสแรกให้ความรู้สึกลอย ใช้เวลาสร้างความคุ้นชินพักใหญ่ ทัศนวิสัยด้านหน้า มองได้กว้างไกล พื้นที่เหนือศรีษะ มีให้เหลือเฟือ ห้องโดยสารด้านหลังกว้างขวางอยู่พอสมควร พื้นที่วางเท้ามากพอ คะเนจากสายตาแม้จะรูปร่างใหญ่โต ก็พอนั่งได้สบายๆ เบาะนั่งด้านหลัง บริโอ้ อเมซ ไม่สามารถพับแยก แต่ใส่ความหรูหราลงไป ด้วยท้าวแขนตรงกลางเบาะหลัง พร้อมที่วางแก้ว แบบพับเก็บได้ พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้าน จับกระชับมือ มาตรวัด 3 วง เรืองแสง พร้อมแสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถ เครื่องเสียงแบบ 2 DIN พร้อมช่องต่อ AUX และ USB สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาต่างๆ

ช่วงออกตัว แม้จะเป็นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบ i-VTEC ที่ดูเหมือนจะเล็ก แต่กลับให้กำลังจี้ดจ้าดได้ใจ เรียกว่าออกตัวพร้อมๆ กัน เครื่องยนต์บล็อกใหญ่กว่ายังกินยาก เพิ่มน้ำหนักเท้า เข็มไมล์ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ

เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ได้เนียนอยู่พอควร จะมีบางจังหวะเช่นเร่งแซง เกียร์มีอาการกระตุกอยู่บ้างเบาๆ แต่ไม่ใช่อาการกระชาก ความเร็วปลายวันนั้นทำจนไปสุดที่เกือบ 145 กิโลเตรต่อชั่วโมง ก็ตื้ออยู่แค่นั้น จะขยี้เท่าไหร่ คิ๊กดาวน์กี่ครั้ง หรือแม้แต่ปรับเกียร์เป็นโหมดสปอร์ต ก็ได้เท่านี้

เหลือบไปดูรอบเครื่องยนต์ ด้วยเพราะเสียงที่ค่อนข้างเครียดดังมาจากใต้ฝากระโปรงหน้า เมื่อยามที่ทำความเร็วสูง พบว่า ไปแตะอยู่ที่ 6,000 รอบ/นาที ดูจะสูงไปหน่อย กับความเร็วที่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทำความเร็วเกิน 120 กม./ชม. แล้ว รู้สึกได้ถึงอาการรถลอย ต้องเพิ่มความใส่ใจมากขึ้น รวมถึงเมื่อยามเข้าโค้งบนความเร็วสูง มีหลายโค้งที่ต้องถอนคันเร่งก่อนเวลาอันควร และบางโค้งถึงขนาดต้องแตะเบรกกันเลยทีเดียว

ส่วนความเร็วต่ำกว่านั้น ไปกันแบบชิลล์ ชิลล์ ประมาณว่าตรงกับบุคลิครถอีโค คาร์ เน้นความประหยัด เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่ไม่ได้ทำความเร็วอะไรมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดกะทัดรัด ช่วยให้ ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ มีความคล่องตัว เพราะไม่ว่าจะจังหวะเร่งแซง หลบหลีกเพื่อนร่วมทาง ทำได้แบบเนียนๆ เป็นผลมาจากช่วงล่าง และพวงมาลัยที่แม่นยำ ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ

ดีไซน์ภายนอก เส้นสายรอบคัน แสดงให้เห็นถึงพลัง แต่มีสไตล์โฉบเฉี่ยว โดยเฉพาะเส้น 2 เส้น ระหว่างประตูหน้า กับประตูหลัง กระจังหน้าโครเมียมสไตล์สปอร์ต กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้าย และคิ้วโครเมียม ดีไซน์ใหม่ พื้นที่เก็บสัมภาระกระโปรงหลัง ความจุ 400 ลิตร มากพอสำหรับถุงกอล์ฟขนาดใหญ่ หรือกระเป๋าเดินทางใบเขื่อง

จากที่ CARRO ได้มีบทความเกี่ยวกับรถมือสองออกมา เพื่อหวังเปิดมุมมองเกี่ยวกับรถมือสองที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน ทั้งเรื่องราคา รุ่นรถที่มีให้เลือกมากมายและการเลือกรถมือสองในปัจจุบันว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

ในวันนี้ CARRO จะนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องสำหรับ คนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถสักคัน แต่ยังลังเลอยู่ว่า “ซื้อรถมือหนึ่งหรือมือสองดีกว่า” มาดูกันถึงข้อดีข้อเสียของรถมือใหม่มือหนึ่งและมือสองกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

รถมือหนึ่งข้อดี มีอะไรบ้าง 

เพราะรถใหม่ เลยยังอยู่ในประกัน
รถมือหนึ่งออกใหม่จากโรงงาน แน่นอนว่ารถทั้งคันยังไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน แม้เมื่อซื้อมาใหม่ ยังมีรับประกันรถตัวทั้งคันหรืออะไหล่ต่างๆ โดยส่วนใหญ่ประมาณ 3 ปีที่เมื่อซื้อไปแล้วถ้าตัวรถเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ทางผู้ผลิต จะรับประกันเปลี่ยนอะไหล่ให้ฟรี

เลือกออฟชั่นได้ 

รถมือหนึ่งสามารถเลือกออฟชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสี เครื่องยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ภายใน ภายนอก
เลือกได้ตามความต้องการจากโรงงาน แต่ราคารถก็จะเพิ่มตามออฟชั่นที่เลือกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเลือกรถเป็นสีขาวมุกพิเศษ ก็จะต้องเพิ่มอีก 10,000 – 15,000 บาท เป็นต้น

เทคโนโลยีมาเต็มกว่า 

รถมือหนึ่งคือรถรุ่นใหม่สุดจากโรงงาน รวมไปถึงโมเดล ดีไซน์ เทคโนโลยีใหม่ๆ จากผู้ผลิตก็จะถูกนำมาใช้ในรถรุ่นใหม่มือหนึ่งด้วย

และข้อเสียของรถมือหนึ่งละ..? 

เงินดาวน์สูง มีพอไหม ?

ถ้าอยากได้รถมือหนึ่งโดยทั่วไปรถมือหนึ่งในปัจจุบันเงินดาวน์เริ่มต้นประมาณ 20%-25% ก็เป็นเงินหลักแสนได้
แต่ก็มีโปรโมชั่นในรถบางรุ่นที่ต้องการกระตุ้นยอดขายของตัวเอง ประมาณว่า ดาวน์ต่ำ ผ่อนสบายอะไรก็ว่าไปแต่ส่วนใหญ่แล้วก็เริ่มต้นที่ต้องหาเงินหลักแสนมาวางไว้ถึงจะพอออกรถมือหนึ่งได้

Tips :: ถ้าจะซื้อรถมือหนึ่ง ลองหารุ่นที่เปิดตัวมาสักระยะหนึ่งเพื่อดูโปรโมชั่น ดาวน์ 0%

รอคิวนานกว่าจะได้รถ 

รถรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ถ้าจองหรือซื้อทีต้องรอรถนาน ไม่ได้รับรถเลยต้องรอรถเป็นเดือน ไม่ก็ 3 เดือนไปจนถึงข้ามปีก็มี แต่ถ้าเป็นรุ่นที่เปิดตัวมานานแล้ว มีรถเลยก็ดีไปไม่ต้องรอรถนานขนาดนั้น

Tips :: รอรถนานก็ลองมองหารุ่นที่เปิดตัวมาสักระยะ บางรุ่นสามารถรับรถได้เลยไม่ต้องรอ

ราคาตกเยอะมาก!! 

