7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับรถในยุคปัจจุบัน ต้องบอกก่อนเลยว่าพัฒนาดีกว่ารถยนต์ในเมื่อยุค 20 ปีที่แล้ว หรือ 10 ปีที่แล้วมาก อีกทั้งอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยที่เคยเป็นของรถยนต์ “ราคาแพง” เมื่อการผลิต เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกล และการผลิตจำนวน ทำให้ต้นทุนถูกลง บวกกับข้อกฎหมายบังคับในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ระบบความปลอดภัยหลายอย่าง มีติดตั้งมาในรถตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

สำหรับรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่คนไทยนิยมกันทั้งในรูปแบบรถป้ายแดง หรือรถมือสอง คงต้องยกให้ “รถ Eco-Car” (รถอีโค่คาร์) ซึ่งเป็นรถที่ตอบโจทย์คนทำงานในเมือง ด้วยความอเนกประสงค์ในการใช้งาน เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ให้กำลังที่เพียงพอต่อการใช้งาน รวมไปถึงค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง

และรถยนต์ Eco-Car ทุกรุ่น คุณภาพไม่ได้น้อยเหมือนราคาตัวรถ แต่ละค่ายต่างก็อัดฟังก์ชั่นต่างๆ มาในรถกันเต็มที่ และยิ่งในช่วงหน้าฝน ฟังก์ชั่นต่างๆ นี้ย่อมได้ใช้ประโยชน์แน่นอน

Mr.Carro เลยขอนำเสนอ 7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน ให้คุณรู้ว่า ที่ติดรถมา ใช้ประโยชน์ตอนไหนได้บ้าง …

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

1. ปัดน้ำฝนหลัง

ปัดน้ำฝนหลัง เป็นอุปกรณ์ธรรมดาสามัญสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ท้ายตัดมาแต่ไหนแต่ไร ที่หลายคนอาจมองไม่เห็นความสำคัญ ว่ามันก็เป็นจุดเด่นได้เหมือนกัน!

เหตุผลที่มีปัดน้ำฝนหลังสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ก็เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

คือถ้าไม่มีปัดน้ำฝนหลังใช้งาน เวลาขับรถตอนฝนตก ตอนเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลน คงลำบากหน่อย เมื่อต้องสังเกตรถที่มาจากทางด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง

2. ไฟตัดหมอก

ไฟตัดหมอก เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car มีติดตั้งมาให้ในหลายๆ รุ่น ซึ่งนอกจากจะใช้ในช่วงหมอกลงจัดแล้ว ยังพอใช้ในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก หรือหนักมาก (เท่านั้น) ได้อีกด้วย ซึ่งในรถบางรุ่น อาจติดตั้งไฟตัดหมอกหลัง มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

แต่ข้อควรรู้ เมื่อฝนเริ่มซาลง มองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้ชัดเจนขึ้น ให้ปิดไฟตัดหมอกทันที เพราะแสงจากไฟตัดหมอกจะไปแยงตารบกวนรถคันที่วิ่งสวนมา! และไม่ควรเปิดพร่ำเพรื่อ เพราะอาจโดนตำรวจจับได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

3. ระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA

ระบบเบรก ABS จากที่เคยมีในรถราคาแพง ตอนนี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car ทุกรุ่นต้องมีให้ ถ้าไม่มีก็เชยแย่เลย

อีกทั้งยังพัฒนาต่อยอดไปเป็นระบบต่างๆ อีกด้วย เช่น ระบบ EBD (ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก), ระบบ ESP / ESC (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว) และระบบ BA (ระบบเสริมแรงเบรก) เป็นต้น

4. ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (หรือ ESC / ESP)

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control หรือ Electronic Stability Program) จะช่วยให้คุณทรงตัวรถได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงต้องเร่งความเร็ว และการเข้าโค้ง ระบบนี้จะช่วยลดการลื่นไถล มุดโค้ง หรือแหกโค้งไปได้

จัดเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ใช้ได้ดีในช่วงฝนตก และยังทำงานร่วมกับระบบ TRC และ ABS/EBD กับ BA อีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

5. ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) จะช่วยให้คุณคุมรถตอนฝนตกได้ดีขึ้น เนื่องจากกล่อง ECU จะตรวจจับการทำงานร่วมกับระบบ VSC เมื่อพบว่าล้อใดล้อหนึ่งที่หมุนเร็วกว่าล้อฝั่งอื่นๆ พร้อมส่งสัญญาณไปยังระบบเบรกให้สร้างแรงดันน้ำมันเบรก ไปชะลอความเร็วล้อหลัง และลดกำลังรอบเครื่องยนต์ให้เบาลง

ป้องกันอาการท้ายปัดหรือลื่นของรถ ทั้งในช่วงการออกตัว เข้าโค้ง เมื่อต้องขับด้วยความเร็วในช่วงฝนตก หรือเลี้ยวโค้งช่วงทางโค้ง เป็นต้น ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับ คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

6. ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA (Lane Departure Alert) จากฟังก์ชั่นที่มีในรถราคาแพงๆ เมื่อครั้งอดีต ตอนนี้ก็มีเป็นมาตรฐานในรถ Eco-Car ซึ่งถือว่าถือประโยชน์เวลาขับรถตอนฝนตกครับ

ระบบดังกล่าวนี้ จะทำงานร่วมกับกล้องจับภาพหน้ารถที่บริเวณกระจกบังลมหน้า โดยตัวกล้องจะคอยตรวจจับเส้นของช่องทางการเดินรถ (เมื่อรถคุณใช้ความเร็วเกิน 50 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบจะเริ่มทำงาน) และส่งเสียงเตือนเมื่อรถคุณไถลออกนอกเลน ยามเกิดถนนลื่น หรือเผลอหลับจนรถเป๋ออก ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับเช่นกัน คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

7. ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านนิรภัยด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ

ถุงลมนิรภัย ถือเป็นของสามัญในรถ Eco-Car ทุกรุ่น ที่จะช่วยปกป้องชีวิตคุณ ในยามที่ขับรถตอนฝนตกลื่นๆ ได้

จากเดิมที่มีแค่ด้านคนขับ ก็เพิ่มมาทั้งฝั่งผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านนิรภัยด้านข้าง และในบางรุ่นยังมีถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าด้านคนขับอีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

ที่สำคัญ หน้าฝนนี้ ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง มีสติ ใช้ความเร็วไม่ต้องมาก แค่นี้ก็ปลอดภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางแล้วล่ะครับ

และสำหรับรถ Eco-Car รุ่นที่มีฟังก์ชั่นดังกล่าว ใน CARRO Automall ก็มีรถให้เลือกมากมายหลายรุ่น ได้แก่ Toyota Yaris, Toyota Yaris ATIV, Nissan March, Nissan Almera, Nissan Note, Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Attrage, Suzuki Celerio, Suzuki Swift หรือ Mazda2 เป็นต้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

CARRO Automall แนะนำ 6 รถมือสอง สำหรับเด็กจบใหม่

ในช่วงนี้ แม้ว่าจะมีเด็กจบใหม่ ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยและต้องก้าวเข้าสู่โลกการทำงาน กลับ ประสบปัญหาจากโควิด-19 กันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหางานไม่ได้ พร้อมๆ กับผู้คนที่ตกงานกันเป็นจำนวนนับล้านคน

แต่ก็ยังมีเด็กจบใหม่จำนวนหนึ่ง ที่โชคดีมาก หางานได้ในเวลานี้ แต่เนื่องด้วยการระบาดของโควิด-19 ซึ่งบางงานอาจจะ Work From Home ไม่ได้ ทำให้ต้องออกจากบ้านไปทำงาน จะใช้ระบบขนส่งสาธารณะก็ค่อนข้างรอนาน เสี่ยงต่อการเจอคนเยอะๆ และอาจเป็นอันตรายต่อคนที่บ้านอีก หลายคนจึงจำเป็นต้องซื้อรถมาใช้ในการเดินทาง ท่ามกลางทุนทรัพย์ที่มีจำกัด

CARRO Automall เลยจะมาแนะนำให้น้องๆ และทุกคนได้รู้จักกับ 6 รถมือสองยอดฮิตในตอนนี้กันครับ ซึ่งอาจจะไว้ใช้เป็นรถคันแรก สำหรับใช้เดินทางไปทำงาน โดยที่มีค่าใช้จ่ายในการดูแล หรือเติมน้ำมันในแต่ละเดือนที่จะพอจ่ายไหว เมื่อเทียบกับเงินเดือนที่ได้รับกันครับ

Nissan-March-2013

1. Nissan March

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) จัดว่าเป็นรถ “Eco-Car” รุ่นแรกของไทย เปิดตัวจำหน่ายมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2010 ใน Concept “ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอีก” มียอดสะสมรวมมากนับหลักแสนคัน และยังมีรถป้ายแดงขายในตอนนี้ โดยปรับราคาขึ้นไปบ้าง ณ ปัจจุบัน

มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก แต่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย (เฉพาะด้านหน้า) มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT ให้เลือก ใช้งานในเมืองได้อย่างพอเพียง ประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกหลายรุ่นย่อย ราคามือสองปัจจุบัน มีเงินแค่หนึ่งแสนกว่าบาท ก็เป็นเจ้าของได้แล้ว

Toyota-Yaris

2. Toyota Yaris

ชื่อชั้นของ “โตโยต้า” ต้องยอมรับว่าเป็นรถที่ทนทาน ไม่จุกจิก รวมถึงราคาขายต่อที่ดีกว่ารถแบรนด์อื่นๆ แต่ข้อเสียก็มักชอบกั๊กออฟชั่นมากหน่อย ถ้าคุณรับได้ก็ไม่เป็นไร

สำหรับรถมือสองที่เราขอแนะนำ นั่นคือ Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) รถสปอร์ตแฮทช์แบค ที่ตอบสนองชีวิตไลฟ์สไตล์คนเมือง ในรูปแบบรถอีโค่คาร์ ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2013 มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า ภายในได้เปรียบเนื่องจากกว้างขวางกว่ารถในระดับเดียวกัน ออฟชั่นที่มีให้ก็ถือว่าใช้ได้ ส่วนราคามือสองเริ่มต้นอยู่ที่สองแสนกว่าบาท เด็กจบใหม่ผ่อนไหวอยู่แล้ว

CARRO Automall แนะนำ Toyota Vios

3. Toyota Vios

ขยับตัวรถขึ้นมาในระดับเครื่องยนต์ใหญ่หน่อย กับ Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) ที่เปิดตัวจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน เหมาะสำหรับคนต้องใช้รถในต่างจังหวัด วิ่งบนทางหลวงบ่อยๆ ได้กำลังเครื่องยนต์ พลังเร่งแซงมากขึ้น

รุ่นนี้มาพร้อมขุมพลังที่ใช้กันอย่างยาวนาน ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FE ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ใช้มาตั้งแต่ Vios โฉมแรก ความทนทานนี่หายห่วง ดูแลง่าย ไม่จุกจิก ส่วนในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ และรุ่นที่ขายในปัจจุบัน ปรับเครื่องยนต์ใหม่เป็นรหัส 2NR-FBE 108 แรงม้า เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ด้วย ส่วนราคามือสองเริ่มต้นอยู่ที่สองแสนกลางๆ ก็พร้อมเป็นเจ้าของได้

CARRO Automall แนะนำ Honda Jazz

4. Honda Jazz

รถยอดนิยมของเหล่าบรรดาวัยรุ่น นักศึกษา หรือเด็กจบใหม่ที่เพิ่งทำงานกัน เพราะเป็นรถที่มีรูปร่างหน้าตาสปอร์ตโดนใจวัยรุ่น แต่งสวย ของแต่งเยอะอีกรุ่น คนต้องยกให้กับ Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ส) ซึ่งในปัจจุบันก็ถือมีรุ่นที่เป็นป้ายป้ายแดงออกห้างจำหน่าย แต่ในราคามือสองนั้น ถือว่าย่อมเยาว์กว่ามาก เริ่มต้นที่สามแสนกว่าบาท

รุ่นนี้มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15Z1 ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ดูแลง่าย ทนทาน ขับสนุกยิ่งขึ้นด้วย Paddle Shift ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด แถมยังมีระบบ Cruise Control ขับทางไกลสบายๆ ไม่ต้องเมื่อยขาขวา

Mazda2

5. Mazda2

อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนเพิ่งเริ่มทำงาน ที่ชอบรถแนวสปอร์ต ขับแล้วช่วงล่างเกาะถนนดี ขับสนุก ได้อารมณ์คล้ายกับรถซิตี้คาร์ของยุโรป ต้องยกให้ Mazda2 (มาสด้า2) ที่ออกจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2015 คุณอาจจะลืมไปเลย ว่านี่คือรถ Eco-Car แถมมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล

ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ SKYACTIV ทั้งแบบเบนซินขนาด 1.3 ลิตร 93 แรงม้า ประหยัดน้ำมัน 23.3 กม./ลิตร และดีเซลขนาด 1.5 ลิตร Turbo 105 แรงม้า ประหยัดสุดยอด 26.3 กม./ลิตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด กับ Manual Mode ออฟชั่นมีเยอะพอควร (ยกเว้นรุ่นเริ่มต้น) ถูกใจเด็กจบใหม่ขาซิ่งหลายๆ คน โดยราคามือสองเริ่มต้นเกือบๆ สามแสนบาท อาจต้องเก็บเงินดาวน์ หรือผ่อนต่อเดือนมากหน่อยนะ!

Suzuki-Swift-2012

6. Suzuki Swift

พูดถึง Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) หลายคนน่าจะเคยเห็นและรู้สึกชื่นชอบ กับความเป็นสปอร์ตที่แฝงอยู่ และดูคล้ายกับรถ Mini ของอังกฤษ โดย Suzuki Swift โฉมปี 2012 – 2018 ยังคงเป็นรถอีโคคาร์ยอดนิยมในตลาดรถมือสอง ซื้อง่ายขายคล่อง แต่งสวย

มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.25 ลิตร รหัส K12B ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า จัดว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับอีโคคาร์ในขนาด 1.2 ลิตรด้วยกัน ซึ่งตัวรถก็มีออฟชั่นที่จัดมาให้มากพอสมควร ในราคามือสองตอนนี้เริ่มต้นประมาณเกือบๆ สองแสนบาท ก็ซื้อได้แล้ว

ส่วนช่วงนี้ ใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาเบาๆ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! 

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

แม้ว่าในช่วงนี้ การระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่เป็นจำนวนมากถึงหลักหมื่นคนต่อวัน จึงส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มมีการปรับเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถี New Normal อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้วิถีชีวิตสามารถปรับเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น และมีความปลอดภัยในสุขภาพมากขึ้นไปด้วย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

ด้วยเหตุนี้ CARRO (คาร์โร) ผู้นำด้านการซื้อ-ขายรถมือสองบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และเป็น Unicorn (ยูนิคอร์น) รายแรก ด้านตลาดยานยนต์แห่ง ASEAN จึงเล็งเห็นถึงระบบออนไลน์เป็นสำคัญ พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าที่กำลังมองหารถมือสองคุณภาพดี ซึ่งเป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

หากคุณกำลังสนใจมองหารถยนต์คันที่ชอบ ซื้อรถคันที่ใช่ ในเว็บไซต์ CARRO คุณสามารถเลือกรถยนต์ที่ผ่านการคัดสรรจากทาง CARRO Automall ผ่านระบบออนไลน์ได้ง่ายนิดเดียว! อีกทั้งสามารถเลือกชมภาพรถทั้งภายนอกรถและภายในรถได้อย่างละเอียด รวมถึงสภาพเครื่องยนต์ ที่ลูกค้าสามารถกดเลือกฟังเสียงเครื่องยนต์ของรถคันที่ต้องการได้ด้วย!

โดยวิธีการฟังเสียงเครื่องยนต์สดๆ และดูรูปรถแบบ 360 องศา ทั้งภายนอกและภายใน ทำได้ตามวิธีนี้ครับ

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

1. เลือกชมรถยนต์ในส่วนของ “CARRO ตลาดรถมือสอง” และเลือก “รถ CARRO Automall”

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

2. คลิกเลือกรถยนต์คันที่คุณต้องการ

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

3. กดเลือก “ฟังเสียง” หรือดูภาพตัวรถ “360 องศา” ได้ทั้งภายนอกและภายใน

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

4. ดูและฟังเสียงเครื่องยนต์กันได้ตามความต้องการ กี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัด และสามารถซูมดูภาพในมุมต่างๆ ได้

นอกจากนั้น คุณยังมั่นใจได้อีกว่า รถยนต์ที่ผ่านการนำเสนอโดย CARRO Automall ได้ผ่านตรวจสอบสภาพรถมากกว่า 200 จุด เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย!

