Motorshow-2019-Accessories

มุม Accessories ในงาน Motor Show 2019 จัดเต็มกับของแต่งรถ กล้องติดหน้ารถ เครื่องเสียงติดรถ และอุปกรณ์ดูแลรถ

“มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40” หรือ The 40th Bangkok International Motor Show 2019 นอกจากรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่มาร่วมงานในงานนี้มากมายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขายไม่ได้สำหรับงาน มอเตอร์โชว์ ทุกๆ ปี นั่นคือ อุปกรณ์ประดับยนต์ต่างๆ อาทิเช่น กล้องติดรถยนต์ ฟิล์มกรองแสง ล้อแม็ก ยางรถยนต์ เครื่องเสียงติดรถ หมวกกันน็อค หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดรถ

ที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย และกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ที่มาเดินเที่ยวชมงานได้เสียเงินเลือกซื้อ ติดไม้ติดมือกลับบ้าน …

ทาง CARRO อยากให้คนรักรถทุกท่าน หาโอกาสไปเดินเที่ยวกันจริงๆ ครับ … เชิญชมกับภาพบรรยากาศของ รถแต่ง ของแต่งรถ และเครื่องเสียงติดรถ ในงาน Motor Show 2019 กันได้เลย

MotorShow-2019-Accessories

มุมเครื่องเสียง

MotorShow-2019-Accessories

มุมเครื่องเสียง

MotorShow-2019-Accessories

หมวกกันน็อค

MotorShow-2019-Accessories

มุม Accessories กว้างขวาง

MotorShow-2019-Accessories

อุปกรณ์ทำความสะอาดรถ

MotorShow-2019-Accessories

โมเดลรถ-รถวิทยุบังคับ

MotorShow-2019-Accessories

แว่นกันแดด

MotorShow-2019-Accessories

ล้อแม็ก

MotorShow-2019-Accessories

กล้องติดหน้ารถยนต์ หลากหลาย

MotorShow-2019-Accessories

Honda NSX ก็มา

MotorShow-2019-Accessories

เครื่องเสียงท้ายรถ Civic Hatchback

MotorShow-2019-Accessories

ตู้ Bass Box ติดตั้งแบบเนียนๆ

MotorShow-2019-Accessories

ความบันเทิง มีครบทุกที่นั่ง

MotorShow-2019-Accessories

มุมทดสอบเครื่องเสียง

MotorShow-2019-Accessories

Drift Taxi Show

Pickup-In-Motorshow-2019

รถกระบะ ถือเป็นรถที่ยอดนิยมอย่างยิ่งของชาวไทยมานานนับหลายสิบปี ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ออพชั่น และกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ และยอดขายยังเป็นปัจจัยที่แสดงให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง เป็นรถสารพัดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ใช้งานได้ทั้งในเมือง ในที่ทุรกันดาร ขนของ ขนสัตว์ ใช้รับจ้างหาเงิน ทำเป็นรถสองแถวก็ได้ หรือใช้งานส่วนตัวก็ดี ฯลฯ

ในงาน Motor Show 2019 นี้ ผู้ผลิตรถกระบะหลายเจ้าอย่าง โตโยต้า, อีซูซุ, นิสสัน, มิตซูบิชิ, ฟอร์ด หรือ เชฟโรเลต ต่างส่งรถกระบะโฉมใหม่ หรือรุ่นพิเศษของตัวเองออกมาเพื่อกระตุ้นตลาด ช่วงชิงยอดจองและยอดขาย โดนใจผู้บริโภคที่อยากเปลี่ยนรถกระบะคันใหม่

โดยในงาน Motor Show 2019 จะมีรถกระบะรุ่นใดที่น่าซื้อนั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันได้เลยครับ …

Toyota Hilux Revo

Toyota-Hilux-Revo-Z-Edition-2019

Toyota Hilux Revo Z Edition (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ แซด อิดิชั่น) มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด กับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ ทั้งในรุ่น Smart Cab และ Double Cab

ซึ่งมาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโดดเด่น เร้าใจด้วยกันชน และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมเพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัย ในการขับขี่ด้วยไฟตัดหมอกหน้า แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรงและประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ให้ความคุ้มค่าในทุกรูปแบบของการใช้งาน

เลือกเป็นเจ้าของ “Hilux Revo Z Edition” ในราคาเพียง 599,000 บาท – 784,000 บาท

และราคาของ Toyota Hilux Revo อยู่ที่ 528,000 – 1,203,000 บาท

Isuzu D-Max “Stealth”

Isuzu-D-Max-Stealth-2019

Isuzu D-Max Stealth (อีซูซุดีแมคซ์ สเทลธ์) ยอดปิกอัพพันธุ์เท่ ที่พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างเหนือชั้น ดุดันทุกองศา ทรงพลังเกินพิกัดกับชุดแต่ง Stealth Black Package เท่ เข้ม สไตล์สปอร์ต ทั้งภายนอกและภายใน

มีให้เลือกครอบคลุมทั้งรุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู พร้อมเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ โดยมีสีให้เลือก ได้แก่ สีดำออสเตรเลียนโคล (Australian Coal Black) และสีขาวมุกเอเวอเรสต์ (Everest Pearl White)

เลือกเป็นเจ้าของ “D-Max Stealth” ในราคาเพียง 887,000 บาท – 1,028,000 บาท

ราคาของ Isuzu D-Max อยู่ที่ 507,000 – 1,109,000 บาท

Nissan Navara

Nissan-Navara-Black-Edition-2019

Nissan Navara Black Edition (นิสสัน นาวารา แบล็ค อิดิชั่น) รุ่นปี 2019 นี้ มาพร้อมกับโทนสีดำ ด้วยชุดแต่งที่ให้ความดุดันรอบคัน นอกจากนี้ยังมีการเลือกใช้สีส้ม มาผสมผสานเพื่อเพิ่มสีสันในส่วนของกันชนไฟหน้า กระจกข้าง และบันไดข้าง รวมไปถึงสติกเกอร์ 3 มิติ ดีไซน์ใหม่ด้วย

และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Around View Monitor (AVM) ที่ช่วยให้สามารถมองเห็นตัวรถและสิ่งรอบข้างผ่านกล้องที่ถูกติดตั้งรอบคัน ซึ่งรวมถึง ระบบเบรค ABS ถุงลมนิรภัย กุญแจรีโมท ปุ่มสตาร์ท และ ช่องแอร์ปรับอากาศด้านหลังอีกด้วย

มาพร้อมเครื่องยนต์ให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ขนาด 2.5 ลิตร รหัส YD25DDTi ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้า ส่วนในรุ่น 4WD รหัส YD25DDTi VGS Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า