รถมือหนึ่งถ้านำมาขายเป็นรถมือสองราคาขายจะตกจากตอนที่ซื้อประมาณ 40%-60% ขึ้นอยู่ยี่ห้อ และรุ่น ถ้าเป็นรถตลาดรุ่นที่มีคนนิยมใช้กันเช่น Toyota, Honda ราคาก็จะตกน้อยหน่อยแต่ถ้าเป็นรุ่นที่ไม่ค่อยนิยมใช้กันอาทิเช่น Proton, Tata, Kia ก็ขอให้ทำใจไว้เลยว่าถ้าซื้อมือหนึ่งแล้วนำมาขายต่อราคาจะตกแบบใจหายเลยทีเดียว

Tips :: เมื่อรู้ว่าราคารถมือหนึ่งตกเยอะมาก ถ้าไม่อยากเซ็งตอนที่นำไปขายใช้รถที่เป็นรถตลาด รวมไปถึงสีรถด้วยก็ให้เลือกสีที่เป็นสีพื้นฐานที่รุ่นแต่ละรุ่นใช้เป็นสีตอนเปิดตัวตอนขายเป็นมือสองจะได้ไม่เจ็บมากนัก

รถมือสองข้อดี 
ก็มีไม่น้อย ออกรถง่าย รับรถได้เลย รถมือสองที่ไปดูถ้า จ่ายเงินสด หรือดำเนินเรื่องเอกสารต่างๆ เรียบร้อยก็สามารถนำรถไปใช้ได้เลย ไม่ต้องรอ

ได้รถที่ Segment สูงกว่าในราคาที่เท่ากัน 

คุณสามารถซื้อรถ Camry ได้ในราคา Altis นี่อาจเป็นนิยามง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพได้มากขึ้น รถมือหนึ่งอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าราคาจะตก 40%-60% เลือกซื้อรถมือสองราคาจะถูกกว่าออกมือหนึ่ง จากที่สามารถซื้อได้แค่ Altis ก็จะขยับได้รถที่ Segment ใหญ่กว่าเป็น Camry ที่ปีไม่เก่ามากจากปัจจุบัน จะคุ้มมาก

ขายรถมือสอง ราคาจะไม่ตกมากเท่ามือ 1 

ถ้าซื้อรถมือสองมาใช้งาน แล้วอยากขายราคารถจะไม่ตกเท่าซื้อรถมือหนึ่ง แล้วขาย ราคารถจะยังอยู่ในระยะของปีรถ และราคากลางของรถรุ่นนั้นๆ

เอกสารไม่ยุ่งยาก ออกรถง่าย 

ถ้าซื้อรถกับดีลเลอร์ ทางดีลเลอร์จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดเอกสาร รวมไปถึงเรื่องการขอไฟแนนซ์ที่ดีลเลอร์จะช่วยให้คำแนะนำเรื่องเอกสารที่ต้องเตรียม รวมไปถึงช่วยให้การขอไฟแนนซ์แต่ละครั้งผ่านได้ไม่ยาก

ได้รถในฝันในราคาที่เอื้อมถึง 

เคยไหมที่ฝันอยากได้รถยุโรป หรือรถรุ่นใดๆ ก็ตามที่เปิดตัวใหม่มาเป็นล้านๆ ราคารถแพงเกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ พอเวลาผ่านไป ราคารถเหล่านั้นก็ลดลงตามกาลเวลาแม้รถเหล่านั้นจะเลิกผลิตแล้วแต่ก็ยังสามารถที่จะเป็นเจ้าของรถเหล่าได้ในแบบรถมือสอง อีกทั้งราคารถก็ไม่แพงเท่าตอนออกใหม่ เป็นเจ้าของได้สบายๆ

ประกันรถมือสอง จ่ายเบี้ยประกันถูกกว่า 

รถที่ปีเก่า ราคาเบี้ยประกันไม่ว่าจะเป็นประกันประเภทไหน จะถูกกว่ารถมือหนึ่ง นั่นรวมไปถึงรถมือสอง ถ้าซื้อมาแล้วต้องการทำประกัน ราคาเบี้ยประกันจะถูกกว่าและสามารถประเภทของประกันก็จะมีให้เลือกได้หลากหลายมากกว่าซื้อรถมือหนึ่งที่บังคับว่าต้องทำประกันชั้น 1 ราคาเป็นหมื่นอีกด้วย

ข้อเสียรถมือสอง ก็มีอยู่ 

ตาดีได้ ตาร้ายเสีย 

จะเลือกรถต้องดูให้ดี ตาดีได้ ตาร้ายเสีย เพราะเราไม่สามารถทราบได้เลยว่ารถมือสองที่จะซื้อนี้ ผ่านการใช้งานอะไรมาบ้าง อะไหล่ต่างๆ ก็ต้อมีเสื่อมตามอายุการใช้งาน เคยผ่านการชนมาหรือไม่ จะเลือกซื้อจึงต้องใส่ใจรายละเอียดในจุดต่างๆ ก่อนที่จะซื้อจริง

ถ้ารถที่จะซื้อมีอายุมากกว่า 5 ปีหรือมากกว่าอาจมีอะไหล่บางชิ้นที่เสื่อมตามอายุการใช้งาน ผู้ซื้อต้องดูให้ดีก่อน ว่าถ้าซื้อไปแล้วต้องเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นไหน อะไหล่ชิ้นนั้นมีราคาประมาณเท่าไร จะคุ้มหรือไม่ถ้าต้องเปลี่ยน

รถเคยชนผ่านการชนหรือไม่ 

ซื้อรถต้องเลือกรถที่ไม่เคยผ่านการชนหนักมา เพราะถ้าชนหนักถึงระดับโครงสร้างอาจส่งผลต่อการใช้งานรถ ไม่สารถใช้งานได้ปกติ

Tips:: ถ้าจะเลือกซื้อรถมือสองแนะนำว่า ถ้าเลือกซื้อจากดีลเลอร์รถมือสองให้เลือกรถที่มีใบรับประกันคุณภาพว่ารถไม่เคยผ่านการชนหนักถึงระดับโครงสร้าง และรถไม่มีประวัติการทำผิดกฎหมาย มีเอกสารถูกต้องชัดเจนไม่ใช่รถที่ขโมยมา ถ้าเป็นรถที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจ สามารถเข้าไปใช้ บริการตรวจสภาพรถ Car Inspection ที่จะช่วยตรวจสภาพทั้งโครงสร้างรถและช่วยตรวจเรื่องเอกสารของรถให้ด้วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อก่อนทำการซื้อขายจริง

ทั้งหมดนี้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของรถมือหนึ่งและมือสองที่นำมาให้พิจารณากันสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถสักคันหวังว่าคงช่วยให้ เลือกได้ง่ายขึ้นว่าจะซื้อรถแบบไหน เพราะสุดท้ายการเลือกซื้อรถก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างของแต่ละคน

ขายรถ ต้องคาร์โร

Carro ได้รวบรวมแนวทางให้กับผู้ขายรถยนต์มือสอง
สามารถทำตามได้ไม่ยาก

ถ้าหากคุณกำลังมีแผนจะขายรถคันเก่า เพื่อไปถอยรถป้ายแดงคันใหม่ หรือซื้อรถมือสองจากดีลเลอร์ต่างๆ ไม่รอช้า ในบทความนี้ Carro มีขั้นตอนง่ายๆ ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัว ว่าจะทำอย่างไรคุณถึงจะขายรถให้ได้ไว และได้ราคาดีทีสุด

1.) ขายรถ ที่ไหนดี?

