10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

จากการจัดอันดับของ JADA สมาพันธ์ผู้ค้ารถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Dealers Association) “ญี่ปุ่น” ยังเป็นประเทศที่มียอดขายรถที่มากติดอันดับโลก (ในปี 2021 มียอดขาย และจดทะเบียนรถในประเทศมากถึง 4,448,340 คัน ซึ่งยอดขายตกลงมาจากปี 2020 ถึงหนึ่งแสนกว่าคัน จากผลกระทบของโควิด-19 รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจหดตัวไปทั่วโลก) แต่เนื่องจากรถเก่ามีค่าตรวจสภาพ ค่าซ่อม ภาษีรถยนต์ และค่าประกันภัยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนนิยมใช้รถยนต์แค่ไม่กี่ปีก็ขายรถ แล้วซื้อคันใหม่

อ่านเพิ่มเติม >> 10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

สำหรับของรถ Kei Car (K-Car) นั้น หมายถึง Keijidōsha (軽自動車) หรือ รถขนาดเล็ก ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มียอดขายที่ถือว่าสูงมากๆ ต่อปี ด้วยอัตราภาษีที่ต่ำ หาที่จอดรถได้ง่าย รับกับถนนขนาดไม่ใหญ่นักของญี่ปุ่น (ซึ่งหากใครที่ซื้อรถยนต์ในญี่ปุ่น หากไม่มีที่จอด ซื้อไม่ได้นะจะบอกให้)

คุณสมบัติคร่าวๆ ของรถ K-Car หลักๆ ก็จะมีความยาวตัวรถที่ไม่เกิน 3.4 เมตร กว้างไม่เกิน 1.48 เมตร สูงไม่เกิน 2 เมตร มีเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 660 ซีซี และแรงม้าไม่เกิน 64 แรงม้า และมีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่บ้านเราก็นิยมเอาเข้ามามาก ในช่วงรถจดประกอบกำลังบูม

Mr.Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถ K-Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2021 (ซึ่งรถทุกรุ่น ยังมีขายเป็นรถใหม่ 2022 ในญี่ปุ่นอยู่ด้วย) ไปอ่านกันได้เลย …

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

1. Honda N-Box จำนวน 189,940 คัน

Honda N-Box (ฮอนด้า เอ็นบ็อกซ์) ยังครองแชมป์รถ K-Car ที่ขายดีที่สุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5! นับตั้งแต่เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2017 และปรับโฉมเล็กน้อยช่วงปลายเดือนธันวาคม 2020 โดยเป็นรถ Kei Car ที่คล้ายกับรถ MPV แบบประตูบานเลื่อนด้านข้าง นิยมกันสำหรับคนมีครอบครัว ไปจนถึงรุ่นใหญ่ อายุ 40-50 ปี ซึ่งมีให้เลือกทั้ง N-Box และ N-Box Custom เอาใจวัยรุ่น

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส S07B ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 58 แรงม้า ที่ 7,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 65 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 104 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

2. Suzuki Spacia จำนวน 128,881 คัน

Suzuki Spacia (ซูซูกิ สปาเซีย) เป็นรถ K-Car เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ต่อเนื่องมาเป็นปีที่สอง ด้วยรูปทรงแนวยอดนิยม กับจุดเด่นอย่างประตูด้านหลังแบบบานเลื่อนไฟฟ้า จากค่าย Suzuki นับตั้งแต่โฉมไมเนอร์เชนจ์ออกมาในเดือนกันยายน 2017 ก่อนจะปรับปรุงโฉมใหม่ล่าสุดอีกครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม 2021 ที่ผ่านมา

เป็นรถที่เน้นกลุ่มคนมีครอบครัว แม่บ้าน ส่วนกลุ่มวัยรุ่น เด็กจบใหม่ หนุ่มวัยทำงาน ก็ต้องเล่นรุ่น Spacia Custom ที่จัดเต็มออฟชั่นหรูเทียบเท่า Alphard หรือ Spacia Gear ตกแต่งในสไตล์ SUV พร้อมลุยเต็มพิกัด!

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินพลัง Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 52 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3.1 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้ถึง 22.2 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน WLTC)

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3.1 แรงม้า อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

3. Daihatsu Tanto จำนวน 116,912 คัน

Daihatsu Tanto (ไดฮัทสุ แทนโต) นี่ก็ถือว่าเป็นรถ K-Car ที่ขายดีของ Daihatsu นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2003 จวบจนถึงปัจจุบันที่เป็นเจเนอเรชั่น 4 เปิดตัวไปในเดือนกรกฎาคม 2019 รุ่นนี้พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ DNGA หรือ Daihatsu New Global Architecture ที่นำแนวคิดมาจาก Toyota นั่นเอง มีจุดเด่นอย่างประตูด้านหลังเป็นแบบบานเลือนไฟฟ้า และออฟชั่นทุกสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการ

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 52 แรงม้า ที่ 6,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

4. Daihatsu Move จำนวน 95,840 คัน

Daihatsu Move (ไดฮัทสุ มูฟ) รถ K-Car รุ่นยอดนิยมของไดฮัทสุ นับตั้งแต่ออกมาในปี 1995 จนถึงปัจจุบันนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 ที่ออกมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2014 และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนสิงหาคม 2017 ก็ช่วยให้ยอดขายยังสามารถสู้กับรถ Kei Car รุ่นอื่นๆ ได้ในเวลานี้ ยังมีทั้งรุ่นเพื่อครอบครัวอย่าง Move และรุ่นเอาใจคนวัยทำงาน รักการแต่งรถ ชอบความสปอร์ตอย่าง Move Custom หรือรุ่นเอาใจสาวๆ อย่าง Move Canbus

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 5,200 รอบ/นาที

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo สำหรับรุ่น Custom ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

5. Nissan Roox จำนวน 84,748 คัน

Nissan Roox (นิสสัน รู๊ค) รถทรงกล่องสุดน่ารัก แบบประตูบานเลื่อนด้านข้าง โฉมใหม่เจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นถึง 16.4% ในปี 2021 สวนทางกับรถ K-Car หลายๆ รุ่น ที่ยอดขายตกลงไป

โดยรถรุ่นนี้พัฒนาร่วมกันระหว่าง Nissan กับ Mitsubishi eK Space และ eK X Space สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม NMKV มีให้เลือกถึง 2 แบบ ได้แก่ Roox และ Roox Highway Star

ห้องโดยสารภายในชูจุดเด่นด้วยความกว้าง สูง พื้นที่นั่งโดยสารด้านหลังให้ความกว้างถึง 770 มม. และความสูงภายในรถที่มากถึง 139 ซม. และพื้นที่เก็บสัมภาระตามจุดต่างๆ มากมาย สามารถเข้า-ออกง่าย ด้วยประตูบานข้างแบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี เปิด-ปิดอัตโนมัติ ได้กว้างถึง 650 มม.

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 659 ซีซี รหัส BR06 ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่วนรุ่น S-Hybrid จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2 กิโลวัตต์ เข้ามาด้วย

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Hybrid ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

6. Suzuki Hustler จำนวน 82,486 คัน

Suzuki Hustler (ซูซูกิ ฮัตสเลอร์) เป็นรถแนว Crossover SUV แบบ K-Car ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแดนปลาดิบอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นนี้นับว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในเดือนมกราคม 2020 มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ นั่นคือ Hustler และ Hustler J Style II ซึ่งยังแบ่งปันตัวรถให้กับทาง Mazda นำไปแปะขายในแบรนด์ตัวเองด้วยในชื่อ Flair Crossover เช่นเคย แถมในบ้านเรายังมีคนสั่งนำเข้ามา! ในราคาคันละล้านกว่าบาท …..

ห้องโดยสารภายในมี 4 ที่นั่ง ใช้เบาะนั่งคู่หน้าแบบสีทูโทน แปลกตาด้วยการแบ่งคอนโซลหน้าออกเป็น 3 ส่วน ด้วยวัสดุตกแต่ง พร้อมผังหน้าจอ Infotainment ขนาด 9 นิ้ว เอาไว้บริเวณกึ่งกลาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน พร้อมจอ MID ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ รวมถึงแอร์อัตโนมัติ เป็นต้น

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่เพิ่มตัวฉีดน้ำมันเกียร์เป็น 2 ตัว พร้อมปรับปรุงชุดสายพาน และระบบ Cooled EGR กับระบบหัวฉีดคู่

และเครื่องยนต์ 3 สูบ Turbo Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A มอบแรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ขุมพลังทั้งสองทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ซึ่งเก็บพลังงานที่เหลือใช้จากการขับขี่ เช่น การเบรก มาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ใช้ในแบตเตอรี่ได้ รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Suzuki Safety Support ที่มีคุณสมบัติอีกเพียบ

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

7. Suzuki Wagon R จำนวน 68,970 คัน

Suzuki Wagon R (ซูซูกิ แวกอนอาร์) นับเป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 6 แล้วสำหรับรถแวกอน K-Car ทรงสูงของ Suzuki รุ่นนี้ที่ออกมาในปี 1993 โดยในโฉมนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 บนแพลทฟอร์มใหม่ล่าสุดอย่าง HEARTECT ที่น้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง ตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น

มีให้เลือก 3 แบบ นั่นคือ Wagon R เอาใจคุณผู้หญิง หรือคนที่มีครอบครัว และ Wagon R Stingray เอาใจวัยรุ่น เด็กจบใหม่ คนวัยทำงาน มาพร้อมการตกแต่งภายในที่ดูอบอุ่นในรุ่น Wagon R และดูเร้าใจ สปอร์ต สนุกสนาน ในรุ่น Wagon R Stingray

และรุ่นล่าสุดในตระกูล Wagon R ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว อย่าง Wagon R Smile ที่มาพร้อมหน้าตาบ๊องแบ๊วสไตล์ Retro ประตูข้างแบบบานเลื่อนไฟฟ้า เอาใจสาวๆ ที่มีลูกเล็ก หรือคนมีครอบครัว กับผู้สูงอายุ

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่เพิ่มตัวฉีดน้ำมันเกียร์เป็น 2 ตัว พร้อมปรับปรุงชุดสายพาน และระบบ Cooled EGR กับระบบฉีดหัวคู่

และเครื่องยนต์ 3 สูบ Turbo Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A มอบแรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ขุมพลังทั้งสองทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ซึ่งเก็บพลังงานที่เหลือใช้จากการขับขี่ เช่น การเบรก มาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ใช้ในแบตเตอรี่ได้ รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Suzuki Safety Support ที่มีคุณสมบัติเหมือนในรุ่น Hutsler

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

8. Daihatsu Mira จำนวน 65,803 คัน

Daihatsu Mira e:S (ไดฮัทสุ มิร่า อีเอส) รถ Eco-Car แบบฉบับญี่ปุ่นเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2017 ซึ่งยังคงขายได้เรื่อยๆ ในตลาดญี่ปุ่น แถมเป็นคู่แฝดกันกับ Toyota Pixis Epoch และ Subaru Pleo Plus รวมถึงยังเป็นรุ่นที่มาทดแทน Mira รุ่นดั้งเดิม นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 อีกด้วย

ความพิเศษของรถรุ่นนี้คือการแนะนำ “e:S technology” ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 32.2 – 35.2 กม./ลิตร (วัดตามมาตรฐานโหมด JC08) ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบาจากเทคโนโลยี D Monocoque และวัสดุเรซิ่นที่นำกลับมาใช้ใหม่ และติดตั้งระบบ Smart Assist III ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการหลีกเลี่ยงการชน

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้าที่ 6,800 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 57 นิวตันเมตรที่ 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

9. Daihatsu Taft จำนวน 62,278 คัน

Daihatsu Taft (ไดฮัทสุ ทาฟท์) รถ K-Car ในสไตล์ SUV ที่ยอดฮิตมากในญี่ปุ่น กับยอดขายที่พุ่งขึ้นมาจากปี 2020 ถึง 45%! เพราะตอบโจทย์การใช้งานในเมืองและวันพักผ่อน และยังมีสั่งนำเข้ามาขายในบ้านเราอีกด้วย (ในราคาคันละหนึ่งล้านกว่าบาท) เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Auto Salon 2020 ก่อนจำหน่ายจริงช่วงเดือนมิถุนายน 2020

เป็นรถทรงเหลี่ยมที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA (Daihatsu New Global Architecture) ในแนวคิด Tough & Almighty Fun Tool ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายไลฟ์สไตล์ ชุดไฟหน้าแบบ LED กันชนหน้า-หลัง แบบยกสูง พร้อมโป่งล้อสีดำสไตล์รถ SUV และภายในตกแต่งเน้นความเหลี่ยม กับใช้โลหะเป็นส่วนประกอบ พร้อมหลังคากระจกขนาดใหญ่ “Sky Feel Top” เป็นจุดเด่น

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้าที่ 6,900 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 60 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือกเช่นกัน

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

10. Suzuki Alto จำนวน 60,919 คัน

Suzuki Alto (ซูซูกิ อัลโต้) เป็นรถ K-Car รุ่นยอดฮิตตลอดกาลของ Suzuki ทั้งในญี่ปุ่นและในต่างประเทศตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1979 สร้างยอดขายรวมทุกรุ่นได้ 5 ล้านกว่าคัน โดยในโฉมนี้เป็นเจเนอเรชั่นที่ 9 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2021 เพียงเดือนเดียวก็สามารถพายอดขายขึ้นมาติด 10 อันดับได้ ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน!