ราคาของ Nissan Navara อยู่ที่ 559,500 – 1,096,000 บาท

Mitsubishi Triton

Mitsubishi-Triton-2019

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่เปิดตัวครั้งแรกของโลกในไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “Engineered Beyond Tough” หน้าตาภายนอกใช้ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น และกระจังหน้าแบบ Dynamic Shield มาพร้อมไฟท้ายแบบ LED Tube กับกันชนดีไซน์ใหม่ และลงตัวกับล้อแม็กลาย 6 ก้านคู่ ส่วนออพชั่นภายใน และดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ปรับเปลี่ยนเยอะพอสมควร ช่องแอร์แบบใหม่ ใช้วัสดุภายในดูโดดเด่นขึ้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VG Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด แบบใหม่พร้อม Sport Mode

ราคาของ Mitsubishi Triton อยู่ที่ 524,000 – 1,099,000 บาท

Ford Ranger Raptor

Ford-Ranger-Raptor-2019

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเตอร์ แรพเตอร์) ถูกสร้างมาไม่ซ้ำใคร เพราะนี่คือรถกระบะออฟโรดคันแรกของเอเชีย ที่ตั้งใจสร้างมาแบบไร้ข้อจำกัด สร้างและพัฒนายนตรกรรมออฟโรดทั้งคัน ทำใหม่หมด! ส่งตรงจากโรงงานของฟอร์ด นี่แหละกระบะพันธุ์โหดออฟโรดตัวจริงที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง

โครงสร้างทั้งหมดประกอบไปด้วยเหล็ก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรด เพื่อให้พร้อมรับทุกความโหด และเข้าถึงสมรรถนะขั้นสุด แชสซีส์ถูกปรับโครงสร้างใหม่หมด มาพร้อมโช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ Fox Racing Shox ที่มาพร้อมระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass) และระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และคอยล์โอเวอร์ช็อค ที่เน้นสมรรถนะการขับขี่บนทางออฟโรดเป็นพิเศษ

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร (1,996 ซีซี) Twin Turbo (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift มาพร้อมระบบ Terrain Management System (TMS) สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 แบบ รวมถึงโหมดการขับขี่บาฮาสำหรับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูง

ราคาของ Ford Ranger อยู่ที่ 559,000 – 1,265,000 บาท

ราคาของ Ford Ranger Raptor อยู่ที่ 1,699,000 บาท

Chevrolet Colorado

Chevrolet-Colorado-2019

Chevrolet Colorado (เชฟโรเลต โคโลราโด) เชฟโรเลต ประเทศไทย นำรถกระบะรุ่นเด่นอย่าง Colorado Tornado  Edition สไตล์อเมริกัน 4 ประตู ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา มาโชว์ในงาน Motor Show 2019 โดยมาพร้อมชุดแต่ง ธันเดอร์ ไลท์ เช่น ซุ้มล้อสีดำ, ลายคาดกระบะท้าย และสัญลักษณ์ Colorado เหนือฝากระโปรง เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ราคาของ Chevrolet Colorado อยู่ที่ 599,000 – 1,098,000 บาท

… ถูกใจรุ่นไหน ไปสัมผัสตัวจริงได้ที่งาน Motor Show 2019 กันได้เลยนะครับ …

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Bangkok-Motorshow

ดูแลรถของคุณให้พร้อมเผชิญกับอากาศร้อน

ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ สภาพอากาศในประเทศไทยเรียกว่าร้อนมากๆ ร้อนขนาดที่ว่าต้องร้องขอชีวิต จนต้องหาวิธีดับร้อนให้กับตัวเองกันถ้วนหน้า เเต่นอกจากที่เราต้องทรมานกับอากาศที่ร้อนจัดแล้ว รถยนต์ของเราเองก็ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนแผดเผาแล้ว เครื่องยนต์ของรถเองก็มีส่วนทำให้รถของเรายิ่งทวีคูณความร้อนเข้าไปอีก

เพราะฉะนั้นวันนี้ Carro ได้ทาง rabbit finance มาบอกวิธีดูแลรถยนต์ที่เรารักในช่วงหน้าร้อนมาฝาก จะมีวิธีไหนบ้าง งานนี้ใครที่มีรถละก็ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด!

เผยเทคนิคดูแลรถยนต์ ให้พร้อมเผชิญกับแดดประเทศไทย

หน้าร้อนประเทศไทย เรียกว่าร้อนแบบหาคำมาบรรยายไม่ได้ หลายคนบ่นกันอุบอิบ แต่รถที่แสนรักของเราไม่มีปาก ไม่มีเสียง บ่นไม่ได้ กว่าเราจะรู้ตัวอีกทีรถของเราก็โอเวอร์ฮีทเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีเทคนิคในการดูแลรถสำหรับหน้าร้อนเอาไว้ ดังนี้

อากาศร้อนส่งผลเสียให้กับรถยนต์

1.ติดฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองเเสง ถือเป็นต้วยช่วยหนึ่งที่จะป้องกันแดดในขณะที่ขับรถ หรือแม้แต่ตอนจอดรถด้วยเช่นกัน เพราะฟิล์มติดรถจะช่วยลดความร้อนป้องกันแสงแดด และยังช่วยลดการทำงานของแอร์ได้อีกด้วย

ทั้งนี้เราควรเลือกฟิล์มกรองเเสง ที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสง แต่ก็ไม่ควรสะท้อนแสงมากเกินไป เพราะแสงที่สะท้อนอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถคนอื่นได้ หรือเราก็ไม่ควรเลือกฟิล์มที่มืดจนเกินไป เพราะอาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลงได้

2.ระบบปรับอากาศ

ในช่วงที่อากาศร้อน สิ่งหนึ่งที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษเลยก็คือ ระบบปรับอากาศหรือแอร์ ยิ่งในช่วงหน้าร้อนแบบนี้เราต้องหมั่นเช็กระบบปรับอากาศอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาแอร์ ระบบการทำงานของแอร์มีความผิดปกติหรือไม่

เพราะหากระบบปรับอากาศของคุณมีปัญหาในขณะที่คุณต้องติดอยู่กลางสี่แยกร้อนๆ ละก็ ไม่ไหวแน่ๆ ค่ะ ดังนั้นอย่าลืมเช็กระบบปรับอากาศสม่ำเสมอ หากพบปัญหาหรือสิ่งผิดปกติ แนะนำให้รีบไปให้ช่างในอู่ดูโดยด่วนค่ะ

3.ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์

ส่วนใหญ่แล้วที่รถเกิดอาการโอเวอร์ฮีทขึ้นก็เพราะ สภาพอากาศที่ร้อนจัด และการทำงานของเครื่องยนต์ที่ทำงานหนักเกินไป จนทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการโอเวอร์ฮีทได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องคอยสังเกตและตรวจสอบหม้อน้ำให้ดี เช็กระดับน้ำ

ส่วนเรื่องระบบระบายความร้อน รถยนต์จะต้องมีระบบระบายความร้อนอย่างเช่น พัดลม เพื่อระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ หากคุณไม่มีพัดลม อาจทำให้ความร้อนในเครื่องยนต์ของเราเพิ่มสูงขึ้นได้