คำถามสุดฮิตที่ไม่ว่าใครที่คิดจะขายรถต้องถาม ซึ่งในปัจจุบันการขายรถมือสองมีช่องทางให้เลือกหลากหลายวีธี และไม่จำเป็นต้องออกไปตะเวนเช็กราคา และขายรถให้กับเต็นท์รถมือสองอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งการขายรถกับเต็นท์รถมือสองไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่ตอนนี้แค่มีทางเลือกให้กับผู้ขายมากขึ้น จะได้คิดและตัดสินใจได้ดีขึ้น จะได้ไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายภายหลัง

1.1 ขายให้กับดีลเลอร์รถมือสอง (เต็นท์รถมือสอง)

การขายรถให้ดีลเลอร์เป็นวิธีขายรถที่คนนิยมมากที่สุดทั้งในสมัยก่อนและปัจจุบัน เพราะการขายรถที่นี้จะสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อรถมือสองคันใหม่อีกด้วย หรือที่เรียกกันว่าการเทิร์นรถ

การเทิร์นรถ คือ การแลกเปลี่ยนรถกันแล้วเพิ่มเงินส่วนต่าง โดยจะเทรินกับดีลเลอร์หรือกับคนทั่วไปก็ได้ แต่การเทรินรถกับดีลเลอร์ ย่อมได้ราคาดีกว่า ขายรถให้กับดีลเลอร์อย่างเดียว เทิร์นรถจึงเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ได้รถใหม่ตามต้องการได้

Tips :: ถ้าไม่เทิร์นรถกับผู้ประกอบการรถมือสอง การแลกรถกับผู้ขายรถทั่วไป ก็เป็นทางเลือกที่ดี อยู่ที่การคุยตกลงกันระหว่างเจ้าของรถทั้งสองฝ่าย

1.2 เจ้าของขายเอง (ขายให้กับบุคคลทั่วไป)

การขายรถยนต์ด้วยตัวเองเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการประกาศขายบนเว็บไซต์ หรือฝากขายผ่านคนรู้จัก วิธีนี้มีข้อดีคือสามารถกำหนดราคาเองได้ แต่อาจต้องใช้เวลา กว่าจะมีคนทั่วไปสนใจมาซื้อรถ

ขายรถที่ไหนดี

1.3 ขายรถให้กับทาง Carro

คาร์โร รู้ดีว่าก่อนที่ผู้ขายจะตัดสินใจขายรถคงต้องไตร่ตรองมาสักระยะหนึ่งแล้ว อีกทั้งการขายรถก็คงไม่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ปัญหาที่ตามมาหลายๆอย่างที่ทำให้ผู้ขายกังวล ทำให้เราได้คิดระบบให้การขายรถให้ได้ง่ายๆขึ้นเพื่อมาตอบโจทย์ผู้ขายโดยเฉพาะ คือ  “บริการขายรถยนต์เสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง” หรือ “Carro Express”

โดยเราการันตีว่า ผู้ขายรถจะขายออกได้ไว ได้ราคาดี สามารถปิดการขายได้ภายใน 24 ชั่วโมง ขั้นตอนลงขายง่าย อีกทั้งยังเปิดให้บริการฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกด้วย ถ้าสนใจสามารถเข้าไปเช็กราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี้ > https://th.carro.co/sell-car/express

 

2.) เช็ก “ราคากลางรถมือสอง”

ขั้นตอนถัดไปที่สำคัญสำหรับการขายรถยนต์ คือการเช็กราคากลางของรถมือสองนั้นเอง เพราะการดูราคารถมือสอง จะทำให้คุณสามารถตั้งราคาได้แบบเป็นกลาง และสามารถป้องกันการถูกเอาเปรียบ หรือการกดราคาได้ หรือถ้าผู้ขายรถตั้งราคาตามใจโดยมีราคาที่สูงเกินไปจะทำให้ขายออกยาก และใช้เวลานาน เผลอๆอาจจะไม่มีคนสนใจซื้อด้วยซ้ำ

ซึ่งคุณสามารถเช็กราคาผ่านเว็บไซต์รถมือสองต่างๆ เทียบกับรุ่น ยี่ห้อ ปีเดียวกันว่าคนส่วนใหญ่ตั้งราคาอยู่เท่าไร หรืออีกทางหนึ่งคุณสามารถส่งรูปและข้อมูลรถเพื่อมาเช็กราคากับทางคาร์โรได้ ฟรี ที่เพจ Facebook: Carro thailand

ขายรถที่ไหนดี

3.) เตรียมรถ “ให้พร้อมขาย”

วิธีที่จะขายรถให้ได้ง่ายที่สุด คือสภาพรถจะต้องดูดี และสมบูรณ์ เพราะว่าผู้ซื้อทุกคนก็อยากได้รถที่มีสภาพใหม่ หรือว่ารถที่สภาพดีพร้อมใช้งาน ดังนั้น คุณก็ควรที่จะนำไปทำการตรวจสภาพแบบพื้นฐาน เช่น เช็กน้ำมันเครื่อง เป็นต้น และทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกรถให้ดูดี

 

4.) เตรียมเอกสารของรถ

เมื่อรถของคุณพร้อมขายแล้ว เอกสารยังไม่พร้อมแล้วจะขายรถมือสองได้อย่างไรกันล่ะ คุณควรเตรียมเอกสารสำคัญเพื่อให้กับผู้ซื้อได้มั่นใจว่าเป็นรถถูกกฎหมาย เช่น สมุดคู่มือรถ ทะเบียนที่ถูกต้อง เอกสารประกันภัยรถยนต์ พรบ. สุดท้ายต้องมีเอกสารการโอนรถให้ผู้ซื้ออย่างถูกต้อง ดูการโอนที่นี่ EP.2

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

ในปัจจุบัน การซื้อรถมือสองนั้นถือเป็นทางเลือกที่ดีในยุคเศรษฐกิจซบเซา ต้องใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งสอดรับกับบรรดาดีลเลอร์ หรือเต็นท์รถมือสอง ต่างก็คัดสรรรถยนต์คุณภาพดีมาจำหน่ายมากมาย

บางที่มีการันตีผ่านการตรวจสภาพจากบริษัทรับตรวจสภาพรถ หรือยืนยันได้ว่าไม่เคยชนหนัก ไม่เคยโดนน้ำท่วม ฯลฯ พร้อมรับประกันหลังการขาย ซึ่งถือว่าน่าใช้ไม่แพ้รถป้ายแดงหลายรุ่นที่ยังมีขายอยู่ในท้องตลาด อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่า และได้รถคันใหญ่กว่า แถมสมรรถนะดีกว่าอีกด้วย

แต่การจัดไฟแนนซ์รถมือสองให้ผ่านได้นั้น หลายคนอาจมองว่ายาก เพราะทางบริษัทไฟแนนซ์หรือสถาบันการเงินต่างๆ จะทำการประเมินจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ควบคู่กัน เช่น เอกสาร ฐานเงินเดือน รายรับรายจ่าย และอื่นๆ ของผู้ขอจัดไฟแนนซ์ เป็นต้น

แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่ต่างกันคือ “อาชีพ” ของผู้ขอจัดไฟแนนซ์ เนื่องจากอาชีพเป็นตัวบ่งบอกถึงที่มาของรายได้ และเป็นสิ่งที่จะช่วยการันตีได้ว่า ผู้กู้ มีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ได้นั่นเอง

โดย CARRO จะมาแนะนำขั้นตอนของการเตรียมเอกสารในการยื่นขอจัดไฟแนนซ์รถมือสองของแต่ละอาชีพ ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ครับ

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

1. พนักงานประจำ

พนักงานประจำ คือ คนทำงานที่มีเงินเดือนประจำคงที่ หรือมีรายรับที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ เดือน เช่น พนักงานบริษัทเอกชน, ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เงินเดือนมักจะถูกโอนเข้าบัญชีผ่านทางสถาบันการเงิน และมีสลิปเงินเดือนยืนยันชัดเจน สามารถตรวจสอบได้จาก Statement ย้อนหลัง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

 1.1พนักงานเงินเดือนประจำคงที่ : คือ ผู้ที่ไม่มีรายได้อื่นนอกเหนือไปจากเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน จำนวนรายรับจึงเป็นจำนวนเดิมทุกเดือน ไม่เปลี่ยนแปลง

1.2 พนักงานเงินเดือนประจำที่มีรายรับอื่นๆ : คือ ผู้ที่มีค่าล่วงเวลา (OT) ค่าคอมมิชชั่น ค่าเข้าเวร ค่าที่พัก และอื่นๆ รวมถึงผู้ที่มีอาชีพเสริมและมีรายรับเพิ่มเข้ามาด้วย

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับอาชีพพนักงานประจำ

  • Statement ย้อนหลัง 3-6 เดือน
  • สลิปเงินเดือน (เป็นแบบคาร์บอน) หรือหนังสือรับรองเงินเดือน
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • แผนที่บ้าน และแผนที่ทำงาน