Suzuki Alto มาพร้อมตัวถังที่คงความย้อนยุคไว้ เช่นเดียวกับรุ่นแรกที่ออกมาในปี 1979 ทั้งความคล่องตัวในการขับขี่ ประหยัดน้ำมัน ตัวถังทรงกล่อง และการออกแบบภายในที่เรียบง่าย พร้อมระบบความปลอดภัย Suzuki Safety Support มาให้ทุกรุ่นย่อย

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 657 ซีซี รหัส R06A ให้แรงม้าสูงสุด 46 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 55 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

และเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : ข้อมูลรถ 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนพฤษภาคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไป ราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

แหล่งที่มาจาก:

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

“ญี่ปุ่น” นับเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก แม้ว่าในช่วงหลังๆ อาจจะดูเงียบไปบ้าง (เนื่องจากเจอค่ายรถยนต์จากจีน พยายามแซงขึ้นมาแล้ว) แต่ก็ยังมีแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่หลายแบรนด์ อีกทั้งยอดขายภายในประเทศตัวเอง ก็ขายได้มากถึงหลายล้านคันต่อปี

นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา เจอโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก แถมด้วยสายพันธุ์ใหม่กระหน่ำซ้ำอีก บวกกับปัญหาจากวิกฤติ Semiconductor Chip Shortage หรือชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน ทำให้รถบางรุ่นต้องพักสายการผลิต เพราะไม่สามารถหาชิปมาผลิตรถได้

บรรดาค่ายรถญี่ปุ่นก็ได้ผลกระทบต่อเนื่อง ในปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดขาย และยอดจดทะเบียนรถในประเทศญี่ปุ่น ตกลงมาเหลือ 4,448,340 คัน ลดลง 3.3% เมื่อเทียบกับยอดขายรถในปี 2020 ที่ผ่านมาที่ทำได้มากถึง 4,598,615 คัน (ซึ่งก็เป็นยอดที่ลดลงมาแล้วก็ตาม)

ในรอบหนึ่งทศวรรษ นี่นับเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่ที่ในญี่ปุ่นเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ คลื่นสึนามิถล่มในเดือนมีนาคม 2011 และในปี 2016 ที่ส่งผลให้ยอดขายรถตกลงมาต่ำกว่า 5 ล้านคัน ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง แต่ในปี 2022 นี้ หลายฝ่ายต่างคาดว่ายอดขายจะดีขึ้น เพราะมียอดจองรถที่เข้ามามาก รวมไปถึงวิกฤตโควิด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเริ่มแผ่วเบาลง

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

ตัวเลขยอดขาย แยกย่อยออกเป็นรถยนต์ทั่วไป 2,399,862 คัน (-3.2% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถ K-Car 1,275,836 คัน (-4.2% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถเชิงพาณิชย์ 389,076 คัน (-0.8% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถ K-Car เชิงพาณิชย์ 376,686 คัน (-2.6% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว) และรถบัส 6,880 คัน (-26.3% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว)

ซึ่งยอดขายรถบางส่วนนี้ รวมไปถึงรถยนต์ที่ผู้จำหน่ายอิสระซื้อ และสั่งเข้ามาขายในไทยด้วยนะครับ

สำหรับรถยนต์ในญี่ปุ่นนั้น มีอายุการใช้งานที่ไม่มากนัก เพียงไม่กี่ปี จากอัตราภาษีที่ปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุรถและค่าซ่อมรถที่ค่อนข้างแพง จึงทำให้มีการกระตุ้นยอดขายรถใหม่ไปในตัวตลอด แล้วรถใหม่ก็มีราคาจำหน่ายที่ไม่แพงมาก ผนวกกับค่าครองชีพของคนญี่ปุ่น ที่สูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็สามารถซื้อรถยนต์คันใหม่ได้ไม่ยาก ยอดขายรถจึงค่อนข้างสูงหลายแสนคันต่อเดือน

Mr.Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น (ตามการจัดอันดับของสมาพันธ์ผู้ค้ารถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น JADA (Japan Automobile Dealers Association) ซึ่งรถยนต์แบบ K-Car จะถูกจับแยกออกไปต่างหาก) ประจำปี 2021 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

1. Toyota Yaris ยอดขาย 212,927 คัน

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) น้องเล็กของ Toyota ที่เป็น Yaris ในตลาดโลก (แต่ในบ้านเรา กลับได้ Yaris เวอร์ชั่นจีนมาแทน) เพิ่งปรับโฉมโมเดลเชนจ์ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา สามารถไต่ยอดขายได้เป็นไปอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง แสดงให้เห็นว่าชาวญี่ปุ่นนิยมรถแนวนี้มากๆ

โดยโฉมนี้ใช้แพลตฟอร์มใหม่อย่าง TNGA-B มาในรูปแบบสปอร์ต ภายในขับขี่ง่าย ใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ง่าย พร้อมระบบความปลอดภัยอย่าง Toyota Safety Sense ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร รหัส 1KR-FE ให้แรงม้าสูงสุด 69 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที

แบบเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NR-FKE ให้แรงม้าสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่วนเครื่องยนต์รหัส 1NR-FE มี ให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 119 นิวตัน-เมตร

ส่วนขุมพลัง Hybrid มีขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 74 แรงม้า ที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 111 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-4,400 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 61 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 169 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

อีกทั้งยังมีรุ่นพลังแรงให้เลือก (ที่มีขายในบ้านเราด้วย!) นั่นคือ Toyota GR Yaris ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส G16E-GTS แบบแถวเรียง 3 สูบ เทอร์โบ DOHC 12 วาล์ว ขุมพลังใหม่ล่าสุด พละกำลังสูง ด้วยความแรงระดับ 261 แรงม้า  พร้อมแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด iMT (Intelligent Manual Transmission) และรุ่น GRMN Yaris ที่ลดน้ำหนักตัวรถลงไปถึง 20 กิโลกรัม สำหรับนักขับแบบฮาร์ดคอร์ จำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น

สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 230 กม./ชม. โดยพละกำลังทั้งหมดจากเครื่องยนต์ จะถูกถ่ายทอดผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่า “GR-FOUR”

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

2. Toyota Roomy ยอดขาย 134,801 คัน

Toyota Roomy (โตโยต้า รูมมี่) รถยอดนิยม รูปทรงแบบ Tall Boy ที่มาแทน Toyota bB (โตโยต้า บีบี) รุ่นก่อนหน้า ที่ยังมีคู่แฝด ในชื่อ Daihatsu Thor อีกด้วย รุ่นปัจจุบันเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์เมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่ผ่านมา เป็นรถที่นั่งได้ 5 ที่นั่ง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร รหัส 1KR-FE ซึ่งให้แรงม้าสูงสุด 69 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที

และในรุ่น Turbo Intercooler รหัส 1KR-VET ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที แรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรที่ไม่มี Turbo

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

3. Toyota Corolla ยอดขาย 110,865 คัน

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) ต้องบอกได้ว่าลุคของ Corolla ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 12 นี้ ฉีกความอนุรักษ์นิยมเดิมๆ เรียบๆ เรื่อยๆ ของ Corolla Axio ทิ้งไปได้หมดจริงๆ สำหรับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ดูเปรี้ยวสุดๆ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน และยังมีรุ่น 5 ประตู Sport Hatchback กับรุ่นแวกอนอย่าง Touring ออกมาขายเช่นเคย

ขุมพลังของทั้งรุ่น Sedan, Sport และ Touring มีให้เลือก 2 รุ่นเครื่องยนต์ ตั้งแต่เบนซินขนาด 1.2 ลิตร Turbo รหัส 8AR-FTS ให้แรงม้าสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,200-5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ iMT และเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่สามารถล็อคอัตราทดได้ 10 สปีด

แบบเบนซินเพียวๆ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FAE ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร ที่ 3,900 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ส่วนขุมพลัง Hybrid ยกมาจาก Prius ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 72 แรงม้า ให้กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบอยู่ที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา Toyota ได้ออกรุ่นพิเศษให้กับ Corolla 50 Million Edition ฉลองครบรอบการผลิตครบ 50 ล้านคัน ของโคโรลล่า Hybrid ทุกรุ่นย่อยอีกด้วย

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

4. Toyota Alphard ยอดขาย 95,049 คัน

Toyota Alphard (โตโยต้า อัลฟาร์ด) ยังคงเป็นรถแวนระดับหรู ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในญี่ปุ่นและในไทย แม้จะอยู่ในช่วงปลายอายุตลาดแล้ว แต่ในปี 2021 ยังมาพร้อมตัวเลขยอดขายที่สูงกว่าในปี 2020 ถึง 4.7% (ปี 2020 ยอดขาย 90,748 คัน)

มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายด้วยชุดเซ็นเซอร์เปิดฝาท้ายแบบ Kick activated เพิ่มสุนทรียภาพในทุกการเดินทางด้วยเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสด้านหน้าขนาด 10.5 นิ้ว และด้านหลังขนาด 13.3 นิ้ว ที่สามารถรองรับ Apple Carplay ตลอดจนลำโพง JBL 17 ตัว

นอกจากนี้ยังมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) กล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (Digital Video Recorder) และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้ารุ่นล่าสุด อย่าง Toyota Safety Sense เจเนอเรชั่นที่ 2

ขุมพลังพื้นฐานมีเป็นแบบเบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที

ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 152 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 – 4,800 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหน้าให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า และตัวหลัง 68 แรงม้า โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

และขุมพลังเบนซินขนาด 3.5 ลิตร รหัส 3GR-FKS แบบ V6 DOHC Chain Drive VVT-iW และ D-4S ให้แรงม้าสูงสุด 296 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 361 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 – 4,700 รอบ/นาที

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

5. Nissan Note ยอดขาย 90,177 คัน

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) รถ Sub-Compact โฉมใหม่ล่าสุดจาก Nissan ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ สร้างยอดขายแบบพุ่งกระฉูดได้ตลอดปี 2021 ต่างจาก Nissan Note จำหน่ายในบ้านเราลิบลับ! แถมยังมี Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) มาช่วยเสริมทัพด้วย

โดย Nissan Note โฉมล่าสุดนี้ถูกออกแบบใหม่หมด มาพร้อมความคล้าย Nissan Leaf หน่อยๆ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง V-Motion ไฟหน้าแบบ LED แบบ 4 ดวงในแต่ละข้าง ส่วนไฟท้ายเป็นรูปทรงแนวนอน พร้อมล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว มีสีตัวถังให้เลือกเยอะถึง 13 สี และสามารถเลือกหลังคาแบบสีดำได้

ส่วนภายในห้องโดยสารหรูหราขึ้นมาก แผงคอนโซลแบบสองชั้น ส่วนคอนโซลกลางมาพร้อมคันเกียร์ไฟฟ้า ติดตั้งเบาะนั่ง Zero Gravity พร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่ เสริมด้วยจอ Infotainment ขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล ติดตั้งระบบ ProPILOT with Navi-link สามารถปรับความเร็วตามป้ายจำกัดความเร็วได้อัตโนมัติ รวมถึงลดความเร็วก่อนเข้าโค้งได้

ขุมพลัง e-Power พัฒนาให้มีกำลังเพิ่มขึ้น 6% และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้น 10% เป็นแบบเบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 82 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร (รุ่น 4WD มีมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลัง ขนาด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร เพิ่มมาให้ด้วย) มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

ส่วน Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) ที่ปรับแต่งให้สวยหรูยิ่งขึ้น และ Nissan Note Aura Nismo (นิสสัน โน๊ต ออร่า นิสโม่) ที่เปิดตัวไปในเดือนสิงหาคม 2021 ทาง Nissan ระบุว่า Note Aura เป็นรถรุ่นแรกของ Nissan ที่ตกแต่งในธีมการออกแบบใหม่ของ Nismo มาพร้อมชุดแต่งรอบคันที่ตกแต่งด้วยสีแดง มีไฟตัดหมอกหน้า-หลัง พร้อมเบาะนั่งแบบบักเก็ตซีทสไตล์รถแข่งจาก Recaro ตกแต่งด้วยวัสดุหนังกลับและหนังสังเคราะห์ ตกแต่งแผงคอนโซลลายคาร์บอนสีแดง ก็ช่วยให้ยอดขายกระฉูดกันไป

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

6. Toyota Raize ยอดขาย 81,880 คัน

Toyota Raize (โตโยต้า ไรซ์) รถ Crossover ขนาดเล็กยอดนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น ที่มีคู่แฝดร่วมกันกับ Daihatsu Rocky (ไดฮัทสุ ร็อคกี้) ซึ่งมีการดีไซน์ที่คล้ายกับ Toyota RAV4 รุ่นใหม่อยู่ไม่น้อย ที่นอกจากจะขายดีในญี่ปุ่นแล้ว Toyota ยังนำไปเปิดตัวในหลายๆ ประเทศ และในอาเซียน ก็ขายดีไม่แพ้กัน

มาพร้อมกันชนหน้าทรงสปอร์ตขนาดใหญ่ และไฟตัดหมอก กับไฟ Daytime Running Light ทรงแนวนอน พร้อมไฟท้ายแบบ LED กับห้องโดยสารภายใน ที่นั่งกันได้สบายๆ 5 คน พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีมากถึง 369 ลิตร

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรหัส 1KR-VET แบบ 3 สูบ DOHC Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 140 นิวตันเมตร ที่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Dynamic Torque Control 4WD ให้เลือก

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

7. Toyota Harrier ยอดขาย 74,575 คัน

Toyota Harrier (โตโยต้า แฮริเออร์) เจเนอเรชั่นที่ 4 แม้ว่าในบ้านเราอาจจะไม่ได้ฮิตเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นยังเป็นรถ SUV ที่ขายดีมาก สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (GA-K) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แนวหลังคาลาดแบบรถคูเป้ ให้การขับขี่ที่สบายและสนุกมากกว่าเดิม และมิติตัวรถที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ

รูปลักษณ์ภายนอกของดีไซน์ดูแข็งแกร่ง โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED แบบเรียวบางพร้อมแถบโครเมี่ยม พร้อมชุดไฟท้าย LED แนวนอนคาดยาวเต็มความกว้างของบั้นท้าย ส่วนภายในห้องโดยสารใช้โทนสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไม้กฤษณา และตกแต่งด้วยหนังสังเคราะห์ พร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ

เครื่องยนต์นั้นมีทั้งแบบเบนซิน และแบบไฮบริดให้เลือก โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส M20A-FKS ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-CVT

และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 120 แรงม้า และด้านหลัง 54 แรงม้า รวมกำลังสงสุด 222 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

8. Toyota Aqua ยอดขาย 72,495 คัน

Toyota Aqua (โตโยต้า อควา) หรือ Prius C (พรีอุส ซี) ในตลาดต่างประเทศ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปในเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา ด้วยรูปทรงที่น่ารัก ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม TNGA GA-B ขยายความยาวฐานล้อเพิ่มอีก 50 มม. โดยที่ยังคงเอกลักษณ์ความน่ารักไว้คล้ายกับในโฉมที่แล้ว

แน่นอนว่ารุ่นนี้ต้องมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำๆ อยู่แล้ว อาทิ ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ในทุกรุ่นย่อย พร้อมระบบช่วยจอด Toyota Teammate Advanced Park ครั้งแรกในรถ Compact ของ Toyota ซึ่งตัวรถสามารถควบคุมการจอดรถเองได้หมด ทั้งเดินหน้า-ถอยหลัง หรือหมุนพวงมาลัยเอง

และยังเป็นรถที่สามารถใช้จ่ายไฟในกรณีฉุกเฉินยามเกิดภัยพิบัติได้ด้วย สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 1,500 วัตต์แบบกระแสสลับ ด้วยแรงดัน 100 โวลต์ ตามมาตรฐานครัวเรือนญี่ปุ่น พร้อมทั้งช่องจ่ายไฟแบบ USB สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กด้วย

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตรแบบใหม่ รหัส M15A-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800-4,800 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 80 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร

มาพร้อมระบบ Pleasure Pedal เป็นครั้งแรก หากใช้โหมด Power+ สามารถใช้แป้นคันเร่งเพิ่มหรือชลอความเร็วเพียงแป้นเดียวได้ ช่วยให้ขับรถในเมืองได้สบายขึ้น ขณะที่โหมดอื่นๆ ประกอบด้วย Normal, Power และ Eco-Drive

มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ E-Four ที่จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มมาที่ด้านหลังอีก 1 ตัวด้วย ให้กำลัง 6.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 5.3 นิวตัน-เมตร

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

9. Toyota Voxy ยอดขาย 70,085 คัน

Toyota Voxy (โตโยต้า วอกซี่) สำหรับเจเนอเรชั่นที่ 3 ของรถ MPV ขายดีฝั่ง Toyota อย่าง Voxy นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2017 ก่อนจะปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2017 และยังมีคู่แฝดร่วมรุ่นอย่าง Noah และ Esquire ที่ในบ้านเราก็มีคนนำเข้ามาขายกันหลายคัน พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยล่าสุดอย่าง Toyota Safety Sense C

เครื่องยนต์นั้นมีทั้งแบบเบนซิน และแบบไฮบริดให้เลือก โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3ZR-FAE ให้แรงม้าสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสงสุด 207 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

10. Honda Freed ยอดขาย 69,577 คัน

Honda Freed (ฮอนด้า ฟรีด) แม้ว่าจะเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 2 ไปตั้งแต่ปี 2016 ที่ผ่านมา แต่กระแสตอบรับยังแรงต่อเนื่อง นับเป็นรถ Minivan MPV ขนาดเล็กที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ Honda Fit และ Grace (หรือ Honda Jazz กับ City ในไทย) มีจำหน่ายทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ซึ่งในปี 2021 ที่ผ่านมา Honda Freed ก็ฉลองยอดการผลิตไปถึง 1 ล้านคันเรียบร้อย

ขุมพลังมีให้เลือกทั้งเบนซินและ Hybrid เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 153 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ในส่วนของเครื่องยนต์ Hybrid ทำงานคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC + ระบบ Hybrid แบบ Sport Hybrid i-DCD ให้แรงม้าสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 29.5 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 7 สปีด

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถขายดีสุดในญี่ปุ่นที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจใครหลายๆ คนนะครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : ข้อมูลรถ 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนเมษายน 2565 เมื่อเวลาผ่านไป ราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

แหล่งที่มาจาก:

10 อันดับ รถ MPV ราคาดีในไทย ปี 2022

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ MPV” (Multi-Purpose Vehicle) แล้ว นี่ล่ะ ถือเป็นขวัญใจของคนมีครอบครัวใหญ่ ญาติพี่น้องเยอะ หรือลูกหลายคนเลยทีเดียว สำหรับรถ MPV ส่วนใหญจะมีนั่งได้ตั้งแต่ 5 – 11 คน เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีครอบครัวใหญ่ๆ มีเด็กๆ เป็นได้ทั้งรถผู้สูงอายุ และรถคันที่สองของบ้าน ใช้งานได้หลากหลาย

สำหรับรถ MPV ในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 3 แบบหลักๆ ได้แก่ รถ MPV ที่มีพื้นฐานแบบเดียวกับรถเก๋ง แต่ออกแบบรูปทรงใหม่ให้เป็นรถสไตล์มินิแวน, รถ MPV แนว Crossover ที่ดูลุยกว่า ส่วนมากมักจะเน้นซุ้มโป่งล้อสีดำรอบคัน หรือยกสูงขึ้นหน่อย

และอีกแบบนั่นคือแบบ Minivan อันนี้ส่วนใหญ่จะพัฒนาพื้นฐานของตัวรถขึ้นมาใหม่ มีตั้งแต่รถมินิแวนรุ่นเล็ก จนถึงมินิแวนขนาดใหญ่ ส่วนมากนิยมใช้ประตูสไลด์ไฟฟ้า เพื่อให้คนเข้า-ออก ง่าย

ปัจจุบันกระแสความนิยมรถ MPV ถือได้ว่ามากพอสมควร แม้ว่าหลายรุ่นจะเป็นรถนำเข้า มีราคาสูงถึงหลายล้านบาทก็ตาม ในส่วนของคนมีครอบครัว มีเด็กๆ รวมไปถึงบ้านที่มีผู้สูงอายุ เน้นความนั่งสบาย ขึ้น-ลงสะดวก

ด้วยเหตุนี้ CARRO จึงขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ MPV ราคาถูกสุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

Suzuki Ertiga / ซูซูกิ เออร์ติก้า

1. Suzuki Ertiga GL ราคา 659,000 บาท

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติกา) เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นรถอเนกประสงค์แบบ MPV 7 ที่นั่ง นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ที่ออกแบบตัวรถให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง คอนโซลลายไม้แบบเล่นระดับ และยังมีแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลังอีกด้วย

มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถัง TECT และระบบ NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Keyless Entry และ Keyless Push Start

ใช้เครื่องยนต์เบนซินใหม่ ตัวเดียวกับในรุ่น Swift รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

Honda Mobilio / ฮอนด้า โมบิลิโอ้

2. Honda Mobilio S ราคา 659,000 บาท

Honda Mobilio (ฮอนด้า โมบิลิโอ) รถแบบ Sub-Compact SUV ที่พัฒนาจากพื้นฐานของ Brio ยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น จัดเป็นรถอเนกประสงค์ของ Honda รุ่นแรก ที่ผลิตในประเทศไทย โดยฮอนด้าเรียกรถรุ่นนี้ว่า Metro Utility Vehicle (MUV)

เปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนพฤษภาคม 2560 ชูจุดเด่นห้องโดยสารกว้างสะดวกสบาย กับเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ล้ำสมัยด้วยคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอ MID, ระบบแอร์อัตโนมัติ, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่เชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI ได้ เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร จากในรุ่น City และ Jazz 117 แรงม้า พ่วงด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ให้สมรรถนะดี ประหยัดน้ำมัน และรองรับแก๊สโซฮอล์ E85

Toyota Sienta / โตโยต้า เซียนต้า

3. Toyota Sienta 1.5G ราคา 765,000 บาท

Toyota Sienta (โตโยต้า เซียนต้า) จัดเป็นรถในรูปแบบ MPV ราคาต่ำล้านเพียงรุ่นเดียวที่ใช้ประตูบานเลื่อนด้านข้างแบบไฟฟ้ามาให้ (ในรุ่นเริ่มต้น 1.5 G ราคา 765,000 บาท ประตูเลื่อนไฟฟ้าได้เฉพาะด้านซ้าย) เปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ก่อนจะปรับโฉมในช่วงเดือนสิงหาคม 2562 และเป็นรถที่นำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเคย

การออกแบบภายนอก ได้แรงบันดาลใจมาจาก “Urban Trekking Shoes” หรือ “รองเท้าเดินป่าสมัยใหม่” เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์หลากหลาย แต่เป็นรถที่ขับได้ทุกวัย และนั่งได้ถึง 7 ที่นั่ง พร้อมปรับรูปแบบการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ในรถมีระบบหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว เป็นมาตรฐาน รวมถึงระบบความปลอดภัยครบครัน

ขุมพลังใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 2NR-FE ขนาด 1.5 ลิตร 108 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 16.1 กม./ลิตร

Honda-BR-V / ฮอนด้า บีอาร์วี

4. Honda BR-V V ราคา 765,000 บาท

Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์วี) เป็นรถแนว Active Sport Crossover (หรือ Mini SUV) ที่ปรับโฉมล่าสุดไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่และไฟ LED สำหรับวิ่งกลางวัน, ไฟตัดหมอกใหม่ เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว แถมยังสีภายนอกเพิ่มสีใหม่ แดงมุก Passion Red

ชูจุดเด่นด้วยห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-แดงสไตล์สปอร์ต มีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับแยกแบบ 60:40 หรือพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) ปรับเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อให้ผู้โดยสาร แถวที่ 3 เข้า-ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น และพนักพิงปรับเอนได้ถึง 3 ระดับ

โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พนักพิงสามารถพับแยกแบบ 50:50 หรือพับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย และแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร แบบเดียวกับใน Honda City (รุ่นเก่า) ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85

Suzuki XL7 / ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7

5. Suzuki XL7 GLX ราคา 779,000 บาท

Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) Crossover MPV อีกรุ่นที่เปิดตัวในเดือนกรกฏาคม 2563 ด้วยรูปแบบ Multi-Dynamic Crossover ที่ชูแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต พัฒนามาจากรุ่น Ertiga และนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เอาใจชาวไทยที่ชอบรถแนวอเนกประสงค์ MPV ในรูปแบบ Crossover 7 ที่นั่ง ดีไซน์สปอร์ตเข้ม ดุดัน พร้อมลุย

ห้องโดยสารภายใน สไตล์สปอร์ตพรีเมียม ด้วยพวงมาลัย D-Shape แบบสปอร์ต มาพร้อมจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว พร้อม Apple CarPlay ระบบแอร์อัตโนมัติ พร้อมแอร์แถวหลัง, มี Keyless Push Start และชุดเบาะที่ปรับรูปแบบการใช้งานได้หลายอย่าง

มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เป็นที่คุ้นเคยกันดีจากในรุ่น Ertiga

Mitsubishi Xpander / เอ็กซ์แพนเดอร์

6. Mitsubishi Xpander GLS-LTD. ราคา 789,000 บาท

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) จัดเป็นรถ Crossover MPV ที่ยอดนิยมมากในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ นำมาเปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ด้วยคุณสมบัติที่ใหญ่กว่า สูงกว่า ในสไตล์รถ MPV ในระดับเดียวกัน และมีดีไซน์ตัวรถแบบ Advanced Dynamic Shield Design ที่ดูคล้ายกับรถ SUV มาก

กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สอง สามารถพับเบาะกลางลงเพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำให้ถึง 16 จุดรอบคัน มีแอร์สำหรับผู้โดยสารหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินรหัส 4A91 ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 และยังมี Mitsubishi Xpander Cross ให้เลือก ในราคา 919,000 บาท

All-New Toyota Veloz 2022

7. Toyota Veloz 1.5 Smart ราคา 795,000 บาท

All-New Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) เป็นรถ MPV รุ่นใหม่ที่ทาง Toyota นำมาขายทดแทนรุ่น Avanza นั่นเอง ซึ่งเปิดตัวไปในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ด้วยการชูจุดเด่น ดีไซน์ล้ำสมัย แบบฉบับ Premium Crossover ตามแนวคิดการออกแบบ “Proud Active” พื้นที่ภายในกว้างขวาง ปรับเบาะที่นั่งโดยสารได้ถึง 7 แบบ การขับขี่ที่มั่นคง อัตราเร่งดีเยี่ยม จาก Platform ขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ เจาะกลุ่มคนมีครอบครัว และกลุ่มธุรกิจ SME สมัยใหม่ ในราคาที่ง่ายต่อการเป็นเจ้าของ

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i 106 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ มอบอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.9 กม./ ลิตร ให้อัตราเร่งทันใจ ตอบสนองนุ่มนวล เงียบกว่าในทุกช่วงความเร็ว หยุดรถมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า

ระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS พร้อมฟังก์ชั่นเพิ่มเติม อาทิ ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control) ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert (LDA) With Steering Assist) ในรุ่น Premium

MG V80 / เอ็มจี วี80

8. MG V80 2.5 ราคา 988,000 บาท

MG V80 (เอ็มจี วี80) ถ้าใครจำแบรนด์ Maxus (แม็คซัส) ได้ ที่ทาง จะต้องนึกถึงเจ้า Maxus V80 (แม็คซัส วี80) ที่เคยนำเข้าจากจีนมาขายในบ้านเราเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 เพื่อหวังตีตลาดรถตู้แบบ MPV ให้กระจุยด้วยขนาดรถไซส์ยุโรปแบบฉบับอังกฤษ นั่งได้ตั้งแต่ 12 – 16 ที่นั่ง

กับการนำเสนอรถ Segment ใหม่อย่าง GPV (Grand Passenger Van) ขนาดกว้างใหญ่เหมือนมินิบัส บานประตูหลังขนาดใหญ่ แบบ Giant Swing แยก เปิด 2 บาน ด้านในตัวรถมีความสูงถึง 171 ซม. ทำให้ยืนได้สบาย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ทาง SAIC-CP ยังไม่ยอมแพ้ ในเดือนมีนาคม 2562 ได้เปิดตัว MG V80 สายพันธุ์ลูกครึ่งยุโรป-จีน ปรับที่นั่งใหม่เป็นขนาด 11 ที่นั่ง แถมลดราคาตัวรถลงมาอีก แต่ก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจากชาวรถตู้อยู่ดี

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ Eco-D ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร พร้อมระบบเทอโบชาร์จแปรผัน VNT Turbo (Variable Nozzle Vane Turbo) และ Intercooler 136 แรงม้า พร้อมชุดปั๊มแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงคอมมอนเรลของ Bosch ให้แรงดันสูงถึง 1,800 บาร์ มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ SeleMatic 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Toyota Innova Crysta / โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า

9. Toyota Innova Crysta 2.0 Entry ราคา 1,199,000 บาท

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) จัดเป็นรถ MPV ขนาดกลางยอดฮิตของคนมีครอบครัว คนขับรถโรงแรม หรือแท็กซี่ นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2559 จนถึงช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ดีไซน์รอบคัน ให้มีความโฉบเฉี่ยว ทันสมัย

ภายนอกมาพร้อมจุดเด่นใหม่ๆ ได้แก่ ไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว พร้อมระบบช่วยปิดประตูท้าย Door Easy Closer เป็นต้น

ส่วนภายในรถ มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay มีระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry กับระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start และกล้องมองภาพรอบทิศทาง Panoramic View Monitor

สำหรับรุ่นเริ่มต้น ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร 139 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลรหัส 1GD-FTV (High) ขนาด 2.8 ลิตร 174 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

Hyundai H-1 / ฮุนได เอชวัน

10. Hyundai H-1 Touring ราคา 1,329,000 บาท

Hyundai H-1 (ฮุนได เอชวัน) จัดเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ขายในบ้านเรามาอย่างยาวนานมาก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 สำหรับค่ายรถยนต์จากแดนเกาหลี Hyundai (ฮุนได) ซึ่งครองตลาดรถกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเลยทีเดียว

ด้วยตัวรถขนาดใหญ่ แต่นำเข้าจากอินโดนีเซีย ทำให้ราคาย่อมเยาว์กว่ารถประเภทเดียวกันแบรนด์อื่นๆ มาก และไม่ว่าจะให้ผู้บริหารนั่ง หรือให้คนในครอบครัวนั่ง … ได้หมด!

ด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซลรหัส D4CB Turbo คอมมอนเรล CRDi ขนาด 2.5 ลิตร ให้พลังขับเคลื่อนถึง 175 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด นุ่มนวล เกาะถนน และทรงตัวดี ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริง พร้อมจุดยึด 5 จุด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

**การจัดอันดับ หากเป็นรถ MPV รุ่นที่มีราคาเท่ากันในหลายยี่ห้อนั้น ทางเราจะจัดอันดับเรียงตามการเปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุด หรือการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ขึ้นเป็นอันดับแรก

10 อันดับ รถถูกสุดในไทย ปี 2022

ในยุคสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เมื่อคุณจะตัดสินใจออกรถใหม่ 2022 ไม่ว่าจะเพื่อมาใช้ในการเดินทาง ใช้ทำงาน หรือไว้ใช้งานในครอบครัว ให้ลูกขับไปมหาวิทยาลัย หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไปมากที่สุด

โดยคุณสมบัติต่างๆ ของรถนั้น ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจ และราคารถยนต์ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า จะเป็นรถยนต์ที่มีราคาถูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณภาพจะด้อยเสมอไป และต้องเป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงเป็นรถขายดี อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง ขายต่อเป็นรถมือสองก็ง่ายด้วย

ส่วนถ้าใครกำลังอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปออกรถใหม่มาใช้ ลองมาขายกับ CARRO Express ดูสิ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

ด้วยเหตุนี้ MR.CARRO จึงรวบรวมข้อมูลรถยนต์ใหม่ป้ายแดง รถใหม่ 2022 ที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน หลากหลายรูปแบบ 10 อันดับ ถูกที่สุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน.

Suzuki Celerio / ซูซูกิ เซเลริโอ้

1. Suzuki Celerio ราคา 328,000 บาท

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กในตระกูล Suzuki สำหรับตลาดเมืองไทย แม้ว่าจะขายมาหลายปี แต่ก็ยังได้รับความนิยม อัดแน่นคุณภาพ ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาที่สูง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร อีกทั้้งยังเป็นมาตรฐานใหม่ ของรถยนต์นั่งมาตรฐานโลก ส่งออกไปขายในเอเชียและยุโรปด้วย

TATA Super Ace Mint / ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์

2. TATA Super ACE Mint ราคา 375,000 บาท

TATA Super ACE Mint (ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์) รถบรรทุกขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ขนาดไม่เกิน 1 ตัน เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 1.4 ลิตร 70 แรงม้า รายแรกและรายเดียว ทรงพลังให้แรงบิดสูงสุด ในรอบเครื่องต่ำ ถือเป็นรถบรรทุกเล็กเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง

กระบะท้ายพื้นเรียบขนาดใหญ่ พร้อมเปิดได้ 3 ด้าน และวางเครื่องยนต์อยู่ใต้ที่นั่งคนขับ ทำให้พื้นที่กระบะท้ายยาวขึ้น เพิ่มพื้นที่บรรทุกและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่

Suzuki Carry / ซูซูกิ แครี่

3. Suzuki Carry ราคา 385,000 บาท

Suzuki Carry (ซูซูกิ แครี่) รถบรรทุกเล็กจอมพลัง เจเนอเรชั่นที่ 2 ภายใต้แนวคิด Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน ปรับโฉมใหม่หมดครั้งที่ 2 ตั้งแต่ผลิตรถรุ่นนี้นับตั้งแต่เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2549 กว่า 50,000 คัน เป็นรถขายดีในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงกลุ่มรถ Food Truck

มาพร้อมระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B 95 แรงม้า ประหยัดน้ำมันมากขึ้น มีระบบเบรก ABS ห้องโดยสารโทนสีเทาดำออกแบบใหม่ ใหญ่ขึ้น ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าช่วยลดแรงหมุนพวงมาลัยอีกด้วย และรับน้ำหนักได้มากถึง 945 กิโลกรัม

Nissan March / นิสสัน มาร์ช

4. Nissan March ราคา 420,000 บาท

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือได้ว่าเป็นรถ “Eco-Car” รุ่นแรกของไทยที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในปี 2553 โดยปรับราคาขึ้นไปบ้าง ณ ปัจจุบัน มียอดขายสะสมรวมได้หลายแสนคัน มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก แต่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร ขับขี่ก็ง่าย จอดรถก็คล่องตัว ราคาอะไหล่ไม่แพง คุ้มค่ามาก ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง

Mitsubishi Mirage / มิตซูบิชิ มิราจ

5. Mitsubishi Mirage ราคา 474,000 บาท

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ยิ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับโฉมใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน มาพร้อมกับออพชั่นใหม่ และอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกเพียบ

มาคู่กับขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ทั้งหรูและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

Mitsubishi Attrage / มิตซูบิชิ แอททราจ

6. Mitsubishi Attrage ราคา 494,000 บาท

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) โฉม Minorchange แต่งหน้าทาปากให้ดูสปอร์ตขึ้น ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mirage แต่ออกแบบเป็นรถ 4 ประตู ตัวรถภายในกว้างขวาง

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ขับง่าย คล่องตัว ออพชั่นเพียบ เหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหารถคันแรก เน้นความประหยัดคุ้มค่า

Nissan Almera / นิสสัน อัลเมร่า

7. Nissan Almera ราคา 509,000 บาท

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) จัดเป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู เครื่อง Turbo รุ่นแรกที่ออกมาในตลาด มีองค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า-ไฟท้าย ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (Kick-Up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) และภายในออกแบบใหม่หมด กว้างขวางมาก นั่งสบาย

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic แถมยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility

MG3 / เอ็มจี3

8. MG3 ราคา 519,000 บาท

MG3 (เอ็มจี 3) รถแฮทช์แบ็คหลากสีสันสดใส มิติใหม่ของความสนุกด้วยเอกลักษณ์ของ All-New MG3 ที่มาพร้อมนิยามใหม่ “WE ARE FUN” : มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถรองรับการสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมกับการอัพเดทฟังก์ชันใหม่บนแผนที่นำทางที่สามารถแนะนำร้านอาหาร และที่พัก พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร 112 แรงม้า ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode และยังจัดเต็มระบบความปลอดภัยอีกด้วย

Toyota Yaris ATIV / โตโยต้า ยาริส เอทีฟ

9. Toyota Yaris ATIV ราคา 539,000 บาท

Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) นับเป็นรถยนต์ Eco-Car Sedan ที่เป็นรถขายดีในบ้านเราอีกรุ่น นับตั้งแต่ปี 2560 และปรับโฉมครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน 2564 นี่เอง โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว กว้างขวาง ขับง่าย นั่งสบาย พร้อมฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FKE ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Super CVT-i ใหม่ พร้อม Shift Lock ขับขี่คล่องตัว ให้ความรู้สึกสนุกสนานในทุกการขับขี่ “Fun-To-Drive” พร้อมรองรับแก๊สโซฮอล์ E20

Mazda2 / มาสด้า2

10. Mazda2 Sedan / Hatchback ราคา 546,000 บาท

Mazda2 (มาสด้า2) นับเป็นรถยนต์ Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู ที่จำหน่ายในบ้านเรามาหลายปีอีกหนึ่งรุ่น นับตั้งแต่ปี 2558 และปรับโฉมครั้งล่าสุดมาในเดือนมกราคม 2565 เพิ่มอุปกรณ์ดีที่สุดในคลาส ขายราคาเท่าเดิม เพิ่มสีใหม่ Platinum Quartz (แพลตทินั่ม ควอตซ์) ทั้งในแบบ 4 ประตูและ 5 ประตู เอาใจลูกค้าเจนฯ ใหม่ ซึ่งยังติดอันดับรถขายดีในปัจจุบัน

ในรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ลิตร Skyactiv-G 93 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ให้ความคล่องตัว พร้อมให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงดีเยี่ยมถึง 23.3 กม./ลิตร ในรุ่นเบนซิน พร้อมรองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และ 26.3 กม./ลิตร ในรุ่นดีเซล

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ลองเลือกซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมกราคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

6 อันดับ รถเกียร์ธรรมดาที่ยังมีจำหน่ายในปีนี้

ถ้าจะให้พูดถึงการขับรถในปัจจุบัน เราต้องยอมรับว่า รถยนต์เกียร์ธรรมดา (ที่ไม่ใช่รถตู้ รถกระบะ หรือรถบรรทุก) ค่ายรถส่วนใหญ่มักเลิกผลิตกันแล้ว เนื่องจากตัวเลขยอดขายที่น้อยลงเรื่อยๆ ราคามือสองขายต่อตกมากกว่า อุปกรณ์มาตรฐานน้อย เพราะมักจะเป็นรุ่นเริ่มต้นเสมอ การใช้งานไม่เหมาะกับบรรยากาศรถติดๆ ในเมืองกรุงซะเลย ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ในไทย แต่เป็นแบบนี้ในหลายประเทศทั่วโลก

แม้ว่ารถเกียร์ธรรมดา จะทำให้บรรยากาศการขับรถของเราได้สนุกขึ้นมาบ้าง ขาซ้ายไม่ว่าง มือซ้ายไปสับเกียร์กันตลอด ซึ่งหลายคนก็อาจจะยังอยากสัมผัสอะไรแบบนี้กันอยู่

MR.CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 6 อันดับ รถเกียร์ธรรมดาป้ายแดง ที่ค่ายรถยังผลิตขายประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

Suzuki Celerio / ซูซูกิ เซเลริโอ้

1. Suzuki Celerio GL MT ราคา 328,000 บาท

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กจาก Suzuki ที่ขายในบ้านเรา ชู 3 จุดเด่น ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาตัวรถสูง ให้สมรรถนะเกินตัว ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม สูงถึง 22 กม./ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า และเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : กุญแจรีโมท, เซ็นทรัลล็อค, กระจกไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

Nissan March / นิสสัน มาร์ช

2. Nissan March 1.2S MT – 1.2E MT ราคา 420,000 – 480,000 บาท

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) จัดเป็น “Eco-Car” รุ่นแรกของไทยที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในปี 2553 มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ขับง่าย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : สปอยเลอร์หลัง, ไฟท้าย LED (เฉพาะรุ่น E), กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น E), เครื่องเสียง CD/MP3 พร้อมช่อง AUX/USB (เฉพาะรุ่น E), ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, กุญแจรีโมท (เฉพาะรุ่น E) และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ (เฉพาะรุ่น E)

Mitsubishi Mirage / มิตซูบิชิ มิราจ

3. Mitsubishi Mirage GLX MT ราคา 474,000 บาท

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน มาพร้อมกับออพชั่นใหม่ๆ และอุปกรณ์ความปลอดภัยเพียบ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้ายแบบ LED, มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast, จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ,ช่องต่ออุปกรณ์ USB และช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Mitsubishi Attrage / มิตซูบิชิ แอททราจ

4. Mitsubishi Attrage GLX MT ราคา 494,000 บาท

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mirage แต่ออกแบบเป็นรถ 4 ประตู ตัวรถดีไซน์สปอร์ต ภายในหรูหรา กว้างขวาง มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้ายแบบ LED, มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast, จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ,ช่องต่ออุปกรณ์ USB และช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Suzuki Ciaz / ซูซูกิ เซียส

5. Suzuki Ciaz GL MT ราคา 523,000 บาท

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) รถยนต์อีโคคาร์ 4 ประตูขนาดเล็ก ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ห้องโดยสารดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมากมาย ขับง่าย หาที่จอดง่าย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 86 แรงม้า และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, เครื่องเสียง CD/MP3 พร้อมช่องต่อ USB, กุญแจรีโมท, ที่เปิดฝาท้ายรถแบบไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และล้อกระทะ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Honda Jazz Thai 2021

6. Honda Jazz S MT ราคา 555,000 บาท

Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) รถยนต์หนึ่งเดียวของฮอนด้า ที่ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดาเหลืออยู่ ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ชูจุดเด่นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งปรับพับได้หลายรูปแบบ เหมาะอย่างยิ่งกับการใข้งานในเมือง ขนของก็ได้ มีออพชั่นแพรวพราว ขับง่าย มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E85 อีกด้วย ประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง ลงตัวสุดๆ

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้าย LED, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, กุญแจรีโมท, พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง, เครื่องเสียงวิทยุ, Bluetooth/USB/AUX, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และล้อกระทะ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

MR.CARRO หวังว่า 6 อันดับ รถธรรมดาป้ายแดงที่ยังมีผลิตขายอยู่ หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดง เกียร์ธรรมดาอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ก็มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ เราให้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express

หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังมองหารถเกียร์ธรรมดามาใช้สักคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถหารถเกียร์ธรรมดา และจองรถออนไลน์ได้ในเวลาเพียง 1 นาที เท่านั้น!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 6 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมกราคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

DFSK เทพนคร เปิดตัว DFSK Glory i-Auto ใหม่

สำหรับชื่อชั้นของ DFSK (ดีเอฟเอสเค) หรือ “Dongfeng” (ตงฟง) รถยนต์ชื่อดังจากจีนแดง หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันอยู่บ้านในช่วงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่มีการทำตลาดรถ “ฟู้ดทรัค” ในบ้านเรา ซึ่งก็ได้การตอบรับเป็นอย่างดี แต่ภายหลังก็ยุติการจำหน่ายรถไป เหลือแต่เพียงบริการหลังการขายอย่างเดียว

DFSK Glory i-Auto

ล่าสุด DFSK Thepnakorn ซึ่งเป็นดีลเลอร์รถยนต์ DFSK ใน จ.นครราชสีมา ได้แจ้งว่าจะสั่งนำเข้า DFSK Glory i-Auto (ดีเอฟเอสเค กลอรี่ ไอ-ออโต้) ใหม่ เป็นรถ Crossover SUV สัญชาติจีนแบบ 7 ที่นั่ง ซึ่งในตลาดจีนเองใช้ชื่อว่า Dongfeng Fengguang 580 (ตงฟง เฟิงกวง 580) เปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงปี 2016 ก่อนจะส่งรุ่นที่หรูกว่าอย่าง 580 Pro ตามออกมาในปี 2019

DFSK Glory i-Auto

ส่วนรุ่นที่ขายในไทยนั้น คาดว่าเป็นแบบเดียวกับในอินโดนีเซีย ในชื่อ DFSK Glory i-Auto ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020

มิติตัวรถยาว 4,680 มม. (ตัวรถยาวกว่า MG HS ที่ 4,574 มม. และ Haval H6 ที่ 4,653 มม.) กว้าง 1,845 มม. สูง 1,715 มม. และระยะฐานล้อ 2,780 มม.

DFSK Glory i-Auto

ตัวถังภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Infinite Starlight Design ชุดไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ส่วนไฟท้ายแบบ Full LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential, หลังคาแบบ Panoramic Sunroof ที่สั่งการเปิดได้ด้วยเสียง, ประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์เท้า, กล้อง 360 องศารอบคันรถ และล้อแม็กแบบสปอร์ตขนาด 18 นิ้ว เป็นต้น

DFSK Glory i-Auto

ส่วนภายในห้องโดยสาร ตกแต่งหรูหราพร้อมลายไม้ มาพร้อมด้วยหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมปุ่มสั่งงานบริเวณแผงคอนโซล, ระบบสั่งการด้วยเสียง i-Talk, เบาะหนังแท้ 7 ที่นั่ง พร้อมปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 6 ทิศทาง ด้านผู้โดยสาร 4 ทิศทาง, ปุ่มปรับเครื่องเสียงที่พวงมาลัย, เบรกมือไฟฟ้า, แอร์อัตโนมัติพร้อมแอร์ด้านหลัง, กล้องบันทึกภาพขณะรถวิ่ง และระบบความปลอดภัยมากมาย เป็นต้น

DFSK Glory i-Auto

ด้านขุมพลังมีขนาด 1.5 ลิตร ที่เสริมความแรงไว้ด้วย Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT บนน้ำหนักตัวรถ 1,510 กิโลกรัม

DFSK Glory i-Auto

DFSK Glory i-Auto ราคารถอยู่ที่ 899,000 บาท นำเข้ามาถึงไทยในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ครับ

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ถ้าจะให้พูดถึง “รถกระบะ” แล้ว ส่วนใหญ่มักจะนึกถึงรถที่สามารถใช้ขนของได้เยอะๆ คุ้มค่าในการทำธุรกิจ ใช้ในการเกษตร ขนผลไม้ ขนผลผลิตไปขาย หรือใช้ขนคน ไปทำงาน ไปพักผ่อนหย่อนใจกันได้ทั้งครอบครัว หรือจะไว้แต่งซิ่งก็ตาม

รถกระบะในตลาดรถ ก็มีให้เลือกในหลายประเภท อาทิ แบบตอนเดียว, แบบตอนเดียวยกสูง, แบบมีแค็บ, แบบ 4 ประตู หรือจะเป็นแบบ 2 ประตู กับ 4 ประตู ยกสูง หรือขับ 4X4 เป็นต้น

ราคารถกระบะก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า จะเป็นรถกระบะที่มีราคาถูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณภาพจะด้อยเสมอไป

MR.CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถกระบะถูกสุดในไทย ประจำปี 2021 เราเช็คราคาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

TATA-Xenon-Single-Cab-Giant-Heavy-Duty-CNG-Plus

1. TATA Xenon Single Cab Giant Heavy Duty CNG Plus ราคา 369,000 บาท

TATA Xenon (ทาทา ซีนอน) รถกระบะเรือธงจาก “TATA” ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากแดนภารตะ ที่เพิ่งประกาศเลิกผลิตรถยนต์ในไทยไปเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา “ซีนอน” เป็นรถกระบะที่ทาทาขายในไทยมานานนับสิบกว่าปี ชูจุดเด่นด้วยกระบะพื้นเรียบ เพลาท้ายแบบ Heavy Duty สามารถบรรทุกได้เต็มพื้นที่

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.1 ลิตร 101 แรงม้า CNG Plus แท้ ทั้งระบบ ประหยัดเชื้อเพลิงอย่างแท้จริง และมีความทนทาน พร้อมถังก๊าซขนาดใหญ่ 3 ถัง ความจุ 230 ลิตร อยู่ใต้พื้นกระบะ และส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

Isuzu-D-MAX-Spark-Cab-Chassis

2. Isuzu D-MAX Spark 1.9 Ddi Cab-Chassis ราคา 510,000 บาท

All-New Isuzu D-Max (ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์) พลานุภาพ…พลิกโลก! “Infinite Potential” “ยนตรกรรมที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทั้งภายนอกภายใน ปรับปรุงขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ แรงสะใจ พร้อม แพลตฟอร์มใหม่ ระบบความปลอดภัยใหม่ เทคโนโลยีใหม่ในทุกฟังก์ชั่น

ใช้เครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าสุด ขนาด 1.9 ลิตร บลูเพาเวอร์ Gen 2 รุ่น RZ4E-TC ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้พลังแรงสูงสุด 150 แรงม้า ค่ามลพิษต่ำสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด ทำให้ได้รับความนิยมและการตอบรับอย่างสูงจากผู้ใช้รถ

โดยในรุ่น Cab-Chassis สำหรับให้ผู้ประกอบการซื้อไปใส่ตู้แช่เย็น ตู้คนของ ใส่กระบะแบบพื้นเรียบได้ หรือจะไปดัดแปลงเป็นรถขายอาหารก็ได้เช่นกัน

*สำหรับรุ่น Cab Chassis (มีตู้เย็นท้าย) ราคา 515,000 บาท และ Cab Chassis เกียร์อัตโนมัติ ราคา 545,000 บาท

Ford Ranger Standard Chassis Cab 2019

3. Ford Ranger Standard Chassis Cab 2.2 XL 6MT ราคา 531,000 บาท

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) กระบะ “เกิดมาแกร่ง”รถกระบะสมรรถนะสูง พร้อมรับมือกับงานสุดหนักหน่วง การลากจูง การบรรทุก และออฟโรด เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้า และสามารถดัดแปลงเป็นตู้เก็บของเย็น หรือร้อนได้

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล TDCI เทอร์โบ 2.2 ลิตร 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Mitsubishi-Triton-Single-Cab

4. Mitsubishi Triton Single Cab 2.5D GL 5MT ราคา 539,000 บาท

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) แกร่งเต็มพิกัด ทนจัด บรรทุกจุใจ ผนังกระบะแบบสองชั้น เพื่อติดตั้งรั้วกระบะอย่างมั่นคงและแข็งแรง ซุ้มล้อขนาดเล็กได้เพิ่มพื้นที่บรรทุกสินค้าได้มากเป็นพิเศษ คุ้มค่าทุกการเดินทางและงานบรรทุก ภายในห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย ดีไซน์หรูมีระดับ

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร 128 แรงม้า สะดวกสบายด้วยกระจกไฟฟ้า และเซ็นทรัลล็อก

Toyota-Hilux-Revo-Standard-Cab-Chassis

5. Toyota Revo Standard Cab 2.4 Entry (ไม่มีกระบะ) ราคา 544,000 บาท

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) รุ่นมาตรฐาน ภายใต้แนวคิด TOUGHNESS FOR EVERYONE แข็งแกร่ง ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น มาพร้อมแบบหัวเดี่ยว (Cab & Chassis) ที่รองรับการติดตั้งเพิ่มเติม เช่น ต่อเติมตู้แห้ง-ตู้เย็น ต่อคอก และติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่าย T-Connect และ Fleet Telematics Service ระบบบริหารยานพาหนะและการขนส่งครบวงจร ช่วยให้การจัดการ และการทำธุรกิจขนส่ง มีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกทั้ง “พลังแกร่งเหนือนิยาม” หรือ “The Unbeatable” ถึงสมรรถนะพลังของเครื่อง GD Super Power ใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร ออกแบบมาเพื่อการบรรทุกอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงถึง 150 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด และประหยัดน้ำมัน รวมถึงระบบช่วงล่างที่แข็งแกร่งรองรับน้ำหนักบรรทุกได้อย่างดีเยี่ยม

All-New-Isuzu-D-Max-Spark-2019

6. Isuzu D-MAX Spark 1.9 Ddi B ราคา 547,000 บาท

All-New Isuzu D-Max (ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์)พลานุภาพ…พลิกโลก! “Infinite Potential” “ยนตรกรรมที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทั้งภายนอกภายใน รองรับงานหนักได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระบะท้ายขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มพื้นที่บรรทุกได้มากขึ้น ปรับปรุงขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ แรงสะใจ พร้อม แพลตฟอร์มใหม่ ระบบความปลอดภัยใหม่ เทคโนโลยีใหม่ในทุกฟังก์ชั่น

ใช้เครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าสุด ขนาด 1.9 ลิตร บลูเพาเวอร์ Gen 2 รุ่น RZ4E-TC ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้พลังแรงสูงสุด 150 แรงม้า ค่ามลพิษต่ำสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด ทำให้ได้รับความนิยมและการตอบรับอย่างสูงจากผู้ใช้รถ

All-New-Mazda-BT-50-2021

7. Mazda BT-50 Standard Cab 1.9 E ราคา 553,000 บาท

Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ฉีกทุกการออกแบบปิกอัพสไตล์เดิมๆ ด้วยแนวคิด “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ตามคอนเซ็ปต์ “Less is More” ผสานรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย ติดตั้งระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า มอบความสะดวกสบายเสมือนรถ SUV

สมรรถนะแกร่ง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลใหม่ ขนาด 1.9 ลิตร 150 แรงม้า ใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด รองรับน้ำมันได้ถึง B20 คุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กม./ลิตร!

Nissan Navara Single Cab 2021

8. Nissan Navara Single Cab 2.5 S 6MT ราคา 559,000 บาท

Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) โฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ที่สุดของรถปิคอัพ เพื่องานบรรทุกหนัก สุดยอดของความคุ้มค่า โดดเด่นด้วย “ที่เหยียบขึ้นกระบะด้านข้าง” ที่เพิ่มความสะดวกในการขนของที่ออกแบบอย่างลงตัว ช่วยให้คุณขนของง่าย สะดวกสบายยิ่งขึ้น หนักแค่ไหนก็เอาอยู่ กระบะท้ายบรรทุกหนักได้สูงสุด 1,090 กก.

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร 163 แรงม้า เพื่อให้คุณพร้อมลุยไปข้างหน้าได้ทุกสถานการณ์

New MG Extender Giant Cab 2021

*ภาพแทน

9. MG Extender 2.0 GC C 6 MT ราคา 559,000 บาท

MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) โฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” สมาร์ทปิกอัพที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดุดัน ทรงพลัง พร้อมเทคโนโลยีครบครัน ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่ กระบะท้ายใหญ่ เครื่องยนต์แรงเต็มพิกัด ประหยัดน้ำมัน ดีไซน์สวย เท่ พร้อมลุยได้ทุกสภาพถนน ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของชีวิต

นอกจากนี้ยังเป็นรถกระบะอัจฉริยะ หรือ Smart Pickup คันแรกของประเทศไทย จากการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART สามารถสั่งการ ด้วยเสียงภาษาไทย

แรงเต็มสูบ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อีกทั้งยังให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System ครบครัน

Ford-Ranger-XL-Standard

10. Ford Ranger Standard Cab 2.2 XL 6MT ราคา 562,000 บาท

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) กระบะ “เกิดมาแกร่ง” แกร่งเพื่อลูกเมีย ที่มามาดแข็งแกร่งแบบรุ่นพี่อย่าง “Ranger Raptor” จะขับลุยน้ำ บรรทุกของหนัก หรือขับบนพื้นทรายสูงชันก็ไม่หวั่น

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล TDCI เทอร์โบ 2.2 ลิตร 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถกระบะถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ก็ลองขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2564 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

**การจัดอันดับ เราจัดอันดับเพียงยี่ห้อละ 1 แบบ หากเป็นรถกระบะรุ่นที่เป็นแบบ Chassis Cab (แบบไม่มีกระบะหลัง) ทางเราจะจัดอันดับเป็นอันดับแรก และลำดับต่อมาจะเป็นรถกระบะรุ่นที่มีกระบะหลัง ที่ราคาถูกสุด

***กรณีตัวรถที่มีราคาเท่ากัน เราจะนำรถที่เปิดตัวล่าสุดขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก

10 อันดับ รถ SUV - PPV และ Crossover ในปี 2021 ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท!

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ SUV” (Sport Utility Vehicle) แล้ว ในบ้านเรานิยมกันหลายรูปแบบ เป็นรถที่เหมาะกับคนมีครอบครัวใหญ่ ไปไหนไปกันได้หลายคน เริ่มต้นตั้งแต่แบบ Crossover ซึ่งมาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle เป็นรถที่ประกอบชิ้นเดียวกันทั้งคัน ดูคล้ายกับรถเก๋งยกสูง เน้นความอเนกประสงค์ ตัวรถไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรืออาจลุยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับแบบ SUV แท้ๆ

สำหรับรถ SUV นั้น ก็ยังมีอีก 2 แบบหลักๆ ได้แก่ SUV แบบที่มีลักษณะเดียวกันกับรถแนว Crossover แต่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า ดูลุยกว่า มีที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง

และรถ SUV ที่มีพื้นฐานตัวรถเป็นแชสซีส์ แบบเดียวกับรถกระบะ หรือที่บ้านเรามักเรียกกันว่า “รถ PPV” หรือ Pick-up Passenger Vehicle แต่ปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยการใช้คอยล์สปริง ตัวรถมีขนาดใหญ่ นั่งได้ 7 ที่นั่ง สามารถวิ่งในเมือง หรือลุยในทางฝุ่น เข้าป่าฝ่าดงได้

แต่ด้วยงบประมาณของหลายคนเวลานี้อาจมีจำกัด เนื่องจากโดนวิกฤตโควิด-19 กันไปถ้วนหน้า ทำให้การเลือกรถใช้สักคัน ต้องคำนึงถึงราคา และความประหยัดกันมากขึ้น ดังนั้นรถที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จึงค่อนข้างเป็นตัวเลือกในตลาดที่มีเยอะมากที่สุด และมีให้ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งยังแบ่งออกไปได้อีกเป็นแบบ Part-Time หรือแบบ Full-Time เป็นต้น

CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ SUV – PPV และ Crossover ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ประจำปี 2021 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

All-New-Mazda-CX-8

1. Mazda CX-8 Skyactiv-D XDL (7 ที่นั่ง) ราคา 1,899,000 บาท

Mazda CX-8 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-8) ยืนหนึ่งในกลุ่มรถ SUV ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท (ถ้าเป็นรุ่น XDL Exclusive ราคาจะขึ้นไปอยู่ที่ 2,069,000 บาท) เพิ่งเปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา เป็น SUV ระดับ Premium แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ที่มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม >> Mazda สร้างความตื่นเต้น! เปิดตัว CX-8 ใหม่ ในราคา 1,599,000 – 2,069,000 บาท

All-New Mazda CX-8 ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด มาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีค่าไม่สิ้นสุด ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่งดงาม กับ Concept “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม จับกลุ่มลูกค้านักบริหารระดับสูง นักธุรกิจ เจ้าของธุรกิจ

ภายในหรูหราด้วยห้องโดยสารโทนสีเข้ม แต่งด้วยวัสดุแบบ Real Wood และสีเงิน Satin Chrome ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนัง Nappa (และหนังสังเคราะห์) สีแดง Deep Red พร้อมระบบเสียง Bose รอบทิศทาง กับลำโพง 10 ตำแหน่ง ที่มอบความสุนทรีย์ และระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว

เครื่องยนต์มาพร้อม 2 ทางเลือก ประกอบด้วย เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร (SKYACTIV-D 2.2) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ตอบสนองที่รวดเร็วแม่นยำยิ่งกว่าเดิม ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) 194 แรงม้า

และในรุ่น XDL Exclusive ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กม./ลิตร (รุ่น XDL 7 ที่นั่ง)

Mazda-CX-5-2019

2. Mazda CX-5 Skyactiv-G 2.5 Turbo SP ราคา 1,850,000 บาท

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) มาพร้อมกับ Concept “เป็นที่สุดในทุกบทบาท” Make All Chapters Remarkable นี้คือรถอเนกประสงค์ที่เป็นที่สุดในคลาส One Class Above ภายใต้การออกแบบ Kodo Design เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งในตัว Turbo รุ่น Top สุดของรุ่น เพิ่งจะเผยโฉมกันไปเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา

ภายนอกมาพร้อมล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว เฉพาะรุ่น ส่วนภายในตกแต่งด้วยวัสดุสุดประณีต ดุจงานศิลปะ พิถีพิถันทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ (Hand-Crafted Design) ใช้เบาะหนัง Nappa (และหนังสังเคราะห์) สีแดง Deep Red กับระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation และระบบเสียง Bose และลายไม้แบบ Real Wood รองรับการเชื่อมต่อ Application บนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect บนหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander

จัดว่าเป็นรถ SUV ที่เครื่องแรงทรงพลัง และขับสนุกมากที่สุดอีกคันหนึ่ง โดยใช้ขุมพลังขนาด 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) ที่ให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบ Turbo แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ตอบสนองรวดเร็วแม่นยำ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD

New-Toyota-Fortuner-Legender-2020

3. Toyota Fortuner 2.8 Legender 4WD ราคา 1,839,000 บาท

Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) สำหรับ ฟอร์จูนเนอร์ เองนั้น เพิ่งปรับโฉมล่าสุดไปเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ก็ยังเป็นรถอเนกประสงค์ยอดนิยมของคนไทย ทั้งในแบบรถใหม่ หรือรถมือสองก็ตาม โดยโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือน กรกฎาคม 2558 ภายใต้สโลแกน “Wisdom of a Leader” หรือ “สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ”

อ่านเพิ่มเติม >> เจาะจุดเด่น Toyota Hilux Revo 2020 และ Fortuner 2020 ใหม่ มีอะไรน่าสนบ้าง! พร้อมราคาและโปรโมชั่น

มาพร้อมความหรูหรามากขึ้น ล้ำสมัย ทั้งภายในและภายนอก ปรับกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน มีหลังคาสีทูโทนให้เลือก ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding มีกล้องมองภาพรอบคัน พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ ล้อแม็กขนาด 20 นิ้ว และระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลัง แบบไม่ต้องใช้มือสัมผัส

สำหรับรุ่น Fortuner ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร 150 แรงม้า ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power ใหม่ ในรุ่น Legender ได้พัฒนาให้มีแรงม้าสูงถึง 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบ/นาที

และเพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ในเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร

ในรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง

Ford-Everest-2021

4. Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 10AT ราคา 1,799,000 บาท

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) โฉมไมเนอร์เชนจ์อีกรอบนี้ เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ตัวรถมากับกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ตัวอักษรนูน “Everest” บนฝากระโปรงหน้า มือจับ กระจกข้าง และล้ออัลลอยใหม่ สำหรับรุ่น Trend มอบตัวเลือกสีภายนอกใหม่ สีขาว สโนว์ เฟลก ไวท์ เพิร์ล สำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ สำหรับรุ่น Trend, ไทเทเนี่ยม และไทเทเนี่ยม พลัส และสีน้ำเงินดีพ คริสตัล บลู สำหรับรุ่น Sport

ส่วนห้องโดยสารโทนสีดำ / สี Congac ใช้เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะแถว 3 พับไฟฟ้า และมีหลังคา Panoramic Moonroof ให้ กับระบบ Infotainment แบบ SYNC 3 ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว แสดงผลกล้องมองหลัง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และยังรองรับระบบจดจำเสียง และระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยด้วย

ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ที่ Everest จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ใหม่ แบบ Bi-Turbo แรงม้าสูงสุดมากถึง 213 แรงม้า ตัวเดียวกับใน Ranger Raptor พร้อมจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด กับระบบความปลอดภัยอย่างครบครัน

Peugeot-5008

5. Peugeot 5008 ราคา 1,759,000 บาท

Peugeot 5008 (เปอโยต์ 5008) ค่ายรถจากแดนน้ำหอม กลับมารุกตลาดในไทยอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา กับตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหม่ พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ด้วย Peugeot 5008 SUV 7 ที่นั่ง รถ SUV สุดสวยจากเปอโยต์ ที่ออกแบบโดย Gilles Vidal ที่หน้าตาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเขี้ยวสิงโต ส่วนไฟท้ายออกแบบเสมือนรอยเล็บของสิงโต Lion Claws พร้อมล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายในแบบ “i-Cockpit” สุดล้ำ ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal พวงมาลัยแบบทรงแบน ปาดด้านบนล่างออก ให้การมองทัศนวิสัยได้ดีขึ้น และมีตำแหน่งการขับที่ดีเยี่ยม และดีไซน์ร่วมสมัย เบาะแถว 2 ออกแบบให้เลื่อนได้ และพนักพิงปรับเอนได้ พร้อมประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า สามารถแหย่เท้าไปใต้กันชนหลัง เปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัส

ขุมพลังที่ใช้ เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส EP6FDT แบบ Direct Injection PURE TECH 4 สูบ Twin Scroll Turbo ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Quickshift มีโหมด M พร้อม Paddle Shift และโหมด Sport และระบบ Advanced Grip Control เปลี่ยนโหมดการขับสำหรับสภาพพื้นผิวต่างๆ ให้เลือกได้สะดวกด้วยปุ่มหมุน

Honda-CR-V-2020

6. Honda CR-V DT EL 4WD ราคา 1,759,000 บาท

Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี) ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 5 นับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2560 ก็ยังคงขายดีอย่งต่อเนื่อง จนกระทั่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนกรกฏาคม 2563 พรีเมียมขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทาง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC 173 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-DTEC Diesel Turbo 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด แบบ Shift by Wire (ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล) ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบขับล้อหน้า และขับ 4 ล้อ Real Time AWD

Suzuki-Jimny-2019

7. Suzuki Jimny (Two-Tone) ราคา 1,680,000 บาท

Suzuki Jimny (ซูซูกิ จิมนี่) เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ด้วยการนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ราคาจึงค่อนข้างสูง จัดว่าเป็นรถ Off-Road ขนาดเล็กที่มีกลุ่มแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นนับตั้งแต่ในยุคของรุ่น Caribian (คาริเบียน) โดยมาพร้อม Concept “Nobody But Jimny” ซึ่งซูซูกิได้ทุ่มเทศึกษาวิจัยและพัฒนารถยนต์ประเภทออฟโรดอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ปี 1970

แม้ตัวถังจะเหลี่ยมแบบรถออฟโรดยุค 80 แต่ก็เข้ายุคสมัยด้วยชุดไฟหน้า LED มีระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า ไฟท้ายแบบ LED ซุ้มล้อสีดำรอบคัน และล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว ภายในใช้วัสดุคุณภาพสูง เบาะปรับได้หลายรูปแบบ พื้นที่เก็บของด้านหลังมีหลายจุด และมีช่องจ่ายไฟสำรอง 2 จุด บริเวณคอนโซลหน้าด้านล่าง และที่เก็บของด้านหลัง

มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับแบบ Segment Display พร้อมระบบ Infotainment Suzuki Smart Connect เชื่อมต่อแบบไร้สาย พร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัย Suzuki Safety Support เป็นต้น

ขุมพลังเป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรืออัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมเกียร์ Transfer ในราคาเริ่มต้นที่ 1,580,000 บาท

New-Mitsubishi-Pajero-Sport-2019

8. Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT Premium 4WD ราคา 1,603,000 บาท

Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) เพิ่งเปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมานี้เอง มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหราและทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมปรับปรุงภายในห้องโดยสารใหม่ ด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปรับปรุงใหม่เพื่อง่ายต่อการอ่าน และประตูท้ายไฟฟ้าที่ใช่ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิด ด้วยสมาร์ทโฟน

มาพร้อมเครื่องยนต์ MIVEC Turbo Diesel ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด กับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

ส่วนถ้าใครอยากได้รุ่นตกแต่งพิเศษ Elite Edition ในตัวรุ่น Top สุด ก็เพิ่มเงินอีก 30,000 บาท (1,633,000 บาท) นะครับ

All-New-Isuzu-MU-X-2020

9. Isuzu MU-X 3.0 Ddi 4X4 Ultimate A/T ราคา 1,579,000 บาท

All-New Isuzu MU-X (ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์) โฉมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปในเดือนตุลาคม 2563 ครั้งแรกในโลกที่ไทย ยนตรกรรมอเนกประสงค์รุ่นใหม่หมดระดับ Masterpiece รุ่นล่าสุด ภายใต้นิยาม “เหนือทุกความเชื่อ…เหนือทุกความสำเร็จ (Originality Redefined)” พลิกโฉมใหม่ทั้งภายนอกจรดภายใน ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ประณีตในทุกรายละเอียด

มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ Isuzu Matrix Safety Intelligence ที่ครบครัน และเหนือกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera รวมทั้งพัฒนาสมรรถนะการขับขี่ให้นุ่มนวล มั่นคง ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 และ 3.0 Ddi Blue Power พร้อมทางเลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ พร้อมระบบขับเคลื่อน Rough Terrain Mode ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L

Peugeot-3008

10. Peugeot 3008 ราคา 1,559,000 บาท

Peugeot 3008 (เปอโยต์ 3008) ค่ายรถจากแดนน้ำหอม กลับมารุกตลาดในไทยอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา กับตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหม่ พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ด้วย Peugeot 3008 SUV 5 ที่นั่ง รถ SUV สุดสวยจากเปอโยต์ ที่ออกแบบโดย Gilles Vidal ที่หน้าตาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเขี้ยวสิงโต ส่วนไฟท้ายออกแบบเสมือนรอยเล็บของสิงโต Lion Claws พร้อมล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ตัวรถมีน้ำหนักเบากว่ารุ่น 7 ที่นั่งอย่าง 5008 ประมาณ 60 กิโลกรัม

ห้องโดยสารภายในแบบ “i-Cockpit” สุดล้ำ ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal พวงมาลัยแบบทรงแบน ปาดด้านบนล่างออก ให้การมองทัศนวิสัยได้ดีขึ้น และมีตำแหน่งการขับที่ดีเยี่ยม และดีไซน์ร่วมสมัย เบาะแถวสอง พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบายไม่อึดอัด และเบาะปรับเอนได้ พร้อมประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า สามารถแหย่เท้าไปใต้กันชนหลัง เปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัส

ขุมพลังที่ใช้ เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส EP6FDT แบบ Direct Injection PURE TECH 4 สูบ Twin Scroll Turbo ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Quickshift มีโหมด M พร้อม Paddle Shift และโหมด Sport และระบบ Advanced Grip Control เปลี่ยนโหมดการขับสำหรับสภาพพื้นผิวต่างๆ ให้เลือกได้สะดวกด้วยปุ่มหมุน

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถ SUV – PPV และ Crossover ในงบไม่เกิน 2 ล้านบาท น่าจะถูกใจ และเป็นตัวเลือกให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงตอนนี้ แต่ถ้าใครอยากหาเงินมาโปะรถคันใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ก็ลองขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถ SUV, รถ PPV, รถ Crossover และรถมือสอง ราคาไม่เกินสองล้านคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถ SUV, รถ PPV, รถ Crossover มือสอง หรือรถราคาไม่เกินสองล้านรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2564 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

10 อันดับ รถเกียร์ออโต้ป้ายแดง ราคาถูกสุด ปี 2021

ถ้าจะให้พูดถึงการขับรถในปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใหญ่ๆ มักเจอปัญหารถติดกันทุกวัน การจะขับรถเกียร์ธรรมดาขณะรถติดทุกวันนั้น สุขภาพเข่าซ้ายก็คงไม่สู้ดีนัก ต้องเหยียบคลัทช์กันจนขาล้าเลย และคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ ก็ขับรถเกียร์ธรรมดากันไม่ค่อยเป็นแล้ว …

รถเกียร์ออโต้ (หรือรถเกียร์อัตโนมัติ) ในอดีต มักจะเป็นรถราคาแพง หรือรถรุ่น Top ของรุ่นนั้นๆ … มาจนถึงยุคปัจจุบัน รถป้ายแดงเกียร์ออโต้ กลายเป็นของธรรมดาสามัญมาก มีให้เลือกในทุกรุ่น ไม่เว้นแม้แต่รถราคาถูก ก็มีให้คนออกรถใหม่เลือกซื้อกัน

MR.CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถเกียร์ออโต้ป้ายแดงราคาถูกสุด ประจำปี 2021 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

Suzuki-Celerio

1. Suzuki Celerio GL CVT ราคา 408,000 บาท

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กจาก Suzuki ที่ขายในบ้านเรา ชู 3 จุดเด่น ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาตัวรถสูง ให้สมรรถนะเกินตัว ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม สูงถึง 22 กม./ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : กุญแจรีโมท, เซ็นทรัลล็อค, กระจกไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

Nissan-March

2. Nissan March 1.2E CVT ราคา 495,000 บาท

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) จัดเป็น “Eco-Car” รุ่นแรกของไทยที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในปี 2553 มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ขับง่าย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, ไฟท้าย LED, สปอยเลอร์หลัง, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, กุญแจรีโมท, เบาะนั่งด้านหลังพับ 60:40, เครื่องเสียง CD/MP3 พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD และล้อกระทะขนาด 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

Nissan Almera Sportech

3. Nissan Almera Turbo E CVT ราคา 509,000 บาท

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) จัดเป็น Eco-Car ขนาด 4 ประตูรุ่นแรกของไทยที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน มาในรูปแบบ “เรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry” มีองค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า-ไฟท้าย ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (Kick-Up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof)

เครื่องยนต์สมรรถนะดี เร่งแซงได้ทันใจ ในรหัส รหัส HRA0 ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร และให้อัตราเร่งความเร็วสูงจากแรงบิดแบบต่อเนื่อง (Flat Torque) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ: ระบบเครื่องเสียง วิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth/USB/AUX-IN, กุญแจรีโมท, กระจกไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD/BA, เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC), เทคโนโลยีออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA), ระบบกุญแจ Immobilizer และล้อกะทะเหล็ก 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

New-Mitsubishi-Mirage-2020

4. Mitsubishi Mirage GLX CVT ราคา 509,000 บาท

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน มาพร้อมกับออพชั่นใหม่ๆ และอุปกรณ์ความปลอดภัยเพียบ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟ LED ที่กันชนหน้า, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED, ไฟท้าย LED, กุญแจรีโมท, เบาะนั่งด้านหลังพับ 60:40, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA

MG3

5. MG3 1.5C ราคา 519,000 บาท

MG3 (เอ็มจี3) จัดเป็นรถซิตี้คาร์ที่น่าใช้อีกหนึ่งรุ่น มารูปทรงสไตล์สปอร์ต ภายใต้แนวคิด Brit Dynamic น่าใช้ พร้อมออพชั่นที่ให้มากมายเกินคาด ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 112 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ: ไฟหน้าโปรเจคเตอร์, ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ, กระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว, ไฟท้าย LED, ไฟตัดหมอกหลัง, กุญแจรีโมท, ระบบ Bluetooth + ช่อง USB, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบควบคุมเบรกขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบควบคุมการทรงตัว SCS, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS, ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อลดเกียร์ต่ำฉับพลัน MSR, Follow Me Home Light, ระบบล็อคประตูอัตโนมัติ และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว

New-Mitsubishi-Attrage-2020

6. Mitsubishi Attrage GLX CVT ราคา 529,000 บาท

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mirage แต่ออกแบบเป็นรถ 4 ประตู ตัวรถดีไซน์สปอร์ต ภายในหรูหรา กว้างขวาง มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟ LED ที่กันชนหน้า, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED, ไฟท้าย LED, กุญแจรีโมท, เบาะนั่งด้านหลังพับ 60:40, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA

Nissan Note 2020

7. Nissan Note 1.2 E CVT ราคา 530,000 บาท

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) จัดเป็น “Eco-Car” เฟส 2 ที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2560 มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ขับง่าย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ให้แรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร เกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟหน้าแบบฮาโลเจน โปรเจกเตอร์, กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, ไฟท้ายแบบ Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED, คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ Piano Black, พวงมาลัยยูรีเทนทรงสปอร์ตปรับสูง-ต่ำได้ ตกแต่งวัสดุสีเงิน, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, มาตรวัด Analog แบบเรืองแสง Fine Vision Meter, มาตรวัดอัจฉริยะ Multi-Information Display (MID) แสดงผลข้อมูลการขับขี่, กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบด้านคนขับ, ระบบเครื่องเสียง วิทยุ CD/MP3 แบบ 1 แผ่น หน้าจอสี 5 นิ้ว พร้อม Aux-In/USB, ระบบเบรก ABS/EBD/BA, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC, ระบบออกตัวบนทางลาดชัน HSA, กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อม Immobilizer, ถุงลม SRS คู่หน้า และล้อแม็ก 15 นิ้ว

New-Toyota-Yaris-ATIV-2020

8. Toyota Yaris ATIV Entry ราคา 539,000 บาท

Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) รถยนต์อีโคคาร์ 4 ประตูขนาดเล็ก โฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ห้องโดยสารดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมากมาย ขับง่าย หาที่จอดง่าย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 92 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : วิทยุ พร้อม USB และ AUX, สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และโทรศัพท์ บนพวงมาลัย, กุญแจรีโมท, กระจกไฟฟ้า, ระบบเบรก ABS/EBD/ฺBA, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ถุงลมนิรภัย 7 ใบ และล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

Mazda2 Sedan Sports 2021

9. Mazda2 Sedan / Sports 1.3 E 2021 Collection ราคา 546,000 บาท

Mazda2 (มาสด้า2) แม้ว่าจะเปิดตัวขายกันมาหลายปีแล้ว แต่ Mazda ก็ยังคงปรับโฉม มาสด้า2 ให้สดใหม่อย่างต่อเนื่องทุกปี ราคาเดียวกันทั้งในรูปแบบ 5 ประตู Hatchback และ 4 ประตู Sedan ตัวรถดีไซน์สปอร์ต ภายในหรูหรา น่าขับ มาพร้อมเครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 1.3 ลิตร 93 แรงม้า รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟหน้า LED, ไฟหน้าปรับอัตโนมัติ, เบาะนั่งด้านหลังพับ 60:40, วิทยุ FM/AM/MP3/USB/AUX, ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC, ระบบช่วยออกตัวของรถบนทางลาดชัน HLA และระบบไฟสัญญาณฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS

New-Toyota-Yaris-2020

10. Toyota Yaris Entry ราคา 549,000 บาท

Toyota Yaris Hatchback (โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบค) รถยนต์อีโคคาร์ 5 ประตูแฮทช์แบค โฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ห้องโดยสารดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมากมาย ขับง่าย หาที่จอดง่าย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 92 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : วิทยุ พร้อม USB และ AUX, สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และโทรศัพท์ บนพวงมาลัย, กุญแจรีโมท, กระจกไฟฟ้า, ระบบเบรก ABS/EBD/ฺBA, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ถุงลมนิรภัย 7 ใบ และล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

New-Suzuki-Swift-2021

11. Suzuki Swift GA CVT ราคา 557,000 บาท

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) รถ Eco-Car รุ่นใหม่จากค่ายซูซูกิ ที่นำพาความสปอร์ตมาอย่างเต็มที่ ทั้งภายนอกและภายใน โดดเด่นด้วยมาตรวัดแบบสปอร์ต เบาะนั่งแบบสปอร์ต ช่องเก็บของมากมาย พร้อมพื้นที่เก็บของด้านหลังที่มากถึง 265 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 83 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ CVT

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้าย LED, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, กระจกไฟฟ้าคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control, ระบบ Idling Stop, เครื่องเล่นวิทยุ CD MP3/WMA/USB/AUX และล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถเกียร์ออโต้ป้ายแดงราคาถูกสุดที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check การันตีคุณภาพ รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2564 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รถตู้รุ่นถือได้ว่า ขายดีและขายได้มากที่สุดของ Toyota นั่นคือ … Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) และ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) ที่ได้รับความนิยม นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1967 ถึงปัจจุบันก็ 54 ปีพอดี ผ่านการขายมาแล้วถึง 6 เจเนอเรชั่น และยังเป็นที่นิยมของรถตู้ในบ้านเราอีกด้วย

สำหรับรถตู้ Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) และ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) จัดได้ว่าเป็นรถตู้ยอดนิยมในตลาดอันดับ 1 ก็ว่าได้ มีทั้งรถตู้ขนของ รถตู้รับจ้าง รถตู้รับ-ส่ง ผู้โดยสาร ซึ่งทนทาน ซ่อมง่าย ศูนย์บริการเพียบ อะไหล่มีพร้อมทั้งของแท้ ของเทียบ ของเทียม ของเก่า ไม่ต้องห่วง

ที่นี่เรามาดูกันครับว่า เช็คราคารถมือสอง (ประจำปี 2564) Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) และ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) ทาง CARRO ขอเสนอราคากลางเฉพาะรุ่น “หัวจรวด” จนถึงรุ่นก่อนรุ่นปัจจุบัน ที่ทาง Toyota เริ่มต้นขายรุ่นนี้มาตั้งแต่ปี 2532 – 2547 และ 2547 – 2562 นะครับ ไปเช็คราคากันได้เลยครับ!

Toyota Hiace โฉมปี 1989 – 2004

Toyota Hiace หัวจรวด

รุ่นปี 1989 – 1993

  • ตู้เบนซิน 2.0 ช่วงสั้น / ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 2.4 ช่วงสั้น / ช่วงยาว ราคามือสองโดยประมาณ 30,000 – 70,000 บาท
  • Hiace ตู้ Hi-Roof ดีเซล 2.4 ราคามือสองโดยประมาณ 50,000 – 90,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 1993 – 1996

  • ตู้เบนซิน 2.0 ช่วงสั้น / ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 2.4 ช่วงสั้น / ช่วงยาว ราคามือสองโดยประมาณ 50,000 – 100,000 บาท
  • Commuter ตู้ดีเซล 2.4 ช่วงยาว หลังคาสูง (LH125) ราคามือสองโดยประมาณ 80,000 – 150,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 1997 – 2000

  • ตู้เบนซิน 2.4 ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงยาว / ช่วงยาว GL ราคามือสองโดยประมาณ 60,000 – 150,000 บาท
  • Commuter ตู้ดีเซล 3.0 มาตรฐาน / หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 90,000 – 160,000 บาท
  • Super Wagon ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงสั้น ราคามือสองโดยประมาณ 100,000 – 150,000 บาท
  • Super Custom ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงยาว ราคามือสองโดยประมาณ 100,000 – 150,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 2001 – 2004

  • ตู้เบนซิน 2.4 ช่วงยาว – ตู้ดีเซล 3.0 ช่วงยาว / ช่วงยาว GL ราคามือสองโดยประมาณ -100,000 – 180,000 บาท
  • Commuter ตู้ดีเซล 3.0 มาตรฐาน / หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 120,000 – 180,000 บาท
  • Super Wagon ตู้เบนซิน 2.5 ราคามือสองโดยประมาณ 120,000 – 180,000 บาท
  • Grand Wagon ตู้เบนซิน 2.5 ราคามือสองโดยประมาณ 120,000 – 190,000 บาท

Toyota Hiace / Commuter โฉมปี 2004 – 2019

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter ทุกรุ่น

รุ่นปี 2004 – 2006 (Hiace / Commuter ประกอบในญี่ปุ่น)

  • ดีเซล 2.5 Eco ตู้ทึบ / ดีเซล 2.5 Eco / ดีเซล 2.5 GL ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 500,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 2.5 หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 600,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter / Ventury ทุกรุ่น

รุ่นปี 2006 – 2011 (Hiace ประกอบในมาเลเซีย)

  • ดีเซล 2.5 Eco ตู้ทึบ / ดีเซล 2.5 Eco / ดีเซล 2.5 GL ราคามือสองโดยประมาณ 350,000 – 500,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 2.5 หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 550,000 บาท
  • Ventury เบนซิน 2.7 V / G ราคามือสองโดยประมาณ 250,000 – 500,000 บาท
  • Ventury Majesty เบนซิน 2.7 ราคามือสองโดยประมาณ 380,000 – 550,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter / Ventury ทุกรุ่น

รุ่นปี 2012 – 2015 (Commuter ประกอบในไทย)

  • ดีเซล 2.5 Eco ตู้ทึบ / ดีเซล 2.5 Eco / ดีเซล 2.5 GL ราคามือสองโดยประมาณ 350,000 – 550,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 3.0 หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 300,000 – 760,000 บาท
  • Ventury เบนซิน 2.7 V / G ราคามือสองโดยประมาณ 480,000 – 730,000 บาท

เช็คราคารถมือสอง Toyota Hiace / Commuter / Ventury ทุกรุ่น

รุ่นปี 2015 – 2019

  • ดีเซล 3.0 Eco ตู้ทึบ ราคามือสองโดยประมาณ 400,000 – 550,000 บาท
  • Commuter ดีเซล 3.0 M/T – A/T หลังคาสูง ราคามือสองโดยประมาณ 500,000 – 900,000 บาท
  • Ventury เบนซิน 2.7 G – ดีเซล 3.0 V / G ราคามือสองโดยประมาณ 450,000 – 890,000 บาท

Toyota-Commuter-2019

Toyota Hiace / Commuter โฉมปี 2019 – ปัจจุบัน

  • ราคามือสองโดยประมาณ 920,000 – 1,050,000 บาท

หมายเหตุ:

ราคานี้ เป็นราคาต่ำสุด – สุดสุด โดยประมาณ ตรวจสอบ ณ เดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งตามหลักแล้ว ราคาประเมิน ราคารับซื้อจากผู้ประกอบการรถมือสอง อาจจะต่ำกว่านี้ หรือสูงกว่านี้ ก็ได้ ซึ่งแตกต่างไปตามคุณลักษณะของสภาพรถ ปีที่ออกรถ ปีที่จดทะเบียน หรืออุปกรณ์ตกแต่งที่มี รวมไปถึงพื้นที่ในการขายรถของแต่ละภูมิภาค และรุ่นย่อยในแต่ละรุ่น ซึ่งมีผลต่อค่าเฉลี่ยของราคารถมือสอง

ใครที่กำลังอยากได้รถตู้ Toyota Hiace (โตโยต้า ไฮเอช) หรือ Toyota Commuter (โตโยต้า คอมมิวเตอร์) รุ่นไหนอยู่ในใจ ลองคำนวณงบประมาณที่ตัวเองมี คำนวณเงินผ่อนและอัตราดอกเบี้ย ก่อนซื้อนะครับ จะได้ขับรถใช้งานได้อย่างมีความสุข และไม่กระทบเรื่องเงินในกระเป๋าตังค์ …

แต่ถ้าเงินไม่พอ! เอารถคันเดิมของคุณมาขายที่ CARRO สิ ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

4/10/2018