เพราะหากคุณไม่ดูแลรักษาระบบระบายความร้อนละก็ รถยนต์ของคุณอาจเกิดโอเวอร์ฮีทขึ้นได้ ซึ่งกว่าเราจะรอเครื่องให้หายเย็น ความร้อนลดลง ก็จะทำให้คุณทั้งเสียเวลา เสียอารมณ์ แถมยังทำให้การจราจรติดขัดได้อีกต่างหาก

 ดูแลรถที่เรารัก ให้เหมาะกับสภาพอากาศ

4.ยางรถยนต์

สำหรับหน้าร้อนแบบนี้ใครที่ใช้ยางอายุมากๆ และยังไม่ได้เปลี่ยนยางใหม่ มีความเสี่ยงที่ยางอาจจะเกิดระเบิดได้ ยิ่งใครที่ต้องขับรถเป็นระยะเวลานาน และมีอุณหภูมิที่สูง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบยาง ลมยางตามเกณฑ์ที่เหมาะสมของยางรถยนต์นั่นเอง

5.เทคนิคอื่นๆ

นอกเหนือจากสิ่งที่เรากล่าวไป ยังมีบางอย่างที่เราต้องดูแลรถเป็นพิเศษในช่วงหน้าร้อน อย่างเช่น การวางพาวเวอร์แบงค์ไว้ในรถ โอกาสที่พาวเวอร์แบงค์จะเกิดระเบิดขึ้นก็มีความเป็นไปได้ ยิ่งในช่วงหน้าร้อนเปอร์เซ็นต์ที่พาวเวอร์แบงค์ระเบิดก็มีมากกว่า เพราะในพาวเวอร์แบงค์(รุ่นเก่าบางรุ่น) มีลิเธียมไอออน ที่มีโอกาสเกิดการลัดวงจร ระเบิด หรือติดไฟจนลุกไหม้ขึ้นได้ หากได้รับความร้อนที่สูงมาก

นอกจากนี้เวลาจอดรถ ถ้าเราได้จอดรถในที่ร่มก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ แต่ถ้าต้องจอดรถในที่แจ้ง แนะนำว่าให้หาที่ร่มเท่าที่จะทำได้ ร่มไม้ก็ยังดีค่ะ อย่างน้อยรถของเราจะได้ไม่รับแดดแบบเต็มๆ หรือถ้าเลี่ยงแดดไม่ได้จริงๆ ผ้าคลุมรถก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่น่าสนใจค่ะ

ในเมื่อเราไม่สามารถเอาตัวไปบังพระอาทิตย์ไม่ให้ส่องมาโดนรถของเรา หรือวิธีทำให้ประเทศไทยอากาศเย็นขึ้นเพื่อเป็นผลดีต่อรถยนต์ของเรา ทางที่ดีที่สุดคือการดูแลรถยนต์ของตัวเองในช่วงหน้าร้อนให้ถูกหลักนั่นเอง หรือใครที่คิดว่าเราคนเดียวดูแลรถไม่ไหวละก็ ให้ประกันรถจาก rabbit finance ช่วยดูแลได้เช่นกันค่ะ หากใครสนใจอยากมีประกันรถยนต์สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่นี่ https://rabbitfinance.com/car-insurance

 

4 เหตุผลที่รถมือสอง เหมาะกับประกันชั้น 2+

สำหรับใครที่ซื้อรถมือสองมาครอบครองแล้ว นอกเหนือจากการมีประกันภาคบังคับพ.ร.บ.รถยนต์ไว้ดูแลชีวิต ค่ารักษาพยาบาลแล้ว การซื้อประกันรถยนต์ หรือประกันภาคสมัครใจก็เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันกรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน รถหาย หรือรถไฟไหม้ หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าที่มาพร้อมกับเบี้ยที่ไม่แพง ไม่แรงเกินไป อยากให้คนใช้รถมือสองลองพิจารณาประกัน 2 พลัส กับเหตุผลดี ๆ ที่นำมาเล่าตามนี้

 

1. เบี้ยประหยัด ราคาไม่แพง ดีต่อใจคนใช้รถมือสอง

หากคุณต้องการประหยัดเงิน และไม่อยากใช้งบเยอะ ประกันชั้น 2+ เป็นอะไรที่ดีต่อใจจริง ๆ เนื่องจากมีเบี้ยประหยัดกว่าประกันชั้น 1 ประมาณครึ่งนึง อย่างไรก็ดีการคำนวณเบี้ยกัน มาจากหลายตัวแปร เช่น

  • ทุนประกันรถที่ควรเลือกตามความต้องการของเราได้ตั้งแต่ 100,000 บาทเป็นต้น เมื่อทุนประกันต่างกันค่าเบี้ยประกันก็ต่างกันด้วย
  • ส่วนลดเบี้ยประกันต่าง ๆ เช่น ประวัติการขับขี่ดีในปีที่ผ่านมา, การเลือกมีค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ก็ช่วยประหยัดเบี้ยได้เป็นอย่างดี
  • ส่วนลดกล้องติดรถยนต์ก็ทำให้ได้ราคาเบี้ยประกันที่ถูกลงด้วยประมาณ 5-10% จากราคาเบี้ยสุทธิตามประกาศของ คปภ. แนะนำให้ลองพูดคุยขอส่วนลดกับบริษัทฯ ประกันหรือโบรกเกอร์ที่คุณกำลังจะซื้อประกันรถยนต์จะดีที่สุด

ประกันชั้น 2+ จึงเหมาะกับรถมือสองที่มี 4 ปีขึ้นไปที่ต้องการความคุ้มครองเทียบเท่าประกันชั้น 1 แต่ไม่อยากจ่ายเบี้ยแพง ประกันชั้น 2+ คือทางเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ

 

2. คุ้มครองคุ้มค่า ดูแลอุบัติเหตุ

ถ้าคุณกำลังมองหาตัวช่วยในการประหยัดเบี้ยประกัน ประกันชั้น 2+ สามารถตอบโจทย์คุณได้เพราะประกันชั้น 2+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 2 พลัส ยังออกแบบมาเพื่อดูแลอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนของรถชนรถตามทุนประกันที่เลือกไว้ (เพียงแต่ประกันชั้น 2+ ไม่คุ้มครองดูแลเหตุรถชนสิ่งอื่นที่ไม่ใช่รถ  เช่น ชนเสาไฟฟ้า ชนรั้วบ้าน หรือไปครูดฟุตบาท หรือเคสอุบัติเหตุที่ไม่สามารถระบุคู่กรณี จะต้องจ่ายค่าซ่อมเอง)

 

3. ประกันชั้น 2+ ช่วยดูแลเหตุรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ

อย่างที่บอกว่าประกันชั้น 2 พลัสมีความคุ้มครองที่เหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 นอกเหนือจากดูแลเหตุรถชนรถประกันชั้น 2+ ยังช่วยดูแลเหตุรถหาย ให้ความคุ้มครองตามทุนประกันที่ได้เลือกไว้เช่นเดียวกัน และกรณีรถไฟไหม้อีกด้วย ซึ่งจะดูแลตามทุนประกันล่ะ