ไม่ว่าจะมีรายรับ หรือมีรายรับพิเศษต่อเดือนเท่าไหร่ ก็ควรที่จะเก็บสลิปเงินเดือน หรือหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ถึงยอดเงินจำนวนนั้นๆ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการตัดสินใจให้บริษัทไฟแนนซ์อนุมัติสินเชื่อให้ได้ง่ายขึ้น

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

2. บุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระ

ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ คือ ผู้ที่มีรายรับต่อเดือนไม่แน่นอนและไม่คงที่ รวมถึงการไม่มีสลิปเงินเดือนที่ชัดเจน เช่น นักร้อง นักแสดง ผู้ประกอบอาชีพค้าขาย ผู้รับเหมาก่อสร้าง เกษตรกร และเจ้าของกิจการส่วนตัว เป็นต้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องเตรียมเอกสารมากกว่าผู้ที่มีเงินเดือนประจำ เพื่อใช้ยืนยันและชี้แจงที่มาของรายได้ประกอบกับช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับบริษัทไฟแนนซ์นั่นเอง โดยสามารถแบ่งอาชีพอิสระและเอกสารที่ต้องเตรียมออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

2.1 ผู้ประกอบอาชีพค้าขาย : ไม่ว่าจะเป็นขายสินค้าออนไลน์ ขายอาหาร หรือ ขายของตามตลาดทั่วๆ ไป สิ่งที่ต้องเตรียม คือ

–  สร้างรายรับให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเงินไปเข้าบัญชีให้เกิดความสม่ำเสมอ
– หากมีสถานที่ประกอบกิจการเป็นหลักแหล่ง ให้นำหลักฐาน เช่น ใบเสร็จค่าเช่าที่ หรือถ้าประกอบกิจการที่บ้านตนเอง ให้ใช้หนังสือทะเบียนบ้านเป็นหลักฐาน
– กรณีที่ไม่มีสถานที่ในการประกอบกิจการเป็นหลักแหล่ง ให้เก็บใบเสร็จที่ใช้ในการซื้อของเพื่อนำมาขายไว้ทั้งหมด เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันและใช้ตรวจสอบเงินหมุนในธุรกิจ รวมทั้งสต๊อกสินค้าเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมของไปขายจริง

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

2.2 ผู้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง : สำหรับอาชีพรับเหมาก่อสร้าง สิ่งที่ต้องเตรียม คือ

– ถ่ายรูปหน้างาน หรืองานที่กำลังทำอยู่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันการทำงาน
– เงินที่ได้อาจได้เป็นก้อน หรือได้หลังจากงานเสร็จ ให้เก็บสัญญาจ้าง หรือใบเสนอราคาไว้เพื่อยืนยันว่ามีงานรับเหมาจากผู้จ้างจริง
– สิ่งสำคัญที่สุดคือ Statement  ย้อนหลัง เพื่อที่บริษัทไฟแนนซ์จะสามารถตรวจสอบได้ว่ามีรายรับที่สม่ำเสมอหรือไม่

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

2.3 ผู้ประกอบอาชีพรับจ้างอิสระ : ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง หรือช่างภาพอิสระ สิ่งที่ต้องเตรียม คือ

– สร้างรายรับให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเงินไปเข้าบัญชีให้เกิดความสม่ำเสมอ
– ถ้าสามารถขอหนังสือรับรองจากผู้จ้างได้จะถือว่าดีมาก

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

2.4 ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร : ไม่ว่าจะเป็นทำไร่ ทำสวน หรือเลี้ยงสัตว์ สิ่งที่ต้องเตรียม คือ

– ใบเสร็จยืนยันการ ซื้อ-ขาย ผลผลิตกับผู้ซื้อ นายทุน หรือพ่อค้าคนกลาง รวมทั้งใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆในการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นใบเสร็จค่าปุ๋ย ค่ายากำจัดวัชพืช ค่าอุปกรณ์การเกษตร รวมถึงค่าบำรุงรักษาเครื่องมือทางการเกษตรเล็กๆน้อยๆ
– สิ่งสำคัญที่สุดคือ สมุดทะเบียนเกษตรกร เพราะในสมุดเล่มนี้มีข้อมูลการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร เพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันจำนวนการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร และมีการทำการเกษตรจริง
– หากขายผลผลิตได้เป็นรายปี ทุกๆ 6 เดือน หรือตามฤดูกาล สามารถนำเงินก้อนนั้นๆไปฝากเข้าบัญชี เพื่อสร้างรายรับที่สามารถนำมาหารเป็นรายเดือนได้

CARRO แนะนำแต่ละอาชีพ ต้องเตรียมเอกสารไฟแนนซ์อะไรบ้าง เมื่อต้องการซื้อรถมือสอง

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับอาชีพอิสระ

  • Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
  • เอกสารรับรองรายได้โดยมีผู้ค้ำประกัน (กรณีเงินดาวน์ต่ำ)
  • รูปถ่ายกิจการ หรือร้านค้าที่คุณเป็นเจ้าของ รวมถึงภาพถ่ายสต๊อกสินค้า, สินค้าที่ทำการซื้อ-ขาย, บิล-ใบเสร็จต่างๆ, ใบเสนอราคา (ถ้ามี)
  • แผนที่บ้าน และแผนที่ทำงาน
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน

ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือความพร้อมของเอกสารในแต่ละอาชีพนั้นๆ เพื่อยืนยันและชี้แจงที่มาของรายได้กับบริษัทไฟแนนซ์ เพียงเท่านี้การจัดไฟแนนซ์รถมือสองให้ผ่านก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ใช้เวลาเพียงแค่ 3-7 วัน ก็ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย คุณก็รับรถไปขับได้เลยทันที!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ถ้าคุณกำลังคิดที่ซื้อรถสักคัน
แต่ลังเลระหว่างรถใหม่ กับรถมือสอง ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน ?

หลายคนก็ต่างมีความเห็นมากมายที่ไม่เหมือนกัน บ้างก็บอกว่ารถมือหนึ่งดีกว่า ของใหม่อะไรๆก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว บ้างก็บอกว่ารถมือสองดีกว่า ประหยัดเงินกว่า มีเงินเหลือใช้ไปทำอย่างอื่นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม คาร์โร ได้เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียมาให้คุณลองชั่งน้ำหนักดู ว่าคุณเหมาะกับรถใหม่ หรือรถมือสองกันแน่

รถมือหนึ่ง

รถใหม่

ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเวลาตอนซื้อรถใหม่ ได้กลิ่นใหม่ รถเงาวับ ความรู้สึกมันดีจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ ! อะไรหลายอย่างยังมีสองด้าน การซื้อรถใหม่ ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียเช่นกัน

ข้อดีของการซื้อรถใหม่

อย่างแรกคือ คุณได้ของใหม่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่า รถคันนี้ได้ผ่านมือใครมาบ้าง หรือรถข้างในจะมีสภาพเป็นอะไรอย่างไร ซึ่งคุณอุ่นใจไปได้เลย

ส่วนอย่างที่สองคือ เวลาเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องหรือตัวรถ คุณก็ไม่ต้องห่วง เพราะยังรถยังอยู่ในประกัน และบริการหลังการขายบางเจ้ายังช่วยเหลือฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง

อย่างที่สามก็คือ รถใหม่ก็มักมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ใหม่ ทั้งการเผาใหม้เชื้อเพลิงที่ประหยัดมากกว่า เพราะได้ถูกพัฒนาให้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ รวมไปถึงความปลอดภัยอีกด้วย

อย่างสุดท้าย ส่วนมากรถใหม่จะมีโปรโมชั่นเรื่องการผ่อนที่คุ้มกว่ารถมือสอง ซึ่งเป็นความตั้งใจของบริษัทรถที่ต้องการให้คนซื้อรถใหม่มากกว่านั่นเอง แต่ข้อนี้ต้องศึกษาเงื่อนไข และอ่านรายละเอียดให้ดี เพราะมันอาจจะกลายเป็นข้อเสียได้ในทันที