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

เพราะนอกจากจะทำให้ช่วยให้การซื้อรถผ่านช่องทางออนไลน์ของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แบบว่าอยู่บ้านก็สามารถซื้อรถผ่านระบบออนไลน์ได้ รวดเร็ว โปร่งใส ตอบโจทย์วิถีชีวิต New Normal อย่างแท้จริง ซึ่งทาง CARRO ตั้งเป้าหมายว่าระบบจะครอบคลุมสำหรับรถทุกคันของ CARRO Automall ได้บนเว็บไซต์ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

สำหรับรถยนต์ทุกคันบนแพลตฟอร์มของคาร์โรที่ดำเนินการซื้อ-ขายผ่านในนามของ CARRO Automall ทั้ง 2 สาขา ไม่ว่าจะเป็นสาขาเกษตรนวมินทร์ หรือสาขาดอนเมืองนั้น ลูกค้าที่มีความสนใจในการทดลองขับ สามารถแจ้งความประสงค์ที่จะใช้บริการในส่วนของ Test Drive@Home ส่งรถให้ทดลองขับถึงหน้าบ้านคุณ ก่อนตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

สัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำจากเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ในการซื้อ-ขายรถมือสองผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวก เชื่อถือได้ และปลอดภัยยิ่งกว่า โดยสามารถเลือกชมรุ่นรถยนต์มากมาย ที่ผ่านการคัดสรรและตรวจสภาพจากผู้เชียวชาญได้แล้วที่ th.carro.co หรือผ่านช่องทาง Facebook : CARRO Automall Thailand

อีกทั้งเรายังมีบริการ Test Drive @Home ที่พร้อมส่งรถให้ทดลองขับถึงหน้าบ้านคุณ เพื่อความสะดวกในการชมรถถึงบ้าน

หรือสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ CARRO Automall ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สาขาดอนเมือง, สาขาเกษตรนวมินทร์ และ CARRO Auction ศรีนครินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น. จ้า

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์

CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาดอนเมือง

CARRO Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาสวนหลวง

CARRO Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (หมู่บ้านเสรีวิลล่า) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

ทุกวันนี้ สังคมไทยจัดได้ว่าเข้าสู่ในยุค “สังคมผู้สูงอายุ” แล้ว แต่บางทีอายุก็เป็นเพียงตัวเลข เพราะผู้สูงอายุหลายคนยังคงมีไฟ มีความกระฉับกระเฉง กำลังกายยังแข็งแรง สามารถทำอะไรเองได้หลายต่อหลายอย่าง โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลานมาก หรือแม้กระทั่งการขับรถไปซื้อของ หรือไปหาหมอ ก็ขับได้ในระยะทางไม่ไกลมากนัก

อ่านเพิ่มเติม >> เลือกรถยนต์แบบไหน ถึงจะเหมาะกับ วัยเกษียณอายุ!

ลูกๆ หลายคนที่ทำงานจนพอจะมีฐานะขึ้นมาบ้างแล้ว ก็อยากจะตอบแทนพระคุณแม่ ในเดือนแห่งวันแม่ โดยการเลือกรถให้คุณแม่ไว้นั่งสักคัน ซึ่งการเลือกรถให้ผู้สูงอายุนั้น ควรจะเป็นรถยนต์ที่ขับได้ง่าย ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนนัก รวมไปถึงความสูงของรถที่มากหน่อย (ถ้าเป็นไปได้) สามารถเข้า-ออก ตัวรถได้ง่าย (ถ้าใครเคยใช้รถโหลดเตี้ยจะรู้ เข้า-ออก บางทีพลาด หัวโขกโดนขอบประตู)

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกสองสิ่ง นั่นก็คือ งบประมาณ และความพึงพอใจของคุณแม่คุณ ว่าอยากได้รถประเภทไหน …

ในวันนี้ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะขอมาแนะนำให้คุณแม่ คุณลูก และทุกท่านรู้จักรถมือสอง 5 แบบที่น่าซื้อมาใช้ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่งกันครับ ว่ามีความน่าสนใจตรงไหนบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า …

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

1. รถ Eco-Car

สำหรับรถ Eco-Car (รถอีโคคาร์) มีคุณสมบัติเด่นๆ อยู่หลายอย่าง อาทิ มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (ตั้งแต่ 1.0 ลิตร – 1.25 ลิตร) พอใช้งานในเมืองได้สบายๆ ประหยัดน้ำมัน รูปทรงขนาดกะทัดรัด หาที่จอดในเมืองง่าย รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ก็มีมาให้แทบทุกรุ่น แถมยังเป็นรถขายดี ซื้อง่ายขายคล่อง

และศูนย์บริการ กับอะไหล่ ก็มีให้เลือกทั้งแบบแท้ เทียบ เทียม ไม่กระทบถึงรายจ่ายมาก เมื่อถึงเวลาต้องนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ

สำหรับรถ ECO-Car สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

NISSAN MARCH 1.2 E 2017 เทา

NISSAN MARCH 1.2 E 2017 เทา

1. Nissan March 1.2 E ปี 2017 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 50,415 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 245,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2017-E1KJ10.html

TOYOTA YARIS 1.2 E 2018 ขาว

TOYOTA YARIS 1.2 E 2018 ขาว

2. Toyota Yaris 1.2 E ปี 2018 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 100,299 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 389,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2018-D5O3O4.html

SUZUKI SWIFT 1.2 GL 2019 น้ำเงิน

SUZUKI SWIFT 1.2 GL 2019 น้ำเงิน

3. Suzuki Swift 1.2 GL ปี 2019 เลขไมล์ 17,220 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 379,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/suzuki-swift-2019-D26936.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

2. รถ Sub-Compact

ในส่วนของรถ Sub-Compact นอกจากจะเป็นรถขายดีแล้ว มีคุณสมบัติเด่นๆ เพิ่มเติมจากรถประเภท Eco-Car อยู่หลายอย่าง (ซึ่งบางรุ่น ก็ยังสามารถจัดเป็นรถ Eco-Car ได้อีกด้วย) อาทิ มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้น (ตั้งแต่ 1.3 ลิตร – 1.5 ลิตร) เผื่อให้ลูกหลานไว้ใช้งานได้ด้วย และประหยัดน้ำมัน รูปทรงขนาดกะทัดรัด หาที่จอดในเมืองง่าย รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้คล้ายกับรถแบบ MPV ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน มีมาให้แทบทุกรุ่น

ส่วนศูนย์บริการ กับอะไหล่ ก็มีให้เลือกทั้งแบบแท้ เทียบ เทียม ไม่กระทบถึงรายจ่ายนัก เมื่อต้องนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการเช่นกัน

สำหรับรถ Sub-Compact สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

TOYOTA VIOS 1.5 J 2018 ขาว

TOYOTA VIOS 1.5 J 2018 ขาว

1. Toyota Vios 1.5 J ปี 2018 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 48,166 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 399,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-vios-2018-E4N2NX.html

HONDA CITY 1.5 V i-VTEC 2017 เทา-ดำ

HONDA CITY 1.5 V i-VTEC 2017 เทา-ดำ

2. Honda City 1.5 V i-VTEC ปี 2017 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 51,218 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 429,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-city-2017-GJ6QN6.html

HONDA JAZZ 1.5 i-VTEC RS 2018 ส้ม

HONDA JAZZ 1.5 i-VTEC RS 2018 ส้ม

3. Honda Jazz 1.5 RS ปี 2018 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 57,643 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 519,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-jazz-2018-DR1R15.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

3. รถ Crossover SUV

อันนี้สำหรับคุณแม่ที่ชอบแนวลุยๆ หรือแนวบ้านอยู่ต่างจังหวัดหน่อย เพราะรถแนว Crossover SUV หรือ SUV จะมีความใกล้เคียงกับรถเก๋ง และรถประเภท 4WD มาผสมกัน เครื่องยนต์มักมีขนาดตั้งแต่ 1.8 ลิตร ไปจนถึง 2.5 ลิตร ซึ่งก็กินน้ำมันในระดับหนึ่ง และบรรทุกผู้โดยสารได้ 5-7 คน จัดเป็นรถขายดีเช่นกัน

สามารถขับได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง ลุยน้ำท่วมได้ ลุยดินโคลนเบาๆ ได้ ภายในปรับเบาะตามการใช้งานได้ เหมาะสำหรับคุณแม่ ที่ยังทำมาค้าขาย หรือต้องขนสัมภาระ ขนของไปส่งที่ไปรษณีย์บ่อยๆ

สำหรับรถ Crossover SUV สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

HONDA HRV 1.8 EL 2019 เทา

HONDA HRV 1.8 EL 2019 เทา

1. Honda HR-V 1.8 EL ปี 2019 เลขไมล์ 17,617 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 739,000 บาท! รถผู้หญิงมือเดียวใช้งานน้อยมาก

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2019-DO11RJ.html

NISSAN X-TRAIL 2.5V 2019 ดำ

NISSAN X-TRAIL 2.5V 2019 ดำ

2. Nissan X-Trail 2.5 V ปี 2019 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 9,048 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 899,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-x-trail-2019-GYP90Q.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

4. รถ PPV

อันนี้สำหรับคุณแม่สายลุยอย่างแท้จริง เพราะรถ PPV นั้นมีพื้นฐานมาจากรถกระบะ ที่นำตัวรถแบบ SUV มาครอบลงไปอีกที เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบเบนซิน และดีเซล มีตั้งแต่ขนาด 2.0 ลิตร ไปจนถึง 3.2 ลิตร และหลายรุ่นยังตกแต่งมาหรูหรากว่ารถเก๋งอีกด้วย

เน้นความแข็งแรง ทนทาน ลุยได้มากกว่า การขับขี่อาจต้องออกแรงหน่อย และนั่งอาจไม่สบายสักหน่อย อาจไม่เหมาะกับคุณแม่ที่อยู่ในวัยสูงอายุนัก ส่วนการดูแลรักษาก็คล้ายกับรถกระบะ ไม่ค่อยจุกจิกอะไรมาก

สำหรับรถ PPV สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

ISUZU MU-X 3.0 (DVD Navi) 2013 เทา

ISUZU MU-X 3.0 (DVD Navi) 2013 เทา

1. Isuzu MU-X 3.0 Ddi Navi ปี 2013 เลขไมล์ 70,060 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 659,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/isuzu-mu-x-2013-GM9R08.html

TOYOTA FORTUNER 2.8 V TRD BLACK TOP 2017 ขาว

TOYOTA FORTUNER 2.8 V TRD BLACK TOP 2017 ขาว

2. Toyota Fortuner 2.8 V TRD Sportivo Black Top ปี 2017 เลขไมล์ 46,531 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 1,119,000 บาท! รถบ้าน เจ้าของคนเดียว

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-fortuner-2017-D8RJY7.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

5. รถ MPV

นี่ล่ะ ถือเป็นขวัญใจของคนมีครอบครัวใหญ่ ญาติพี่น้องเยอะ หรือลูกหลายคนเลยทีเดียว สำหรับรถ MPV ที่สามารถนั่งได้ตั้งแต่ 7-11 คน บางรุ่นมีประตูสไลด์ไฟฟ้า เข้า-ออก ง่าย เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีครอบครัวใหญ่ๆ มีเด็กๆ เป็นได้ทั้งรถผู้สูงอายุ และรถคันที่สองของบ้าน แต่การใช้รถแนวนี้ ก็อาจจะต้องแลกมากับค่าน้ำมัน ราคาตัวรถ และค่าบำรุงรักษาที่มากหน่อยนะ

สำหรับรถ MPV สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

TOYOTA SIENTA 1.5G 2018 เทา

TOYOTA SIENTA 1.5G 2018 เทา

TOYOTA SIENTA 1.5G 2018 เทา

1. Toyota Sienta 1.5 G ปี 2018 เลขไมล์ 36,058 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 479,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-sienta-2018-DR1573.html

HONDA FREED 1.5 SE 2012 เงิน

HONDA FREED 1.5 SE 2012 เงิน

2. Honda Freed 1.5 SE ปี 2012 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 100,299 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 433,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-freed-2012-G0J0NX.html

ถ้าคุณลูกกำลังมองหารถ 5 ประเภทนี้ แล้วอยากซื้อมาให้คุณแม่ใช้งาน หรือคุณแม่จะขับเองก็ดี CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถได้ทั้งภายนอก ภายใน กันแบบ 360 องศา เลยทีเดียว รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

นับตั้งแต่ Blogger / Youtuber สายท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “มิ้นท์ I Roam Alone” เดินทางเพียงลำพังไปยังอัฟกานิสถาน ดินแดนที่ได้ชื่อว่าอยู่ในภาวะสงคราม และมีอันตรายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อนำข้อมูลการเดินทางมาทำ Content ในช่วงที่ตาลีบันเริ่มประกาศชัยชนะ ต่อสู้กับรัฐบาลอัฟกานิสถาน เข้ายึดพื้นที่อีกครั้ง ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาเริ่มตัดสินใจถอนทหารออก

ทำให้ความสนใจของคนไทย ในเรื่องราวเกี่ยวกับ “อัฟกานิสถาน” ถูกพูดถึงเป็นจำนวนมากอีกครั้ง ทั้งในด้านสงคราม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี หรือการค้าขาย เป็นต้น

MR.CARRO จึงขอนำเสนอเรื่องราวของรถยนต์ในอัฟกานิสถานกันในวันนี้ครับ ว่าทำไมรถญี่ปุ่น ถึงได้ครองใจชาวอัฟกัน และรถ Toyota จึงได้รับความนิยมมากที่สุดในอัฟกานิสถาน ไปอ่านกันเลยครับ …

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

โชว์รูมรถ Toyota ในกรุงคาบูล อัฟกานิสถาน

ราคาถูก ทนทาน และคุณภาพเชื่อถือได้ อาจเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมใหม่ของชาวอัฟกัน ที่ก่อนจะซื้อรถยนต์จะต้องคำนึงถึง 3 สิ่งนี้ และรถที่ได้รับความเชื่อถือสูงสุดในประเทศนี้ คงต้องยกให้กับ Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) ที่ไม่ว่าจะมองไปตรงไหนของเมือง ก็ต้องเจอกับรถรุ่นนี้เต็มไปหมด ทั้งในแบบรถเก่าจากยุโรป อเมริกาเหนือ พวงมาลัยซ้าย และรถเก่าจากญี่ปุ่น พวงมาลัยขวา โดยการนำเข้ารถยนต์ไปขายยังอัฟกานิสถาน ยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจับจ่ายอย่างมาก

ในประเทศที่แม้กระทั่งถนนลาดยาง ในส่วนที่ดีสุดของเมืองหลวงก็ยังเต็มไปด้วยหลุมบ่อ รถที่ผลิตในญี่ปุ่น จึงเป็นเป็นพาหนะที่ทุกคนเลือก ยกเว้นคนที่รวยมากๆ

“มี Toyota Corolla อยู่ที่นี่ ก่อนที่จะผลิตในญี่ปุ่นด้วยซ้ำ” Mohammad ชาวกรุงคาบูลในวัย 30 กว่าๆ ที่ทำงานในบริษัทต่างชาติพูดติดตลก

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก The Guardian

Mirwais Nabizada วัย 38 ปี ซึ่งขายรถยนต์มือสองในกรุงคาบูลมาเป็นเวลา 20 ปี กล่าวว่ารถเหล่านี้ได้รับความนิยมเพราะไม่แพง เมื่อเทียบกับรถ (ที่ไม่ใช่แบรนด์รถญี่ปุ่น) และอะไหล่ก็หาง่าย

“หลายคนซื้อเพราะความทนทาน ราคาถูก และมีอะไหล่อยู่ทุกที่” เขากล่าว เขามีรถยนต์ 70 คันในโชว์รูมของเขา ทั้งหมดยกเว้นหกคันในจำนวนนั้นที่ไม่ใช่โคโรลล่า

รถยนต์ใช้แล้วประมาณ 90% ถูกซื้อในเยอรมนีและแคนาดา จากนั้นจึงส่งไปยังอัฟกานิสถาน ผ่านดูไบ และเส้นทางบกจากอิหร่าน

“คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการซื้อรถใหม่ เพราะมันดึงดูดผู้ลักพาตัวและโจร” Nadir Shah ข้าราชการพลเรือน กล่าว

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก Algulf

Toyota Corolla ที่ขายในอัฟกานิสถาน มักจะนิยมรถยนต์สีดำ, สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีเหลือง หรือขาว ซึ่งที่นี่ รถสีขาวเป็นที่ชื่นชอบของผู้ซื้อ เพราะสภาพภูมิประเทศที่นี่ฝุ่นค่อนข้างเยอะ (รวมทั้งมลพิษที่เกิดจากการใช้รถเก่าในเมืองเป็นจำนวนมาก) เมื่อใช้รถสีขาวแล้ว ดูไม่ค่อยสกปรก” Nabizada กล่าว

ในการขับรถ 10 นาที ระหว่างใจกลางเมืองหลวงและย่านสถานทูต สำนักข่าว AFP ได้นับจำนวนรถ Toyota Corolla พบว่ามีมากถึง 194 คัน เมื่อเทียบกับรถยนต์ รถประจำทาง รถบรรทุก และยานพาหนะอื่นๆ ที่พบเห็นอีก 89 คัน

เจ้าของรถชาวอัฟกัน พวกเขารักรถและหวงแหนรถ มักนิยมติดสติ๊กเกอร์บนกระจกบังลมด้านหลัง ด้วยคำว่า “Beautiful Corolla”, “Super Saloon Corolla” และ “Corolla I Love You” เป็นต้น

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก Polarsteps / Ilpost

สำหรับผู้เชี่ยวชาญรถรุ่นนี้ เมื่อเห็นรถก็สามารถทราบได้เลยว่า Toyota Corolla คันนั้น เป็นรถที่ถูกนำเข้ามามาจากอเมริกาเหนือ, ยุโรป ได้จากขนาดของกันชน หรือตำแหน่งของป้ายทะเบียนรถ (สำหรับ Toyota Corolla รุ่น “สามห่วง” พื้นที่ติดป้ายทะเบียนด้านหลัง จะอยู่บริเวณตำแหน่งของแผงทับทิมหลัง ต่างจากในเวอร์ชั่นตลาดโลก เป็นต้น)

และถึงแม้ชาวอัฟกันจะขับรถชิดขวา พวงมาลัยซ้าย แต่ก็มี Toyota Corolla ที่เป็นรถพวงมาลัยขวา (ซึ่งถูกออกแบบมาให้ขับชิดซ้าย แบบในไทย หรือญี่ปุ่น) อยู่มากมายตามท้องถนน

ส่วนรถแท็กซี่เกือบทั้งหมดเป็น Toyota Corolla Van และลูกค้าที่เรียกรถแท็กซี่มักไม่ได้รับการบอกยี่ห้อ แต่จะมองหา “สีเทา 2002” หรือ “สีน้ำตาล 2007”

นายพล Asadullah Khan หัวหน้าตำรวจจราจรกรุงคาบูล กล่าวว่า รถยนต์ Toyota Corolla คิดเป็น 80% ของรถยนต์ 700,000 คัน (ยอด ณ ปี 2013) ที่ขับผ่านถนนที่คับคั่งในกรุงคาบูล ซึ่งมีการจดทะเบียนรถใหม่ หรือรถใช้แล้ว 500 – 600 คัน ในแต่ละวัน

“โคโรลล่า ถือได้ว่าเป็นรถยอดนิยมของมหาชน อีกทั้งยังไม่กินน้ำมันอีกด้วย” เขากล่าว

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก Alarabiya News

แต่ทว่า ความแพร่หลายของ Toyota Corolla กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือของพวกกลุ่มตาลีบัน และกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ใช้รถยนต์รุ่นนี้เป็นระเบิดเคลื่อนที่ (หรือคาร์บอมบ์) ซึ่งซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถ และขับรถผ่านด่านตรวจโดยไม่มีใครสังเกต ซึ่งกลุ่มตาลีบันยังต่อสู้กับรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ มาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2001

ในส่วนของผู้ซื้อรถยนต์ที่มีกำลังซื้อ เวลานี้เริ่มระมัดระวังการใช้เงินเป็นอย่างมาก เมื่อกองกำลังรบของ NATO และของสหรัฐอเมริกา ต่างเริ่มถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานในปี 2020 และถอนกำลังออกจนหมดในเดือนกันยายน 2021 เริ่มส่งผลกระทบทำให้ยอดขายรถลดลง เนื่องจากผู้คนไม่อยากใช้จ่ายเงินในการซื้อรถยนต์ เพราะรู้สึกไม่มั่นใจว่าอนาคตของชีวิตจะเป็นอย่างไร

แม้ว่าในตลาดรถยนต์ของอัฟกานิสถาน แทบทั้งหมดจะเป็นรถมือสองที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งก็มีรถแบรนด์อื่นๆ ราคาถูกๆ นำเข้ามาให้เลือก แต่ด้วยค่านิยมของ Toyota Corolla และภาษีรถยนต์ที่จัดเก็บสูงในอัฟกานิสถาน ส่งผลให้ผู้ซื้อไม่สามารถต่อรองราคาได้ ขนาด Corolla เก่าๆ ที่มีรอยบุบ ยังมีราคาจำหน่าย 3,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในขณะที่ Corolla รถอายุ 1 ปี วิ่งไมล์น้อย มีราคาขายพุ่งสูงถึง 26,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ!

ในขณะที่ธนาคารโลก ระบุว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวอัฟกันอยู่ที่ประมาณ 470 ดอลลาร์สหรัฐฯ … การที่ชาวอัฟกันจะเก็บเงินซื้อรถยนต์ Toyota Corolla ได้สักคันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความพยายามน่าดู!

เพราะเหตุใด? รถญี่ปุ่น และรถ Toyota ถึงได้รับความนิยมอย่างมาก ในอัฟกานิสถาน

ภาพจาก RT

ค่าธรรมเนียมศุลกากรสำหรับรถยนต์นำเข้าแต่ละคันอยู่ที่ประมาณ 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ บวกกับ 1,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ สำหรับการออกใบอนุญาต และภาษีอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องชำระเพิ่มเติม Nabizada ซึ่งบอกว่าเขาขายรถได้เพียง 5 คัน/วัน ลดลงจาก 10 คัน/วัน เมื่อเทียบกับหลายปีก่อน

Shaker Bakhter หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เพียงไม่กี่รายในกรุงคาบูล กล่าวว่า เขาสามารถขาย Toyota Corolla ได้อย่างน้อย 10,000 อัน นับตั้งแต่ทำอาชีพพ่อค้าขายรถมา

และทำไมชาวอัฟกัน จึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อรถยนต์?

“ชาวต่างประเทศ ใช้เงินไปกับการเต้นรำ หรือเล่นโบว์ลิ่ง แต่ชาวอัฟกัน เราลงทุนในสิ่งที่มีประโยชน์” Bakhter กล่าว

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand  โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

เนื้อหาข่าวจาก:

BMW Z4 (E89) ราคาตอนซื้อป้ายแดง ผ่อนเดือนละเท่าไหร่

จากกรณีข่าวรถสปอร์ต BMW Z4 (บีเอ็มดับเบิลยู แซด4) รหัส E89 ซิ่งฝ่าสายฝนจนเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งข้ามเลนไปชนรถอีกคัน ทำให้หลายคนอยากทราบรายละเอียดเบื้องต้นของ BMW Z4 รุ่นนี้ว่า มีความเป็นมาในบ้านเราอย่างไรบ้าง …

และราคาจำหน่ายของ BMW Z4 รุ่นดังกล่าว หลายคนอยากทราบว่าตอนป้ายแดงคันละเท่าไหร่ และค่างวดที่ต้องผ่อนจ่ายในแต่ละเดือน เท่าไหร่บ้าง

MR.CARRO เลยขอนำราคาและค่างวดของรถรุ่นนี้ ในยุคที่ยังเป็นรถป้ายแดง มาให้ทุกคนได้ดูกันครับ

BMW Z4 sDrive35i

สำหรับ BMW Z4 Roadster รหัส E89 สุดยอดแห่งโรดสเตอร์ที่ผสมผสานความคลาสสิค กับดีไซน์ที่มีเสน่ห์แบบโรดสเตอร์พันธุ์แท้ และยังเป็นรถ BMW ที่ออกแบบโดยผู้หญิง ซึ่ง Juliane Blasi ออกแบบตัวรถภายนอก และในส่วนของห้องโดยสารออกแบบโดย Nadya Arnaout ผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และความสะดวกสบาย

อีกทั้งยังรวมถึงอารมณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตโรดสเตอร์เต็มรูปแบบ ด้วยการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล 50:50 หน้า:หลัง และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ผลิตจาก​โรงงานในเมือง Regensburg แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ถูกนำเข้ามาเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2552 แรกเริ่มนั้นเป็นรุ่น sDrive23i, sDrive23i Highline ในราคา 4,599,000 – 5,099,000 บาท

BMW Z4 sDrive35i

BMW Z4 ชูจุดเด่นด้วยหลังคา Retractable Hardtop แบบแข็ง (Hardtop) เป็นครั้งแรก โดยชุดหลังคาสามารถ เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าในเวลาเพียง 20 วินาที อีกทั้งยังสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบ (ขณะหลังคาปิด) สำหรับผู้ขับขี่ที่รักความสปอร์ตของรถแบบโรดสเตอร์ แต่ยังคงหลงใหลในกีฬากอล์ฟ

BMW Z4 sDrive35i

ไฮเทคสุดๆ กับระบบ iDrive ที่มีศูนย์บัญชาการข้อมูล CIC Car Infotainment Computer สั่งการระบบข้อมูลแผนที่นาวิเกเตอร์ โทรศัพท์ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ BMW Navigation System Professional ทำงานบนฮาร์ดดิสก์ขนาด 80GB +DVD + Bluetooth + iPod USB Connector แสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์ความละเอียดสูง 1280 x 480 พิกเซล

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส N52 ให้แรงม้าสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 2,750 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมัน 11.2 กม./ลิตร

และ sDrive35i ที่นำเข้ามาในช่วงแรก ใช้ขุมพลัง 3.0 ลิตร รหัส N54 ให้แรงม้าสูงสุด 306 แรงม้า และมีราคาอยู่ที่ 7,599,000 บาท

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2553 BMW ปรับให้ BMW Z4 sDrive23i สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งเป็นโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกรุ่นแรกของเมืองไทย ปรับราคาตัวรถลงมาเหลือ 4,399,000 – 4,799,000 บาท

BMW Z4 sDrive35iS

ในเดือนมิถุนายน 2553 BMW เปิดตัว BMW Z4 sDrive35is สุดยอดโรดสเตอร์พันธุ์สปอร์ต เคาะราคาขายสูงกว่าใครเพื่อน สมกับเป็นราคาของคนเท้าหนัก 8,399,000 บาท

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงขนาด 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยระบบ Twin Turbo ผลิตแรงม้าได้สูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,500 รอบ/นาที เพิ่มขึ้นถึง 500 นิวตัน-เมตรในขณะเร่งแซง ด้วยฟังก์ชั่น Overboost ระบบเทอร์โบ ด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 4.8 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมัน 11.1 กม./ลิตร

BMW Z4 sDrive35iS

ระบบเกียร์คลัทช์คู่ DCT 7-สปีด พร้อมฟลายวีลแบบ Two-Mass และโปรแกรมพิเศษ พร้อมฟังก์ชั่น Launch Control รับแรงบิดสูงของเครื่องยนต์ได้สบายๆ และโปรแกรมเกียร์ปรับให้เหมาะสม เน้นพละกำลัง ความปราดเปรียว และมีฟังก์ชั่น Launch Control สำหรับผู้ขับที่ต้องการออกตัวให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ระบบปั๊มน้ำและปั๊มน้ำมันเครื่องแบบ On-Demand แล้ว ยังมีระบบ Brake Energy Re-Generation ซึ่งเป็นการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อป้อนให้กับระบบต่างๆ ภายในรถด้วย

BMW Z4 sDrive35iS

ระบบท่อไอเสียปรับแต่งให้เสียงทุ้ม นุ่มลึก เข้ากับคาร์แรคเตอร์ โดยออกแบบท่อทางเดินอากาศและหม้อพักไอเสียเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้เสียงความถี่ต่ำ ให้ความรู้สึกถึงพลังที่ซ่อนอยู่ของโรดสเตอร์พันธุ์ดุ โดยที่ไม่ดังส่งเสียงรบกวนจนน่ารำคาญ

ภายหลังในช่วงปี 2555 ปรับรุ่นย่อยเหลือเป็นรุ่น sDrive20i, sDrive20i Highline ใช้เครื่องยนต์เล็กลงเป็น 2.0 ลิตร รหัส N20 ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า ในราคา 3,799,000 – 4,199,000 บาท

BMW Z4 sDrive20i Highline 2013

ช่วงต้นปี 2556 ในเยอรมนี ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ LCi และรุ่นย่อย บ้านเราเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2556 นำเข้าเฉพาะรุ่น sDrive20i Highline อย่างเดียว ในราคา 3,999,000 – 4,099,000 บาท

สำหรับ BMW Z4 sDrive20i Highline มาพร้อมกับสีที่มีให้เลือกได้ถึง 8 สี รวมถึงโทนสีใหม่ล่าสุด เช่น สี Mineral Grey Metallic, สี Glacier Silver Metallic, และ สี Valencia Orange Metallic ที่มีให้เลือกโดยเฉพาะสำหรับ BMW Z4 sDrive20i Highline พร้อมชุดตกแต่งพิเศษที่ผสมผสานระหว่างการดีไซน์แบบ Design Pure Traction และชุดแต่ง M Sport

BMW Z4 sDrive35iS

โดยชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Traction นี้โดดเด่นและเหนือชั้นกับทุกรายละเอียดของการสร้างสรรค์ เน้นความเป็นผู้นำแห่งโรดสเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร สะกดทุกสายตากับตัวรถสีส้ม Valencia Orange ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีที่ตัดกัน เพิ่มอารมณ์สปอร์ตด้วยหนังแบบ Alcantara สีส้มตัดกับหนังสีดำทั้งเบาะนั่งแบบสปอร์ตและแผงประตู

BMW Z4 sDrive35iS

ส่วนของคอนโซลกลางสีดำแบบ Black Piano ได้รับการติดตั้งพร้อมหนังที่เย็บด้วยตะเข็บสีส้ม เพิ่มบุคลิกความเป็นสปอร์ตเข้ากันอย่างลงตัว

สำหรับชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Balance นั้น ภายในผสมผสานหนังแท้สีดำกับสีน้ำตาลเข้ม (Cohiba Brown) ของเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้ Merino และตัดขอบด้วยตะเข็บสีขาว

BMW Z4 sDrive35iS

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นด้วยชุดตกแต่ง M Sport Package พร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว และชุดแต่ง M แอโรไดนามิครบครัน รวมถึงเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หุ้มด้วยหนังแท้สไตล์สปอร์ตแบบ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย กาบบันได M รวมถึงผ้าบุหลังคาสี Anthracite

BMW Z4 sDrive20i

ก่อนที่จะขายกันมาเรื่อยๆ มาจนถึงต้นปี 2559 ทาง BMW Group Thailand จึงยุติการนำเข้าไป และนี่ก็คือรายละเอียดของ BMW Z4 (E89) ที่คุณต้องรู้ไว้เบื้องต้น ก่อนจะซื้อมาใช้กันครับ!

สำหรับราคาของ BMW Z4 Roadster (E89) ตอนออกใหม่ๆ และค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ของ BMW Hire Purchase (แบบมี Balloon) จะต้องจ่ายเท่าไหร่ มาดูกันได้ที่ตารางนี้ครับ

BMW Z4 (E89) ราคาตอนซื้อป้ายแดง ผ่อนเดือนละเท่าไหร่

*หมายเหตุ: ราคาและค่างวดตามนี้ คำนวณจากเงินดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน (และมียอด Ballroon งวดสุดท้าย จ่าย 30-40% ของราคารถ ซึ่งรถในแต่ละรุ่น แต่ละปี จำนวนเงินที่ต้องจ่ายอาจไม่เท่ากัน)

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รถตู้รุ่นถือได้ว่า ขายดีและขายได้มากที่สุดของ Toyota นั่นคือ … Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) และ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) ที่ได้รับความนิยม นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1967 ถึงปัจจุบันก็ 54 ปีพอดี ผ่านการขายมาแล้วถึง 6 เจเนอเรชั่น และยังเป็นที่นิยมของรถตู้ในบ้านเราอีกด้วย

สำหรับรถตู้ Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) และ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) จัดได้ว่าเป็นรถตู้ยอดนิยมในตลาดอันดับ 1 ก็ว่าได้ มีทั้งรถตู้ขนของ รถตู้รับจ้าง รถตู้รับ-ส่ง ผู้โดยสาร ซึ่งทนทาน ซ่อมง่าย ศูนย์บริการเพียบ อะไหล่มีพร้อมทั้งของแท้ ของเทียบ ของเทียม ของเก่า ไม่ต้องห่วง

ที่นี่เรามาดูกันครับว่า เช็คราคารถมือสอง (ประจำปี 2564) Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) และ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) ทาง CARRO ขอเสนอราคากลางเฉพาะรุ่น “หัวจรวด” จนถึงรุ่นก่อนรุ่นปัจจุบัน ที่ทาง Toyota เริ่มต้นขายรุ่นนี้มาตั้งแต่ปี 2532 – 2547 และ 2547 – 2562 นะครับ ไปเช็คราคากันได้เลยครับ!

Toyota Hiace โฉมปี 1989 – 2004

Toyota Hiace หัวจรวด

รุ่นปี 1989 – 1993

  • ตู้เบนซิน 2.0 ช่วงสั้น / ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 2.4 ช่วงสั้น / ช่วงยาว ราคามือสองโดยประมาณ 30,000 – 70,000 บาท
  • Hiace ตู้ Hi-Roof ดีเซล 2.4 ราคามือสองโดยประมาณ 50,000 – 90,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 1993 – 1996

  • ตู้เบนซิน 2.0 ช่วงสั้น / ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 2.4 ช่วงสั้น / ช่วงยาว ราคามือสองโดยประมาณ 50,000 – 100,000 บาท
  • Commuter ตู้ดีเซล 2.4 ช่วงยาว หลังคาสูง (LH125) ราคามือสองโดยประมาณ 80,000 – 150,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 1997 – 2000

  • ตู้เบนซิน 2.4 ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงยาว / ช่วงยาว GL ราคามือสองโดยประมาณ 60,000 – 150,000 บาท
  • Commuter ตู้ดีเซล 3.0 มาตรฐาน / หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 90,000 – 160,000 บาท
  • Super Wagon ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงสั้น ราคามือสองโดยประมาณ 100,000 – 150,000 บาท
  • Super Custom ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงยาว ราคามือสองโดยประมาณ 100,000 – 150,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 2001 – 2004

  • ตู้เบนซิน 2.4 ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงยาว / ช่วงยาว GL ราคามือสองโดยประมาณ -100,000 – 180,000 บาท
  • Commuter ตู้ดีเซล 3.0 มาตรฐาน / หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 120,000 – 180,000 บาท
  • Super Wagon ตู้เบนซิน 2.5 ราคามือสองโดยประมาณ 120,000 – 180,000 บาท
  • Grand Wagon ตู้เบนซิน 2.5 ราคามือสองโดยประมาณ 120,000 – 190,000 บาท

Toyota Hiace / Commuter โฉมปี 2004 – 2019

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 2004 – 2006 (Hiace / Commuter ประกอบในญี่ปุ่น)

  • ดีเซล 2.5 Eco ตู้ทึบ / ดีเซล 2.5 Eco / ดีเซล 2.5 GL ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 500,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 2.5 หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 600,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter / Ventury ทุกรุ่น

รุ่นปี 2006 – 2011 (Hiace ประกอบในมาเลเซีย)

  • ดีเซล 2.5 Eco ตู้ทึบ / ดีเซล 2.5 Eco / ดีเซล 2.5 GL ราคามือสองโดยประมาณ 350,000 – 500,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 2.5 หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 550,000 บาท
  • Ventury เบนซิน 2.7 V / G ราคามือสองโดยประมาณ 250,000 – 500,000 บาท
  • Ventury Majesty เบนซิน 2.7 ราคามือสองโดยประมาณ 380,000 – 550,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter / Ventury ทุกรุ่น

รุ่นปี 2012 – 2015 (Commuter ประกอบในไทย)

  • ดีเซล 2.5 Eco ตู้ทึบ / ดีเซล 2.5 Eco / ดีเซล 2.5 GL ราคามือสองโดยประมาณ 350,000 – 550,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 3.0 หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 760,000 บาท
  • Ventury เบนซิน 2.7 V / G ราคามือสองโดยประมาณ 480,000 – 730,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter / Ventury ทุกรุ่น

รุ่นปี 2015 – 2019

  • ดีเซล 3.0 Eco ตู้ทึบ ราคามือสองโดยประมาณ 400,000 – 550,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 3.0 M/T – A/T หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 500,000 – 900,000 บาท
  • Ventury เบนซิน 2.7 G – ดีเซล 3.0 V / G ราคามือสองโดยประมาณ 450,000 – 890,000 บาท

Toyota-Commuter-2019

Toyota Hiace / Commuter โฉมปี 2019 – ปัจจุบัน

  • ราคามือสองโดยประมาณ 920,000 – 1,050,000 บาท

หมายเหตุ:

ราคานี้ เป็นราคาต่ำสุด – สุดสุด โดยประมาณ ตรวจสอบ ณ เดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งตามหลักแล้ว ราคาประเมิน ราคารับซื้อจากผู้ประกอบการรถมือสอง อาจจะต่ำกว่านี้ หรือสูงกว่านี้ ก็ได้ ซึ่งแตกต่างไปตามคุณลักษณะของสภาพรถ ปีที่ออกรถ ปีที่จดทะเบียน หรืออุปกรณ์ตกแต่งที่มี รวมไปถึงพื้นที่ในการขายรถของแต่ละภูมิภาค และรุ่นย่อยในแต่ละรุ่น ซึ่งมีผลต่อค่าเฉลี่ยของราคารถมือสอง

ใครที่กำลังอยากได้รถตู้ Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) หรือ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) รุ่นไหนอยู่ในใจ ลองคำนวณงบประมาณที่ตัวเองมี คำนวณเงินผ่อนและอัตราดอกเบี้ย ก่อนซื้อนะครับ จะได้ขับรถใช้งานได้อย่างมีความสุข และไม่กระทบเรื่องเงินในกระเป๋าตังค์ …

แต่ถ้าเงินไม่พอ! เอารถคันเดิมของคุณมาขายที่ CARRO สิ ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

4/10/2018

CARRO Automall มาตรการป้องกันโควิด-19

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยเป็นเวลานี้ จะยังคงทวีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกภาคส่วนต่างร่วมใจกันในการยับยั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19 กันอย่างเต็มที่ โดยทาง CARRO Thailand ก็ได้เตรียมพร้อมในการเพิ่มความมั่นใจ ให้กับผู้ที่เข้าเยี่ยมชมรถยนต์ภายใน CARRO Automall อย่างสูงสุด

ซึ่ง CARRO Automall เราพร้อมมอบบริการซื้อรถยนต์มือสองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบ ตามคอนเซ็ปต์ #ClickBuyDrive ด้วยบริการ Test Drive at Home นำรถที่ลูกค้าสนใจ ไปให้ทดลองขับถึงที่บ้าน ซึ่งรถยนต์ของเราผ่านการทำความสะอาดทุกจุด พร้อมพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในห้องโดยสาร ซึ่งพนักงานขายจะนั่งบริเวณเบาะหลังเพื่อเว้นระยะห่าง ให้คุณได้ทดลองขับได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจ ซึ่งถ้าถูกใจก็สามารถทำการซื้อได้ทันที!

Carro-Automall-Highlight-Cars

Test Drive at Home ให้บริการสำหรับทดลองขับรถเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต้องไม่ใช่พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงของการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่สำหรับลูกค้าที่มีความสนใจอยากดูตัวรถของจริง สามารถนัดวันทดลองขับรถได้ที่ CARRO Automall ซึ่งในช่วงนี้เรายังเปิดให้บริการตามปกติทุกวัน

แต่ถ้าคุณยังมีความกังวลในสถานการณ์ปัจจุบัน CARRO Automall อีกบริการเสริมอย่างการทดลองขับเสมือนจริงผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวโดยการ Video Call กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกชมรถตัวจริง พร้อมอธิบายข้อมูล รายละเอียด รถรุ่นที่คุณกำลังสนใจอยู่ อีกทั้งเปิดให้คุณดูจุดต่างๆ ของรถยนต์ รวมไปถึงสตาร์ทรถให้ฟังเสียงเครื่องยนต์ได้ เสมือนว่าคุณกำลังมาดูที่โชว์รูมจริงๆ ก่อนตัดสินใจนัดทดลองขับ เพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสเลือกรถที่คุณถูกใจที่สุดด้วยเช่นกัน

หากคุณสนใจสามารถคลิก “สนใจนัดดูรถ” พร้อมกรอกชื่อ เบอร์โทรศัพท์ เวลานัดหมายที่คุณสะดวกภายในเว็บไซต์ของ CARRO หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับหาคุณภายใน 1 ชั่วโมง (เฉพาะในเวลาทำการ) ซึ่งคุณสามารถแจ้งความต้องการว่าสนใจบริการ Test Drive At Home หรือนัดดูรถที่โชว์รูมสาขาใกล้บ้าน กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายได้เลย

สำหรับในส่วนของผู้ที่มาเยี่ยมชม หรือใช้บริการทางศูนย์ CARRO Automall เรามีมาตรการในการดูแลสถานที่ รวมทั้งการต้อนรับผู้มาเยี่ยมชม หรือมาซื้อรถที่โชว์รูมดังนี้

  1. ตั้งจุดคัดกรองตรวจคนเข้า-ออก พร้อมคัดกรองสุขภาพที่ปรึกษาการขาย และพนักงานทุกเช้า
  2. มี QR Code ไทยชนะ ให้สแกนทุกครั้งก่อนเข้าเยี่ยมชม
  3. มีบริการจุดวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงาน และผู้มาใช้บริการ
  4. จัดให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร
  5. บริการเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ ภายในโชว์รูม
  6. ทำความสะอาดโชว์รูมทุกจุด ตั้งแต่ก่อนเปิดให้บริการทุกวัน

และนี่คือบริการของเรา เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่สะดวก อุ่นใจ และปลอดภัย โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ก็สามารถซื้อรถได้เลยจ้า

หรือสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ CARRO Automall ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สาขาดอนเมือง, สาขาเกษตรนวมินทร์ และ CARRO Auction ศรีนครินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น. จ้า

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์

CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาดอนเมือง

CARRO Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาสวนหลวง

CARRO Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (หมู่บ้านเสรีวิลล่า) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

ส่วนใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ สามารถขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

เช็คราคารถมือสอง Honda Civic FC และ Civic Hatchback FK ทุกรุ่น

รถยอดนิยมของคนวัยเพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ไปจนถึงวัยกลางคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ดซีดาน หรือสปอร์ตแฮทช์แบค คงต้องยกให้ Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) ในรหัส “FC” และ Honda Civic Hatchback (ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบค) ในรหัส “FK” เพราะมียอดขายสะสมทะลุ 100,000 คัน กับกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำตลาดรถ Compact 4 ปีซ้อน

ซึ่ง Honda Civic ของทั้ง 2 โฉมนี้ มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจทั้งเครื่องยนต์ Turbo ขนาด 1.5 ลิตร 173 แรงม้า ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย

หากใครที่อยากขายรถคันเดิม เพื่อไปถอย Honda Civic FC และ Civic Hatchback FK มือสอง แบบได้เงินเร็วไว ไม่ต้องเสียเวลาประเมินราคาขายเอง หรือต้องรอจนกว่าจะมีคนมาซื้อรถได้ CARRO ขอแนะนำ CARRO Express เรารับซื้อรถทุกแบบ ได้ที่ Link นี้เลยจ้า https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถอีกครั้ง สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

Honda-Civic-Hatchback

Honda Civic FC โฉมปี 2016 – ปัจจุบัน

  • 1.8 E / EL / Turbo / Turbo RS MY2016 ราคามือสองโดยประมาณ 520,000 – 750,000 บาท
  • 1.8 E / EL / Turbo / Turbo RS MY2017 ราคามือสองโดยประมาณ 530,000 – 760,000 บาท

ปี 2017 เพิ่มสีแดงแรลลี่

  • 1.8 E / EL / Turbo / Turbo RS MY2018 ราคามือสองโดยประมาณ 590,000 – 800,000 บาท

ปี 2018 เพิ่มระบบ Honda Sensing และสีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (Brilliant Sporty Blue)

  • 1.8 E / EL / Turbo / Turbo RS MY2019 ราคามือสองโดยประมาณ 600,000 – 900,000 บาท

ปี 2020 เพิ่มสีแดงอิกไนต์ (Ignite Red)

  • 1.8 E / EL / Turbo / Turbo RS MY2020 ราคามือสองโดยประมาณ 700,000 – 950,000 บาท

Honda-Civic-Hatchback-MY2020

Honda City Hatchback FK โฉมปี 2017 – ปัจจุบัน

  • Turbo MY2017 ราคามือสองโดยประมาณ 780,000 – 900,000 บาท

ปี 2018 เพิ่มสีแดงแรลลี่

  • Turbo MY2018 ราคามือสองโดยประมาณ 840,000 – 900,000 บาท

ปี 2019 เพิ่มระบบ Honda Sensing และสีเทาโซนิค (มุก)

  • Turbo MY2019 ราคามือสองโดยประมาณ 850,000 – 950,000 บาท
  • Turbo MY2020 ราคามือสองโดยประมาณ 880,000 – 1,000,000 บาท

หมายเหตุ:

ราคานี้ เป็นราคาต่ำสุด – สุดสุด โดยประมาณ ตรวจสอบ ณ เดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งตามหลักแล้ว ราคาประเมิน ราคารับซื้อจากผู้ประกอบการรถมือสอง อาจจะต่ำกว่านี้ หรือสูงกว่านี้ ก็ได้ ซึ่งแตกต่างไปตามคุณลักษณะของสภาพรถ ปีที่ออกรถ ปีที่จดทะเบียน หรืออุปกรณ์ตกแต่งที่มี รวมไปถึงพื้นที่ในการขายรถของแต่ละภูมิภาค และรุ่นย่อยในแต่ละรุ่น ซึ่งมีผลต่อค่าเฉลี่ยของราคารถมือสอง

ใครที่กำลังอยากได้ Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) รุ่นไหนอยู่ในใจ ลองคำนวณงบประมาณที่ตัวเองมี คำนวณเงินผ่อนและอัตราดอกเบี้ย ก่อนซื้อนะครับ จะได้ขับรถไปไหนมาไหน อย่างมีความสุข และไม่กระทบเรื่องเงินในกระเป๋าตังค์ … แต่ถ้าเงินไม่พอ! เอารถคันเดิมของคุณมาขายที่ CARRO สิ ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

เช็คราคารถมือสอง Toyota Fortuner

รถยนต์อเนกประสงค์ที่ขายดีมากๆ อีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า นั่นคือ “Toyota Fortuner” (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2548 ของโครงการ IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถยนต์อย่างล้นหลาม ยอดจองมากมาย อีกทั้งความทนทาน อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง ราคามือสองไม่ตกมาก Fortuner ยังคงเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ ประเภท PPV ในประเทศไทย และยังเป็นรถยอดฮิตในตลาดต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันขายมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว

ย้อนไปเวลานั้น … หลายคนอาจจะซื้อรุ่นนี้ ในตอนที่ยังเป็นรถป้ายแดงไม่ไหว เนื่องจากมีราคาอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านกว่าบาทได้ ก็ต้องมามองหารถมือสองดู เพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า และสามารถนำเงินไปต่อยอดทำธุรกิจ หรือจับจ่ายใช้สอยอย่างอื่นได้ อีกทั้งเวลาขายต่อก็ไม่ขาดทุนมาก เนื่องจากเป็นรถที่คนนิยมอยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นรถที่หลายคนมักบอกว่าไฟหน้าชอบแยงตารถคันอื่นก็ตาม เพราะตัวรถสูงนั่นเอง ฮ่า ฮ่า

ที่นี้เรามาดูกันครับว่า เช็คราคารถมือสอง Toyota Fortuner (ประจำปี 2564) ตอนนี้ มีราคาในท้องตลาดที่ประมาณเท่าใดบ้าง? ไปเช็คราคากันได้เลยครับ

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2004 (ปลายปี) – 2008

  • 2.7 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 400,000 บาท
  • 3.0 V 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 380,000 – 500,000 บาท
  • 3.0 V 4WD Exclusive (ปี 2005-2006) ราคามือสองโดยประมาณ 400,000 – 500,000 บาท
  • 3.0 V 4WD Smart (ปี 2006-2007) ราคามือสองโดยประมาณ 430,000 – 500,000 บาท
  • 3.0 G 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 370,000 – 420,000 บาท

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2008 – 2011

  • 2.5 G 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 580,000 – 730,000 บาท
  • 2.7 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 495,000 – 780,000 บาท
  • 3.0 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 590,000 – 950,000 บาท
  • 3.0 G 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 600,000 – 800,000 บาท
  • 3.0 V 2WD Aperto (ปี 2009) ราคามือสองโดยประมาณ 680,000 – 750,000 บาท
  • 3.0 V 2WD Aperto II ปี 2010) ราคามือสองโดยประมาณ 750,000 – 850,000 บาท
  • 3.0 V 4WD TRD Sportivo I / II (ปี 2009-2010) ราคามือสองโดยประมาณ 625,000 – 800,000 บาท

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2011 – 2015

  • 2.5 G 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 540,000 – 650,000 บาท
  • 2.5 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 580,000 – 700,000 บาท
  • 2.7 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 450,000 – 600,000 บาท
  • 3.0 V 2WD / 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 570,000 – 760,000 บาท
  • 3.0 V 2WD 50 ปี โตโยต้า (ปี 2012) ราคามือสองโดยประมาณ 570,000 – 700,000 บาท
  • 3.0 V 4WD TRD Sportivo (ปี 2012 – 2015) ราคามือสองโดยประมาณ 680,000 – 850,000 บาท

Toyota Fortuner โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner โฉมปี 2015 – 2020

  • 2.4 G MT 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 780,000 – 1,000,000 บาท
  • 2.4 V 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 850,000 – 1,150,000 บาท
  • 2.7 V 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 870,000 – 1,150,000 บาท
  • 2.8 V 2WD ราคามือสองโดยประมาณ 870,000 – 1,250,000 บาท
  • 2.8 V 4WD ราคามือสองโดยประมาณ 880,000 – 1,250,000 บาท
  • 2.8 V 4WD TRD Sportivo ราคามือสองโดยประมาณ 1,050,000 – 1,450,000 บาท

Toyota-Fortuner-Legender

Toyota Fortuner โฉมปี 2020 – ปัจจุบัน

  • ราคามือสองโดยประมาณ 1,100,000 – 1,450,000 บาท

หมายเหตุ:

ราคานี้ เป็นราคาต่ำสุด – สุดสุด โดยประมาณ ตรวจสอบ ณ เดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งตามหลักแล้ว ราคาประเมิน ราคารับซื้อจากผู้ประกอบการรถมือสอง อาจจะต่ำกว่านี้ หรือสูงกว่านี้ ก็ได้ ซึ่งแตกต่างไปตามคุณลักษณะของสภาพรถ ปีที่ออกรถ ปีที่จดทะเบียน หรืออุปกรณ์ตกแต่งที่มี รวมไปถึงพื้นที่ในการขายรถของแต่ละภูมิภาค และรุ่นย่อยในแต่ละรุ่น ซึ่งมีผลต่อค่าเฉลี่ยของราคารถมือสอง

ใครที่กำลังอยากได้ Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) รุ่นไหนอยู่ในใจ ลองคำนวณงบประมาณที่ตัวเองมี คำนวณเงินผ่อนและอัตราดอกเบี้ย ก่อนซื้อนะครับ จะได้ขับรถไปไหนมาไหนอย่างมีความสุข และไม่กระทบเรื่องเงินในกระเป๋าตังค์ แต่ถ้าเงินไม่พอ! เอารถคันเดิมของคุณมาขายที่ CARRO สิ ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall