MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 439 กิโลเมตร

นับตั้งแต่ MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) ไดทำการปรับเปลี่ยนโฉมไปในช่วงกลางปี 2563 ที่ผ่านมา ก็ยังคงสร้างปรากฎการณ์เป็นรถ SUV แบบ Crossover ที่ขายดีในบ้านเราอยู่อย่างต่อเนื่อง

แต่ทว่าคู่แฝดที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า อย่าง MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) ที่ดูเหมือนจะเงียบๆ หายไปในบ้านเรา ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา

อ่านเพิ่มเติม >> เจาะลึก MG ZS EV ใหม่ รถ SUV พลังไฟฟ้า 100% ในราคา 1,190,000 บาท

ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ในต่างประเทศแถบยุโรปและอังกฤษตอนนี้ MG ZS EV 2022 ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ พร้อมขายกันแล้วจ้า เชื่อว่าคนชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า MG รอเก็บตังค์ซื้อกันเลย ไม่ว่าจะกี่ล้านก็ตาม …

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 439 กิโลเมตร

สำหรับรูปโฉมดีไซน์ภายนอกของ MG ZS EV 2022 หน้าตาดูใกล้เคียงกับ MG ZS รุ่นไมเนอร์เชนจ์ แต่ปรับปรุงหน้าตาใหม่ด้วยการใช้กันชนและกระจังหน้าแบบทึบ สไตล์รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมออกแบบให้ฝาปิดช่องชาร์จไฟบริเวณกระจังหน้าให้สังเกตได้ง่ายขึ้น พร้อมชุดไฟท้ายและกันชนท้ายออกแบบใหม่ และล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 439 กิโลเมตร

ห้องโดยสารภายใน ติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมทั้งมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว อีกทั้งยังมีระบบชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายมาให้ด้วย

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 439 กิโลเมตร

ส่วนระบบความปลอดภัย ยังคงจัดหนักจัดเต็มไปกับระบบ Advanced Synchronized Protection System เหมือนในโฉมแรกเช่นเคย ทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย (FSF) ระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System ทั้งหมด 9 ระบบ และระบบเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ Advanced Driver-Assistance Systems ได้แก่

  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 439 กิโลเมตร

สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่น Standard Range ให้กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ (178 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ส่วนรุ่น Long Range เพิ่มกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าเป็น 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน ที่ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 439 กิโลเมตร

แต่อีกจุดเด่นของ MG ZS EV 2022 ที่ไม่พูดไม่ได้ก็คงจะเป็นชุดแบตเตอรี่ แบบ Lithium-ion ความจุ 44.5 kWh ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นความจุ 51 kWh ที่ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ถึง 318 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP)

อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่แบบ Long Range ขนาด 72 kWh ที่ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ถึง 439 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) และรองรับการชาร์จด่วนตามจุด EV Charger ด้วยกำลังไฟมากขึ้นถึง 76 กิโลวัตต์ ส่งผลให้ประหยัดเวลาชาร์จ จาก 0-100% ลงเหลือ 42 นาทีเท่านั้น (หากชาร์จไฟบ้านปกติแบบ AC ขนาด 7kW ใช้เวลาราว 10.5 ชั่วโมง)

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่!

ทุกวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะครับว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” กลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตคุณและคนทั่วโลกไปแล้ว ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรา ก็มีหลายรุ่นในบ้านเรา รอให้เป็นเจ้าของกันได้ง่ายๆ (อ่านเพิ่มเติม >> 10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถEV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2021)

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ อย่าง ที่เรารู้กัน เช่น การขับขี่ที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงดังจากเครื่องยนต์ ขับรถฟังเพลงเพราะๆ สบายหู ไม่ต้องง้อน้ำมันเชื้อเพลิง แถมมอเตอร์ไฟฟ้า พลังแรงกว่ารถน้ำมันหลายรุ่น วิ่งขึ้นเขาได้ จอดรถเปิดแอร์นอนก็ได้ อีกทั้งลดการซ่อมบำรุง เปลี่ยนถ่ายของเหลว ฯลฯ ไปได้เยอะ รวมถึงระบบ Autonomous Car หรือ รถยนต์ไร้คนขับ ในอนาคต

ในเมื่อข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า มีมากมาย แต่เรื่องราคาตัวรถส่วนใหญ่ยังแพง บวกกับค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง EV Charger ในบ้าน และค่าบำรุงรักษา ค่าแบตเตอรี่ที่ยังมีราคาสูงมาก ทำให้หลายคนอาจซื้อมือหนึ่งไม่ไหว อยากลองซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสองมาใช้แทน

ซึ่งธุรกิจรถยนต์มือสองในอนาคต เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้ามือสองมาจำหน่ายกันมากมาย แต่ก็มักมีคำถามมาว่าราคาขายต่อเป็นอย่างไร ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่ MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟังกัน …

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ราคาขายต่อ ของรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

เมื่อเรามองดูตลาดรถมือสองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าทัศนคติของคนไทยที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (หรือรถ Hybrid และ Plug-In Hybrid) ยังคงมีทัศนคติด้านลบอยู่มาก เนื่องจากความกังวลในเรื่องการซ่อมบำรุง และราคาค่าอะไหล่ โดยเฉพาะค่าแบตเตอรี่ที่แพง

ทำให้ราคารถยนต์ระบบ Hybrid, Plug-In Hybrid และรถ EV ที่เป็นรถมือสองนั้นตกค่อนข้างเร็ว และมีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า รถยนต์ระบบน้ำมัน และยังแบ่งแยกย่อยออกไปเป็นแบรนด์ยอดนิยม หรือแบรนด์ไม่นิยมอีก

โดยปกติแล้ว ราคารถยนต์ Hybrid หรือ Plug-In Hybrid มือสอง ก็จะลดลงเช่นเดียวกับรถใช้น้ำมัน เพียงแต่ราคาจะต่ำกว่าราคารถที่เป็นระบบน้ำมันลงไปอีกประมาณ 10-20% ในแต่ละรุ่น ซึ่งในส่วนของรถ EV ก็ไม่ต่างกัน (ก็คือราคาตกมากกว่ารถใช้น้ำมัน) อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถมือสองยังมีอยู่น้อยมาก และเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านยังมีราคาสูง ต้องใช้เวลาในการสร้างความยอมรับ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ กับรถยนต์ EV กันมากกว่าในปัจจุบัน

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ราคามือสองในประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า จะไม่ได้แตกต่างจะรถยนต์ทั่วไปมากนัก ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ตัวรถที่มีความหลากหลายมากขึ้น, ระยะเวลาในการชาร์จไฟ, ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถ EV

รวมถึงความพอเพียงของสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศ หรือการเปลี่ยนปั้มน้ำมัน ให้เป็นสถานีชาร์จรถ EV ร่วมด้วย และปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก ต้องหันมาผลิตรถ EV กันมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ตุ้นทุนเหล่านี้ถูกลงตามไปด้วย

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

การรับประกันรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

แน่นอนว่า ดีลเลอร์หรือเต็นท์รถมือสองในปัจจุบันนี้ โดยมากแล้วจะมีการรับประกันตัวรถให้ด้วย อาจจะ 1-2 ปี หรือ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละเจ้า

ซึ่งถ้าอ้างอิงตามรถยนต์ Hybrid และ Plug-In Hybrid แล้ว ส่วนใหญ่จะรับประกันเฉพาะเครื่องยนต์ และอะไหล่ส่วนต่างๆ ที่เป็นระบบหลักของรถยนต์เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด เพราะเป็นอะไหล่ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งาน แต่โดยปกติแล้ว ตัวแบตเตอรี่ ก็ได้รับการรับประกันจากศูนย์อยู่แล้ว 10 ปี ซึ่งหากรถยนต์ที่อายุใกล้ๆ 10 ปี กลุ่มลูกค้าก็ค่อนข้างทราบดีถึงความเสี่ยง ที่อาจจะจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ หรือเปลี่ยนเฉพาะ Module ที่เสื่อมในอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ซึ่งในอนาคต หากมีรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดรถมือสองมากขึ้น ทางดีลเลอร์เองก็อาจอ้างอิง ตามเงื่อนไขการรับประกันของบริษัทตัวแทนการรับประกันต่างๆ

โดยในแต่ละดีลเลอร์ หรือเต็นท์รถเอง ก็ต้องเรียนรู้ถึงรายละเอียดรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นเทคโนโลยีใหม่เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการขับเคลื่อน, ระบบแบตเตอรี่, ระบบจ่ายไฟ, ระบบส่งกำลัง เพื่อตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้ละเอียดทั้งคัน ก่อนจะรับซื้อมาส่งต่อยังผู้บริโภคอีกที