ข้อเสียของการซื้อรถใหม่

นอกจากราคาที่แพงกว่ารถมือสองแล้ว ข้อเสียที่สำคัญมากๆเลย ก็คือ การเสื่อมราคาของรถมือหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีแรก จะเสื่อมราคาเร็วมาก เพราะเวลาซื้อรถใหม่ คุณซื้อในราคาปลีก และทันทีที่คุณขับออกมาจากศูนย์ ราคาจะกลายเป็นราคาส่งทันที นั่นคือราคาที่ศูนย์จะยอมจ่ายให้คุณ หากคุณวนรถกลับ และเอารถไปคืน ซึ่งส่วนต่างนั้นมากเลยทีเดียว ทำให้หากใครที่อยากซื้อรถมือหนึ่ง ต้องลองคิดเรื่องนี้ให้ดีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ การซื้อรถใหม่ จะเป็นการสร้างหนี้ที่สูงกว่าให้กับคุณ แถมได้สินทรัพย์ที่เสื่อมราคาง่ายกว่าอีกด้วย และประกันรถยนต์ของรถมือหนึ่ง ยังแพงกว่าประกันรถยนต์ของรถมือสองอีกอย่างแน่นอน

หากมองกันที่เรื่องค่านิยม การซื้อรถใหม่อยู่เรื่อยๆ ก็เหมือนคุณตกอยู่ในวังวนของการบริโภคนิยม และจะทำให้คุณติดเป็นนิสัย ที่ต้องตามอะไรใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งพวกบริษัทพวกนี้ย้อมจับทางได้ และแน่นอนในทุกๆ ปีย่อมมีตัวใหม่ๆ ออกมาล่อตาล่อใจอยู่เสมอๆ เลยล่ะครับ

เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณต้องตระหนักคือ “ความเป็นรถใหม่” อยู่ได้ไม่นาน เพียงไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ รถคุณอาจได้รอย ราคาก็ตก แต่รายจ่ายของคุณนี่สิ ยังคงเท่าเดิมไปอีกหลายปีจนกว่าจะผ่อนหมด เพราะฉะนั้น คิดดีๆ นะครับ ก่อนตัดสินใจซื้อ

รถมือสอง

รถมือสอง

ถึงแม้ความใหม่ ความเท่ ความสวย อาจสู้รถมือหนึ่งไม่ได้ แต่ที่สู้ได้แน่ๆเลย ก็คือเรื่องของราคา และการซื้อรถยนต์มือสองนั้น มีข้อดีข้อเสียอะไรให้น่าคิดกันบ้าง ไปดูกัน

ข้อดีของการซื้อรถมือสอง

คุณจะสามารถได้รถที่ดีที่สุด ด้วยงบประมาณที่ตั้งไว้ อีกนัยหนึ่งคือสามารถหารถรุ่นดีๆ ในราคาเพียงครึ่งเดียวกับราคาตลาดของรถรุ่นนั้นๆ เลยก็ว่าได้

นอกจากนี้เต้นท์รถมือสองอาจมีรถดีๆ อย่างเช่น ประกันศูนย์ยังไม่หมด รถบ้านสภาพดี แถมราคาดีสุดๆ เลยก็มี เพราะฉะนั้นหากดูกันที่การใช้งาน รถรุ่นใหม่ๆ ที่ขับมาได้ไม่นาน เลขไมล์น้อยก็ไม่ต่างจากรถใหม่เลย

ซึ่งหากคุณซื้อขายรถทุกๆ สองสามปีเหมือนที่หลายๆ คนทำ คุณจะแทบแยกไม่ออกเลยทีเดียวว่าความแตกต่างระหว่างการขับรถใหม่ กับการขับรถมือสองสภาพดีๆ มันต่างกันอย่างไร

เพราะฉะนั้น หากคุณมีเงินสดอยู่อย่างจำกัด และอยากให้โอกาสรถยนต์มือสองดีๆ ดูสักครั้ง คุณสามารถหารถในราคาไม่กี่แสนบาท หรือถูกกว่านั้น รับรองคุ้มค่า และประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์คุณ สามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ

สุดท้ายอีกหนึ่งข้อดี คือสามารถเปลี่ยนรถได้บ่อย เมื่อใช้ไปสักพักรู้สึกเบื่อ หรืออยากเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่นำรถมือสองที่ไม่ใช้แล้วไปขายต่อ คุณก็สามารถขายได้ในราคาที่ไม่ตกมาก แตกต่างจากรถมือหนึ่งที่ขายต่อราคาจะตกไปเกือบครึ่งเลยที่เดี่ยว

ข้อเสียของการซื้อรถยนต์มือสอง

ไม่ว่ารถยนต์มือสองนั้นจะสภาพดี มีประกันศูนย์อยู่ แต่มันยังคงมีความกลัวเล็กๆ อยู่แน่ๆ ว่ารถคันนี้ผ่านอะไรมาบ้างจากคนขับคนก่อน และทำไมเขาถึงขายรถคันนี้ มันมีปัญหาอะไรที่ซ่อนอยู่ และเจ้าของเต้นท์รถย้อมหลอกเราหรือไม่

เพราะฉะนั้น วิธีแก้คือ ก่อนซื้อเอาช่างผู้เชี่ยวชาญไปช่วยเลือก ช่วยดู และหลังซื้อแล้ว นำเข้าตรวจละเอียดเช็คอย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของคุณเอง ทั้งยาง ทั้งเบรก ทั้งเครื่องยนต์

นอกจากนี้ คุณต้องยอมรับว่า การซื้อรถยนต์มือสอง ตัวเลือกจะน้อยกว่า แน่นอนว่ารถรุ่นที่คุณอยากได้ อาจสภาพไม่ดี แต่รถรุ่นที่คุณไม่ค่อยอยากได้ กลับสภาพดี และควรค่าแก่การซื้อมากกว่า ซึ่งในกรณีนี้ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาในการหารถ หรือไม่แน่ใจว่าคันนี้ดีหรือไม่ มาปรึกษากับทางคาร์โรได้เลยครับ วางใจได้เพราะเราจะให้คำปรึกษาที่ดี เหมือนเพื่อนคู่คิดของคุณ

 

สรุป รถใหม่ หรือรถมือสองดีกว่ากัน ?

การตัดสินใจซื้อรถยนต์คือเรื่องใหญ่ เนื่องด้วยมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องคิด อย่างแรกก็คงไม่พ้นเรื่องการเงิน ต้องไม่ซื้ออะไรที่ทำให้ตึงเกินไป ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งหากซื้อรถราคาถูกมากๆ เก่ามากไป และไม่ปลอดภัยเลย เสี่ยงมากมันก็ไม่ดี เพราะเราต้องห่วงชีวิตเราเอง และคนในครอบครัว รวมถึงผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนด้วย

เพราะฉะนั้น ลองเอาปัจจัยต่างๆ มากางเทียบกันแล้วดูว่ารถแบบไหน คันไหน มือหนึ่ง หรือมือสอง ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดครับ

 

เครดิต : www.gobear.com/th

วิธีดูรถมือสอง กับ 7 อุปกรณ์พื้นฐานที่ผู้ซื้อควรรู้

เมื่อผู้ซื้อไปดูรถจริงแล้วต้องมีจุดที่ต้องพิจารณาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจรถ บทความนี้ทาง CARRO จะนำเสนอในส่วนของอุปกรณ์พื้นฐานสำคัญ

ในการใช้งานรถ ซึ่งถ้าจะซื้อมือสองดีๆ มาใช้สัก 1 คัน อุปกรณ์พื้นฐานเหล่านี้ต้องใช้งานได้ดี เพื่อให้ผู้ที่ซื้อนำรถไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องไปเสียเวลาเก็บงานภายหลัง หรือไปเสียกลางทางซะก่อนครับ