นอกจากดูแลถยนต์สูญหาย, รถยนต์ไฟไหม้ ประกัน 2+ ยังคุ้มครองเหตุอื่น ๆ เช่น รถยนต์น้ำท่วม,  ผลกระทบจากภัยก่อการร้ายอุบัติเหตุส่วนบุคคลของคนขับและผู้โดยสาร รวมทั้งรักษาพยาบาลผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ หรือสูญเสียชีวิตที่เกินจากความคุ้มครองของพ.ร.บ.รถยนต์ ตามด้วยการรักษาแบบต่อเนื่องที่ต้องใช้ระยะเวลา ฯลฯ เห็นไหมว่า ประกันชั้น 2+ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนขับรถมือสอง

 

4. เพราะประกันชั้น 2+ ช่วยจ่ายความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ

กรมธรรม์ประกันชั้น 2+ นอกจากช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถของคู่กรณี (ยานพาหนะทางบก) ยังช่วยจ่ายช่วยเหลือกรณีอุบัติเหตุนั้น ๆ ทำให้ทรัพย์สินเสียหายตามทุนประกันที่เลือกไว้ เพื่อแบ่งเบาภาระเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เริ่มสนใจประกันชั้น 2+ เนื้อคู่ของรถมือสองบ้างหรือยัง ? เช็กเบี้ยที่ใช่กับ frank.co.th ได้นะ

ขอบคุณข้อมูลจาก Frank “ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ”

Motorshow-2019-Car

“Motor Show 2019 (มอเตอร์โชว์ 2019)” หรือ The 40th Bangkok International Motor Show 2019 ภายใต้แนวคิด “สุนทรีย์ภาพทางอารมณ์” หรือ “Enjoyment of Automobiles” พร้อมนำรถรุ่นใหม่ล่าสุด รวมทั้งรุ่นยอดนิยม มาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่เช่นเคย โดยงานมอเตอร์โชว์ 2019 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2562 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

CARRO ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2019 โดยบริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มากมาย CARRO ขอแนะนำให้ทุกท่านรูปร่างหน้าตา ของแต่ละรุ่นให้ชมกันครับ …

ในส่วนของรถไฟฟ้า ปีนี้เราได้แยกออกมาเป็นกลุ่มใหม่ สามารถดูรายละเอียดได้ใน Link นี้ครับ – https://th.carro.co/blog/electric-cars-in-motorshow/

เชิญพบกับรถยนต์ที่ร่วมงานจำนวนมากถึง 33 แบรนด์ หลากหลายประเทศ และรถจักรยานยนต์อีก 16 แบรนด์

ทาง CARRO อยากให้คนรักรถทุกท่าน หาโอกาสไปเดินเที่ยวกันจริงๆ ครับ … เชิญชมกับภาพบรรยากาศภายในงาน Motor Show 2019 กันได้เลย

Toyota-GR-Supra

Toyota GR Supra

Toyota-Commuter-2019

Toyota Commuter

Lexus-UX-250h-2019

Lexus UX

Honda-Accord-2019

Honda Accord

Mitsubishi-Xpander

Mitsubishi Xpander

Mitsubishi-e-Evolution-Concept

Mitsubishi e-Evolution Concept

Nissan-GT-R

Nissan GT-R

Mazda-KAI-Concept

Mazda KAI Concept

McLaren-720S-Spider

McLaren 720S Spider

Aston-Martin-DBS-Superleggera

Aston Martin DBS Superleggera

Aston-Martin-Valkyrie

Aston Martin Valkyrie

Maserati-Quattroporte-2019

Maserati Quattroporte

Mini-Cooper-S-60-Years-Edition

Mini Cooper S 60 Years Edition

Lamborghini-Huracan-EVO

Lamborghini Huracan EVO

Audi-Q8

Audi Q8

Mercedes-Benz-S-560-e-2019

Mercedes-Benz S 560 e

Porsche-911-Carrera-S-2019

Porsche 911 Carrera S

Bentley-Continental-GT-Convertible

Bentley Continental GT Convertible

ขอขอบคุณภาพจาก Bangkok-Motorshow

Find-Noises-In-Your-Car-Part-2

มาหาเสียง (ในรถยนต์) ช่วงโค้งสุดท้าย กันต่อดีกว่าครับ!

ช่วงนี้ก็เรียกได้ว่า น่าจะเป็นสัปดาห์ของการหาเสียง (ในรถยนต์) ช่วงโค้งสุดท้ายแล้วครับ เพราะเดือนหน้าเราก็ต้องเตรียมพร้อมรถยนต์ สำหรับใช้ในการเดินทางช่วงหยุดยาว หรือในช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้วล่ะครับ

หาเสียงในรถยนต์ ยิ่งหาเจอได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะ “เสียง” ที่ว่านี้ อาจจะทำให้รถคุณพังกลางทาง หรือเสียเงินซ่อมกันบานปลายเลยก็ได้ ไปอ่านกันต่อครับ …

Differential

1. เสียงหอน (ที่ไม่ใช่คืนหมาหอน)

เสียงหอน … บางทีขับรถไปแล้ว มีเสียงหอนดังออกมาจากเพลาขับ หรือเฟืองท้าย ยิ่งขับเร็วเสียงยิ่งดัง อาจจะมาจากลูกปีนล้อแตก หรือเพลากลาง เพลาขับมีปัญหา และเฟืองท้ายมีปัญหา ต้องไล่สาเหตุดูเป็นจุดๆ ไป ถ้าต้นเสียงเกิดที่ด้านหน้ารถ ก็สันนิษฐานว่าเป็นที่ลูกปืนท้ายเกียร์ หรือเป็นที่ลูกปืนเพลากลาง ที่เรียกกันว่า “ยอย” หรือ “กากบาทเพลากลาง”

แต่ถ้ามาจากด้านท้าย ให้ถอดเฟืองท้ายออกมาเช็ก ว่ามาจากเฟืองเดือยหมู, เฟืองบายสี, เฟืองดอกจอก และเฟืองข้าง ทีเดียวไปเลย ถ้ามีเสียงหอน ลองปรับตั้งระยะห่างของเฟืองท้ายทั้ง 2 ใหม่ ให้ชิดเข้าไป ตรวจสอบการรั่วซึมของซีล ประเก็น ถ้าหมดสภาพก็เปลี่ยนใหม่ ก่อนจะเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายใหม่ ถ้าลูกปืนหน้าเฟืองท้ายชำรุด ก็จัดการเปลี่ยนลูกปืนใหม่ซะ