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ไฟแนนซ์ รับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่

โดยปกติ การปล่อยสินเชื่อรถยนต์ทั้งรถใหม่ และรถมือสอง สถาบันการเงินมักพิจารณาจากคุณสมบัติ และเครดิตและความสามารถในการชำระคืนของลูกค้าเป็นหลัก มากกว่าเรื่องของเทคโนโลยี หรือ ราคาขายต่อมากนัก จึงคิดว่าทางไฟแนนซ์ ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าของรถยนต์ไฟฟ้ามากนัก

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่ง MR.CARRO ก็เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ความนิยมในรถยนต์ระบบน้ำมันจะค่อยๆ ลดลง ไปในทั่วโลก และความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเราอาจจะต้องขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ากันหมด ซึ่งแต่ละดีลเลอร์ก็ต้องค่อยๆ เปลี่ยนแนวของสินค้าในสต็อกตนเองได้อย่างแน่นอน

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครอยากกำลังซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่กำลังเงินทั้งมือหนึ่งหรือมือสองสู้ไม่ไหว CARRO อยากให้ลองเปิดใจกับรถมือสอง เนื่องจากรถมือสองสภาพดีสมัยนี้มีให้เลือกเยอะแยะ แถมถ้าเป็นรถรุ่นประหยัดน้ำมันได้ก็ยังดี ซึ่ง CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์ให้คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

  • สมาคมผู้ประกอบการรถใช้แล้ว

ORA Good Cat 2022 ใหม่ มา 2 รุ่นย่อย ลุ้นราคาต่ำกว่าล้าน เปิดตัวกลางเดือนตุลาคม 2564!

ทำความรู้จักรถจีน ORA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) 100% จาก Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) เตรียมพร้อมนำเข้า ORA Good Cat 2022 (โอร่า กู๊ดแคท) จากประเทศจีน มาขายในไทยแบบรถใหม่ 2022 ด้วยกันถึง 2 รูปแบบแบตเตอรี่ กับ 3 รุ่นย่อย พร้อมโปรเด็ด ORA Good Cat Ultra Deal ลุ้นราคาต่ำกว่าล้าน!

ORA Good Cat 2022 ใหม่ มา 2 รุ่นย่อย ลุ้นราคาต่ำกว่าล้าน เปิดตัวกลางเดือนตุลาคม 2564!

หลังจากที่ทาง Great Wall Motor เผยภาพ Teaser ของ ORA Good Cat 2022 ออกมาตามสื่อโซเชียลมีเดีย และสื่อต่างๆ ก็เป็นไปได้ว่าทาง ORA พร้อมที่จะเปิดให้ลูกค้าได้จองรถจีน ORA Good Cat 2022 (โอร่า กู๊ด แคท) ในไทยวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ผ่าน Application ของ GWM ซึ่งจะเป็นการนำเข้ามาจากประเทศจีน เตรียมมาเป็น Game-Changer ในวงการรถยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างแน่นอน

ส่วนรถตัวจริงๆ พวงมาลัยขวา พร้อมราคาจำหน่าย คงต้องรอกันไปถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564 หลังจากที่นำมาหยั่งเชิง ทดลองโชว์ตัวรถจริง (พวงมาลัยซ้าย) ในงาน Motor Show 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาก คนสนใจล้นหลาม จนหลายคนพร้อมรอเป็นเจ้าของกันเป็นแถว หรือถอดใจกันไปบ้างแล้วก็มี

อ่านเพิ่มเติม >> ซื้อมั้ย? เปิดสเปก ORA Good Cat 2021 รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน ก่อนขายจริง พร้อมราคาในไทย!

ORA Good Cat 2022 ใหม่ มา 2 รุ่นย่อย ลุ้นราคาต่ำกว่าล้าน เปิดตัวกลางเดือนตุลาคม 2564!

โดยในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา Great Wall Motor ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้โลกรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ด้วย ORA Good Cat (หรือชื่อในภาษาจีน 好猫”) เปิดตัวครั้งแรกในงาน เฉิงตู มอเตอร์โชว์ เมื่อกลางปี 2020 ในประเทศจีน และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2020 โดย ORA Good Cat มาพร้อมความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์โค้งมนในสไตล์ Retro Futuristic แสดงถึงการดีไซน์แบบคลาสสิค ซึ่งออกแบบโดย Emanuel Derta อดีตนักออกแบบจาก Porsche ผสานเทคโนโลยีการขับขี่ใหม่ล่าสุด

ORA Good Cat 2022 ใหม่ มา 2 รุ่นย่อย ลุ้นราคาต่ำกว่าล้าน เปิดตัวกลางเดือนตุลาคม 2564!

นอกจากนี้ รถพลังงานไฟฟ้า ORA Good Cat ยังได้รับการพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าอัจฉริยะ ที่มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะและความปลอดภัยขั้นสูง

ORA Good Cat 2022 ใหม่ มา 2 รุ่นย่อย ลุ้นราคาต่ำกว่าล้าน เปิดตัวกลางเดือนตุลาคม 2564!

สำหรับรถ EV อย่าง ORA Good Cat ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ (143 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 150 กม./ชม. ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ ORA-Goddess Easy Drive พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ

ORA Good Cat 2022 ใหม่ มา 2 รุ่นย่อย ลุ้นราคาต่ำกว่าล้าน เปิดตัวกลางเดือนตุลาคม 2564!

มาพร้อม 2 รูปแบบแบตเตอรี่ให้เลือก ได้แก่แบตเตอรี่แบบ CTP ขนาด 47.8 kWh ขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 401 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และแบตเตอรี่ขนาด 59.1 kWh ขับขี่ได้ระยะทางมากขึ้นถึง 501 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) ของยุโรป) และ 3 รุ่นย่อยของตัวรถ ได้แก่ Tech, PRO และ Ultra

ORA Good Cat 2022 ใหม่ Ultra Deal Promotion

และยังมาพร้อมโปรโมชั่นเด็ดๆ อย่างแพคเกจ Ultra Deal มูลค่ากว่า 2 แสนบาท! สำหรับลูกค้าที่กดจองรถยนต์คันนี้ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม – 29 ตุลาคม ก่อนเวลา 18.00 น. กับข้อเสนอที่หลากหลาย อาทิ

  • ผ่อน 0% นาน 48 เดือน มูลค่า 83,000 บาท
  • ฟรี Home Charger พร้อมค่าติดตั้งในระยะสายไฟไม่เกิน 20 เมตร (ไม่รวมแท่น หากต้องการติดตั้งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
    มูลค่าสูงสุด 60,000 บาท
  • ฟรีประกันภัยชั้น 1 มูลค่าสูงสุด 25,000 บาท
  • ฟรีเซอร์วิส 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร หรืออย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน รวมค่าแรงและอะไหล่ พร้อมอะไหล่สิ้นเปลือง เช่น ยางใบปัดน้ำฝน 3 จุด แบตเตอรี่ (12V) 2 ลูก ผ้าเบรก 1 ชุด จานเบรก 1 ชุด มูลค่าสูงสุด 33,712 บาท
  • ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปีเต็ม มูลค่าสูงสุด 50,000 บาท
  • ฟรีบริการส่งมอบรถทั่วประเทศ มูลค่าสูงสุด 8,500 บาท สำหรับ 1,000 ท่านแรกที่จองสิทธิ์และวางเงินมัดจำรถยนต์ ORA Good Cat ในช่วงโปรโมชั่น
  • รับ GWM Point 30,000 คะแนน ในแอปพลิเคชัน GWM
  • รับสิทธิ์ในการเรียกใช้บริการรับและส่งมอบรถยนต์สำหรับเข้ารับบริการซ่อมบำรุงตามระยะทาง 2 เที่ยว (ไป-กลับ) รวม 4 ครั้ง มูลค่า 3,000 บาท
  • ฟรีอินเตอร์เน็ต 3GB ต่อเดือน ตลอดระยะเวลา 5 ปี
  • ฟรีกรอบป้ายทะเบียนรถยนต์และพรมปูพื้น รวมมูลค่า 1,640 บาท

นอกจากนี้ ORA Good Cat ยังมาพร้อม การรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assist) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือระยะทาง 180,000 กิโลเมตร ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้ากลุ่มแรกที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ด้วยดีเสมอมา

ทั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้นำเสนอแพ็กเกจสุดพิเศษ ORA Value Plus ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์ รวมมูลค่ากว่า 19,500 บาท โดยลูกค้าสามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 3,000 บาท ร่วมกับการจองสิทธิ์ในแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ สร้างความมั่นใจในการดูแลรักษารถ รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดย แพ็กเกจเสริม ORA Value Plus  ประกอบไปด้วย

  1. เครดิตในการใช้บริการชาร์จไฟฟ้าที่สถานีชาร์จGWM Charging Station ที่ใจกลางสยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร มูลค่า 5,000 บาท (สามารถใช้บริการได้ในระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567)
  2. อัปเกรดบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด24 ชั่วโมง (Roadside Assistance) จาก 5 ปี เป็น 10 ปี มูลค่า 10,000 บาท
  3. อัปเกรดบริการรับหรือส่งรถยนต์เพื่อเข้ารับบริการ(Pick-up and Delivery On Demand Service) จาก 2 ครั้ง (ไป-กลับ) เป็น 5 ครั้ง มูลค่า 4,500 บาท

ลูกค้าสามารถจองสิทธิ์เพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษกับแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL ผ่านทาง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกจองสิทธิ์ได้ ได้ 2 แบบ คือ

  • จองสิทธิ์ แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL โดยไม่สั่งซื้อแพ็กเกจเสริม ORA Value Plus
  • จองสิทธิ์ แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL พร้อมสั่งซื้อแพ็กเกจเสริม ORA Value Plus

สำหรับวิธีการจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อ Ora Good Cat ในแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL และการซื้อแพ็กเกจเสริม ORA Value Plus ผ่าน GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน 6 ขั้นตอน ดังนี้

  1.  ดาวน์โหลด GWM Application ได้ทาง App Store และ Google Play Store หรือเข้าไปที่เว็บไซต์
    WWW.GWM.CO.TH
  2.  เลือก “จองสิทธิ์ตอนนี้”
  3.  เลือกรุ่นของ Ora Good Cat ที่ต้องการ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
  • ORA Good Cat รุ่น 400 TECH
  • ORA Good Cat รุ่น 400 PRO
  • ORA Good Cat รุ่น 500 ULTRA 
  1. เลือกสีรถภายนอกที่ต้องการ (สีรถภายในจะถูกกำหนดจากสีรถภายนอกที่ท่านเลือก)
  2. กรอกข้อมูลส่วนตัว รวมทั้งชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ ให้ครบถ้วน
  3. เลือกการจองสิทธิ์ที่ต้องการ โดยสามารถเลือกจองได้ทั้งแบบซื้อและไม่ซื้อแพ็กเกจเสริม

    ORA Value Plus จากนั้นกด “ยืนยัน

เงื่อนไขและข้อกำหนดของแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL และแพ็กเกจเสริม ORA Value Plus

  • การจองสิทธิ์ ORA Good Cat Ultra Deal Campaign  สามารถทำได้สองวิธีได้แก่ การเลือกรุ่น สีรถภายนอกที่ต้องการ และเลือก
  • จองสิทธิ์ ORA Good Cat Ultra Deal เท่านั้น
  • จองสิทธิ์ โดยการสั่งซื้อ แพ็กเกจ ORA Value Plus
  • ระยะเวลาการจองสิทธิ์แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2564 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 18.00 น. ผ่าน GWM Application หรือเว็บไซต์ GWM.CO.TH ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เท่านั้น
  • สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ ORA Good Cat ULTRA DEAL หรือสั่งซื้อแพ็กเกจ ORA Value Plus สำเร็จแล้ว จะต้องทำสัญญาจองซื้อรถ ORA Good Cat และชำระเงินมัดจำจำนวน 10,000 บาท หลังจากการประกาศราคา ภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 20.00 น. จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 23.59 น. หากไม่มีการชำระค่ามัดจำภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าท่านสละสิทธิ์ และหากท่านได้ทำการสั่งซื้อ แพ็กเกจ ORA Value Plus และชำระเงินแล้ว ระบบจะทำการคืนเงินให้ท่านโดยอัตโนมัติ
  • การสั่งซื้อแพ็กเกจ ORA Value Plus จะเป็นการซื้อแพ็กเกจบริการเสริม ซึ่งจำหน่ายเฉพาะในช่วงเวลาตามที่กำหนด และจะไม่มีจำหน่ายหลังจากแคมเปญ ผู้สั่งซื้อจึงจำเป็นต้องทำการชำระเงินก่อนวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 18.00 น. หากไม่ได้ทำการสั่งซื้อให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด จะถือว่าท่านสละสิทธิ์ จาก ORA Good Cat ULTRA DEAL ทั้งการจองสิทธิ์ ORA Good Cat ULTRA DEAL และ แพ็กเกจ ORA Value Plus
  • สำหรับการจองสิทธิ์ ORA Good Cat Ultra Deal และ การสั่งซื้อแพ็กเกจ ORA Value Plus นี้ ทางเกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอสงวนสิทธิ์ในการจอง 1 ครั้ง ต่อ 1 ผู้ใช้ (GWID) หรือ 1 เบอร์โทรศัพท์ในการลงทะเบียน สำหรับใช้ในการซื้อรถ ORA Good Cat 1 คันเท่านั้น ในช่วงวันและเวลาที่กำหนดสำหรับการจองสิทธิ์ และตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว ผู้จองสิทธิ์สามารถยกเลิกการจองและทำการจองใหม่ได้
  • หลังจากการชำระเงินค่าแพ็กเกจ ORA Value Plus แล้ว หากผู้สั่งซื้อทำการยกเลิกแพ็กเกจเสริมนี้ จะเปรียบเสมือนทำการยกเลิกการจองสิทธิ์ ORA Good Cat ULTRA DEAL ด้วยเช่นกัน ผู้สั่งซื้อจะต้องทำการจองสิทธิ์ใหม่อีกครั้ง ภายในระยะเวลาที่กำหนด  และหากทำการยกเลิกหลังการประกาศราคาในวันที่ 29 ตุลาคม 2564 จะถือว่าผู้สั่งซื้อแพ็กเกจ ORA Value Plus ทำการยกเลิกการจองสิทธิ์ ORA Good Cat ULTRA DEAL ด้วย  โดยจะไม่สามารถขอรับสิทธิ์ใดๆ ใน แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL ได้อีกครั้ง
  • สำหรับการยกเลิกการชำระเงินค่า  แพ็กเกจ ORA Value Plus ระบบจะทำการคืนเงินสำหรับการยกเลิกคำสั่งซื้อ แพ็กเกจ ORA Value Plus ตามเงื่อนไขของธนาคารของผู้สั่งซื้อ
  • บัตรเครดิต 7 – 15 วัน
  • บัตรเดบิต 30 – 45 วัน
  • ผู้จองสิทธิ์ แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL จะต้องออกรถ ORA Good Cat รวมถึงส่งมอบภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 มิฉะนั้นจะถือว่าท่านสละสิทธิ์ในการรับสิทธิพิเศษตามแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL
  • ผู้จองสิทธิ์สามารถเปลี่ยนรุ่น และสีรถยนต์ภายนอกได้ โดย
    • ช่วงจองสิทธิ์ – ผู้จองสิทธิ์จะต้องทำการยกเลิกการจอง แล้วสมัครใหม่อีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนข้อมูลการจองสิทธิ์
    • ช่วงหลังการจองสิทธิ์และก่อนการชำระเงินมัดจำ – ผู้จองสิทธิ์ สามารถทำการเปลี่ยนรุ่นและสีรถยนต์ภายนอก ก่อนการชำระเงินมัดจำ ผ่าน GWM Application หรือเว็บไซต์ GWM.CO.TH
    • ช่วงหลังชำระเงินมัดจำแล้ว – ผู้จองรถและวางเงินมัดจำแล้ว สามารถเปลี่ยนรุ่นและสีรถยนต์ภายนอก โดยแจ้งไปยัง GWM Contact Centre 02-668-8888 หรือ ตัวแทนลูกค้าสัมพันธ์ (iAM) ที่ GWM Direct Store และ Partner Store
  • สิทธิ์จากข้อเสนอ แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL และแพ็กเกจ ORA Value Plus ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
  • การเข้าร่วมการรับสิทธิ์จากแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL นี้ ถือว่าท่านได้ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการจองสิทธิ์ หากพบว่ามีการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ภายใต้ดุลพินิจของบริษัทฯ
  • ผู้จองสิทธิ์ต้องเป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย และมีอายุ 20 ปี ขึ้นไป หรือนิติบุคคล ณ วันที่จองสิทธิ์ และต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ตามที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กำหนด ในกรณีที่ผู้จองสิทธิ์กรอกข้อมูลไม่ครบถ้วน ให้ถือว่าผู้จองสละสิทธิ์
  • การสั่งซื้อแพ็คเกจ ORA Value Plus เป็นเพียงการสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับบริการเพิ่มเติม ไม่รวมอยู่ในมูลค่าของเงินจอง และมูลค่ารถ ผู้จองสิทธิ์สามารถยกเลิกและรับเงินคืนเต็มจำนวน ทั้งนี้ ไม่ถือเป็นภาระผูกพันของ เกรท วอล มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในการจำหน่ายหรือให้บริการนี้ จนกว่าผู้จองสิทธิจะได้ชำระเงินมัดจำสำหรับการจองรถยนต์แล้วเท่านั้น
  • การจองสิทธิ์แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL นี้ เป็นเพียงการจองสิทธิ์ตามแคมเปญ ผ่าน GWM Application หรือเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เท่านั้น ทั้งนี้ ไม่ถือเป็นความผูกพัน ของเกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในการจำหน่ายหรือให้บริการนี้ จนกว่าผู้จองสิทธิ์จะดำเนินการทำสัญญาจองซื้อรถยนต์ และชำระเงินจองเท่านั้น เพื่อประโยชน์ของผู้จองสิทธิ์ ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า ก่อนตัดสินใจจองซื้อรถยนต์

เตรียมตัวเก็บเงินรอซื้อกันได้เลย ข่าวว่าราคาเปิดมา ไม่ถึงล้าน! แต่จะจริงหรือไม่ เดี๋ยวเราเช็คราคามาให้ ตามนี้จ้า

  • รุ่น 400 TECH ราคา 989,000 บาท
  • รุ่น 400 PRO ราคา 1,059,000 บาท
  • รุ่น 500 ULTRA ราคา 1,199,000 บาท

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO สิ ได้ราคาดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากใครงบไม่พอซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่อยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนรถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ราคารถใหม่ Hyundai (ฮุนได) ทุกรุ่น

รวมราคารถใหม่ Hyundai (ฮุนได) ทุกรุ่น Update 4/7/2021

CARRO นำเสนอราคารถใหม่ 2022 Hyundai (ฮุนได) ทุกรุ่น Update ล่าสุด ครบถ้วน

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองยี่ห้อ/รุ่นที่ต้องการ มาซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ที่ CARRO Automall สิ! โทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line @carroautomall

แต่ถ้าคุณอยาก “ขายรถ” คันเดิม เพื่อซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถด่วนกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

Hyundai-H-1

H-1

  • Touring ราคา 1,329,000 บาท
  • Elite ราคา 1,529,000 บาท
  • Impressive ราคา 1,629,000 บาท
  • Deluxe ราคา 1,729,000 บาท

Hyundai-Grand-Starex

Grand Starex

  • Premium ราคา 2,349,000 บาท
  • VIP ราคา 2,399,000 บาท

Hyundai-Staria-2021

All-New Staria 2021

  • Staria S Diesel 2.2 ราคา 1,729,000 บาท
  • Staria SEL Diesel 2.2 ราคา 1,999,000 บาท

ดูโปรโมชั่น Hyundai ทั้งหมดได้ที่นี่ – https://th.carro.co/blog/hyundai-new-car-promotion/

5 เหตุผล ที่ทำไมคนญี่ปุ่น ถึงนิยมเทคโนโลยี e-Power ของรถ Nissan

นับตั้งแต่ Nissan (นิสสัน) แนะนำเทคโนโลยี e-Power (นิสสัน อี-พาวเวอร์) ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น กับ Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) รถยนต์แบบ Compact เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 ตั้งแต่นั้นมา Nissan Note e-Power ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และยังได้รับรางวัลรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2018*

Nissan Note e-Power และ Nissan Serena e-Power

ต่อมา ในเดือนมีนาคม 2018 Nissan เปิดตัวรถมินิแวน Nissan Serena e-Power (นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์) ตามด้วย Nissan Kicks e-Power (นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์) ในเดือนมิถุนายน 2020 พร้อมๆ กับบางประเทศในทวีปเอเชีย และในไทย

ซึ่งทำให้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ แพร่หลายมากยิ่งขึ้น และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันก็ได้เปิดตัว นิสสัน โน๊ต ใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2

Nissan Note e-Power E12 Engine

เดือนมีนาคมปี 2021 Nissan เปิดตัว Nissan Qashqai e-Power (นิสสัน แคชไค อี-พาวเวอร์) ใหม่ ในตลาดยุโรปหลังจากมีการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์แบบ Mild Hybrid ไปก่อนหน้านี้ นับเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ครั้งแรกในทวีปยุโรป และที่งาน Auto Shanghai 2021 ในประเทศจีน Nissan ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ด้วยเช่นกัน

Nissan Note e-Power E12 Engine

และในเดือนมีนาคมเดียวกันนี้ Nissan สามารถสร้างยอดขายรถยนต์ Nissan e-Power ได้ทะลุ 500,000 คัน! ซึ่งประเทศที่ครองยอดขายเป็นอันดับ 1 คือ ประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งในเดือนมิถุนายนนี้ Nissan ได้เสริมทัพด้วย Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) ที่ใช้ e-Power ออกมาอีกรุ่น

MR.CARRO เลยชวนคุณมาดู 5 เหตุผล ว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงโคตรนิยมรถยนต์ e-Power ของ Nissan กันครับ …

Nissan Note e-Power E13 2021

1. มอเตอร์ไฟฟ้า 100%

e-Power ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% คือการใช้เครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูง ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งต่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าใช้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ (ถ้าคุณนึกภาพไม่ออก ว่า e-Power ทำงานอย่างไร? ขอให้นึกถึงรถไฟ แบบรถจักรดีเซลไฟฟ้า มีหลักการทำงานที่คล้ายกัน)

ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเงียบภายในห้องโดยสาร และได้ความสนุกในการขับขี่ ด้วยอัตราเร่งที่ทันใจแบบรถยนต์ไฟฟ้า แต่สะดวกกว่า ตรงที่เติมน้ำมันแทนการชาร์จไฟจากภายนอก

2. 5 รางวัลจากญี่ปุ่น

เทคโนโลยี e-Power ได้รับรางวัลระดับประเทศมาแล้ว 5 รางวัลในประเทศญี่ปุ่น เช่น รางวัลเทคโนโลยียอดเยี่ยมแห่งปีในประเทศญี่ปุ่น จาก สมาคมนักวิจัย และนักข่าวด้านยานยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Automotive Researchers’ and Journalists’ Conference of Japan) (RJC)

อีกทั้งจากการที่มีส่วนในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อี-พาวเวอร์ ยังได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากศูนย์อนุรักษ์พลังงานประเทศญี่ปุ่น (The Energy Conservation Center Japan) (ECCJ)

*ยอดขาย Note ประกอบด้วย Note รุ่นมาตรฐานและ Note e-Power โดยรุ่น อี-พาวเวอร์ คิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขาย

Nissan Note e-Power E13 2021

3. ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก

หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ความเงียบ และอัตราเร่งที่ราบรื่นเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่สะดวกสบายเพราะไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอกหรือต้องคอยหาสถานีชาร์จ แน่นอนว่า e-Power มอบความพิเศษนี้ให้กับคุณได้

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเทคโนโลยีถึงได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่สะดวกชาร์จที่บ้าน เช่น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนท์ในโตเกียว

4. ยอดขายรถยนต์ Nissan e-Power ในญี่ปุ่นทะลุ 500,000 คัน

หากคุณนำรถยนต์ e-Power ที่จำหน่ายไปแล้วกว่า 500,000 คันมาเรียงต่อกัน ก็จะได้ความยาวเท่ากับระยะทางจากโตเกียวถึงไทเป![1] หรือพอๆ กับหากคุณเดินเท้าจากกรุงเทพไปยังมะนิลา![2]

Nissan Note e-Power E13 2021

5. ลดการใช้แป้นเบรกลง 70% ด้วย One-Pedal

การได้ลดการใช้แป้นเบรกในระหว่างรถติดนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ขับขี่ชาวญี่ปุ่น เทคโนโลยี One-Pedal ในคิกส์ อี-พาวเวอร์ ช่วยให้คุณได้เร่งและชะลอความเร็วรถโดยใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว

นวัตกรรมนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดจำนวนการใช้แป้นเบรกได้ถึง 70% เมื่อรถมีการชะลอความเร็ว ระบบจะมีการฟื้นฟูพลังงานเพื่อชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Toyota bZ4X รถต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) จากค่ายโตโยต้า

นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด (แม้ว่าหลายคนจะตื่นเต้นก็ตาม) กับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ของ Toyota (โตโยต้า) ที่ในอดีต Toyota เคยพัฒนารถ SUV ในรูปแบบรถพลังงานไฟฟ้า กับ Toyota RAV4 ที่ออกจำหน่ายในปี 1996 และ Toyota RAV4 EV เจเนอเรชั่นที่ 2 โดยร่วมกันพัฒนากับทาง Tesla ในปี 2010 – 2014 ก่อนจะเลิกราไป

อ่านเพิ่มเติม >> ประวัติ Toyota RAV4 EV : แม้ว่า Toyota จะเริ่มรถยนต์ไฟฟ้าก่อน แต่ไม่ได้หมายถึงความสำเร็จ!

Toyota bZ4X Concept

Toyota เผยโฉมรถต้นแบบ Toyota bZ4X Concept ใหม่ จัดเป็นรถ Crossover SUV พลังงานไฟฟ้า 100% จากค่ายโตโยต้า ที่เผยโฉมครั้งแรกเมื่อ 19 เมษายน 2021 ในงาน Auto Shanghai ประเทศจีน ในตอนนี้เผยโฉมอย่างเป็นทางการในอเมริกาแล้ว พร้อม​ขายในญี่ปุ่นกับจีนก่อน ก่อนผลิตออกขายทั่วโลกในช่วงกลางปี 2022

ซึ่ง Toyota จะใช้ชื่อรุ่นในชื่อ Toyota bZ ซึ่งย่อมาจาก “Beyond Zero” และยังเป็นรุ่นแรกของตระกูล bZ Series ที่โตโยต้าจะนำชื่อ bZ นี้พร้อมนำไปใช้รถรุ่นใหม่ในอนาคตอีก 7 รุ่น เพื่อสื่อถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota

Toyota bZ4X Concept

ส่วนคำว่าระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (หรือ Electrified) หากนอกเหนือจากรถ BEV โตโยต้าจะนับรวมรถในกลุ่ม Hybrid, Plug-In Hybrid รวมไปถึงรถ Fuel Cell ด้วย

Toyota bZ4X Concept

Toyota bZ4X พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม e-TNGA ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มใหม่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ ร่วมพัฒนากับทาง Subaru และ Daihatsu โดยสามารถใช้ได้ในรถยนต์หลายประเภท รวมจุดเด่นด้านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของโตโยต้า และความเชี่ยวชาญด้านระบบ AWD ของ Subaru ไว้ โดย Subaru ก็พัฒนารถของตัวเองในชื่อ Subaru Solterra EV ด้วยเช่นกัน

ตัวรถหน้าสั้นแต่ฐานล้อยาว เพื่อเพิ่มเนื้อที่ห้องโดยสารมากเป็นพิเศษ เทียบเท่าระดับ D-Segment Sedan

Toyota bZ4X Concept

ภายในห้องโดยสารสำหรับรุ่นจำหน่ายจริง ก็คงไม่แตกต่างไปจากรถต้นแบบ โดยออกแบบให้ทัศนวิสัยดีสุด มีหน้าจอ Infotainment ที่ลอยตัวเหนือแผงคอนโซล

Toyota bZ4X Concept

ซึ่ง Toyota bZ4X นี้ จะใช้ฐานการผลิตเพียง 2 แห่งในระยะแรก คือที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีน ก่อนจะผลิตแล้วส่งขายไปในทั่วโลกช่วงกลางปี 2022 ส่วนรถในตระกูล “bZ” ที่เหลืออีก 7 รุ่น เตรียมออกสู่ตลาดโลกในปี 2025

และสำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แหล่งที่มาจาก:

BMW เปิดตัว BMW iX3 และ iX รถยนต์ SAV พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ในราคา 3,399,000 - 5,999,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า เปิดตัว BMW iX (บีเอ็มดับเบิลยู iX) และ BMW iX3 (บีเอ็มดับเบิลยู iX3) รถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle (SAV) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รถนำเข้าจากประเทศจีน ที่จะมาสร้างนิยามใหม่ให้แก่ประสบการณ์การขับขี่ด้วยพลังงานสะอาดในไทย

BMW Vision iNEXT 2018

BMW Vision iNEXT รถต้นแบบของรถตระกูล iX ที่ออกมาในปี 2018

สำหรับการเปิดตัวครั้งแรกของ BMW iX นี้ มาในรุ่น BMW iX xDrive50 Sport สร้างสุนทรียภาพการขับขี่แบบไร้มลพิษ พร้อมความคล่องตัวสไตล์สปอร์ต และดีไซน์สุดล้ำที่สื่อถึงความยั่งยืน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้าพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive และเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่รุ่นใหม่ล่าสุด สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 630 กิโลเมตร

ขณะที่ BMW iX3 M Sport เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทยด้วยความโดดเด่นจากตระกูล X3 ที่ผสานความปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวเข้ากับสมรรถนะอันทรงพลังของ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5

BMW Vision iNEXT 2018

BMW Vision iNEXT รถต้นแบบของรถตระกูล iX ที่ออกมาในปี 2018

สำหรับลูกค้าในไทย สามารถจองบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ซึ่งมาในจำนวนจำกัดเพียง 20 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport ที่มาให้ลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัด ได้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฏาคม 2564 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ทาง shop.bmw.co.th

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ในตระกูล BMW i เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมล้ำยุคของ BMW Group ซึ่ง BMW i8 และ i3 ที่เราได้เปิดตัวในประเทศไทยไปแล้วนั้น เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นก้าวสำคัญเพื่อปูทางสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม

BMW iX xDrive50 Sport

และในวันนี้ เราได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วย BMW iX ยนตรกรรมที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ พร้อมเบิกทางสู่นวัตกรรมแห่งอนาคตและบริการดิจิทัลต่างๆ และสอดแทรกปรัชญาด้วยความยั่งยืนของเราไว้ในทุกขั้นตอน

นอกจากบีเอ็มดับเบิลยู iX แล้ว ยังเปิดตัว BMW iX3 M Sport เป็นครั้งแรก สมาชิกใหม่ในตระกูล X3 รุ่นนี้ จะเข้ามาเติมเต็มกลยุทธ์ Power of Choice ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยนับจากนี้ไป บีเอ็มดับเบิลยู X3 จะเป็นยนตรกรรมที่พร้อมนำเสนอระบบขับเคลื่อนทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาปภายในปลั๊กอินไฮบริด และพลังงานไฟฟ้าล้วน พร้อมยังคงเอกลักษณ์ความคล่องตัวแบบ SAV ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม

BMW iX3 M Sport

BMW iX3 M Sport ใหม่

ราคาจำหน่าย: 3,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี และแท่นชาร์จ BMW i Wallbox จำนวนจำกัด)

BMW iX3 M Sport มาพร้อมเอกลักษณ์สุดล้ำ ประสานประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับความหนาแน่นและความจุพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่แรงดันสูง มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า เทคโนโลยีการชาร์จ และแบตเตอรี่แรงดันสูงรุ่นล่าสุด ที่ได้รับการยกระดับในด้านสมรรถนะการทำงาน การใช้พลังงานไฟฟ้า และระยะทางในการขับขี่ อีกทั้งยังเพิ่มความหนาแน่นและศักยภาพของกำลังไฟฟ้าด้วยการรวมมอเตอร์ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเกียร์ไว้ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู iX

BMW iX3 M Sport

ระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ใน BMW iX3 M Sport ส่งพละกำลังสูงสุด 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ซึ่งโดดเด่นว่ามอเตอร์ไฟฟ้าในรุ่นอื่นๆ ด้วยความสามารถในการคงแรงบิดได้แม้ระหว่างรอบสูง โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายใน 6.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

ขับขี่สนุกอย่างอุ่นใจด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-Actuator Wheel Slip Limitation) ปริมาตรความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่การติดตั้งและน้ำหนัก ส่วนความจุพลังงานรวมอยู่ที่ 80kWh เพื่อขับเคลื่อนให้ BMW iX3 ขับขี่ได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และ 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

BMW iX3 M Sport

เทคโนโลยีระบบชาร์จใหม่ล่าสุดเติมพลังงานสู่แบตเตอรี่ 400 โวลต์ และแหล่งจ่ายไฟ 12 โวลต์แก่อุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถ หากใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถชาร์จด้วยระบบไฟแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และเมื่อชาร์จแบบรวดเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จะรับพลังงานได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ และสำหรับการชาร์จด้วยแรงดันนี้ BMW iX3 ยังรองรับการชาร์จจาก 0-80% ได้ภายใน 34 นาที เพิ่มระยะทางการวิ่งถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 10 นาที (ตามมาตรฐาน WLTP)

BMW iX3 M Sport มาพร้อมระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) เพิ่มสมรรถนะและความสบายระหว่างการขับขี่ ระดับการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่จะแปรผันตามสภาวะถนน ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลในระบบนำทางและเซนเซอร์ในระบบช่วงเหลือผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการ ระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ เมื่อเข้าเกียร์ D และระบบ Recuperation จะทำงานอัตโนมัติในระดับสูงเมื่อเข้าเกียร์ B เพื่อสร้างประสบการณ์ในการขับขี่ยนตรกรรมไฟฟ้าอันเฉพาะตัวของบีเอ็มดับเบิลยู

แบตเตอรี่แรงดันสูงรุ่นล่าสุดนี้ติดตั้งอยู่ใต้ตัวรถ จึงช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงลงประมาณ 7.5 ซม. เมื่อเทียบกับ X3 รุ่นอื่นๆ ระบบช่วงล่างแบบ Adaptive ปรับระดับด้วยไฟฟ้าตามสภาพถนนและสภาวะการขับขี่

BMW iX3 M Sport

รูปโฉมภายนอกของ BMW iX3 M Sport ยังคงสัดส่วนที่โฉบเฉี่ยวสไตล์ SAV มาพร้อมความแข็งแกร่งระดับพรีเมียมและความอเนกประสงค์ของตระกูล X โดดเด่นด้วยองค์ประกอบการดีไซน์เฉพาะรุ่นอย่างชิ้นส่วนแอโรไดนามิกส์ต่าง ๆ สอดแทรกด้วยดีไซน์ที่สื่อถึงความยั่งยืน กระโปรงหน้าและกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่มาในดีไซน์ปิดทึบ ท้ายรถมาพร้อมการออกแบบเพื่อลดแรงต้านอากาศ

BMW iX3 M Sport

ไฮไลท์ของ BMW iX3 ยังอยู่ที่ความหลากหลายในการใช้งาน มาพร้อมพื้นที่กว้างขวางกว่า X3 รุ่นอื่น ๆ เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40 ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรจุสัมภาระจาก 510 ถึง 1,560 ลิตร เสริมความเอ็กซ์คลูซีฟด้วยระบบเสียง BMW IconicSounds Electric ซึ่งมาเป็นมาตรฐาน สร้างทำนองเสียงไม่ซ้ำใครเมื่อสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์จากผลงานของ Hans Zimmer มาพร้อมล้อ M aerodynamic ขนาด 20 นิ้วแบบสลับสี ที่เสริมประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ยิ่งขึ้น ไฟหน้า Adaptive LED เสริมฉนวนกันเสียงที่ประตูหน้า

BMW iX3 M Sport

และยังมีอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเสริมความสะดวกสบายแบบพรีเมียมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบปลดล็อกประตู Comfort Access เบาะหนัง Vernasca ตอนหน้าดีไซน์แบบสปอร์ต จอ BMW Head-Up Display ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus พร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง ยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยแบบเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้นด้วยระบบ BMW gesture control ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และ WiFi hotspot พร้อมด้วยระบบ BMW Live Cockpit Professional พร้อมระบบนำทางที่ดึงข้อมูลจากระบบคลาวด์ BMW Maps และ BMW Intelligent Personal Assistant

BMW iX3 M Sport มาให้เลือกใน 5 สี ได้แก่ Carbon Black, Mineral White, Phytonic Blue, Piemont Red และ Sophisto Grey

BMW iX xDrive50 Sport

BMW iX xDrive50 Sport ใหม่

ราคาจำหน่าย: 5,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี และแท่นชาร์จ BMW i Wallbox สำหรับ 20 คันแรกเท่านั้น)

BMW iX มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าใหม่ล่าสุด พร้อมความล้ำยุคด้านเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและการเชื่อมต่ออีกมากมาย มาพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ในระยะยาวไกลยิ่งขึ้นและอัตราเร่งที่ทรงพลัง

BMW iX xDrive50 Sport ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 385 กิโลวัตต์/523 แรงม้า ระบบ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้านี้ยังทำงานพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 630 กิโลเมตร สร้างแรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 765 นิวตันเมตร ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-Actuator Wheel Slip Limitation) ได้รับการติดตั้งควบคู่กับระบบ AWD เป็นครั้งแรก ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อและเพิ่มความเสถียรภาพในการควบคุมรถยิ่งขึ้นอีกระดับ จึงโลดแล่นด้วยความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.6 วินาที

แบตเตอรี่แรงดันสูงใน BMW iX xDrive50 Sport มีความจุพลังงานรวม 111.5 kWh หัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบการชาร์จที่ยืดหยุ่น รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 200 กิโลวัตต์ และสำหรับการชาร์จจากเครื่องชาร์จ 100 กิโลวัตต์นั้น จะใช้เวลาราว 56 นาที ในการชาร์จจาก 10% ถึง 80%

ระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) ช่วยเสริมประสิทธิภาพและระยะการขับขี่ของบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ด้วยการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ โดยใช้ข้อมูลจากระบบนำทางและเซนเซอร์จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรถเข้าใกล้ทางแยก ระดับการดึงพลังงานกลับมาใช้ใหม่จะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ความเร็วการขับขี่ลดลง และจะทำงานสลับกับฟังก์ชั่น Coasting ขณะขับขี่บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการ ระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ โดยเมื่อเลือกขับขี่ด้วยเกียร์ B ระบบ Recuperation จะทำงานที่ระดับสูงสุดโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ One-Pedal Feeling

BMW iX xDrive50 Sport

โครงสร้างตัวถัง ปรัชญาการดีไซน์ และการออกแบบแชสซีของ BMW iX ได้รับการพัฒนาเพื่อหลอมรวมความสะดวกสบายเหนือระดับในการขับขี่และการควบคุมที่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต โครงสร้างของ BMW iX มาในวัสดุอลูมิเนียมแบบ spaceframe ส่วนหลังคามาในโครงสร้าง Carbon Cage ซึ่งประกอบด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณด้านข้างและด้านหลัง ผสานการใช้วัสดุสองประเภทเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเสริมทั้งความแข็งแกร่งและลดน้ำหนักให้เบาลงได้อย่างชาญฉลาด ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag Coefficient) ที่ต่ำเพียง 0.25 จากองค์ประกอบด้านอากาศพลศาสตร์ต่าง ๆ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และระยะการขับขี่ด้วยเช่นกัน แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX ที่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง เมื่อประสานเข้ากับการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลจึงทำให้ตอบสนองต่อการควบคุมได้ฉับไวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รูปแบบการขับขี่ที่มีความสมดุลของบีเอ็มดับเบิลยู iX ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงและความสบายขณะขับขี่ ขณะที่ยังคงความคล่องตัวไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

เทคโนโลยีแชสซีที่ใช้ในการพัฒนา BMW iX ประกอบด้วย เพลาหน้าแบบปีกนกคู่ เพลาหลังแบบ Five-Link ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) แปรผันตามการหมุนและความเร็ว มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ล้อ Aerodynamic ขนาด 22 นิ้ว แบบสลับสี ขัดเงาสามมิติ เสริมด้วยยางล้อลดเสียงรบกวนที่มีชั้นโฟมบริเวณพื้นผิวด้านในเพื่อลดการเกิดเสียงได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน

BMW iX xDrive50 Sport

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ใหม่ที่ไม่ซ้ำใครของ BMW iX คือดีไซน์ภายนอกที่มีเส้นสายในการออกแบบชัดเจนทรงพลัง แต่ยังมีความเรียบง่าย และคงความบึกบึนสไตล์ SAV รายละเอียดขององค์ประกอบต่าง ๆ สื่อถึงความประณีตและความหรูหราล้ำยุค โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ที่เกือบปิดทึบ สะท้อนถึงนวัตกรรมการผลิตที่ล้ำสมัย ส่วนกล้องและเรดาร์เซนเซอร์ฝังอยู่ภายใต้พื้นผิวของกระจังหน้า โดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายที่เรียวยาวที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู มือจับประตูที่เปิดด้วยการกดปุ่ม หน้าต่างไร้ขอบ และประตูท้ายสอดประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถโดยไม่มีช่องว่าง

BMW iX xDrive50 Sport

การออกแบบภายในห้องโดยสารมุ่งนำเสนอแนวคิดของการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มาพร้อมพื้นที่กว้างขวางและเบาะที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะเสริมความหรูหรายิ่งขึ้น มีพื้นที่วางขามากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องมีท่อส่งน้ำมันกลางตัวรถ ซึ่งยังช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ คอนโซลกลางมาในดีไซน์เฉียบไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์หรู ปุ่มควบคุมระบบสัมผัสและระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ Rocker Switch พร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารเพื่อผู้ขับขี่ด้วยจอ BMW Curved Display พวงมาลัยทรงหกเหลี่ยมและจอ Head-Up Display

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมฟิลเตอร์นาโนไฟเบอร์ที่สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ควบคุมผ่านจอระบบสัมผัสแบบใหม่ ซึ่งใช้ควบคุมการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสาร รวมถึงระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งและพวงมาลัย มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังยิ่งขึ้น อย่างระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System ที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะ และระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังก์ชั่นสั่นตามเสียงเบสในเบาะหน้า

นอกจากระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน BMW iX ยังมาพร้อมเสียงประกอบการขับขี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เติมเต็มความเร้าใจในการขับขี่ทุกครั้งที่เร่งความเร็ว ฟังก์ชั่นจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ยังมาพร้อมตัวเลือกเสียงใหม่ล่าสุดจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Hans Zimmer

BMW iX xDrive50 Sport

BMW iX xDrive50 Sport ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผลและระบบทำงาน iDrive เจเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในบีเอ็มดับเบิลยู iX ต่อยอดการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ที่ออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับจอระบบสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display รองรับการโต้ตอบด้วยเสียงกับ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า โดยจอ BMW Curved Display เป็นกลุ่มจอแสดงผลดิจิทัลซึ่งประกอบไปด้วย จอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้วและจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว รวมเข้าด้วยกันภายใต้แผงกระจกชิ้นเดียวที่หันหน้าเข้าหาผู้ขับขี่ ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ดิจิทัลมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และแสดงกราฟฟิกดีไซน์ใหม่ขณะสื่อสารกับผู้ใช้งาน ระบบ My Modes ใหม่ ขยายการตั้งค่าต่างๆ ของรถยนต์ให้ครอบคลุมประสบการณ์ขับขี่ทุกรูปแบบ

BMW iX ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และนวัตกรรมหลากหลายที่สุด เหนือกว่ารถยนต์ทุกรุ่นจากบีเอ็มดับเบิลยู มาพร้อมเซนเซอร์เจเนอเรชั่นใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่ และแพลตฟอร์มในการประมวลผลที่ทรงพลัง ใช้กล้อง 5 ตัว เรดาร์เซนเซอร์อีก 5 ตัว และอัลตร้าโซนิกเซนเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคัน ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน Steering and Lane Control Assistant ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go รวมถึงระบบที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานอย่างระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) ซึ่งประกอบด้วยกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) แสดงภาพพื้นที่โดยรอบของรถให้เห็นแบบสามมิติผ่านระบบ Remote 3D

BMW iX xDrive50 Sport

กระบวนการผลิต BMW iX ยังครอบคลุมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้อลูมิเนียมที่ผ่านกระบวนการหล่อและนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ในปริมาณมาก ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยวัสดุไม้ที่รับรองจาก FSC หนังฟอกด้วยสารสกัดจากใบมะกอก และยังมีส่วนประกอบจากธรรมชาติอื่นๆ อีกมากมาย และยังใช้แหจับปลาที่ผ่านการรีไซเคิลเป็นหนึ่งในวัสดุสำหรับผลิตพรมปูพื้นรถอีกด้วย

ลูกค้าสามารถเลือกสีตัวถังได้ถึง 6 สไตล์ตามความต้องการ ได้แก่ Aventurin Red, Black Sapphire, Mineral White, Phytonic Blue, Sophisto Grey และ Storm Bay

โปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน

รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จากบีเอ็มดับเบิลยูทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมาพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BMW Service Inclusive (BSI) รูปแบบใหม่ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะสมต่อการดูแลบำรุงรักษาระบบต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยมีแพ็คเกจมานำเสนอใน 2 ทางเลือก ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ดังนี้

แพ็คเกจ

การให้บริการ

ระยะการบำรุงรักษา การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงและอุปกรณ์ร่วม ราคา
BSI Standard 4 ปี / ไม่จำกัดระยะทาง 8 ปี / 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู iX และ iX3

 

 

รวมอยู่ในราคาจำหน่าย
BSI Ultimate 6 ปี / ไม่จำกัดระยะทาง 110,000 บาท

(สามารถเลือกอัพเกรดได้ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มการรับประกันคุณภาพ)

การดูแลบำรุงรักษารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน จะมีกำหนดเข้ารับบริการทุก 24 เดือน โดยครอบคลุมรายการต่าง ๆ ดังนี้

  • บริการตรวจเช็ครถ
  • บริการเปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์
  • บริการเปลี่ยนน้ำมันเบรก
  • บริการชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงหลังการให้บริการ (ชาร์จสูงสุด 75%-80%)
  • บริการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน (ปีละหนึ่งครั้ง)
  • บริการเปลี่ยนชุดเบรคหน้าและหลัง 1 ชุด รวมผ้าเบรกและจานเบรก (กำหนดการเปลี่ยนไม่ขึ้นอยู่กับระยะทาง)

ลูกค้าที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bmw.co.th หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วประเทศ

และสำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

ชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า ตอนฝนตก

ทุกวันนี้ การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ในไทยนั้นเป็นนิยมเป็นวงกว้างมากขึ้น เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่สามารถทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งใช้งานได้ระยะทางไกลมากขึ้น การปล่อยมลพิษออกมาทำลายสภาพแวดล้อมน้อยลง รวมถึงการบำรุงรักษาในหลายๆ ระบบ ที่ไม่ยุ่งยากแบบรถยนต์ที่ใช้การสันดาปด้วยเชื้อเพลิง นั่นทำให้คนจึงสนใจอยากเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น

รวมไปถึงรถยนต์แบบ Plug-In Hybrid (รถปลั๊กอินไฮบริด) ที่แม้ว่าจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแหล่งพลังงานหลัก แต่ก็มีมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันกับแบตเตอรี่ ซึ่งคุณสามารถชาร์จไฟใส่แบตเตอรี่ และวิ่งด้วยระบบ EV เพียวๆ เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าได้เช่นกัน

แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย ทั้งในเรื่องของมอเตอร์ไฟฟ้า ในเรื่องของแบตเตอรี่ รวมไปถึงในเรื่องของจุดชาร์จไฟ ว่าการทำงานนั้นเป็นอย่างไร ใช้งานสะดวกหรือไม่ มีข้อควรอะไรต้องระวังเป็นพิเศษหรือเปล่า และอีกหนึ่งคำถามที่ถามกันมากก็อย่างเช่น ถ้าเราจำเป็นต้องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แล้วบังเอิญฝนตกลงมา หรืออยู่ในที่เปียกชื้นพอดี จะมีผลกระทบอะไรกับตัวเรา หรือรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่?

MR.CARRO จึงขอนำเรื่องของความปลอดภัย ในการชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าตามจุดชาร์จ ในขณะที่ฝนตก มาเล่าให้ฟังกันครับ

ชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า ตอนฝนตก

ตามปกติแล้ว อุปกรณ์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าของตัวรถทั้งหมด จะได้รับการปกปิดเป็นอย่างดี รวมถึงผ่านการทดสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ Plug-In Hybrid (รถปลั๊กอินไฮบริด) ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟดูด ไฟช็อต แต่ประการใด แต่ในช่วงที่คุณกำลังนำสายชาร์จออมาจากตู้ ควรระวังน้ำฝนเข้าไปในรูชาร์จของปลั๊กได้ เมื่อเสียบสายชาร์จเข้ากับตัวรถแล้ว ให้ดึงฝาปิดลงมา เพื่อป้องกันละอองน้ำฝนที่อาจกระเด็นเข้าไปตรงที่ชาร์จไฟได้

และในตัวตู้ชาร์จไฟฟ้า ก็จะมีติดตั้งระบบตัดไฟรั่ว ไฟเกิน (Circuit Braker) และลงสายดินเอาไว้ทุกตู้ เพราะการออกแบบมาให้ใช้งานภายนอกสถานที่ กลางแจ้ง ตัวปลั๊กและตู้ต้องออกแบบให้ทนทุกสภาวะอากาศในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

จึงมั่นใจได้ว่า คุณสามารถชาร์จไฟรถยนต์ตอนฝนตกได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถก็ควรต้องใช้ความระมัดระวังนะครับ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนใดๆ ของระบบการชาร์จ และ ปลั๊กไฟฟ้า ซึ่งอาจจะมีส่วนที่เปิดอยู่ (เช่น กรณีสายไฟในจุดต่างๆ ของตัวตู้ชาร์จมีส่วนเปื่อย หรือฉีกขาด) และโดนฝนขณะที่มีฝนตก อันนี้อาจได้รับอันตรายจากไฟดูดได้ แม้ว่าจะเป็นอัตราเสี่ยงต่ำก็ตาม

ชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า ตอนฝนตก

สำหรับใครที่อยากขายรถ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV กำลังบูมในทั่วทุกมุมโลกขณะนี้ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์แทบจะทุกเจ้า ต่างมุ่งเป้าไปที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์แบบ Plug-In Hybrid กันเป็นหลักเลยก็ว่าได้ แต่ก็มีผู้ปลิตที่คิดแหวกแนวออกไป ผลิตรถออกมาเพื่อศึกษาเทคโนโลยี และเป็นทางเลือกสำหรับการเลือกใช้พลังงานอื่นๆ เป็นพลังขับเคลื่อน เช่น รถยนต์ไฮโดรเจน หรือพลังงานแสงอาทิตย์

ใช่ครับ! ที่เราจะกล่าวกันในวันนี้คือ “รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์” นั่นเองครับ โดยเจ้า Lightyear One (ไลท์เยียร์ วัน) คันนี้ สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ต้องชาร์จไฟ แต่ใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 5 ตร.ม. ที่ถูกหุ้มด้วยกระจกนิรภัยอีกชั้น บริเวณฝากระโปรงหน้า หลังคา และกระจกบานหลัง

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

Lightyear One บริษัทรถยนต์น้องใหม่จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 โดยอดีตสมาชิกของ Solar Team Eindhoven ซึ่งคว้ารางวัลในการแข่งขันรถพลังงานแสงอาทิตย์รายการ Bridgestone World Solar Challenge ต่อมาจึงนำเสนอโครงการผลิตรถสู่นักลงทุน ก่อนจะระดมทุนจากนักลงทุนหลายๆ เจ้า

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

Lightyear One เป็นรถ Hatchback 5 ประตู จากผลงานการสร้างสรรค์ของ Granstudio ประเทศอิตาลี หลังจากที่ได้เผยโฉมรถต้นแบบไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา นิตยสาร TIME ได้จัดอันดับให้ Lightyear One เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด 100 อันดับแรก เมื่อปี 2019 ก่อนจะเริ่มต้นผลิตขึ้นที่เมือง Helmond ประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมส่งมอบสู่ผู้สั่งจองในปีนี้

ซึ่ง Lex Hoefsloot ที่เป็น CEO และ Co-Founder ของบริษัท Lightyear ได้ประกาศว่า “นี่คือการเปิดศักราชใหม่ของการขับขี่”

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

ตัวรถภายนอก นอกจากจะชูจุดเด่นอย่างแผงโซลาร์เซลล์ไปแล้ว ตัวรถยังให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่เรียกได้ว่าต่ำมากๆ เพียง Cd=0.20 เท่านั้น ทุกส่วนออกแบบให้ลดแรงเสียดทาน ตั้งแต่กระจกมองข้างแบบกล้อง ฝาปิดที่ล้อด้านหลัง

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

พร้อมกับยางรถยนต์ Bridgestone Turanza Eco ชนิดพิเศษ ที่ร่วมพัฒนากับ Bridgestone โดยใช้เทคโนโลยี “ENLITEN” ช่วยให้ยางน้ำหนักเบา, มีความต้านทานการหมุนต่ำ (Low Rolling Resistance), ลดวัตถุดิบ และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งยางประเภทนี้ ตัวยางจะมีตราสัญลักษณ์ “Bridgestone EV” ใหม่บนแก้มยางด้วย

มิติตัวรถยาว 5,057 มม. กว้าง 1,898 มม. สูง 1,426 มม. น้ำหนักตัวรถ ประมาณ 1,300 กิโลกรัม

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

ห้องโดยสารภายใน ดูเรียบง่ายแต่ทันสมัย ด้วยอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ มากมาย อาทิ Companion App, Apple CarPlay,
Android Auto, Wireless Charging Pad หรือที่นั่ง Isofix สำหรับเด็ก 3 จุดด้านหลัง พร้อมให้พื้นที่เก็บสัมภาระมากถึง 780 ลิตร และพับเบาะหลังลงจะได้มากถึง 1,701 ลิตร

Lightyear One มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In-wheel ติดตั้งที่ล้อทั้ง 4 ล้อ หรือ Wheel-Hub Motor รวมกำลัง 80 กิโลวัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ให้ระยะทางวิ่งต่อครั้งได้ประมาณ 725 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP (Worldwide Harmonised Light Vehicles Test Procedure)

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

สามารถชาร์จไฟด้วยไฟบ้านแบบ 230 โวลต์ ขนาด 3.7 kW หากคุณชาร์จเพียง 1 ชั่วโมง จะมีปริมาณไฟพอวิ่งได้ 35 กิโลเมตร แต่ถ้าชาร์จไฟบ้านทิ้งไว้ข้ามคืน จะมีปริมาณไฟวิ่งได้ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร

ส่วนการชาร์จที่จุดชาร์จไฟสาธารณะ แบบ Fast Charging กำลังไฟ 60 kW จะมีปริมาณไฟพอวิ่งได้ 570 กิโลเมตร

และในส่วนของแผงโซลาร์เซลล์นั้น สามารถผลิตกระแสไฟเพียงให้รถวิ่งได้ประมาณ 50-65 กิโลเมตรต่อวัน ในช่วงฤดูร้อนของเนเธอร์แลนด์

สำหรับรถตัวจริง รอรับได้เลยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น ในราคาจองก่อนหน้า 119,000 ยูโร! (ประมาณ 4.5 ล้านบาทไทย)

Lightyear One รถพลังงานแสงอาทิตย์

เบื้องหลังความสำเร็จ

สำหรับใครที่อยากขายรถ เพราะอยากเปลี่ยนรถใหม่เป็นรถไฟฟ้า มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

รถยนต์ไฟฟ้า ประหยัดสุดๆ

นับตั้งแต่ในบ้านเรา ได้รับกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังฮิตมากจากทั่วโลก ซึ่งมีข้อดีหลายอย่าง เช่น ไม่ปล่อยมลพิษ การดูแลรักษาที่ง่ายขึ้น ประหยัด ไม่ต้องเติมน้ำมัน ไม่ต้องทนฟังเสียงเครื่องยนต์ หรือเสียงท่อไอเสียดังๆ ฯลฯ และตอบโจทย์ด้วยระยะทางต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ที่มากกว่าในอดีตมาก ทำให้หลายคนเริ่มตัดสินใจเลิกทิ้งรถน้ำมัน และหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากัน

EV-Car-Super-Save-Electricity-Costs

เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Sorawit Prathanthip เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า MG EP (เอ็มจี อีพี) ได้โชว์ใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าเดือนล่าสุดที่ใช้สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมระบุข้อความว่า

“ไปจ่ายมาแล้วสำหรับค่าไฟชาร์จรถ EP เดือนเมษายน โดยเดือนนี้เดินทางไป 3,200 km มีค่าใช้จ่ายเพียง 831 บาท เฉลี่ยเป็น 0.26 บาท/กม. โดยใช้มิเตอร์ TOU และบังคับ (โดยอุปกรณ์ตั้งเวลาชาร์จ) เป็น Off Peak 100% และใช้สถานีชาร์จฟรีไปราวๆ 4-5 ครั้ง

ถ้าเป็น Vios น้ำมันต้องมีค่าใช้จ่าย Km ละ 2 บาท หรือเสียไป 6,400 บาทในเดือนนี้ เท่ากับเดือนนี้ประหยัดไป 5,569 บาทคุ้มค่าจริงๆ เอาส่วนต่างพาลูกเมียไปเที่ยวสบายๆ”

นั่นแสดงให้เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 5 พันบาท/เดือน ทีเดียว!

EV-Car-Super-Save-Electricity-Costs

แต่ทางเจ้าของโพสต์ ได้ระบุว่า ตั้งเวลาชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าในช่วง Off-Peak รวมถึงยังนำรถไปชาร์จไฟฟรี ที่สถานีบริการชาร์จอีกหลายครั้งด้วย ซึ่งช่วยให้เชฟค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม >> รวมจุดชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า ในกรุงเทพฯ และทั่วไทย มีจุดไหนใกล้คุณ ประจำปี 2564

คนใช้รถน้ำมันหลายคนเห็นแบบนี้แล้ว อย่าได้แต่เปรยว่าเติมน้ำมันวิ่งระยะทางเท่ากัน แพงกว่าค่าไฟของรถยนต์ไฟฟ้า อยากลองเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันแล้วหรือยัง?

สำหรับใครที่อยากขายรถ เพราะอยากเปลี่ยนรถใหม่เป็นรถไฟฟ้า มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แหล่งที่มาจาก