วิธีดูรถมือสอง กับ 7 อุปกรณ์พื้นฐานที่ผู้ซื้อควรรู้

1. ไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต้องติดครบ

ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรค และไฟแจ้งเตือนต่างๆ ภายในรถ เป็นสิ่งสำคัญในเวลาขับขี่รถยนต์ ซึ่งไฟหน้า ไฟเลี้ยว และไฟเบรค จำเป็นมาก สำหรับการขับขี่ส่วนไฟแจ้งเตือนต่างๆ ภายในรถ เป็นการแจ้งเตือนเพื่อบอกผู้ขับขี่ถึงสถานะของตัวรถ ว่ามีอะไรที่ผิดปกติในส่วนของเครื่องยนต์ หรือตัวรถหรือไม่

Tips :: ไฟเตือนต่างๆ โดยเฉพาะเตือนความร้อนเครื่องยนต์สำคัญมาก (โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ๆ ที่ไม่มีมาตรวัดความร้อน) ถ้าใช้งานไม่ได้ อาจส่งผลรุนแรงต่อเครื่องยนต์ อาจทำให้เจ้าของรถต้องเสียเงินค่าถึงขั้นยกเครื่องใหม่ได้

2. ยางรถยนต์ต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

ลักษณะยางรถยนต์ ที่ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ดอกยางต้องลึก หน้ายางต้องไม่มีรอยบาดบวมแตกตำ ดูปีผลิตไม่ให้เก่าเกินอายุการใช้งาน โดยอายุการใช้งานของยาง ดีที่สุดไม่ควรเกิน 2 ปี เพราะฉะนั้น ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนยางใหม่ ควรดูสภาพยางเดิมก่อนนำรถไปใช้งาน

Tips :: ยางรถยนต์ เป็นสิ่งที่ควรอยู่ในลำดับต้นๆ ของรายการสิ่งที่ควรจะเปลี่ยน หลังจากซื้อรถมาแล้ว กรณีที่หน้ายางเริ่มบางมาก จนถึงจุดวัดสามเหลี่ยม หรือเริ่มมีเนื้อยางล่อน มีอาการยางบวมให้เห็น ก็ควรรีบไปเปลี่ยนยางใหม่ดีกว่า เพราะถ้าเจอพื้นถนนลื่นๆ อาจต้องใช้ท้ายรถคันหน้าเป็นที่หยุดรถแทน

วิธีดูรถมือสอง กับ 7 อุปกรณ์พื้นฐานที่ผู้ซื้อควรรู้

3. แอร์ต้องเย็น!!

ใช้รถในเมืองไทย เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ติดรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ลองทดสอบเปิดแอร์ และดูว่า “เย็นฉ่ำ” หรือไม่ย้ำว่าต้อง “เย็นฉ่ำ” และแรงลมต้องแรง ใช้งานได้ทุกระดับ เป็นไปด้วยควรเช็คไปถึงระบบแอร์ เช่น ตู้แอร์ คอมเพรสเซอร์แอร์ คอยล์ร้อน ท่อทางเดินน้ำยาแอร์ พัดลมแอร์ ฯลฯ สภาพต้องพร้อมใช้งาน ไม่มีรั่ว ซึม หรือกำลังอัดตก

Tip :: เมื่อดูรถมือสอง ลองสตาร์ทรถและเปิดแอร์ เปิดที่ระดับแรงสุด ของแอร์เพื่อดูการทำงาน เอามืออังที่ช่องลม ว่ามีลมแอร์ออกปกติหรือไม่ หรือมีกลิ่นหรือเปล่า ยิ่งถ้าซื้อรถมือสองอายุมากๆ หรือรถมือสองสภาพแย่ๆ หน่อย ส่วนมากระบบแอร์มักจะมีปัญหา

4. พวงมาลัยจะช่วยบอกทุกอย่าง

พวงมาลัย เป็นอุปกรณ์ที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนขับและช่วงล่างของรถ เมื่อได้ทดลองขับไม่ต้องขับเร็ว ให้ค่อยๆ ขับ เพื่อให้สามารถสังเกตุพฤติกรรมของรถได้ หามีเสียง ก๊อกแก๊กจากช่วงล่างนั้นแสดงว่าช่วงล่างอาจหลวม ทำให้สะท้านมาถึงพวงมาลัยได้ หรือเลี้ยงซ้าย-ขวาสุด แล้วมีเสียงดังแต๊กๆ นั่นก็อาจมีอาการที่เพลาขับรั่วซึม หรือยางหุ้มเพลาขับขาดได้เช่นกัน

Tips :: เวลาลองรถ อย่าลองโดยการขับเร็ว เพราะไม่รู้เลยว่ารถที่ลองขับนั้น อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากแค่ไหน อาจเป็นอันตรายได้

วิธีดูรถมือสอง กับ 7 อุปกรณ์พื้นฐานที่ผู้ซื้อควรรู้

5. ลองเข้าเกียร์

สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ลองเข้าเกียร์และสังเกตให้ดีจังหวะที่รถเริ่มเคลื่อนที่ ว่ารถมีอาการสั่น กระตุกหรือไม่ หรือว่าเวลาเปลี่ยนเกียร์ นั้นเข้าเกียร์ยากนั้น แสดงว่าเกียร์เริ่มจะมีปัญหาแล้ว

ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ วิธีสังเกตง่ายๆ คือ อาการของรถเมื่อเหยียบเบรกและเข้าเกียร์ D ไว้ถ้ารถมีอาการกระตุกเหมือนจะดับ หรือสั่นๆ หรือต้องรอสักพักถึงจะออกตัวได้ นั้นแสดงว่าเกียร์เริ่มจะมีปัญหาแล้วแหละ

Tips :: ส่วนของเกียร์เป็นส่วนสำคัญและแพง!! ถ้าได้รถที่มีปัญหาเรื่องเกียร์มา อาจต้องเตรียมเงินไว้ซ่อมที่แพงกว่าอะไหล่ส่วนอื่นๆ เพราะฉะนั้น ทดสอบเรื่องเกียร์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

6. ทดสอบระบบเบรก

อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของรถยนต์ คือระบบเบรกของรถ ที่จะซื้อควรมีการทดสอบการทำงานของเบรกว่าใช้งานได้ปกติหรือไม่ โดยการทดลองขับ ช้าๆ และลองย้ำเบรกเบาๆ ถ้าเบรกอยู่ หยุดสนิทก็แสดงว่าเบรกยังอยู่ในสภาพดี แต่ถ้าเยรกแล้วมีเสียงดังเอี้ยดอ๊าด นั่นหมายถึงจานเบรกเริ่มสึกเป็นรอยมาก หรือผ้าเบรกเริ่มหมด จนเหมือนกับเหล็กสีกัน ถ้ามีก็ต้องเตรียมงบไว้เจียรจานเบรก เปลี่ยนจานเบรก หรือเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่

นอกจากนี้ควรจะก้มดูที่ระบบเบรกที่ล้อทั้งสี่ล้อด้วย ว่าความหนาของผ้าเบรกเหลือเท่าไหร่ (ในกรณีของดรัมเบรกล้อหลัง เช็คยากหน่อย เพราะต้องถอดล้อแกะดุมออกมาดู) มีรอยรั่วซึมของน้ำมันเบรกตามท่ออ่อนหรือไม่ เพราะถ้ามีก็แสดงว่าเบรกมีปัญหา

Tips :: ราคาเบรกรถยนต์ ราคาอะไหล่ อาจจะไม่สูงเท่าราคาอุปกรณ์อื่นๆ แต่การเลือกรถที่มีระบบเบรกที่สมบูรณ์มากที่สุดด้วยวิธีการตรวจสอบง่ายๆ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

วิธีดูรถมือสอง กับ 7 อุปกรณ์พื้นฐานที่ผู้ซื้อควรรู้

7. สตาร์ทติดง่ายๆ และเครื่องยนต์ต้องนิ่งเงียบ

การสตาร์ทเครื่องเพื่อดูสิ่งผิดปกติต่างๆ ของอุปกรณ์ ในรถแต่ละกัน แค่บิดกุญแจสตาร์ททีเดียว แล้วเครื่องยนต์สามารถติดได้ทันที น้้นแสดงว่าระบบไฟที่ถูกจ่ายมาจากแบตเตอรี่ มายังไดสตาร์ทเพื่อสตาร์ท ยังอยู่ในสภาพที่ดีใช้งานได้

ไม่ต้องบิดกุญแจลากยาวๆ กว่าจะติด เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วก็ให้ไปดูที่เครื่องยนต์ขณะทำงานอยู่ ว่าเครื่องยนต์เดินเรียบนิ่งหรือไม่ มีอาการสะดุด มีรอบเครื่องไม่นิ่ง ตอนติดเครื่องไว้หรือเปล่า

Tips :: เครื่องยนต์อาจมีบางอย่างผิดปกติ อาจต้องมีการซ่อมแก้ไขภายหลังจากซื้อไปแล้ว เพราะฉะนั้นเลือกรถที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เครื่องยนต์เดินเรียบ นิ่ง ดีที่สุด อย่าเสี่ยงที่จะซื้อรถแล้วไปซ่อมดีกว่า เว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นสายนักปั้นรถเก่า ฮ่า ฮ่า

ทั้งหมดนี้เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของ วิธีการเลือกซื้อรถมือสอง เพื่อให้ได้รถมือสองคุณภาพ อุปกรณ์พื้นฐานในการขับขี่ เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย และไม่ต้องซ่อมนู่นนี่กันอยู่เรื่อย เมื่อตัดสินใจซื้อรถมาแล้ว

แต่ส่วนสำคัญของการซื้อรถมือสองอีกอย่างคือการ ตรวจสภาพรถ ที่โครงสร้างว่าเคยมีการชนหนักมาหรือไม่ ตรงส่วนนี้อาจจำเป็นต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญที่มีให้บริการ ตรวจสภาพรถยนต์ เพราะช่างผู้เชี่ยวชาญ จะทราบว่า ตรวจสภาพรถ ตรวจอะไรบ้าง ที่สำคัญและจะช่วยให้ท่านได้รถมือสองคุณภาพดี

แต่ทุกปัญหาเหล่านี้ ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญรถยนต์ แต่อยากซื่้อรถมือสองสักคัน ไม่ต้องห่วงเลย เพราะ “CARRO Automall” แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

10 รุ่น รถมือสองน่าใช้ โฉมเดียวกับงาน มอเตอร์โชว์ 2016 | Carro

จากที่ทาง CARRO เคยนำเสนอเรื่องรถโฉมเดียวกับงาน Motor Expo 2015 เป็นแนวทางในการช่วยให้ผู้ที่จะซื้อรถ ได้เห็นถึงราคารถมือสองที่ถูกกว่ารถป้ายแดงได้อย่างชัดเจน เป็นแสน!!

มาในตอนนี้กับงานแสดงรถยนต์สุดยิ่งใหญ่ประจำปีใน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2016 และก็เหมือนเช่นเคยเราจะนำรถรุ่นที่น่าใช้และโฉมเดียวกับที่แสดงในมาให้ท่านเห็นว่าถ้า ซื้อรถมือสอง จะช่วยประหยัดเงินให้ท่านได้มากแค่ไหน (บางรุ่นต้องบอกว่า เป็นแสน!!)

1. Toyota Vios 

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 389,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 599,000 บาท
รถมือสองประหยัดกว่า 210,000 บาท โตโยต้า วีออส มือสอง

เปิดตัวไมเนอร์เชนจ์ไปสดๆ ร้อนๆ กับเครื่องยนต์ที่รองรับ E85 ออฟชั่นช่วยในการขับขี่และความปลอดภัย แต่ภายนอกโดยรวมไม่มีได้มีอะไรที่ปลี่ยนแปลงมากนัก รุ่นนี้เป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับสาวกโตโยต้าเลยก็ว่าได้ รถมือสองในโฉมเดียวกันนี้ก็ใช่ว่าจะขี่เหล่ซะที่ไหน เพียงแต่เครื่องยนต์ ไม่ใหม่เท่า แต่อย่าลืมนะ ว่าเครื่องยนต์ของรุ่นก่อนหน้าทาง Toyota นำมาใช้นานหลายรุ่นแล้วทั้ง Vios และ Yaris รุ่นก่อนจะปรับเป็นเครื่อง 1.2L เพราะฉะนั้นรุ่น Vios มือสองที่เป็นเครื่องยนต์ก่อนรุ่นที่เปิดตัวใหม่นี้อะไหล่มือสองมีมากรองรับแน่นอน อีกทั้งเรื่องราคากับรถป้ายแดง เริ่มต้นที่ 599,000 บาทแต่ในเว็ป Trusteecar.com รถมือสอง Vios โฉมเดียวกันราคาเริ่มต้นเพียง 389,000 บาท

2. Honda City 

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 458,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 559,000 บาท

รถมือสองประหยัดกว่า 101,000 บาท ฮอนด้า ซีตี้มือสอง

City Car จาก Honda ที่คู่แข่งกับ Vios โดยตรงและแน่นอนรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นที่นิยมจากค่าย Honda อีกเช่นกัน แม้อาจจะไม่ดังเปี้ยงป้างเท่า Honda Jazz แต่ยอดขายไม่ได้เงียบนะจ้ะ กับเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Honda Jazz และโรงสร้างรถมีพื้นฐานเดียวกันแต่ Honda City ได้ออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบ City Car แต่อยากได้แบบ Sedan ซึ่งรุ่นนี้เพิ่งมีการ เปิดตัวไปไม่นาน และในงาน motorshow 2016 ปีนี้จึงไม่ได้มีการปรับปรุงเสริมแต่งอะไรกับ Honda City สำหรับคนที่กำลังสนใจรุ่นนี้ลองมองหาเป็น Honda City มือสอง จาก Carro โฉมเดียวกันกับที่แสดงในงาน Motorshow2016 ราคาเริ่มต้นจะถูกกว่า ป้ายแดงเป็นแสน ลองพิจารณาดูรถมือสอง ใช้งานแค่ปีเดียวแต่ประหยัดเงินเป็นแสน น่าสนใจมาก

3. Toyota Altis

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 639,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 769,000 บาท

รถมือสองประหยัดกว่า 130,000 บาท โตโยต้า อัลติส มือสอง

อัลติส เจ้าตลาดรถ Sedan ขนาดกลางเมืองไทย รวมไปถึง (Taxi) ที่เพิ่งไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อไม่นาน ดีไซน์การออกแบบต้องยอมรับว่าสวยมากในอัลติสรุ่นนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งอย่าง Honda Civic แต่อย่างใด ฟังก์ชั่นการทำงานที่อำนวยความสะดวกและมีความทันสมัยครบครัน รถ Toyota Altis มือสองในตลาดสำหรับโฉมปัจจุบันมีให้เลือกหลายคัน และราคาก็ถูกกว่ารถป้ายแดงมาก หลายแสนบาทเลย  ยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวไมเนอร์เชนจ์ ทำให้รถมือสองราคายิ่งตกลงมา อีกทั้งส่งผลดีกับผู้ที่กำลังมองรหารถรุ่นที่ ที่รับรองว่า คุ้มค่าทั้งดีไซน์สวย อะไหล่หาง่าย (มาก) และราคาไม่แพง

4. Mazda 3

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 719,000บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 838,000 บาท
รถมือสองประหยัดกว่า 119,000 บาท มาสด้า 3 มือสอง

รถ ซีดาน ขนาด C-Segment ที่ยอดขายก็ไม่น้อยหน้าเจ้าตลาดอย่าง Toyota Altis และ Honda Civic ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยตามแบบฉบับ “kodo” concept ที่มาสด้าตั้งใจนำมาเป็นรูปแบบการออกแบบของรถในทุกรุ่นของมาสด้า ภายในการออกแบบและเทคโนโลยีที่ให้มากับรถต้องยอมรับเลยว่าไม่น้อยหน้ารถจากฝั่งยุโรปเจ้าอื่นๆ เลยนั่นคือเหตุผลว่าทำไมมาสด้า 3 จึงเป็นรถที่ขายดีในรถประเภทนี้ ถ้ามองในตลาดรถมือสอง ส่วนของรถมือสองของโฉมปัจจุบันที่มีจำหน่ายอยู่นี้ มีให้เลือกหลายราคาแต่สำคัญที่สุดคือราคานั้นจะถูกกว่า “หลักแสน” และสภาพรถค่อนข้างใหม่มากไม่ต่างกับรถป้ายแดงเลย เชื่อว่าการซื้อ Mazda 3 โฉมปัจจุบันมือสองจะเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มค่า

5. Toyota Camry

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 695,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 1,319,000 บาท

รถมือสองประหยัดกว่า ** 624,000 บาท  โตโยต้า คัมรี่ มือสอง

ประหยัดไปครึ่งล้านกับรถมือสอง Toyota Camry โฉมปัจจุบัน ทำไมจะไม่น่าเลือกซื้อกับรถขนาด D-Segment อันดับต้นๆ ของเมืองไทยจาก Toyota โดยรถที่เป็น Sedan ขนาดใหญ่ในตลาดรถเมืองไทยแค่ชื่อ Camry ก็ต้องรู้แล้วถึงเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ( เท่าที่โตโยต้ามีและให้ได้ ) จะนำมาใส่ในรถรุ่นนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์แบบ Hybrid เป็นทางเลือกอีก 1 ทางที่เริ่มจะเป็นที่ยอมรับแก่ผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้ามองหา Camry  แบบรถมือสองโฉมเดียวกับที่มีขายในงานมอเตอร์โชว์ มีให้เลือกมากทั้งในแบบเครื่องยนต์ปกติและ Hybrid ซึ่งราคาเริ่มต้นของมือสองต่างกับราคาเริ่มต้นป้ายแดงกว่า “ครึ่งล้าน” แล้วทำไม Toyota Camry มือสอง จะไม่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่สนใจในรถ Sedan ขนาดใหญ่นี้

6. Honda Accord 

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 890,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 1,385,000 บาท
รถมือสองประหยัดกว่า  ** 495,000 บาท  ฮอนด้า แอคคอร์ด มือสอง

ในงาน มอเตอร์โชว์ 2016 ที่จะถึงนี้ Honda Accord มีการนำตัวไมเนอร์เชนจ์ที่เพิ่งเปิดตัวมาจำหน่ายซึ่งมีเพียงออฟชั่นเสริมในด้านต่างๆ เท่านั้น กับไฟหน้าที่มี Daytime Running Light (ซึ่งรุ่นเก่าสามารถซื้อมาใส่เพิ่มได้) ในตลาดรถ Sedan ขนาด D-Segment Honda Accord ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Toyota Camry แต่ Accord จะมีจุดเด่นที่มีออฟชั่นการใช้งานต่างๆ ที่ให้มาแบบได้น้ำได้เนื้อกว่าคู่แข่งรถ Honda Accord มือสองโฉมเดียวกับมอเตอร์โชว 2016 นี้มีให้เลือกมากในตลาดรถมือสอง และราคาเริ่มต้นถูกกว่าป้ายแดงเกือบครึ่งล้าน Honda Accord มือสองจึงเป็นทางเลือกของรถซีดานที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง

. Isuzu D-Max

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 365,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 526,000 บาท
รถมือสองประหยัดกว่า ** 161,000 บาท อีซูซุ ดี-แม็คซ์ มือสอง

Isuzu D-Max โฉมปัจจุบันเปิดตัวมานานพอสมควรแต่ด้วยมีการปรับแต่ง ไมเนอร์เชนจ์หลายรอบทำให้ D-Max ยังดูไม่เก่าเลย และยิ่งล่าสุด Isuzu เปิดตัวเครื่องยนต์ 1.9L ขนาดเล็กมาใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่อาจจะยังไม่ถูกใจคนที่ชอบรถกระบะเครื่องใหญ่ๆ มากนัก แต่ Isuzu D-Max มือสองเครื่องยนต์ ขนาด 2.5L, 3.0L ยังมีให้เลือกในตลาดรถมือสอง ที่สำคัญเรื่องอะไหล่ ก็จะมีให้เลือกมากกว่ารุ่นเครื่องปัจจุบันแน่นอน

. Ford Ranger 

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 349,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น  529,000 บาท

รถมือสองประหยัดกว่า ** 180,000 บาท  ฟอร์ด เรนเจอร์ มือสอง

สร้างความฮือฮากับการออกแบบใหม่จาก model ก่อนหน้าแล้วเพิ่งมีการไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อสิ้นปีที่แล้ว กับกระบะสายพันธ์ุอเมริกันทำยอดขายได้ดี ติดอันดับ Top4 ของยอดขายกระบะในเมืองไทย ในส่วนของรถมือสอง Ford Ranger ในส่วนของตลาดรถมือสอง Ranger มีให้เลือกมากมาย อีกทั้งราคารถมือสองของรุ่นนี้และสภาพยังใหม่ ต่างกับป้ายแดงที่แสดงในงาน มอเตอร์โชว์หลายบาท การเลือกรถมือสองรุ่นนี้รับรองว่าคุ้มแน่นอน

9. Honda Cr-v

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 829,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 1,250,000 บาท

รถมือสองประหยัดกว่า  ** 421,000 บาท  ฮอนด้า ซีอาร์-วี มือสอง

รถ SUV แท้ๆ ยอดขายอันดับ 1 ของไทย Honda CR-V กับเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Honda Accord แต่ได้อารมณ์ ความเป็นรถ SUV พร้อมลุยทุกสภาพถนนแต่ถ้าอยากจะหรูหรา Honda CR-V ก็ไปได้ไม่อายใคร ในส่วนของ CR-V มือสองโฉมเดียวกับที่แสดงในงานมอเตอร์โชว์ 2016 ครั้งนี้ ราคาในตลาดรถมือสองถูกกว่าหลายแสน สำหรับคนที่มองหารถ SUV ที่สามารถใช้งานได้ในทุกโอกาส Honda CR-V มือสอง คือคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้

10. Chevrolet Captiva

ราคารถมือสอง เริ่มต้น 718,000 บาท
ราคารถป้ายแดง เริ่มต้น 998,000 บาท

รถมือสองประหยัดกว่า ** 280,000 บาท  เชฟโรเล็ต แคปติว่า มือสอง

นอกจาก Trailbrazer ของ Chevrolet ที่เป็น SUV แบบ PPV ที่มาจากกระบะดัดแปลง Chevrolet Colorado แต่สำหรับคนที่ชอบรถ SUV ในอารมณ์รถเก๋งแท้ๆ ก็ต้องเลือก Captiva จะดีที่สุด เพราะ Captiva โฉมปัจจุบันเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปี 2012 แต่ด้วยรูปทรงที่ดูหรูหราน่าใช้ ก็สามารถทำให้ขายได้มาตลอดและยังไม่ได้มีการเปลี่ยนโฉม รถ Chevrolet Captiva มือสองในตลาดรถมือสองปัจจุบันมีให้เลือกหลายมาก ด้วยความที่ผู้ซื้อออกใหม่ป้ายแดง ตั้งใจนำมาใช้ในเมืองเป็นหลักทำให้รถไม่ได้ถูกใช้งานเยอะ รถมือสองที่สภาพดีจึงมีให้เลือกมาก แต่ถ้าใครจะเลือก SUV สวยหรูและน่าใช้งานสักคัน Chevrolet Captiva เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

ทั้งสิบรุ่นที่นำเสนอไปนี้ จะเห็นว่า แต่ละคันเมื่ออยู่ในงานยังสวย งดงามมากแค่ไหน ลองไปเดินเลือกดูในงาน มอเตอร์โชว์ 2016 ครั้งนี้ดู แล้วกลับมาหาเลือกซื้อรถมือสองคุณภาพดีๆ ใน CARRO ของเราจะที่มีรถให้เลือกมากมาย รวมถึงรถทั้งสิบรุ่นนี้ด้วย ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้เป็นแสน!! อย่างแน่นอน