Toyota-Steering-Wheel

2. กุกๆ กักๆ ที่คอพวงมาลัย

กุกๆ กักๆ ที่คอพวงมาลัย … เสียงดังกึกกักที่คอพวงมาลัย อาจมาจากลูกปืนคอพวงมาลัยแตก ตัวรองแกนพวงมาลัยแตก หรือจารบีลูกปีนแห้ง ทางที่ดีตรวจเช็กลูกปีน, ตัวรองแกนพวงมาลัย หรืออัดจารบีตลับลูกปืนใหม่ แม้ว่าช่วงแรกจะไม่มีผลอะไร นอกจากเกิดความรำคาญเวลาหมุนพวงมาลัย แต่อาจจะกลายเป็นเสียมากขึ้น จนพวงมาลัยรถควบคุมรถไม่ได้ก็เป็นไปได้

Manual-Transmission

3. เปลี่ยนเกียร์แล้วมีเสียงดัง

เปลี่ยนเกียร์แล้วมีเสียงดัง … เสียงดังที่เกิดจากตัวเกียร์ เกิดจากนอกห้องเกียร์ เป็นเสียงแตกเสียงคราง หรือเสียงหอน ลองตรวจลูกปีนเกียร์ และเช็กน้ำมันเกียร์ ว่าเปลี่ยนถ่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูสภาพสีของน้ำมันเกียร์ ตรวจดูว่ายังมีน้ำมันเกียร์อยู่เต็มหรือไม่ เพราะมันอาจจะรั่วซึมหายไป เมื่อชุดเฟืองเกียร์กระทบกัน เสียงโลหะกระทบกัน มันก็ต้องมีเสียงดัง ต้องรีบซ่อมแซม ไม่อย่างนั้นจะได้เปลี่ยนเกียร์ใหม่ทั้งลูก …

อีกกรณีหนึ่ง อาจจะเกิดขึ้นได้จากการเหยียบคลัทช์ไม่สุดแล้วเข้าเกียร์ หรือการใส่เกียร์ไม่ตรงตำแหน่งเกียร์ (ในรถเกียร์ธรรมดา) ครับ

Tire-Setting

4. เวลาเลี้ยว เสียงดังจากยาง

เวลาเลี้ยว เสียงดังจากยาง … เวลาเลี้ยวรถแล้วเกิดเสียงดังเอี๊ยดๆ จากยาง มักได้ยินบ่อยๆ เวลาไปจอดรถบนพื้นผิวค่อนข้างลื่น อาจเกิดจากเนื้อยางเสื่อมสภาพ หรือถ้าหากยางยังดี อาจเกิดจากช่วงล่างหลวมก็เป็นไปได้

Catalytic-Converter

5. หลังดับเครื่อง

หลังดับเครื่อง … หลังจากดับเครื่องรถยนต์แล้ว คุณอาจได้ยินเสียงก๊องแก๊ง มาจากใต้ท้องรถ นั่นเป็นเสียงการทำงานของ Catalytic Converter ในระบบท่อไอเสีย ซึ่งเป็นเสียงการทำงานปกติอยู่แล้ว เสียงดังกล่าวอาจดังนานกว่าปกติ หากใช้รถด้วยความเร็วสูง หรือใช้เครื่องยนต์รอบจัดเป็นระยะเวลานาน แต่เสียงนี้ ไม่ได้เป็นความผิดปกติอันใดครับ …

เมื่อรับทราบอาการดังกล่าวได้แล้ว ว่ามาจากสาเหตุไหน อย่าลืมเอารถไปเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถ ให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจดูให้แน่ชัด แล้วเตรียมเสียเงินไว้ด้วย แต่ถ้าเสียงบางอย่างไม่มีผลใดๆ ต่อตัวรถ คุณก็สบายใจได้ …

ถ้าคุณตัดสินใจอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Electric-Cars-In-Motorshow

งาน Bangkok International Motor Show 2019 (มอเตอร์โชว์ 2019) ที่เริ่มต้นขึ้น ช่วงระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2562 นี้ยังมาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้ามากมาย ที่รอให้คุณเป็นเจ้าของกันอยู่

MR.CARRO ขอพาทุกท่านไปชมกันครับ ว่าในงานจะมีรายละเอียดของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเด็ดๆ โดนใจ ทั้งโชว์และขาย ทั้ง 8 รุ่นจะมีรายละเอียดอะไรกันบ้าง …

FOMM One

FOMM-One-2019

FOMM One (ฟอมม์ วัน) เป็นรถไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมาก จดทะเบียนได้ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In-wheel ขนาด 5 kW จำนวน 2 ตัว ให้แรงบิดรวมสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร สามารถชาร์จไฟจนเต็ม (0-100%) ในเวลา 6 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 160 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 80 กม./ชม. เลยทีเดียว

โดย FOMM One วางจำหน่ายผ่าน บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม จำกัด ในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีกำหนดส่งมอบให้ผู้สั่งซื้อช่วงต้นปี 2562 สนนราคาเริ่มอยู่ที่ 664,000 บาท

MINE SPA1

MINE-SPA1-2019

MINE SPA1 (ไมน์ สปา1) รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสัญชาติไทย แบบ MPV ขนาด 5 ที่นั่ง ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับได้เป็นระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง ซึ่งรายละเอียดและราคา (ประมาณ 1,XXX,XXX บาท) คงต้องรอในงาน Motor Show 2019 อีกครั้ง

Nissan Leaf

Nissan-Leaf-2019

Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) “Simply Amazing” เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “100%” และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” และถือเป็นรถค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรก ที่กระโดดลงมาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างจริงจัง แม้ว่าราคาของตัวรถจะยังสูงอยู่ก็ตาม

Nissan Leaf ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที รองรับการขับขี่เป็นระยะทาง 311 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที ในราคา 1,990,000 บาท!

MG eZS

MG-eZS-2019

MG eZS (เอ็มจี อีแซดเอส) รถต้นแบบของรถยนต์ Crossover SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มาโชว์ในงาน Motor Show 2019 หลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในงานกวางโจว ออโต้โชว์ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ในฐานะยนตรกรรมที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานทางเลือกใหม่ “NetGreen” ของ SAIC

ที่นอกจากจะโดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) และวิ่งได้ไกลถึง 428 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (หรือ 335 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC) แล้ว ยังมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบฉบับรถยนต์ SUV และการติดตั้งระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะในรถยนต์ ซึ่ง MG มีแผนจะขายในไทยปีนี้

Jaguar I-Pace

Jaguar-i-Pace-2019

Jaguar I-Pace (จากัวร์ ไอ-เพซ) รถ Crossover แบบไฟฟ้าล้วน (BEV) 5 ที่นั่ง รุ่นแรกของ Jaguar มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 394 แรงม้าเลยทีเดียว ซึ่งภายในห้องโดยสาร ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราสไตล์ Jaguar อยู่เช่นเคย โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 5,499,000 บาท สำหรับรุ่น S

Audi e-tron

Audi-e-tron-2019

Audi e-tron 55 quattro (อาวดี้ อี-ทรอน 55 ควอทโทร) เป็นรถแบรนด์หรูเจ้าแรกในไทยที่ลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยการประเดิมส่ง Audi e-tron 55 quattro ใหม่ จับกลุ่มผู้ชื่นชอบความล้ำสมัย พร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Audi

ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 266 กิโลวัตต์ หรือ 360 แรงม้า และเพิ่มขึ้นเป็น 408 แรงม้า ในบูสต์โหมดแรงบิดสูงสุด 561 นิวตันเมตร และเพิ่มขึ้นเป็น 664 นิวตันเมตร ในบูสต์โหมด ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.6 วินาที และ 5.7 วินาทีในบูสต์โหมด และทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม. ส่วนแบตเตอรี่สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางกว่า 417 กิโลเมตร ในราคา 5,099,000 บาท!

Hyundai Ioniq Electric

Hyundai-Ioniq-Electric-2019

Hyundai Ioniq Electric (ฮุนได ไอออนิค อิเล็คทริค) รถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งเดียวจากค่ายรถเกาหลีในตอนนี้ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion Polymer (LiPo) ความจุ 28 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9.9 วินาที (โหมด Sport) และ 10.2 วินาที (โหมดปกติ) ทำความเร็วสูงสุดได้ 165 กม./ชม.

ระบบชาร์จไฟของ Ioniq Electric สามารถชาร์จได้ 3 แบบ ได้แก่ 1. แบบทริคเคิ้ล (เต้าเสียบบ้าน) กำลังไฟ 2.3 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จไฟจนเต็ม 12 ชั่วโมง 2. แบบธรรมดา (Wall Box) กำลังไฟ 6.6 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 4 ชั่วโมง 25 นาที และ 3. แบบชาร์จเร็ว (สถานีชาร์จเร็ว) กำลังไฟสูงสุด 100 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจนถึงระดับ 80% ในเวลา 23 นาที สามารถเคลื่อนที่ได้เป็นระยะทาง 280 กม. ต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้งตามมาตรฐาน NEDC

Hyundai Kona Electric

Hyundai-Kona-Electric

Hyundai KONA Electric (ฮุนได โคน่า อิเล็คทริค) รถยนต์ไฟฟ้าสายพันธุ์ SUV ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวกว่าใคร ใช้แบตเตอรี่ที่ให้พลังงานยาว 64 กิโลวัตต์ชั่วโมง พุ่งทะยานด้วยแรงบิด 395 นิวตัน-เมตร แรงม้าสูงสุด 204 แรงม้า มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.6 วินาที และวิ่งไปได้ไกลสูงสุดถึง 482 กม. (มาตรฐาน WLTP) 

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ในราคา 1,849,000 บาท และ 2,259,000 บาท

ขอขอบคุณภาพจาก Bangkok-Motorshow

Find-Noises-In-Your-Car-Part-1

หาเสียง (ในรถยนต์) กุกๆ กักๆ …. คุณรำคาญมากน้อยแค่ไหน? เวลาขับรถ

ช่วงนี้ บรรยากาศทางการเมืองในบ้านเรา กำลังร้อนแรง ต่างฝ่ายต่างออกมาหาเสียงกันเป็นแถว บางคนก็มาตามมารยาทสากล ตามข้อเท็จจริง แต่บางพรรคบางพวก ก็เล่นด้วยวิธีเดิมๆ บอกว่าจะทำนู่นทำนี่ได้สารพัดบ้างล่ะ โจมตีฝ่ายตรงข้าม เตะสกัด สาดโคลน แบบเดิมๆ ก็มีไม่เคยเปลี่ยน …

แต่นั่นมันเป็นการหาเสียงทางการเมือง! ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงการหาเสียง (ในรถยนต์) ต่างหาก!

หาเสียงในที่นี้ ยิ่งหากคุณหาเจอได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะเป็นผลดีสำหรับคุณมากขึ้นเท่านั้น เพราะ “เสียง” ที่ว่านี้ อาจจะทำให้รถคุณพังกลางทาง หรือเสียเงินซ่อมกันบานปลายเลยก็ได้ …

Find-Noises-In-Your-Car

เสียงที่เกิดจากรถยนต์ ไม่ว่าจะมาจากเครื่องยนต์ หรือระบบอะไรก็แล้วแต่ เป็นความผิดปกติได้ทั้งนั้น บางเสียงก็อาจจะเป็นเรื่องปกติของการทำงานในตัวรถเอง หรือบางเสียง ก็อาจจะเกิดจากความไว (ของหู) ในแต่ละคน ที่ได้ยิน รับรู้ ไม่เหมือนกัน

เสียงจากเครื่องยนต์ เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยาก หากเป็นช่างซ่อมรถที่เจนจัดกับการซ่อมรถมานักต่อนัก มักหาที่มาของเสียงได้ไม่ยาก จะด้วยการฟังหูเปล่า หรือฟังด้วยเครื่องฟัง ที่คล้ายๆ หูฟังของหมอนั่นล่ะครับ เริ่มต้นตั้งแต่ …

Start-Button

1. สตาร์ทรถ

สตาร์ทรถ … หากสตาร์ทรถแล้วมีเสียงดังเอี๊ยดๆ สีกัน ภายในห้องเครื่อง เมื่อคุณเร่งความเร็วรอบเครื่องยนต์ขึ้น เสียงจะลดระดับเบาลงไป แต่ก็ยังมีอยู่จนเครื่องร้อนได้ที่ แล้วถึงจะเงียบไป

อาการแบบนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากสายพานต่างๆ หรือตัวดันสายพาน ลูกรอกสายพาน ที่หมดอายุการใช้งาน เสียหาย หรือเสื่อมสภาพ

Air-Condition

2. เปิดแอร์

เปิดแอร์ … เมื่อสตาร์ทรถได้สักพัก พอเปิดแอร์แล้วได้ยินเสียงดังแกรกๆ อาการแบบนี้ ก็คาดไว้ก่อนเลยว่า น่าจะมาจากคอมเพรสเซอร์แอร์, ลูกรอกแอร์ หน้าคลัทช์คอมแอร์ หรือสายพานแอร์ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

Brake

3. เหยียบเบรก

เหยียบเบรก … เมื่อเหยียบเบรกไปแล้ว ไม่ว่าจะเหยียบเบาหรือแรง มีเสียงดังวิ้งๆ หรือครืดๆ ให้ก้มดูจานเบรกที่ล้อ ดูผ้าเบรกเป็นอันดับแรก เพราะผ้าเบรกหมด จนขูดจานเบรกเป็นรอย แล้วดูว่าจานเบรกนั้น มีรอยขูดหนาบางแค่ไหน เตรียมเสียเงินเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ได้

หรือถ้าจานเบรกมีรอยเส้นหนักๆ หน่อย ก็อาจจะต้องเจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนจานเบรกใหม่

Rack-Steering-Wheel

4. เลี้ยวซ้ายสุด-ขวาสุด มีเสียงดัง

เลี้ยวซ้ายสุด-ขวาสุด มีเสียงดัง … ลองตรวจเช็กดูช่วงล่าง ตั้งแต่ แร็คพวงมาลัย ยางหุ้มเพลา ลูกหมากปีกนก คันชักคันส่ง ฯลฯ เพราะมันอาจหมดอายุการใช้งาน เสียหายจากการกระแทกบ่อยๆ หรือหัวเพลาหลวม หัวเพลาแตก!

และก็เป็นไปได้ ที่ตัวปั้มพวงมาลัยเพาเวอร์ รั่วหรือแรงไม่พอ ลองดูว่ามีน้ำมันเพาเวอร์รั่วซึมหรือไม่

Rubber-Speed-Humps

5. วิ่งผ่านเนินลูกระนาด … หน้าเด้ง ท้ายเด้ง!

วิ่งผ่านเนินลูกระนาด … หน้าเด้ง ท้ายเด้ง! … อาการนี้ดูโช๊คอัพได้เลย เพราะไม่มีความหนืด ในการดูดซับแรงกระแทกอีกแล้ว หากอาการไม่หนักก็ซ่อม อัดน้ำมันเข้าไปใหม่ แต่ถ้าทำไปใช้งานได้สักพัก มันรั่วอีก ก็ลงทุนเปลี่ยนใหม่จะดีกว่า

วิธีเช็ก ใช้ไฟฉายส่องเข้าไปที่ซุ้มล้อ ตรวจดูว่ามีน้ำมันซึมออกมาจากกระบอกโช๊คอัพหรือไม่ แล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองมือ กดลงไปบริเวณด้านที่มีโช๊คอัพเหนือล้อ ถ้าหนืด กดแล้วจะนิ่ง ไม่ยุบง่ายๆ แต่ถ้าโช๊คอัพหมดสภาพแล้ว กดแล้วปล่อยมือ รถยังเด้งดึ๋งต่อเลย!

เมื่อรับทราบอาการดังกล่าวได้แล้ว ว่ามาจากสาเหตุไหน ทางที่ดี คุณควรขับรถเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถ ให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจดูให้แน่ชัด แล้วเตรียมเสียเงินไว้ด้วยเทอญ …

ถ้าคุณตัดสินใจอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Choose-Car-For-Your-Life

เลือกสีรถ ตรงกับวันเดือนปีเกิดคุณ ถูกโฉลก ถูกใจ ขับแล้วรุ่ง ขับแล้วรวย

ในปี 2562 นี้ อาจจะเป็นที่หลายๆ คน เจอทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องมรสุม ซึ่งบางคนอาจจะเชื่อในเรื่องของโชคชะตา อาจจะคิดว่าสิ่งของบางอย่าง ส่งผลในเรื่องของโชคชะตาของเราได้

หลายคนคงกำลังมองหาของขวัญชิ้นใหญ่อย่าง “รถยนต์” ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือจะเป็นรถมือสองก็ตาม ซึ่งบางคนก็อาจจะคิดแล้วล่ะว่า จะเลือกสีรถที่ถูกโฉลก ด้วยสีอะไรดี?

ตามความเชื่อของคนไทย ที่ชื่นชอบสีรถเป็นที่มงคลกับวันเกิดของตัวเอง MR.CARRO จึงขอนำเสนอข้อมูลสำหรับการเลือกรถสีไหน ให้ถูกโฉลกกับ วัน เดือน ปีเกิด ของคุณ!

Choose-Car-For-Your-Life

วันอาทิตย์ สีรถถูกโฉลก คือ

แดง ม่วงเปลือกมังคุด – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
ขาว ครีม ดำ – ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
เขียว บรอนซ์ เทา ทอง – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

วันจันทร์ สีรถถูกโฉลก คือ

เขียว – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
ส้ม เหลืองแก่ ดำ ฟ้า – ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
น้ำเงิน ทอง ชมพู ม่วงเปลือกมังคุด – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

วันอังคาร สีรถถูกโฉลก คือ

ดำ – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
ม่วงแก่ ทอง แสด น้ำตาล – ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
บรอนซ์ เทา แดง ชมพู เขียว – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

วันพุธ (กลางวัน) สีรถถูกโฉลก คือ

น้ำเงิน ฟ้า ทอง ม่วงแก่ น้ำตาล – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
เทา บรอนซ์ ม่วงแก่ – ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
ขาว ดำ เขียว เหลืองอ่อน – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

วันพุธ (กลางคืน) สีรถถูกโฉลก คือ

แดง น้ำตาล – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
ดำ เทา บรอนซ์ น้ำตาล – ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
ชมพู ม่วงแก่ น้ำเงิน ฟ้า – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

วันพฤหัสบดี สีรถถูกโฉลก คือ

ฟ้า – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
แดง ส้ม ทอง – ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
ขาว เขียว บรอนซ์ เทา – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

วันศุกร์ สีรถถูกโฉลก คือ

น้ำตาล – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
แดง ทอง ชมพู ฟ้า น้ำเงิน- ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
เขียว ดำ เหลือง – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

วันเสาร์ สีรถถูกโฉลก คือ

เทา บรอนซ์ – ส่งเสริมอำนาจ วาสนา
น้ำเงิน ฟ้า ดำ ม่วงแก่ – ส่งเสริมโชคลาภ เงินทอง
แดง ชมพู ทอง เหลือง – มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

สำหรับสีรถต้องห้าม หรือสีรถที่เป็นกาลกิณี สำหรับคนที่เกิดวันต่างๆ มีดังต่อไปนี้

คนที่เกิดวันอาทิตย์ สีรถต้องห้ามคือ สีฟ้า น้ำเงิน
คนที่เกิดวันจันทร์ สีรถต้องห้ามคือ สีแดง
คนที่เกิดวันอังคาร สีรถต้องห้ามคือ สีขาว สีครีม
คนที่เกิดวันพุธ (กลางวัน) สีรถต้องห้ามคือ สีชมพู สีแสด
คนที่เกิดวันพุธ (กลางคืน) สีรถต้องห้ามคือ สีส้ม สีทอง
คนที่เกิดวันพฤหัสบดี สีรถต้องห้ามคือ สีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน
คนที่เกิดวันศุกร์ สีรถต้องห้ามคือ สีเทา สีบรอนซ์ สีม่วง
คนที่เกิดวันเสาร์ สีรถต้องห้ามคือ สีเขียว สีแสด

แต่การเลือกสีรถที่ถูกใจคุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถสีไหนก็ตาม การขับรถด้วยความปลอดภัย มีน้ำใจแก่เพื่อนร่วมท้องถนน ก็ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับการใช้รถในถนน นะครับ …

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ

5 วิธีขายรถง่ายๆ สำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ

ถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว เผอิญว่าปีนี้ดันมีไวรัส Covid-19 (โควิด-19) ที่กำลังระบาดไปในทั่วโลก เลยทำให้การพบปะสังสรรค์ หรือการต้องออกไปเจอผู้คนนั้น ต้องปรับตัวไปในรูปแบบ Social Distrancing ซึ่งสอดคล้องกับความเป็น New Normal วิถีชีวิตใหม่ ที่ต้องเว้นระยะห่างกันไปสักพัก

แต่คุณผู้หญิงหลายคน ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะหาทางปล่อยรถคันเดิมออกไปในช่วงนี้ แล้วเป็นหนี้ก้อนใหม่ ด้วยการซื้อรถใหม่ป้ายแดง แม้ว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ก็ตาม

แต่การที่จะขายรถคันเดิมออกไปนั้น หลายคนอาจต้องถามกับตัวเองว่าอยากขายรถที่ไหนดี ขายรถได้ราคาสูง หรือขายรถคันเดิมออกได้อย่างรวดเร็ว หรือการต้องต่อรองราคากับผู้เสนอราคารถในเศรษฐกิจแบบนี้ ซึ่งอาจต้องขายเทิร์นไปในราคาถูกๆ เพราะตอนนี้คนซื้อย่อมได้เปรียบมากกว่าคนขายเสมอ รวมไปถึงสภาพรถ ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน

CARRO ขอแนะนำ 5 วิธีขายรถง่ายๆ สำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ ครับ

5-Ways-For-Women-Sell-Car

1. เวลาลงขาย ไม่ต้องบอกก็ได้ว่า “รถผู้หญิงใช้”

เคยสังเกตตามโฆษณาขายรถในเว็บไซต์ หรือตามกลุ่มใน Facebook ไหมครับว่า? ผู้ขายหลายคนมักจะมีคำว่า “รถผู้หญิงใช้” ประกอบอยู่ ซึ่งผู้หญิงใช้ ซึ่งเป็นวิธีของผู้ขายรถ อยากให้คนเข้าใจว่า รถใช้น้อย เพียงแค่เอาไว้ใช้รับส่งลูกที่โรงเรียน เอาไว้จ่ายตลาด ซื้อกับข้าว เข้าศูนย์บริการตลอด ประมาณนั้น

แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ไม่สนใจในจุดนี้ ร้อยทั้งร้อย สนใจสภาพรถมากกว่า เพราะรถผู้หญิงใช้ (หรือรถผู้ชายใช้ก็ตาม) หลายคันใช้รถแบบ ขับ กับเติมน้ำมันแค่นั้น สภาพโทรมทั้งตัวรถทั้งเครื่องยนต์ หรือภายในเบาะขาดเละเทะก็มี ขับเบียดขับชน เห็นหลุมอะไรก็วิ่งลงไป จนช่วงล่างเยิน น้ำมันเครื่องแห้งก็มี … ถ้าเป็นไปได้ ดูแลรถให้ดีก่อนขายดีกว่าครับ

5-Ways-For-Women-Sell-Car

2. ราคาขายอย่าเว่อร์

ราคารถที่คุณจะขาย คุณควรลองศึกษาดูก่อนว่า รถที่คุณใช้ ในตลาดตอนนี้ขายกันอยู่เท่าไหร่? หลักการตั้งราคารถ มันก็ขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อ รุ่น ปี ของรถ ถ้าหากเป็นรถยี่ห้อ-รุ่นยอดนิยมหน่อย ราคามือสองก็จะสูงหน่อย ก็ตั้งราคาขายเผื่อคนต่อไว้ได้ กรณีที่ไม่ได้รีบร้อนอะไร …

แต่ถ้าเป็นรถรักเจ้าของ ยี่ห้อ-รุ่นแบรนด์ที่คนไม่เล่นกัน เครื่องชอบพัง เกียร์ชอบเสีย อะไรเนี่ย ก็ลองตั้งราคาขายถูกกว่าในท้องตลาดหน่อยละกัน เผื่อจะมีเนื้อคู่มาสนใจ เพราะเก็บไว้นาน ก็เป็นภาระเปล่าๆ ในกรณีที่ “ใจ” คุณอยากจะออกรถใหม่ไวๆ แล้ว

5-Ways-For-Women-Sell-Car

3. ขายรถผ่านเพื่อนหรือคนรู้จัก

คนซื้อรถมือสองทั้งหมดนั่นล่ะ เขาก็อยากได้ประวัติการดูแลรักษารถยนต์ที่ดี (เช่น มี Book Service เช็คประวัติรายละเอียดต่างๆ ของรถคันนั้น ว่าทำอะไรบ้างจากศูนย์บริการ) ซึ่งการซื้อรถผ่านเพื่อนหรือคนรู้จักนี่ล่ะ อย่างน้อยก็ทำให้มั่นใจได้ว่า เรารู้จักเจ้าของรถคนเดิมอยู่ รู้ว่าเขาใช้รถมานานเท่าไหร่ เวลามีปัญหาอะไรก็พอสอบถามได้

ดังนั้น ถ้าคุณมีเพื่อนหรือคนรู้จัก สนใจรถคุณอยู่ ก็ลองเสนอเขาดูนะ …

5-Ways-For-Women-Sell-Car

4. เอกสารต้องครบ

ก่อนที่คุณจะขายรถ ควรจะเตรียมเอกสารไว้ให้ครบๆ ไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง พวกสัญญาซื้อ-ขาย สำเนาบัตรประชาชน ต้องขีดคร่อม ระบุวันที่ พร้อมเขียนกำกับไว้ว่าทำอะไร และชุดโอนรถ เป็นต้น ถ้าขายรถตามสภาพ ก็เขียนลงไปในสัญญาซื้อขายไปเลยว่า “รถขายตามสภาพ”

เวลาขายรถไปแล้ว จะได้ไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง

5-Ways-For-Women-Sell-Car

5. เอาง่ายๆ ก็มาขายรถที่ CARRO สิ

ในช่วงที่ไวรัส Covid-19 กำลังระบาด การไม่ออกไปสถานที่ที่มีผู้คนเยอะๆ นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าคุณผู้หญิงไม่อยากรอคอย หรือใจอยากจะไปออกไปตระเวนนำรถไปตีราคาตามเต็นท์รถนอกสถานที่ต่างๆ ก็มาลงขายรถออนไลน์ที่ CARRO ดูสิ ซึ่ง CARRO เป็นบริษัท Startup ซื้อ-ขาย รถยนต์มือสองจากสิงคโปร์ และได้รับการยอมรับในกลุ่มผู้สนใจรถยนต์มือสองในวงกว้าง ที่มีสาขาอยู่ทั้งในประเทศไทย และในอินโดนีเซีย

ถ้าคุณมั่นใจว่ารถคุณมีสภาพที่ดี เป็นยี่ห้อรถตลาดที่คนใช้กันเยอะ อีกทั้งราคาที่ตั้งขายไม่แพงอย่างที่คนทั่วไปเห็น โอกาสที่คุณจะขายรถได้ง่ายๆ เร็วไว ก็มีแค่นี้ล่ะครับ

สำหรับใครที่อยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai